Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ - ตอนที่ 215
โทสะของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวพุ่งสูงเสียดฟ้า จากนั้นจึงเพ่งมองจวินโม่เซี่ยเงียบๆด้วยความสงสัยอยู่นาน ก่อนสุดท้ายเขากัดฟัน และถามด้วยน้ำเสียงที่ดุร้าย
” เจ้าหมายความว่าจะให้ข้าเป็นอันธพาลให้เจ้าอย่างนั้นหรือ ? ละทิ้งฝันหวานของเจ้าซะ ! หรือว่าเจ้าต้องการอะไรที่เป็นดั่งฝันร้าย ! เจ้าชั่วตัวน้อย เจ้ากล้าพูดเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ?! ”
” มิได้ มิได้ มิใช่ อันธพาล เจ้าเข้าใจข้าผิดไป ”
จวินโม่เซี่ย ตอบกลับพร้อมกับพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
” เจ้าเพียงแค่ต้องอยู่กับพวกข้าที่นี่ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำอันใดเลย แต่กระนั้น ข้ามีเพียงหนึ่งคำขอ …..”
” คำขออันใด ? จงซื่อตรง ! ”
อกของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวกระเพิ่มขึ้นลงด้วยโทสะ และอดที่จะคิดเตะก้นจวินโม่เซี่ยมิได้จริงๆ
” ในกรณีที่สกุลจวินต้องประสบกับอันตราย อย่างเช่น สกุลต้องเผชิญหน้ากับการกวาดล้าง … ”
น้ำเสียงของ จวินโม่เซี่ย จริงจังขึ้นทันที
” ข้าหวังว่าเจ้าจักช่วยพวกเราแก้ไขสถานการณ์เหล่านั้นในหนึ่งปีนี้ แต่ เมื่อสิ้นปีหนึ่งนี้แล้ว พวกข้าจะไม่รบกวนเจ้าอีก แต่กระนั้น ข้าเองไม่สามารถควบคุมในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในหนึ่งปีนี้ได้ ดังนั้น ข้าจึงไม่ขอสัญญาอันใด อย่างไรก็ตามมันเป็นเวลาเพียงแค่หนึ่งปี ”
” การฝึกฝน เคล็ดอินทรีย์แปลงกายก็จะต้องใช้เวลาเช่นกัน และ เจ้าจักต้องใช้พื้นที่เฉพาะ ! และเจ้ายังต้องมีคู่ฝึกฝน! ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าจะต้องการสิ่งจำเป็นเพื่อการอยู่รอดอีกด้วย “
จวินโม่เซี่ยพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง
” สิ่งเหล่านี้ … ข้าจักจัดหาให้เจ้า และในทางกลับกัน ข้าจะขอใช้ชื่อของเจ้า เพื่อรับรองความปลอดภัยของสกุลจวินเป็นเวลาหนึ่งปี เพียงเท่านั้น ! “
ใบหน้าอันเกรี้ยวกราดของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ครุ่นคิดช้าๆ ขณะที่ฟังคำพูดของจวินโม่เซี่ย
” ตราบใหที่เจ้ายอมรับ เจ้าจะกลายเป็นองครักษ์ที่น่านับถือที่สุดแห่งสกุลจวินในหนึ่งปีถัดมา สถานะของเจ้าในสกุลจวินนั้นสูงส่งยิ่งกว่าปู่ของข้า ! ไม่มีผู้ใด รวมถึงข้าที่จะสามารถออกคำสั่งให้เจ้าทำอันใดได้ และหากสกุลจวินไม่ต้องเผชิญกับวิกฤตใดๆในหนึ่งปีนี้ เจ้าก็สามารถจากไปได้พร้อมกับการยกย่องจากสกุลจวิน เนื่องจากพวกข้าเป็นหนี้เจ้าในเรื่องนี้ ! และเจ้าจะได้กลายเป็นวีรบุรุษในอนุสรณ์ของสกุลข้า ! ”
จวินโม่เซี่ย ต่อด้วยความกะล่อน
” ยิ่งไปกว่านั้น ข้าคาดว่าอาจารย์ข้าจักมาเยี่ยมเยียนพวกเราบ้างเป็นครั้งคราวในปีนี้ “
ประโยคหลังนี้เป็นดั่งไพ่ตายในการต่อรองกัยเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว !
ไม่ต้องเอ่ยถึงสิ่งอื่น การจัดหาพื้นที่เฉพาะ คู่ต่อสู้ และสิ่งจำเป็นพื้นฐานสำหรับการใช้ชีวิตนั้นมิใช่เรื่องยากสำหรับผู้ที่มีความสามารถเช่นนี้ แต่การค้นหาคำแนะนำจากยอดฝีมือระดับโลกนี้เป็นสิ่งที่ยากยิ่ง ! การได้พบกับคนเช่นนี้ แม้เพียงครั้งเดียวในชีวิตนั้นถือได้ ดั่งพรจากสรวงสวรรค์
” เอาละ เมื่ออาจารย์ของเจ้าและข้าเป็นเพื่อนกัน ข้า … “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเพ่งมองกลับไปยังจวินโม่เซี่ยด้วยความดุร้าย
” ข้าสัญญา ! “
” ประเสริฐยิ่งนัก ! ”
จวินโม่เซี่ย ห่อปากเป็นรอยยิ้มกว้าง
” จะเป็นเช่นไรหากพวกเราไปยัง ทะเลสาปหมอกวิญญาณ และทำข้อตกลงกันด้วยความบรรเทิงยามค่ำคืน ? ”
” เจ้ามันตัวเงินตัวทอง ! ”
โดนเตะ และ จวินโม่เซี่ย พบว่าตัวเขาเองกำลังเต้นไปในอากาศราวกับนักกายกรรม…
จวินโม่เซี่ย วางแผนเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น และรู้สึกราวกับสวรรค์อยู่ข้างเขาตั้งแต่เขาเฝ้ามอง เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ในป่าเมเปิ้ลอีกครั้ง
แม้ว่าการจูงใจสัตว์เชวียนทั้งสองนั้นจะเพียงพอในการกำจัดปัญหาของคฤหัสน์ฉือฮั่นในตอนนี้ แต่คฤหัสน์ฉือฮั่นนั้นยิ่งใหญ่อย่างมาก ยิ่งไปกว่านี้ ผู้อยู่เบื้องหลังของพวกเขานั้น ตัวเขาเองยังไม่รู้จัก ซึ่งยิ่งทำให้พวกเขาอันตรายมากขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะต้องถอยไปหลังจากลูชายของ ลีจื้อเทียน พิการพวกเขาสามารถกลับมาได้ทุกเมื่อเนื่องจากเด็กหนุ่มผู้นั้นสามารถแต่งงานได้ แม้ว่าเขาเองกำลังจะเข้าไปสู่วังยมบาลแล้วก็ตาม ทำให้ คฤหัสน์ฉือฮั่น สามารถหวนลุกขึ้นมาได้ทันเวลา
ดังนั้น จวินโม่เซี่ย จึงต้องการปกป้องสกุล และเขาต้องการผู้ปกป้องที่สมบูรณ์แบบ
ยิ่งไปกว่านั้น หากปัญหาของ คฤหัสน์ฉือฮั่น ได้รับการแก้ไขแล้ว เขาเองก็มิอาจะละเลยความจริงที่ว่า ผู้อาวุโสทั้งสามแห่ง เมืองพายุหิมะขาว นั้นยังอยู่ในอาณาเขตเมื่องเทียนเชียง ด้วยความเกลียดชังของเขาและจวินวูอี้ เซี่ยวฮันไม่ชอบที่จะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปได้ เห็นได้ชัดว่านี่คือการแข่งขันระหว่าง หอมณีวิจิตร และ สกุลจวิน ซึ่งทำให้เกิดความวุนวายอย่างแน่นอน หากฝ่ายตรงข้าม ไม่สามารถทำลายล้างสกุลจวินลงได้ พวกเขาก็ยังคงมี ความแข็งแกร่ง และอำนาจมากพอที่จะสร้างความอัปยศให้แก่พวกเขา จากทั้งหมดที่พูดมา ปู่จวิน คือผู้ที่มีความสำคัญที่สุดในเมือง และมันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะทนต่อการเหยียดหยามในช่วงชีวติของเขานี้ !
จวินโม่เซี่ย จึงได้รับเอาเรื่องเหล่านี้มาจัดการ ในความเป็นจริง เขามักกังวลในเรื่องของ เมืองพายุหิมะขาว และมิใช่ คฤหัสน์ฉือฮั่น จากทั้งหมดนั้น คนของ เมืองพายุหิมะขาว เข้าใกล้สกุลจวินอย่างมาก และหากพวกเขาเคลื่อนไหว สกุลจวินไม่มีผู้ใดที่จะสามารถรับมือกับความแข็งแกร่งระดับเทพเชวียนได้
ดังนั้น เขาจึงต้องหาทางออก และเวลาของเขากำลังจะหมดลง
เดิมทีเขาประสงค์จะใช้ความรู้ด้านการรักษาของเขา เพื่อ ฟื้นฟู ไฮ่เฉินเฟิง ในเวลาอันสั้น และแสดงฝีมือเพื่อเย้ายวนความอยากรู้อยากเห็นของเขา และจากนั้นจึงค่อยๆเพิ่มมันขึ้นอย่างช้าๆ ขณะที่พิสูจน์แล้วว่า ฝีมือของ อาจารย์ลึกลับสามารถ ยกสถานะของจวินโม่เซี่ยในสายตาของ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ได้
อย่างไรก็ตาม แผนการของสวรรค์มันจะมาแทนที่ของเราเสมอ และสุดท้ายเขาต้องพบกันสถานการณ์ที่ทำให้เขาต้องบรรลุ และทำให้เขาหมดหนทาง จึงจำเป็นต้องเลือกตัวเลือกที่สองที่ยังเหลืออยู่ เมื่อไม่มีตัวเลือกอื่น เขาจึงต้องหนีลงใต้ดินแล้ว่างแผนการทุกสิ่งอีกครั้ง
เนื่องจากจวินโม่เซี่ยได้ทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ทุกอย่างสำเร็จตั้งแต่ต้นจนจบ จึงถือได้ว่าจุดประสงค์เริ่มแรกของเขานั้นลุล่วงไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจาก เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ได้รู้เห็นในเรื่องที่สกุลจวินได้จัดหา สมุนไพรล้ำค่าบางอย่างเพื่อเพิ่มระดับความแข็งแกร่งของคนในสกุล ผู้ที่มีความทะเยอทะยานเช่นเขาจึงไม่นิ่งเฉย
ดังนั้น ในเวลาที่เขาได้พบกับการประลองในป่าเมเปิ้ล นายน้อยจวินจึงตระหนักได้ว่าเขาสามารถวางแผนเพื่อแก้ไขปัญหาของเขาได้ภายในการลงมือเพียงครั้งเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ความสำเร็จในแผนการของเขาจะส่งผลอันยิ่งใหญ่ในอนาคต …
นับจากเวลานี้ไป นายน้อยจวิน จะยกระดับสถานภาพของสกุลจวินขึ้นจากสถานการณ์วิกฤษนี้ ในตอนนี้เขาเจตนาจะใช้ช่วงเวลาในปีต่อไปนั้นในการพัฒนาความแข็งแกร่งและอิทธิพลของสกุลจวินให้สูงส่ง !
เรื่องราวกทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่ นายน้อยจวิน คิดคำนวนไว้อย่างระมัดระวัง ตั้งแต่เขาเร่งกระบวนการแข่งขันเพื่อแย่งชิงแกนเชวียน ในท้ายที่สุด เขาก็ได้บรรลุเป้าหมายสูงสุดของเขาแล้ว !
….. …..
นายน้อยจวิน กำลังมีความสุขอย่างมากเนื่องจากสิ่งที่เขาพยายามอย่างรอบคอบได้สำเร็จผล แต่บรรยากาศภายใน หอมณีวิจิตรนั้นปกคลุมไปด้วยม่านหมอกแห่งความหม่นหมอง
” เกิดอะไรขึ้น ? ”
ผู้วุโสทั้งสาม มูซื่อทง และ เซี่ยวฮั่น กำลังนั่งถกถึงเรื่องสำคัญบางอย่างมา ด้วยการแสดงท่าทีซื่อตรงและบริสุทธ์ของ เซี่ยวฮั่น และ มูซื้อทง โดยเฉพาะ มูซื้อทง ที่แสดงออกมาได้ตรงกันข้ามกับความหยิ่งทะนงและหัวรั่นดั่งที่จวนสกุลจวิน เนื่องจากเขาแสดงท่าที่ดั่งเช่นเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาและสุภาพต่อหน้าผู้อาวุโสทั้งสาม
พวกเขาทั้งห้า เป็นตัวแทนจาก เมืองพายุหิมะขาว และมายัง เมืองเทียนเชียง เพื่อทำการค้า มันจึงเป็นเรื่องปกติที่คนธรรมดาดั่งเช่นคนของ หอมณีวิจิตร ไม่ได้อยู่กับพวกเขาได้ ในเวลาเช่นนี้ พวกเขาต้องเผชิญกับความประหลาดใจอย่างมากเมื่อ องค์หญิงน้อยมุ่งหน้ามายัง โถงสนทนา พร้อมกับแบกร่างครึ่งเป็นตายของ เซี่ยวเฟิงวูมาด้วย แม้ว่าผู้ทีอ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาคือยอดฝีมือ สวรรค์เชวียน แต่คนเหล่านั้นตื่นตระหนกเมื่อได้เห็นสภาพและความรุนแรง ขอการบาดเจ็บของ เซี่ยวเฟิงวู
พวกเรารู้อย่างชัดเจนว่า เซี่ยวเฟิงวู และ องค์หญิงน้อย ต้องการออกไปภายนอก หอมณีวิจิตร ดว้ยตัวพวกเขาเองตามคำชักชวนของ องค์หญิงน้อย เนื่องจากสกุลอันทรงพลังต่างๆได้ออกไปจากเมืองแล้วหลังจาก แกนเชวียนถูกช่วงชินไปโดยคนลึกลับ และภายในเมืองก่อเกิดความสงบขึ้น ดังนั้นพวกเขาทั้งห้าจึงอนุญาติให้ เด็กทั้งสองออกไปเที่ยวเล่นรอบๆเมืองได้ โดนที่เกรงกลัวว่าพวกเขาจะต้องจบลงด้วยการถกเถียงกับองค์หญิงน้อย
ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากสถานการณ์ในเมือง กลับคืนสู่ปกติอย่างรวดเร็ว หนุ่มสาวระดับยอดฝีมือเชวียนทองนี้ก็ถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือระดับหนึ่งในเมืองธรรมดาเช่นนี้ และรับประกันได้ว่าความชั่วร้ายจะละเลยพวกเขา สิ่งที่เกิดขึ้นคือเซี่ยวฮั่นมีความสุขอย่างมากที่ได้เห็นหลานของเขาเติบโตเคียงข้างองค์หญิงฮั่นหยานเมิง
แต่กระนั้นพวกเขาไม่ได้คาดว่าการออกไปภายนอกของพวกเขาทั้งสองนี้จะต้องจบลงด้วยการที่ เซี่ยวเฟิงวู ถูกโจมตีกลับมาจนเกือบตาย การบาดเจ็บที่สามารถมองเห็นได้ของเขานั้นรุนแรงอย่างมาก แต่มันมิใช่สิ่งที่ทำให้สถานการณ์นี้น่าตกใจ เสื้อผ้าของ เซี่ยวเฟิงวู ฉีกขาดจน ด้านล่างของเขาเกือบจะโป้เปลือย ยิ่งไปกว่านั้น เกราะป้องกันของเขาได้รับการกระชากออกไปจากร่าง เซี่ยวเฟิงวูเป็นสมาชิคระดับสูงในเมืองพายุหิมะขาว และพวกเขาไม่รู้เลยว่าผู้ใดเกลียดชังเด็กหนุ่มผู้นี้จนถึงขั้นต้องฉีกทึ่งเสื้อผ้าของเขาออก !
ฮั่นหยานเมิงประหลาดใจอย่างมาก เมื่อได้เห็นว่าพวกเขาทั้งห้ากำลังรอพวกเขาอยู่ แต่เมื่อได้เห็นคนที่เจ้ารักปฏิเสธ ความกลัวในหัวใจนางจึงระเบิดขึ้นมาแทน และนางจึงวิ่งเข้าไปสู่อ้อมแขนของ ผู้อาวุโสสาม กระทืบเท้า ร้องไห้ และ สะอื้น เด็กสาวผู้นี้เป็นสมบัติล้ำค่าของพวกเขา จนพวกเขาไม่ปล่อยให้อันตรายใดๆเข้าใกล้นางเลยทั้งชีวิต แต่วันนี้ ผู้อาวุโสสามต้องตบหลังเพื่อปลอบประโลมนาง โทสะของเขาพุ่งสูงเสียดฟ้า !
ผู้ใดกล้ามาตอแยองค์หญิงน้อยแห่ง เมืองพายุหิมะขาว ?! แม้แต่อาจารย์ของพวกเรา ฮั่นเฟิงฉือ ไม่เคยหยาบคายต่อเด็กผู้นี้ เพราะกลัวถึงความเกรี้ยวกราดของนาง ! ข้าไม่เคยคิดว่า สิ่งมีชีวิตใดในเมืองเทียนเชียงจะมีความสามารถทำเช่นนี้กับนางได้ !
ยิ่งกว่านั้น เขาเห็นรอยฝ่ามือบนใบหน้าของนางได้อย่างชัดเจน เมื่อเขาไม่สามารถลปอบประโลมนางได้สำเร็จ สุดท้ายน้ำตาจึงหลั่งไหลเติมเต็มอยู่ในหัวใจของเขาด้วยสุดแทสโศกเศร้าผสมรวมกับโทสะของเขา
ชายทั้งห้าแอบมองและขมวดคิ้วขณะเห็นการบาดเจ็บของ เซี่ยวเฟิงวู
” ความแข็งแกร่งของปราณเชวียนของเขายังคงไม่ลดลง แม้ว่าร่างของเขาได้รับบาดเจ็บที่รุนแรงเช่นนี้ “
ผู้อาวุโสเก้า เข้ามาใกล้ เซี่ยวเฟิงวู และวางมือลงไปบนร่างของเด้กหนุ่มเพื่อส่งปราณเชวียนของเขาไปฟื้นฟูการบาดเจ็บของเด็กหนุ่ม แต่กลับต้องขมวดคิ้วเมื่อได้เห็นปราณปราณที่เหลือของเขา
อีกสี่คนที่เหลือประหลาดใจเช่นเดียวกันเมื่อได้รู้ถึงสิ่งนี้ แต่ องค์หญิงน้อยยังคงร้องไห้และสะอื้นต่อไป ไม่เข้าใจถึงความหมายในประโยคนี้เลย จึงทำให้นางถามอย่างสะอึกสะอื้นด้วยความอยากรู้
” ท่านหมายถึง … จากการต่อสู้หรือ ? ”
” นี่มิใช่ ผลของปราณเชวียน ผู้โจมตีนั้นใช้เพียงพลังบริสุทธ์เพื่อทำสิ่งนี้ ! “
ผู้อาวุโสสามมองไปยังร่างของเด็กหนุ่มอย่างระมัดระวัง และพูดด้วยสีหน้าตึงเครียด
” จากการบาดเจ็บของเขา ข้าคาดว่าเด็กผู้นี้คงจะตายไปแล้วเก้าครั้ง หารผู้โจมตีใช้ปราณเชวียนของเขา ดูเหมือนว่า กระบวนท่าของคนผู้นี้น่าเกรงกลัวอย่างมาก แต่พวกเขาทำลงไปเพียงแค่ความเกลียดชัง “
พวกเขาทั้งห้า ขมวดคิ้วพร้อมกันเมื่อได้รู้ว่า ผู้ที่แข็งแกร่งกว่า เซี่ยวเฟิงวู มากนักที่โจมตีเขาอย่างรุนแรง ความจริงแล้ว พวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า คนผู้นี้จะต้องอยู่ในระดับเชวียนหยกเป็นอย่างน้อย แต่อาจจะเหนือกว่านั้น เนื่องจาก เซี่ยวเฟิงวู นั้นมีฝีมือค่อนข้างดี ซึ่งหมายความว่า ยอดฝีมือเชวียนหยกธรรมดานั้นมิอาจโจมตีเขาได้รุนแรงเช่นนี้ แม้ในความจริงที่ว่า เสื้อผ้าของเด็กถูกถูกฉีกทึ้งออกไป และความจริงที่ว่าเกราะของเขาถูกดึงออกไปโดยไม่มีความรุนแรงทิ้งไว้ จึงเห็นได้ชัดว่าคนผู้นั้นต้องแข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาคาดการเอาไว้มา !
อย่างไรก็ตาม หากเป็นเช่นนี้ มันมักจะเป็นการแก้แค้นมากกว่าเหตุอื่น !
” องค์หญิงน้อย เจ้าอย่าได้กังวลไป เขาค่อยๆหายใจ ตอนนี้เจ้าปลอดภัยแล้ว บอกเราว่าเกิดอะไรขึ้นช้าๆ … “
มูซื้อทง เอ่ยขึ้น