Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ - ตอนที่ 212
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวถูกปล่อยให้ตะลึงงัน
เด็กผู้นี้พูดอะไรกัน ?
จากสีหน้าของผู้อื่นที่อยู่ด้านข้างชายทั้งสอง ดูเหมือนว่าดวงตาของพวกเขาจะหลุดออกจากเบ้าและตกลงไปบนพื้นได้ทุกขณะ!
นั่นคือแปดยอดปรมาจารย์นะ และดูท่าทางที่นายน้อยสามจวินพูดกับเขาสิ หากยอดปรมาจารย์เกิดอารมณ์เสียขึ้นมา …. จะเกิดอะไรขึ้น ?
โลกกลับตาลปัตรไปแล้วอย่างนั้นหรือ ?
“ เอาละ ข้าจักไม่เผชิญกับความอัปยศนั้น ข้าไม่ต้องการสุราของเจ้า ข้าจะไม่ดื่มสุราของเจ้า แม้แต่จอกเดียว ข้าจักไม่ยอมรับเรื่องน่าขันนี้ของเจ้า และข้าจักไม่ดื่มสุราของเจ้าตราบจนวันตาย ! ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั่งลงไปบนเก้าอี้พรอ้มด้วยสีหน้าที่มัวหมอง
จริงๆแล้วข้าต้องการสุรานั่นนะ …
“ ข้าได้ยินมาว่า เจ้ามาถามหาข้า ? ”
จวินโม่เซี่ยยิ้ม
“ มีเรื่องอันใด ? ”
“ ผู้อาวุโสโง่เขลานั้นขอให้ข้ามาตามหาเจ้า เขาขอให้เจ้ารักษาชายผู้นี้ และมีเรื่องเล้กน้อยอีกนิดหน่อยที่เขาต้องการให้เจ้าทำ แต่เราค่อยพูดถึงมันทีหลัง ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเลือกคำพูดที่บรรยายถึง ยอดฝีมือลึกลับ จนเกือบทำให้จวินโม่เซี่ยหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
“ ขอให้ข้าพูดให้ชัดเจน การรักษาชายผู้นี้ข้าต้องเสียค่าใช้จ่าย และข้าจะไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย นั่นมิใช่สิ่งที่ดีในเรื่องกิจการ ”
จวินโม่เซี่ยส่ายหน้าด้วยท่าทางไม่เห็นด้วย
“ แล้วเหตุใดข้าถึงต้องรักษาเขา ? ”
“ เพราะว่าอาจารย์ของเจ้าบอกมา ! ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวมีโทสะเล็กน้อยในตอนนี้ แต่สุดท้ายเขาจึงเริ่มเข้าใจความหมายที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังคำเตือนของยอดฝีมือลึกลับ
“ เหตุใดเจ้าจึงคิดว่ามันมีความหมายอะไรบางอย่าง และเจ้ามาหาข้าเพียงเพราะเขาบอกเช่นนั้นหรือ ? เขานั้นคือเขา และข้าคือข้า เหตุใดข้าถึงต้องเชื่อฟังเขา ? ”
จวินโม่เซี่ยกรอกตา
“ เหตุใดข้าจึงให้เขามาบังคับข้าได้ ? ข้าไม่สามารถคัดค้านอะไรได้เลยเช่นนั้นหรือ ? ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจ้องเขม็งไปยังจวินโม่เซี่ย
ข้าไม่เคยเห็นศิษย์ที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน !
จากบัญญัติห้าประการ คำพูดของพ่อแม่ และอาจารย์ คือข้อบังคับ เมื่ออาจารย์มอบหมายงานแก่ศิษย์ ศิษย์จักต้องทำงานนั้นจนสำเร็จโดยไม่ปฏิเสธ !
ยิ่งไปกว่านั้น อาจารย์ของจวินโม่เซี่ยคือผู้ที่ควรค่าแก่การยกย่องนับถือ แม้ในสายตาที่ของผู้ที่หยิ่งทนงและมีความสามารถดั่งเช่นเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว !
หากผู้อื่นได้เป็นศิษย์ของอาจารย์ผู้นี้ คนผู้นั้นจะรับคำสั่งของอาจารย์ดั่งเช่นกฏสวรรค์ แต่ชายผู้นี้กลับทำตัวดั่งว่าเขานั้นดีเลิศกว่าอาจารย์ของเขา !
โลกนี้กลับตาลปัตรไปแล้วหรืออย่างไร ?
“ เหตุใดเจ้าจึงไม่พูดถึงข้อเสนอของเจ้าให้ชัดเจน ? ”
ขณะที่เขาเอ่ยประโยคนี้ขึ้น เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวรู้สึกราวกับเป็นลูกแกะในโรงฆ่าสัตว์
“ ข้าต้องการเขา ! และข้าต้องการให้เจ้ารับรองความปลอดภัย ! ”
จวินโม่เซี่ยยิ้มขณะที่ชี้ตรงไปยังไฮ่เฉินเฟิง
“ หากข้ารักษาอาการบาดเจ็บของเขา มันจึงมีค่าเท่ากับว่าข้าได้ช่วยชีวิตเขาไว้ ข้าต้งการให้เขาไปทำงานให้ข้าเป็นเวลาสามปี ! นั่นจะไม่มากไปในการตอบแทน ใช่ไหม ? ”
“ ข้าไม่สามารถให้คำสัญญาแทนตัวเขาได้ ! ชายผู้นี้คือสวรรค์เชวียน และหากพิจารณาจากอาจารย์ของเขาแล้ว เขาคือหนึ่งในผู้นำในรุ่นเดียวกัน ! ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวพยักหน้า
“ เจ้าจักต้องขอเขาในเรื่องนี้ ”
“ เจ้าถามเขาสิ ! ”
จวินโม่เซี่ยลดเปลือกตาลง ยกถ้วยชาขึ้นมา ตรงหน้าของเขา และดื่มลงไปอึกใหญ่
“ เจ้าสามารถใช้เวลาได้มากเท่าที่ต้องการ ข้าพอมีเวลาว่างอีกสองสามวัน แล้วข้าก็มิได้ใส่ใจ ”
จ้าอาจจะไม่เป็นกังวล แต่ข้ากังวล !
และในตอนที่เจ้าอ้อยอิ่งอยู่นี้ … เจ้าอาจจะมีเวลา แต่ชายผู้นี้กำลังจะตาย !
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวขบฟัน รู้สึกอยากจะคำรามออกมา
เด็กน้อย เจ้าจักต้องรักษาบาดแผลของเขา และเจ้าจักต้องคายความลับในการพัฒนาเคล้ดวิชาของข้า มิเช่นนั้นข้าจะทุบตีเจ้า ! เจ้าอาจจะเป็นศิษย์ของสุดยอดอาจารย์ แต่ข้าคือเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว แปดยอดปรมาจารย์ในโลกหล้า และข้าจักซ้อมเจ้าจนตาย นรก ข้าสามารถฝังเจ้าได้ตลอดเวลาที่ข้าต้องการ
มองดูสีหน้าอันหยิ่งผยองของเจ้าเด็กนี่สิ !
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวย่อลงไปบนพื้นเพื่อถ้ามไฮเฉินเฟิง แต่บังเอิญสายตาของเขามองเห็นไปใต้ชุดของจวินโม่เซี่ย …
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเกือบจะสำรอกออกมา
แม่เจ้า ! ดูไอจ้อนของเด็กผู้นี้สิ ! เขาคงไม่ได้เพิ่งจะถือกำเนิดออกมาใช่ไหม ? เจ้าเด็กหมา
แม้ว่าเขาไม่มีกำลังที่จะพูดออกมา แต่สายตาที่มั่นคงและหนักแน่นของไฮเฉินเฟิงนั้นมากพอที่ทำให้เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวรู้ว่าเขาไม่ยอมรับเรื่องเช่นนี้ หากเขาสามารถพูดได้ด้วยตัวเอง เขาคงจะพูดว่า
จะมีผู้ใดคาดว่า ยอดฝีมือเทพเชวียนจะก้มตัวลงไปรับใช้เด็กผู้นี้ถึงสามปีเพียงเพราะแค่เขาช่วยชีวิตผู้นั้น ? ข้าขอตายเสียดีกว่า
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวยังคงโน้มน้าว แต่ไฮเฉินเฟิงยังคงไม่ขยับตัว เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวดูเป็นกังวลและดูราวกับว่ามุมปากของเขาเริ่มมีฟองน้ำลายตลอดเวลา
“ การโน้มน้าวนั้นไม่อาจะโน้มน้าวเพียงปัจเจก ! เจ้าอาจจะเป็นแปดยอดปรมาจารย์ แต่ชื่อเสียงของเจ้านั้นเทียบไม่ได้กับการได้พบเจอเจ้าเป็นการส่วนตัว ”
นายน้อยจวินเอ่ยขึ้นด้วยความเหยียดหยาม
“ เอาละ ดูข้า ! ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวหลีกทางขณะที่จวินโม่เซี่ยเดินตรงมาหาไฮ่เฉินเฟิงและหยุดอยู่ข้างๆเขา ย่อตัวลง กระซิบสั้นๆไปยังหูของเขา เบาจนไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงของเขา
แววตาของไฮ่เฉินเฟิงเปล่งประกายขึ้นแม้ว่าการบาดเจ็ดของเขายังคงรุนแรง ที่เขายังรอดชีวิตอยู่ได้นั้นเพียงเพราะร่างกายที่แข็งแกร่ง และการรักษาเบื้องต้นที่จวินโม่เซี่ยนได้จัดการให้เขาก่อนหน้านี้เท่านั้น มิเช่นนั้นเขาคงจะตายไปนานแล้ว แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถพูดได้ในตอนนี้ แต่เขากลับพบว่าตัวเองมีพลังขึ้นมาอย่างน่าแปลก ในขณะที่ได้ยินคำพูดของจวินโม่เซี่ย และพูดขึ้นมาอย่างยากลำบาก
“ หากเป็นเช่นนั้นจริง จงลืมเรื่อง … สามปีนั่นไป ข้าจะติดตามเจ้า … ไปตลอดชีวิต ! ”
จวินโม่เซี่ยแสร้งทำท่าทางสูงส่ง ขณะที่เขายืนขึ้นอีกครั้ง และผายมืออกขณะที่ชำเลืองมองไปยังเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว
ดวงตาของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นเกือบจะถลนออกมาจากเบ้า ขณะที่เขาจะโกน
“ เจ้าเด็กน้อย เจ้าบอกอะไรกับเขา ? เจ้าวัวพยศนั่นถึงได้ยอมรับในทันที ? ศาสตร์มืดอันใดกัน ? ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวไม่อาจะเข้าใจได้ว่า คำพูดอันใดที่สามารถกระตุ้นไฮ่เฉินเฟิงให้ไม่ใช่แค่เพียงยอมรับในเรื่องนั้น แต่กลับทำให้เขามีพลังอย่างกระชุ่มกระชวนขึ้นมา จากสีหน้าของไฮเฉินเฟิง เขาสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าชายผู้นั้นจะติดตามจวินโม่เซี่ยตราบวันที่โลกต้องแตกดับ
“ อืมมม ความลับสวรรค์มิอาจเปิดเผย นายน้อยผู้นี้มิอาจคาดการณ์ แต่เจ้าสามารถคาดเดาได้ตามต้องการ ! ”
จวินโม่เซี่ยห่อปากขึ้นจนกลายเป็นรอยยิ้มที่น่ารังเกียจ
“ เจ้าบอกอะไรบางอย่างแก่เขา และข้าต้องการรู้ บอกข้าได้หรือไม่ ? ”
สีหน้าของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวงุนงง คอของเขาแดง ในขณะที่ปากอ้าค้างด้วยความตกตะลึง เขาพยายามโน้มน้าวไฮ่เฉินเฟิง แต่ชายผู้นั้นหยิ่งทะนงเกินไป แต่เมื่อจวินโม่เซี่ยกระซิบสั้นๆ ไฮ่เฉินเฟิงกลับยอมรับมันด้วยความตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่าชายทั้งสองนั้นมีบางอย่างที่แตกต่างกันอย่างมาก !
ทั้งสองคนนั้นเพิ่งจะได้พบกันครั้งแรกในวันนี้ แล้วเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
จวินโม่เซี่ยยิ้มอย่างลึกลับ ขณะที่เขาพูด
“ ข้าบอกเขาเพียงแค่หนึ่งประโยค ตราบใดที่เขาสามารถทำเช่นนั้นได้ ข้ารับประกันว่าความแข็งแกร่งของเขาจะพัฒนาไปถึงจุดที่สามารถเตะเหยี่ยวให้ร่วงจากฟ้าได้ ! ”
“ ชิส์ ! ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวโต้กลับมาอย่างโกรธา
“ คำพูดไร้สาระอันใดกัน ? ”
“ เพียงแค่นั้น และเขายอมรับ ”
จวินโม่เซี่ยกอดอกขณะที่เขายังคงยิ้มต่อไป
“ ดั่งอเวจี ! เขาสามารถฝึกปรือไปได้ทั้งชีวิต และเขาจะไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ! ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวมองไฮ่เฉินเฟิงด้วยความดูแคลน ไม่สามารถควบคุมเปลวแห่งโทสะในร่างซึ่งกำลังแผดเผากระเพาะอาหารของเขาไว้ได้
“ ข้าคิดว่า พวกเราควรจะรอดูมันด้วยตัวพวกเราเอง ! ”
จวินโม่เซี่ยเอ่อยขึ้นอย่างมั่นใจ
ขณะที่มองดูสีหน้าของจวินโม่เซี่ย เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจึงพบว่าเขาเองกำลังขาดความั่นใจ
เด็กผู้นี้สามารถทำได้ตามที่เขาพูดได้จริงหรือ ?
จวินโม่เซี่ยตรวจการบาดเจ็บของไฮ่เฉินเฟิงอย่างระมัดระวัง และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขันมาในทันใด
“ เขาดูเหมือนไม่ค่อยเจ็บปวด แต่การบาดเจ็บของเขานั้นเกิดขึ้นภายในมากกว่าภายนอก เกิดเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไรกัน ? อะไรทำให้เขาบาดเจ็บเช่นนี้ ? ”
เขาพูดขึ้นขณะที่เหลือบมองไปยังเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเพื่อร้องขอ
ใบหน้าของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวกลายเป็นสีแดง มากขึ้น แต่ด้วยร่องรอยแห่งความงุ่นง่ามที่ปกคลุมอยู่ ชายผู้นี้จึงพูดไม่ออก
“ เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน ? ”
น้ำเสียงของจวินโม่เซี่ยนั้นพยายามซ้ำเติมเขาอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่เขาเหลือบมองไปยังเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวด้วยความสงสัย
“ อย่าได้ถามข้า ! และหยุดพูดไร้สาระราวกับเด็กสาว ! ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวคำรามกลับด้วยโทสะ
“ รีบรักษาเขา ! ”
“ ฮี่ ฮี่ …. ”
จวินโม่เซี่ยยักไหล่อยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงแสดงสีหน้าจริงจัง
“ ยกเขาขึ้นมา และตามข้ามา ! ”
“ นี่เจ้าสั่งข้าหรือ ? ”
ดูราวกับว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวสามารถระเบิดอารมณ์ออกมาได้ตลดเวลา
“ เจ้าช่างกล้ามากเด็กน้อย ! ”
จวินโม่เซียมิได้สนใจเขาเลย ขณะที่เขาหันไปทางอื่น
“ หากเจ้าต้องการช่วยเขา เจ้าต้องยินดีที่จะอุ้มเขา หากผู้ใดแตะต้องตัวเขา ข้าจะโจมตีและสังหารเขาเสีย หากเจ้าอยากรู้ว่าข้าจริงจังแค่ใหน ลองพิสูจน์ได้ ! ”
ดวงตาของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ขณะที่มองดูจวินโม่เซี่ยหายออกไปจากโถง ในขระที่ผมของเขาลอยขึ้นไปในอากาศ เห็นได้ชัดว่ามีกระแสงแห่งโทสะก่อเกิดขึ้นมาในใจของเขา
เขาหันไปและพบว่า ผู้เฒ่าจวินและคนอื่นๆ หาได้ขยับตัวไปแม้แต่นิดเดียว และกำลังเฝ้าชมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่อย่างตื่นเต้น
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวกระทืบเท้าลงพื้นด้วยโทสะ ซึ่งส่งผลให้ทั่วทั้งโถงสั่นไหว ราวกับโถงนี้กำลังเกิดแผ่นดินไหว เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวประคองไฮ่เฉินเฟิงหลังจากที่ยินยอมทำตามจวินโม่เซี่ย และบอกได้ว่าชายใกล้ตายผู้นั้นมีความสุขอย่างมากจากความทุกขระทมของเขา
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวยิ้มอย่างหม่นหมองขณะที่กระซิบอย่างดุร้าย
“ ตอนนี้เจ้ามีความสุขหรือยังเด็กน้อย ? เจ้าเกือบตายแล้ว ดังนั้นจงรื่นเริงกับเวลาที่ยังมีอยู่ เพราะชีวิตของเจ้าแขวนอยู่บนเส้นด้ายแห่งความเป็นตาย ! ”
จากนั้นเขาจึงเดินออกไปจากโถง และตามหลังจวินโม่เซี่ยไป
ทุกคนในโถงสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้อย่างรุนแรง แม้แต่พื้นที่อยู่ใต้เท้าของพวกเขาก็ยังคงสั่นสะเทือนอยู่ ซึ่งทำให้จวินจ้านเทียน จวินวูอี้ และกวนดุงหลิวต้องขบฟัน
“ เขาช่างแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ! เพียงแค่การกระทืบเท้าเพียงครั้งเดียวนั้นมากพอที่จะสร้างพลังที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ได้ ช่างน่าอัศจัรรย์ ! ”
กวนดุงหลิวชื่นชมเสียงดัง แต่ความประหลาดใจของเขาหาได้เกิดจากความแข็งแกร่งไม่
“ ท่านผู้เฒ่า ท่านช่างโชคดีที่มีหลานชายที่ฉลาดหลักแหลมเช่นนี้ เขาสามารถปลอมแปลงความสัมพันธ์กับเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวและศิษย์แห่งอาจารย์สีครามได้ … สกุลจวินมีผู้สืบทอดที่มีค่ามากพอในการนำพาชื่อเสียงไปสู่ความมั่งคั่งและรุ่งเรือง เส้นทางแห่งชื่อเสียงของสกุลอยู่เพียงแค่เอื้อม ! ”
เขาเพิ่งเอ่ยบางอย่างที่คล้ายคลึงกันนี้ในตอนที่เขามาถึงพี่พำนักสกุลจวินเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ตอนนั้นเพียงแค่พิธีรีตอง แต่ในตอนนี้ ความหมายของคำต่างๆเหล่านั้นก่อเกิดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ และจวินจ้านเทียนและจวินวูอี้สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนจากสีหน้าของเขา
ปู่จวินลูบเคราพร้อมกับหรี่ตาลงเป็นรอยยิ้มที่ถ่อมตัว
“ พวกเราไม่คู่ควรกับคำพูดเหล่านั้นของนายท่านกวน ท่านเองยกย่องพวกเราเกินไป ฮ่าฮ่าฮ่า … ”
แม้ว่าเขาตอบกลับด้วยความถ่อมตัว แต่ร้อยยิ้มบนใบหน้าของเขานั้นกว้างจนเกือบจะถึงใบหู
หัวใจของกวนดุงหลิวสัมผัสได้ถึงร่องรอยแห่งการเหยียดหยามอย่างชัดเจน
ปากของเจ้ากว้างดั่งรอยยิ้มของฮิปโป เจ้ายังแสร้งถ่อมตัวอีก … ความหยิ่งทะนงและจองหองของเจ้านี่ช่างเหลือทนยิ่งนัก ….
จากนั้น กวนดุงหลิวจึงถอนหายใจ
เหตุใดลูกๆของข้าถึงหามีความสามารถนี้บ้าง ? เหตุใดพวกเขาจึงไม่มีโอกาสที่ดีเช่นนี้ ? อะไรที่พวกเขาควรจะทำเพื่อให้มีโอกาสที่ดีเช่นนี้ ? จะมีผู้ใดที่สามารถทำให้แปดยอดปรมาจารย์เชื่อฟังได้ด้วยท่าทางเช่นนี้ ?
ไม่ต้องพูดถึงการทำให้ชายผู้นี้เชื่อฟังพวกเขา หากแม้ลูกทั้งสองของข้าต้องมาเผชิญหน้ากับเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว พวกเขาอาจจะไม่สามารถที่จะกระซิบอะไรออกมาได้สักคำ และคงจะยืนตัวสั่นไม่สามารถก้าวไปใหนได้ … พวกเขาคงจะกลายเป็นคนพิการแทนที่จะได้ท่องเที่ยวไปด้วยความประมาทเช่นจวินโม่เซี่ย … หากพวกเขาสามารถแกล้งว่ามีความกล้าหาญเช่นนี้ได้ แต่กระนั้นพวกเขาเองก็ไม่สามารถแสดงมันออกมาได้ !
นี่คือระดับของพวกเขา … นี่คือพลังอำนาจของพวกเขา .. นี่คือผู้สืบทอดของพวกเขา …
นายท่านแห่งสกุลกวนความเพ้อฝัน
และโยนทิ้งไปจนหมดสิ้น ….