Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ - ตอนที่ 230
( พายุหิมะขาว = พายุหิมะสีเงิน )
จวินโม่เซี่ยหมดความอดทนหลังจากได้พบเห็นว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวกำลังหลงตัวเองขนาดหนัก ด้วยเหตุนี้เขาจึงถามคำถามที่เขาต้องการคำตอบมากที่สุด
ดูเหมือนว่าคนผู้นี้ไม่เข้าใจว่า การเปรียบเปรยคืออะไร จริง ๆ ! การเปรียบเปรยในทางอ้อมนั้นเป็นการสูญเสียพลังงานอย่างไร้ค่า เนื่องจากมันยากที่จะเข้าใจ … มันจะดีกว่าหากจะพูดตรง ๆกับเขา
” ผู้ใดบอกเจ้าเรื่องเทพเชวียน ? ว่ามันคือระดับที่สูงที่สุด ? ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว กระพริบตาสองครั้งขณะเพ่งมองไปยังจวินโม่เซี่ยด้วยความไม่พอใจ เขากำลังง่วนอยู่กับการคิดถึงการเอาชนะก๊กสองก๊กที่ทรงพลังที่สุดในโลก ราวกับวีรบุรุษผู้กล้าหาญ แต่ทันใดนนั้น เขาได้รับการขัดจังหวะจากคำถามของจวินโม่เซี่ย ราวกับทหารที่ถูกพักรบ
” ผิดแล้ว ! เทพเชวียนนั้นสูงที่สุดได้อย่างไร ? มันเป็นเรื่องน่าขันยิ่งนัก ! ”
” โอ้ .. เช่นนั้น .. ยังมีขั้นที่เกินกว่าเทพเชวียน ? ขอให้ข้าได้เรียนรู้จากประสบการณ์ และความรู้อันมากมายของเจ้า “
แม้นจวินโม่เซี่ยจะแกล้งไม่รู้ เขาก็ไม่รู้ถึงความจริงทุกสิ่งในเรื่องนี้
” เจ้ากำลังบอกข้าว่า ยอดปรมาจารย์ผู้นั้นมิใช่ยอดฝีมือเทพเชวียน ? แล้ว พวกเขาเป็นอะไร ? “
” เจ้าโง่ ! ”
โทสะของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวพุ่งขึ้น เนื่องจากเขาไม่พอใจนายน้อยจวิน
” เทพเชวียนคือยอดฝีมือเทพเชวียน และยอดปรมาจารย์ก็เคือสุดยอดปรมาจารย์ ! เข้าใจไหม ? ความแข็งแกร่งของเทพเชวียนนั้นธรรมดานัก และด้วยเหตุนี้สิ่งที่เจ้าอ้างนั้นไร้เหตุผลและน่างุนงง ! ”
” โอ้ ? “
ดวงตาของจวินโม่เซี่ยเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
” ปราณเชวียนคือสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดในโลก ! “
ใบหน้าของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจริงจังราวกับนักบุญ
หัวใจของจวินโม่เซี่ยแอบหัวเราะด้วยความดูถูก
ปราณเชวียนเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดในโลกอย่างนั้นหรือ ? ปราณของเคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์ ของข้านั้นทรงพลังกว่าเป็นร้อยเท่า แล้วเจ้าจะเรียนมันว่าอย่างไร ?
” ปราณเชวียนนั้นสามารถชะลอความแก่ เพิ่มพูนกำลัง ทำให้ผู้คนสามารถมีชีวิตที่ยืนยาว เคลื่อนภูเขาและสูบน้ำทะเล เรียกลมและฝน … เจ้าสามารถทำทุกสิ่งที่เจ้าต้องการได้ ! ”
แววตาของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวบ้าคลั่ง
” แต่ผู้คนก็ใช้มันเพื่อสังหารผู้อื่น … ”
” เคลื่อนภูเขาและสูบน้ำทะเล ? ทำได้ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ ? “
จวินโม่เซี่ยยืนขึ้น แต่ครานี้เต็มไปด้วยความประหลาดใจอย่างแท้จริง ! ดวงตาของ นายน้อยจวิน เกือบจะหลุดออกมาจากเบ้า ขณะที่คางของเขาเกือบจะชนกับพื้น
” อืมม บางที อาวุโสผู้นี้อาจจะพูดเกินจริงไปเสียหน่อย … “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวยังไม่หยุดอวดดี
“ แต่อาจารย์ของเจ้านั้นเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน เขากำจัดป่าเมเปิ้ลทั้งป่าภายในหนึ่งมือโบก จุ๊ จุ๊ ข้าเชื่อปาฏิหาริย์นั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของฝีมือที่แท้จริงของเขา … ”
” โอ้ … “
จวินโม่เซี่ยนั่งลงด้วยความท้อใจ ราวกับลูกบอลที่หมดลม
ข้อสรุปที่เขาได้นั้น ทำให้เขาเป็นอัมพาต …
” ผู้ที่มีปราณเชวียนขั้นต่ำกว่าเก้านั้นเป็นเพียงมดปลวก แม้นว่าประโยคนี้จะเป็นจริง มันก็ยังมิใช่ความจริงทั้งหมด”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวพูดต่อ
” ขั้นเก้านั้นต่ำต้อยจนสามารถเปรียบได้กับมดปลวก คำพูดที่ถูกต้องนั้นควรจะเป็น ผู้ที่มีขั้นการเพาะปลูกที่ต่ำกว่าเทพเชวียนนั้นเป็นมดปลวก ! ”
” ซึ่งนั่นหมายความว่า มีคนเพียงกำมือที่ควรค่าพอจะเรียกว่ามนุษย์ ”
จวินโม่เซี่ยพึมพัมในลำคอ
” ที่เหลือนั้นเป็นเพียงมดปลวก ”
” ซึ่งมีอีกสิบสองขั้นที่อยู่เหนือกว่าเทพเชวียน คนธรรมดานั้นเป็นเพียงสิ่งเริ่มต้น พวกเขาเป็นเพียงตัวตลกสำหรับผู้ที่อยู่ในระดับสูง ! ”
ภาษากายของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวแสดงออกถึงความภูมิใจและหยิ่งทะนงอย่างชัดเจน
” และสิบสองขั้นของเทพเชวียน แต่ละขั้นนั้นสูงขึ้นสู่นภา ! ”
” สิบสองขั้นของเทพเชวียน แต่ละขั้นนั้นสูงขึ้นสู่นภา ? “
จวินโม่เซี่ยทวนประโยคอย่างเงียบๆ และถาม
” หมายความว่าเช่นไร ? ”
” เทพเชวียนนั้นเหนือกว่าสวรรค์เชวียน และยังมีอีกสิบสองขั้นที่อยู่เหนือเทพเชวียน การเลื่อนขั้นจากหนึ่งถึงสิบสองนั้นยากยิ่งดั่งการก้าวขึ้นสู่สวรรค์ ! ยิ่งไปกว่านั้น ช่องว่างระหว่างขั้นนั้น อาจเทียบได้ดั่งพื้นดินและแผ่นฟ้า ! ดังนั้น แต่ละขั้นนั้นก้าวขึ้นสู่นภา ! ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวพึมพัม จากนั้นพูด
” ทั้งสิบสองขั้นนั้นคือการฝึกปราณเชวียนที่แท้จริงในสายตาข้า และมีเพียงผู้ที่สามารถไปสู่ขั้นสิบสองได้จึงเรียกได้ว่าคนจริง ! ความต่างระหว่างขั้นสิบสองและเทพเชวียนธรรดานั้นมากมายยิ่งกว่าเทพเชวียนเหล่านั้นควรค่าพอจะตระหนักถึง ! ความจริงแล้ว เขาไม่ควรค่าพอจะได้รู้สิ่งนี้ ! ”
” ดังนั้น เจ้าก็ได้ก้าวข้ามไปหลายระดับแล้ว ? ”
จวินโม่เซี่ยถามด้วยความอยากรู้
” อาวุโสผู้นี้ และตาเฒ่า เฟิงจวนจุ้น นั้นอยู่ในระดับที่ห้า ซึ่งเป็นขั้นต่ำที่สุดที่ถือได้ว่าเป็น ยอดปรมาจารย์ ” เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเงียบไปครู่ใหญ่หลังจากพูดจบ ”
ระดับห้า … ข้าไม่รู้ว่าข้าจะสามารถไปถึงขั้นหกได้หรือไม่ อนิจจัง … ”
” ระดับห้า … เพราะทุกคนที่อยู่ต่ำกว่าระดับห้านั้นไม่มีค่าเพียงพอจะเรียกว่ายอดปรมจารย์ เนื่องจากศิลปะการต่อสู้นั้นไม่อาจะถือได้ว่าเป็นสุดยอดอย่างแท้จริง ยอดฝีมือเทพเชวียนนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นยอดปรมาจารย์ แต่ยอดปรมาจารย์นั้นต้องเป็นเทพเชวียน ! “
” การขึ้นสู่ขั้นห้านั้นเป็นความแตกต่างแรกที่ยิ่งใหญ่ ! ในความจริง ผู้คนจะต้องใช้ความพยายามอย่างมหาศาลเพื่อบรรลุไปถึงขั้นที่ห้า เพียงเท่านั้นพวกเขาจึงเข้าใจความสามารถที่แท้จริงของขั้นห้า และความเข้าใจนี้ช่วยพวกเขาในการยืมพลังจากรอบตัวเพื่อใช้งาน … นี่คือสิ่งที่ทำให้พวกเขาเป็นยอดปรมาจารย์ ! และทุกคนที่อยู่ต่ำกว่าขั้นห้านั้นไม่เข้าใจว่าขั้นนี้สามารถให้พวกเขาดึงพลังจากรอบ ๆตัวได้ … ซึ่งแม้แต่เทพเชวียนขั้นสี่สูงสุดยังเป็นเพียงแค่เทพเชวียนธรรมดา ! และมิใช่ ยอดปรมาจารย์ ! ”
” เช่นนั้น จุ้นเป้ยเฉิน และ ลีจื้อเทียน อาจจะอยู่ในขั้นเทพเชวียนสิบสอง ? “
ความรู้แห่งโลกใหม่นี้ทำให้จวินโม่เซี่ยรู้สึกเปิดหูเปิดตาอย่างมาก
” ไม่ ไม่เป็นเช่นนั้น ! ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวพยักหน้า แต่มิได้อ้างเหตุผลอันใด แม้ว่าจวินโม่เซี่ยจะถาม แต่เขายังคงเงียบอยู่ หลังจากเงียบอยู่นาน ในที่สุดเขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
” จุ้นเป้ยเฉิน นั้นบรรลุไปเพียงขั้นที่แปด … “
” ทฤษฎีเกี่ยวกับขั้นทั้งสิบสองนี้ถูกถ่ายทอดมาจากผู้เป็นตำนาน ซึ่งกล่าวไว้ว่าจะมีกำแพงขนาดใหญ่ขวางกันระหว่างขั้นต่าง ๆหลังจากขั้นที่สี่ อย่างเช่น จากสี่ไปยังห้า จากห้าไปยังหก … ความแตกต่างระหว่างขั้นสี่ไปห้านั้นใหญ่หลวงนัก ซึ่งพวกเขาจะได้กลายเป็นผู้ที่ถูกเรียกว่ายอดปรมาจารย์ ! ”
เนื่องจากเขาตัดสินใจจะบอกนายน้อยจวินถึงเรื่องนี้ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจึงเห็นว่าไม่เสียหายหากจะอธิบายสิ่งต่าง ๆอย่างละเอียดเพื่อให้ จวินโม่เซี่ยมีความรู้และเข้าใจมากขึ้น
” หากเช่นนั้น ขั้นที่เหนือกว่าเทพเชวียนแปดละ ? และเนื่องจาก จุ้นเป้ยเฉิน นั้นเป็นเพียงผู้เดียวที่อยู่ขั้นแปด ผู้ที่สามารถบรรลุไปยังขั้นเก้าได้เป็นคนแรกนั้น จะกลายเป็นคนแรกในโลกที่ทำได้ ! ”
นายน้อยจวินพูดถึงสิ่งนี้เนื่องจากเขาได้คำนวนความเร็วในการไปถึงขั้นเทพเชวียนของเขา
ข้าสามารถบรรลุไปยังขั้นเทพเชวียนได้ภายในสามถึงห้าปี
และด้วยเหตุนี้ เขาจึงรู้สึกตกตะลึงแม้แต่ แปดยอดปรมาจารย์ ก็มิอาจไปถึง !
” เทพเชวียนขั้นแปดนั้นเป็นโลกใหม่ และข้าไม่มีความสามารถมากพอที่จะมีความรู้ในเรื่องนั้น … มีเพียง จุ้นเป้ยเฉิน และ ลีจื้อเทียน และเหล่าผู้คนจาก ป่าเถียนฟา เท่านั้น ที่คู่ควรจะพูดถึงมัน แน่นอนว่ามิได้รวมถึงอาจารย์ของเจ้า ขอบเขตของอาจารย์เจ้านั้นสูงเกินกว่าคนรุ่นของข้า ความจริง การเพาะปลูกของเขานั้นสูงเกินกว่า จุ้นเป้ยเฉิน จะสามารถตามได้ทันในสักวัน คนเช่นข้านั้นทำได้เพียงแค่ฝัน ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ถอนหายใจ ยืนขึ้น เดินไปข้างเตียง ดึงเหยือกสุราออกมาจากใต้เตียง เปิดมันออก และดื่มลงไปอึกใหญ่ โดยหวังว่ามันจะช่วยลดความวิตกของเขาลงได้
” การแบ่งระดับขั้นนี่น่างุนงงยิ่งนัก ! ”
จวินโม่เซี่ย สูดหายใจลึกทันที
การแบ่งแยกความแข็งแกร่งในโลกนี้ช่างแปลกและรุนแรง ! หากเจ้ายังไปไม่ถึงขั้นนั้น เจ้าก็ไม่คู่ควรจะเรียนรู้มัน …
ข้อเท็จจริงยังคงไม่ชัดเจน ในความจริง แม้ว่าขั้นทั้งสิบสองนั้นจะแตกต่างกันอย่างมาก แต่หากว่ากันไปตามท้องเรื่อง ทุกระดับขั้นนั้นจะแสดงออกมาเหมือนกัน แต่ภายในนั้นแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว จึงเป็นธรรมดา ที่ขั้นต่ำ มิอาจเข้าใจขั้นที่สูงกว่า และแม้ว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปตามขั้น ความจริงพื้นฐานนี้ก็ยังคงใช้ได้ …
ทุกสิ่งที่เคยได้ยินจากท่านปู่ และท่านน้านั้นไม่ต่างอะไรจากโลกแห่งข่าวลือ บางที มันอาจเป็นมากกว่าสิ่งที่ผู้อื่นรู้ แต่ยังคงหมายความว่า ยอดฝีมือสวรรค์เชวียน ก็มิอาจต้านทานความแข็งแกร่งของผู้ที่แข็งแกร่งกว่า !
และจากสิ่งที่เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเพิ่งพูดไป มันก็เป็นการเปิดโลกใหม่เสมอ ดังนั้น จุ้นเป้ยเฉิน และ ลีจื้อเทียน นั้นจะสามารถบรรลุการเปลี่ยนแปลงนี้ได้หรือไม่ ? แม้นว่าเขาจะอยู่ในขอบเขตเดียวกับ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว แต่ก็ยังต่างระดับกัน … ดังนั้นจึงไม่น่าประหลาดใจหากเขาไม่มีความรู้อะไรเลย !
แต่จุดสูงสุดในการเพาะปลูกของโลกใบนี้อยู่ที่ใดกัน ?
เป็นเวลานาน จวินโม่เซี่ยหลงอยู่ในวังวนความคิดจนลืมความเสียดายต่อสิ่งที่มีค่าของเขา สุรา ราคาเหยือกละ หมื่นสองพันตำลึง …
” แล้ว เมืองพายุหิมะสีเงิน และ คฤหัสน์ฉือฮั่น .. เจ้าไม่กังวลหรือว่าพวกเขาจะมีความสามารถขนาดใหน ? “
จวินโม่เซี่ย เงยหน้าขึ้น แววตาส่องประกาย
” เพียงสิ่งเดียวที่ อาวุโสผู้นี้พูดได้คือ … ทั้งสกุลจวินนั้นช่าง กล้าหาญและโชคดีอย่างยิ่ง ! “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวถอนหายใจยาว พูดถึงเรื่องนี้ ความหม่นหมองปกคลุมหัวใจของเขาอีกครั้ง ทำให้เขาอดที่จะเพ่งมองไปที่จวินโม่เซี่ยไม่ได้
” นี่มันประหลาดอย่างมาก ! สกุลจวินของเจ้านั้นเป็นสกุลทางโลกมนุษย์ และเจ้ายังคงรอดมาได้เป็นเวลานาน ต่อหน้า เมืองพายุหิมะสีเงิน นี่มิใช่ปาฏิหาริย์ ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว พยักหน้าอีกครั้ง
” ปล่อยเรื่องของ คฤหัสน์ฉือฮั่น ไปก่อน แล้วมาพูดถึง เมืองพายุหิมะสีเงิน ก่อน เจ้าไม่ควรที่จะก่อกวนพวกเขาในตอนนี้ ! หากข้าไม่รู้ว่าเจ้ามี ผู้ที่แข็งแกร่งเช่นอาจารย์ของเจ้าหนุนหลังอยู่ ข้าคงจะตบก้นของเจ้า และ จากไปแทนที่จะอยู่กับเรื่องบ้าๆเช่นนี้เนื่องจากมันเป็นดั่งการขายชีวิตของเจ้าให้แก่ยมบาล แม้นความพยายามของเจ้าจะน่าสนใจ ข้าก็ยังเห็นค่าชีวิตของข้ามากกว่า ! “
แม้นว่าผิวเผิน เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว จะใจกว้าง เขารู้เพียงแค่จะระงับอาเจียนได้อย่างไรเมื่อข้างหน้าคือรังแตน …
” เมืองพายุหิมะสีเงิน นั้นทรงพลังจริง ๆหรือ ? ทรงพลังจนแม้แต่พวกเรามิอาจเอาชนะได้เลยอย่างนั้นหรือ ? ”
จวินโม่เซี่ยขมวดคิ้ว
ข้ายังคงสับสนหลังจากได้รู้เห็นถึงความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสสามแห่งเมืองพายุหิมะสีเงิน … แม้นเขาเป็นเทพเชวียน แต่ยังไม่แข็งแกร่งมากพอเมื่อเทียบกับเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว .. ข้ายังไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาพูดเรื่องนี้ด้วยน้ำเสียงจริงจัง แทนที่จะโอ้อวดตัวเอง … ?
ความคิดที่ชั่วร้ายของนายน้อยจวินนั้นยังมิอาจคิดคำนวนเรื่องนี้ได้
” ผู้อาวุโสหก และ เก้าแห่งเมืองพายุหิมะสีเงินนั้นมิใช่สิ่งที่น่ากังวล แต่ตอนนี้ปัญหาคือเจ้าได้ก่อกวนสกุลเซี่ยวแห่งเมืองพายุหิมะสีเงิน ! ซึ่งเทียบได้กับการเผชิญหน้ากับเมืองพายุหิมะสีเงิน ! เจ้าเข้าใจความต่างนี้หรือไม่ ? “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว มองจวินโม่เซี่ยอย่างสมเพช และถอนหายใจขณะคิดว่า
เจ้าโง่นี่ไร้ความกลัวจริง ๆ
” ผู้นำเมืองพายุหิมะสีเงินมิใช่แซ่ฮั่นอย่างนั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดเจ้าจึงบอกว่าพวกเรากำลังต่อกรกับเมืองพายุหิมะสีเงิน ? ”
จวินโม่เซี่ยยังคงไม่เข้าใจ
” เจ้าช่วยอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจนได้หรือไม่ ? “