Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ - ตอนที่ 231
” หากจะอธิบายถึงเรื่องนั้น … จะต้องย้อนถึงประวัติศาสตร์ของเมืงพายุหิมะสีเงิน … กลับไปถึงสามร้อยปีที่แล้ว มีพันธมิตรขนาดใหญ่ระหว่างก๊ก รู้จักกันในนาม สมาพันธ์สูงสุด ซึ่งควบคุมขบวนการใต้ดินกว่าครึ่งของโลกนี้ ชื่อเสียง อำนาจ และ ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นไม่มีผู้ใดเทียบ และพูดได้ว่า แม้แต่เทพเชวียนก็หลีกเส้นทางเมื่อได้พบเจอสัญลักษณ์ของ สมาพันธ์สูงสุด กลัวว่าจะไปขัดขวางเส้นทางพวกเขา ! “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เล่าอย่างช้าๆ
” โดยไม่คาดคิด วันหนึ่ง นายน้อยแห่ง สมาพันธ์สูงสุด ยู่หลิงเฟิง เกิดพบหญิงสาว ดวงตาประกายงาม และมีลักษณะอันวิจิตร ที่ผู้คนเรียกนางว่า หงส์หยกเก้าเวหา นามว่า คุ้งหยานหลั๋ว และถือได้ว่านางนั้น เป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดในโลก … ”
” ยู่หลิงเฟิง ปรารถนานางอย่างมาก และด้วยเหตุนี้ เขาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะหัวใจของนาง เช่นเดียวกับยอดฝีมือมากมาย แต่ไม่มีผู้ใดไขว่คว้าไปได้ เมื่อเห็นว่า คุ้งหยานหลั๋ว ปฏิเสธความรู้สึกของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยู่หลิงเฟิงทุกข์ ทรมาณจนเขาสั่งให้กวาดล้างสกุลลู่ทั้งหมด แม้กระทั่ง คุ้งหยานหลั๋ว อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ ความหอมหวนของ คุ้งหยานหลั๋ว กำลังจะมะลายไปชายสามคนปรากฏตัวขึ้น ช่วย และหนีไปกับนางในทันที นางตกหลุมรักกับผู้อาวุโสที่สุดในสามคนนั้น และพวกเขาได้ฝากชีวิตสมรสไว้ด้วยกันต่อมาไม่นาน จากนั้นนักข่าวนี้ได้แพร่ไปถึงหูของ ยู่หลินเฟิง วันหนึ่ง เขาล้อมทั้งสามด้วยหมายจะสังหารเพื่อล้างแค้น แต่ถูกชายทั้งสามสังหารในการต่อสู้หลังจากนั้น ”
จวินโม่เซี่ยอดคิดไม่ได้ว่า เรื่องเล่าของ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว นั้นคล้ายคลึงกับสถานการณ์ของ กวนเซียงฮั่น และ คฤหัสน์ฉือฮั่น ?
” ในสามคนนั้น ผู้อาวุโสที่สุดนั้นนามว่า ฮั่นเซี่ยวโย่ว คนที่สองคือ เซี่ยวซิงเฉิน และคนที่สามคือ ฉือต้วนเฉียง ทั้งสามเป็นยอดขุนศึกในเวลานั้น และมีฝีมือด้านวิทยายุทธ์แต่กำเนิด ! หลังจากสังหาร ยู่หลินเฟิง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้เป็นศัตรูกับ ผู้นำ สมาพันธ์สูงสุด ยูซานยุ๋น ผู้ที่สั่งให้ผู้ที่อยู่ใต้บัญชาของเขาว่า
งดเว้นการติดตามและสังหารพวกเขา !
ทั้งสามรู้ถึงความแข็งแกร่งของพวกเขาดี และรู้ว่าไม่อาจะเทียบกับ สมาพันธ์สูงสุด ในสมรภูมิได้ ทั้งสี่จึงตัดสินใจจากไป และ หายไปอย่างไร้ร่องรอย อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดรู้ว่าทั้งสี่พบที่หลบภัยในดินแดนหิมะที่ห่างไกล ! ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสี่ซุ่มสร้างกองกำลังเหนือภูผาหิมะนั้น ! ทั้งสามกลายมาเป็น สามบรรพบุรุษแห่งเมืงพายุหิมะสีเงิน พวกเขาได้ก่อตั้งสกุลเก่าแก่สามสกุล คือ สกุลฮั่น สกุลเซี่ยว และ สกุลฉือ “
” ทศวรรษหลังจากนั้น ทั้งสี่ได้จากหุบเขามาหลังจากรวบรวมกองกำลัง ซึ่งพวกเขาได้ตัดสินใจมาก่อปัญหาให้แก่ สมาพันธ์สูงสุด แต่กระนั้น ในเวลานี้ สมาพันธ์สูงสุด ได้ประสบกับปัญหามากมาย เนื่องจากทั่วหล้าต่างโกรธเคืองใน พฤติกรรมของพวกเขา ดังนั้น เมื่อทั้งสามเริ่มการโจมตีสมาพันธ์สูงสุด พวกเขาจึงได้รับการตอบรับจาก ยอดฝีมือมากมายทั่วทั้งโลกในการร่วมมือ ภายในสามปี สมาคมที่ทรงพลังที่สุดในโลกซึ่งมิอาจล้มลงได้ กลับถูกทำลายให้หายไปอย่างสิ้นเชิง”
” อย่างไรก็ตาม ยูซานยุ๋น และ ฮั่นเซี่ยวโย่ว ได้มาเผชิญหน้ากัน ในช่วงเวลาอันสำคัญในสมรภูมิสุดท้าย เมื่อทั้งสองหมดแรง ยูซานยุ๋น โจมตีอย่างสิ้นหวังใส่ ฮั่นเซี่ยวโย่ว แต่ก็ไม่อาจะต้านไว้ได้ เมื่อเห็นเช่นนั้น เซี่ยวซิงเฉิน เข้าไปขัดขวางการโจมตีของ ยูซานยุ๋น ก่อนมันจะะไปถึง ฮั่นเซี่ยวโย่ว โดยใช้ร่างกายของเขาบังไว้ แต่ได้นำพา ยูซานยุ๋น ไปจากโลกนี้กับเขาด้วย ! “
” ในเวลานั้น วรยุทธ์ของ เซี่ยวซิงเฉิน นั้นเกินกว่า ฮั่นเซี่ยวโย่ว และกำลังก้าวหน้าไปอย่างก้าวกระโดด เนื่องจาก เขาต้องการจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ! เขามี ภรรยาที่สวยงาม และลูกชายซึ่งรอเขากลับบ้าน … และบอกได้ว่านั่นคือช่วงชีวิตที่ดีที่สุดของเขา … แต่เขายังเลือกที่จะตายเพื่อปกป้องพี่น้องร่วมสาบาน ! พวกเขาบอกว่า ใบหน้าของเขาเผยถึง จิตวิญญาณแห่งพี่น้อง และวีรบุรุษในตอนที่เขาตาย ”
” ฮั่นเซี่ยวโย่ว โศกเศร้าจากการตายของน้องมากจนยกกระบี่ขึ้นมาและตัดนิ้วสองนิ้วของเขาออก ทำให้เลือดหยดลงไปบนพื้น เสียงถึงก้องสั่นสะเทือนปฐพีขณะเขาสาบานด้วยเลือดว่า ตราบใดที่เมืองพายุหิมะสีเงิน( พายุหิมะขาว )ยังคงอยู่ลูกหลานสกุลเซี่ยวจะต้องไม่สิ้นสลาย ! และ ลูกหลานของเขาได้ถือคำสาบานของเขาตราบจนทุกวันนี้ ! ”
ดูเหมือนว่า เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว จะเคลื่อนไหวเล็กน้อยขณะที่บรรยายถึงการเสียสละและความเป็นพี่น้อง ซึ่งเห็นได้ชัดจากโทสะที่ฝังอยู่ในน้ำเสียงของเขา
จวินโม่เซี่ยถอนหายใจยาว ในที่สุดเขาได้เข้าใจความหมายที่อยู่ภายใต้คำพูดของ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว
สกุลจวินนั้นโชคดีอยงมากที่อยู่รอดมายาวนานเช่นนี้ .. โชคดีมากจริงๆ !
” แม้นสกุลเซี่ยวจะไม่ได้ควบคุม เมืองพายุหิมะสีเงิน แต่ความคิดเห็นของพวกเขาสำคัญมาเมื่อเป็นการตัดสินใจทีสำคัญภายใน เมืองพายุหิมะสีเงิน ! และไม่มีผู้ใดสามารถทำอะไรได้ ! ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ครองนคร ได้สืบทอดสายเลือดของสกุลเซี่ยวตั้งแต่นั้นมา จนทำให้ทัศนคติของพวกเขาแย่งลง ! ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วยัง ? หากสกุลของเจ้าลุกขึ้นต่อต้านสกุลเซี่ยว ก็หมายถึงการเผชิญหน้ากับ เมืองพายุหิมะสีเงิน ! ความจริง มันเป็นสิ่งเดียวกัน ! ”
หลังจากที่เล่าเรื่องราวมาาวนาน เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว อ้าปากกว้างและดื่มสุราอึกใหญ่ก่อนถอนหายใจและพูด
” ไม่อาจะโทษ ฮั่นเซี่ยวโย่วได้จริงๆ … ข้าเองก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้พี่น้องของข้าได้สุขสบายเช่นกัน ! สำหรับคนรักของพี่น้อง ข้า ไม่สนความเป็นตายของพวกเขา ! ”
” แต่เพราะเหตุนี้ มันจึงยากยิ่งในการปกป้องสกุลของเจ้าจากสกุลเซี่ยว ! แม้นว่าข้าจะไร้ประโยชน์ในเรื่องนี้ ข้าก็ไม่รู้ว่า หญิงสาวของลุงเจ้าได้จัดการมานานแล้ว … “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวถอนหายใจยาว ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงหดหู่
” แต่ข้ามั่นใจว่าไม่สำคัญว่านางจะทำเช่นไร แต่ละขั้นมันก็จะยากยิ่งขึ้น ! ชีวิตของเด็กสาวผู้นั้นจักต้องขื่นขมยิ่งขึ้น ! ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวโน้มตัวไปด้านข้างหลังจากเล่านิทานจบ และเริ่มเพ่งมองออกไปยังท้องฟ้าอันมืดมิด ดวงตาของเขาสะท้อนถึงความแปลกประหลาด ไม่รู้ และอามรณ์ที่ซับซ้อนขณะที่เขาเพ่งมองออกไป ดูเหมือนจะปกปิด… ความเจ็บปวดในความทรงจำอันยาวนาน …
” และนั้นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้น ! “
นายน้อยจวินถอนหายใจ การเกิดมาทั้งสองครั้งของเขา นี่เป็นความคิดที่รู้สึกถึงภาระอันหนักอังของมือสังหาร เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเผชิญกับปัญหาที่เขาไม่อาจหาทางแก้ได้
สถานการณ์ของสกุลจิวนก่อนหน้านี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่เสาหลักได้ถูกทำลายลง นำพาสกุลให้อ่อนแอ ผู้เดียวที่รอด จวินวูอี้ที่ขาทั้งสองของเขาไม่สามารถใช้การได้ และไร้ซึ่งความหวังในการรักษา แม้นว่าหัวใจของปู่จวินจะเต็มไปด้วยโทสะที่ได้สูญเสียลูกชาย แต่เขาก็หมดหนทาง สุดท้ายแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถบิดขาได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว และด้วยเหตุนี้ เขาจึงพยายามปกปิดโทสะของเขาเอาไว้เงียบๆ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสกุลเซี่ยวจะอยู่ในตำแหน่งอันทรงอำนาจในเมืองพายุหิมะสีเงิน พวกเขาก็หยุดคิดที่จะทำลายสกุลจวิน แต่เหตุใดพวกเขาจึงไม่ถอนรากถอนโคนเสีย ? มีเพียงเหตุผลเดียวที่อยู่เบ้ืองหลังจากตัดสินใจของสกุลเซี่ยวในการทิ้งงานนี้ไว้กลางทาง !
และเหตุผลนี้คือหญิงสาวผู้หนึ่งที่น่าสงสาร !
ฮั่นหยานโย่ว !
พระเจ้าจะรู้หรือไม่ว่านางต้องเสียสิ่งใดบ้างเพื่อให้สกุลจวินไม่ต้องประสบเคราะห์กรรม … ? และต้องใช้ความพยายามมากสักเพียงใด …?
เพียงพระเจ้าที่รู้ว่าหญิงสาวผู้น่าสงสารต้องใช้ชีวิตแบบใหน บนภูผาหิมะ … ความน่าสังเวชเพียงใดที่น้องต้องประสบ .. ?
แน่นอนว่าชีวิตของสกุลจวินนั้นน่าสมเพชและลำบาก แต่มันยังห่างไกลนักเมื่อเทียบกับชีิวิตของหญิงสาว ?
แม้นว่า สกุลเซี่ยว และ จวินที่บาดหมางกันจะห้ามิให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน แต่ ความดีความชอบของ ฮั่นเซี่ยวโย่ว ผู้น่าสงสารก็ไม่ได้จางหาย นางต่อสู้กับสกุลของนางเพื่อผลประโยชน์ของสกุลจวิน ในขณะที่ยังคงรักษาความสง่างามของสกุลนางเอาไว้ !
ข้าต้องทำให้แน่ใจว่า ฮั่นหยานโย่ว และน้าสามจะต้องกลับมาอยู่ร่วมกันและแต่งงานกันให้เร็วที่สุดตราบเป็นไปได้ !
มือสังหารจวินเริ่มรู้สึกหงุดหงิด
สุดท้ายเขาก็ได้เข้าใจถึงโชคชะตาที่จวินวูอี้ได้ประสบมานับสิบปี … ความเจ็บปวด และสิ้นหวัง ที่ซ่อนเร้นอยู่บนใบหน้าของเขา …
อย่างไรก็ตาม มือสังหารจวินนั้นมิอาจจินตนาการถึงชะตาของ ฮั่นหยานโย่ว ดังนั้น จวินวูอี้จะทนได้เช่นไรเมื่อต้องมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนรักในชีวิตของเขา ? เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการโยนสติของเขาลงไปยังหุบเหวแห่งความโศกเศร้า !
หากไม่ได้เป็นภาระในอนาคตของสกุล หากไม่ได้เป็นภาระของพี่ทั้งสอง หากไม่เพราะอายุของพ่อของเขา … น้าของเขาคงจะเอากระบี่ตัวเองปาดคอหอยไปแล้ว !
ในเหตุการณ์เช่นนี้ การมีชีวิตอยู่อย่างว่างเปล่านั้น ยากกว่าความตายนับร้อยเท่า ! และเป็นความเจ็บปวดนับร้อยเท่า !
ยิ่งไปกว่านั้น หัวใจของเขายังคงรอคอยอย่างทุกข์ทรมาณอยู่เงียบๆในที่ห่างไกล เพื่อรอคอยลำแสงแห่งความหวัง …
เขาจะทนสิ่งนี้ได้อย่างไรกัน ?!
มือสังหารไม่อาจคิดถึงความเจ็บปวดที่ จวินวูอี้ต้องแบกรับมานับสิบปีได้ ลากร่างอันไร้ประโยชน์ของเขาไปตามชีวิตที่น่าสมเพชนี้ เพื่อพ่อและคนรุ่นหลัง … มีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น .. เขาคือวีรบุรุษ !
ความจริง การตายนั้นง่ายกว่ามาก แม้แต่มีดก็เพียงพอ … แต่การมีชีวิตอยู่เช่นนี้ ก็ไม่ต่างอะไรจากการทนบาดแผลนับพันภายในจิตวิญญาณ … ทุกวัน และทุกคืน !
” เหยี่ยว เจ้าเพิ่งบอกข้าว่าเจ้าเป็นเทพเชวียนขั้นห้า และการบรรลุไปยังขั้นที่หกนั้นไม่ยากเท่ากับการบรรลุจากขั้นที่สี่ไปขั้นที่ห้า … แต่หากเจ้าต้องการจะบรรลุ เจ้าก็ทำไม่ได้เพราะว่ามันยากมากในการเพิ่มพูนวรยุทธ์ของเจ้า และเจ้ายังไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ใช่หรือไม่ ? ”
จวินโม่เซี่ยกัดฟัน ขณะที่ดวงตาแสดงถึงความตั้งใจอย่างชัดเจน ความจริง เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ไม่เคยได้ยินเขาพูดด้วยท่าทางที่จริงจังและช้าเช่นนี้มาก่อน
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว สามารถสัมผัสได้ถึงพลังและความแน่วแน่ในคำพูดของจวินโม่เซี่ย และอดตกใจไม่ได้เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังจวินโม่เซี่ย ขณะที่ดวงตาของขาปลดปล่อยประกายที่ดุร้ายและแหลมคม
” เหตุใดเจ้าจึงพูดเช่นนั้น … เจ้า เจ้าหมายถึงอะไร เด็กน้อย เจ้าพยายามจะพูดอะไร ? ”
ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าทั้งสองจะเยาะเย้ยกัน แต่ในครั้งนี้ พวกเขาจริงจังอย่างมาก เนื่องจากพวกเขาเข้าใจถึงประสงค์ของผีกฝ่ายอย่างชัดเจน
ความจริง ทุกสิ่งรอบตัวของพวกเขาจริงจังขึ้นตามความเข้มข้นและจริงจังของการสนทนา
ราวกับมีใครบางคนยกคันศรขึ้นในความมืดยามค่ำคืน ! พร้อมกับเกาทัณฑ์ที่สัมผัสอยู่บนสาย !
” อาจารย์ของข้าหมกมุ่นอยู่กับการปรุงแต่งตัวยา เมื่อหายปีก่อน เขาได้พัฒนาตัวยาพิเศษขึ้น ! “
จวินโม่เซี่ยเพ่งเข้าไปในดวงตาของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว
” ยาชนิดนี้ต้องการสมุนไพรและอัญมณีหายาก รวมถึงวัตถุดิบหายากอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้น การกลั่นยานี้ยังมีความยุ่งยากอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อมันพร้อม มันจะมีความสามารถในการเพิ่มระดับวรยุทธ์ โดยไม่สนถึงความแข็งแกร่ง และ ไม่มีผลกระทบอันใด เจ้าเข้าใจหรือไม่ว่ามันหมายความว่าอย่างไร ?! ”
ดวงตาอันคมกริบดั่งอินทรีย์ของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเพ่งมองกลับไปเป็นเวลานาน จวินโม่เซี่ยก็เช่นกัน โดยไม่เอ่ยอันใด และจ้องตากันต่อไปอย่างสงบและใจเย็น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวต้องการยาตัวนี้ ! และเขาต้องการมันอย่างเร่งด่วน !
ความสิ้นหวังก่อกำเนิดขึ้นในหัวใจของคนที่ทำจนสุดความสามารถ และยังมีคนที่เขาจักต้องไล่ตาม แต่กลับทำอะไรไม่ได้ เป็นเหตุที่คนที่มีเกียรติเช่นเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวลดตัวลงมาและขอให้เด็กผู้นี้สั่งสอนวรยุทธ์ มันจึงเป็นข้อพิสูจน์ที่ว่า เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวได้ไปถึงขีดจำกัดแล้ว แต่เขายังปรารถนาจะมุ่งหน้าต่อไป !
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวไม่อายเลยที่จะต้องไปยังทุกที่หรือใช้ความพยายามเช่นไรในการที่จะได้ยาตัวนี้มา หากมันมีอยู่จริง !
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว รู้ดีว่าจวินโม่เซี่ยไม่ได้เสนอยาตัวนี้แก่เขาดั่งเช่นของขวัญโดยไม่ต้องตอบแทน ดังนั้น สิ่งต่อไปที่จะถกกันนั้นคือ เงื่อนไข ! ทั้งคู่เข้าใจมันเป็นอย่างดี