Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ - ตอนที่ 247
จวินวูอี้ ผงกหัวขณะเขาหัวเราะ ด้านข้างเขา หยางมู่ น้อยกำลังหัวเราะ แม้นเขาหาได้เข้าใจความหมายที่ปิดซ่อนไว้ แต่อันธพาลตัวน้อยก็ตระหนักได้ว่า ทั้งมันเทศฝานและน้ำอุ่นนั้นมิได้เลิศรสแม้แต่น้อย
ถังหยวน มิได้อ้วนมากนัก ความทรงจำของเขาก็ไม่ได้ดีเช่นกัน เขาลืมคำเสนอแนะไปนานแล้ว ทำให้เขามิอาจพูดต่อไปมากนัก สิ่งที่เขาเลือกมานี้ เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยที่เขายังจดจำได้ น่าประหลาดใจ เขายังคงจัดการนำเสนอได้อย่างยอดเยี่ยม พรสวรรค์เขาช่างประเสริฐนัก
เจ้าอ้วนถังยังคงพูดอย่างไม่หยุดหย่อน นายน้อยจวินไม่มีอารมร์จะฟังอีกแล้ว เขาหันไปและมองยิ้มๆให้หยางมู่
” เจ้ารู้สึกเช่นไร แม่หยางน้อย? “
ใบหน้าน้อยๆ อันงดงามของหยางมู่ก้มลงทันที เดิมที เขาจักระงับการตอบโต้เมื่อ จวินโม่เซี่ยเรียก แม่หยางน้อย แต่กระนั้นในครั้งนี้ เขาคำรามทางจมูกและหันหนี ลูกชายของ องค์รัชทายาทนั้นฉลาดล้ำและซุกซนดั่งปิศาจน้อยในอายุเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม เขามีอายุเพียงสิบขวบปี เขายังอับอายในสิ่งที่เกินขึ้นก่อนหน้านี้ ดังนั้น จึงเป็นการยากที่เขาจะสามารถรักษาความสงบเงียบเอาไว้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากนั้น ยังไม่มีผู้ใดปลอบประโลมเขาเลย ความจริง แม้แต่ผู้ใหญ่ก็มิอาจใจเย็นได้ และพบว่ามันยากยิ่งจะทนทาน
” ไร้ประโยชน์จะมีโทสะ “
มือสังหารจวินคำรามทางจมูก ขณะมิได้พยายามเกลี้ยกล่อมเด็กชายผู้นั้น แต่เขากลับ ไขว้ขา
” เจ้ารู้ว่าเพียงสิ่งเดียวที่เจ้าสามารถทำได้เมื่อโดนกลั่นแกล้งคือการมีโทสะ เจ้าอาจละเว้นการมีอารมณ์ไว้ เนื่องจากมันไร้ซึ่งประโยชน์ใดๆ “
” ข้าจะควบคุมความโกรธด้วยสิ่งใดหากมันไร้ประโยชน์ “
หยางมู่ อดทนวามเจ็บปวดเหล่านั้นมาชั่วครู่แล้ว และในที่สุดน้ำตาของเขาเริ่มร่วงหล่น
” การเรียกเจ้าว่าแม่สาวน้อยนั้นมิได้ผิดอันใดเนื่องจากเจ้ากำลังร้องไห้ในเรื่องเล็กน้อย เจ้าร้องไห้เพื่อสิ่งใด ? หากชายที่แท้จริงอดกลั้นน้ำตา เขาจะสูญเสียความเคารพ ชัดเจนว่าคนเช่นนี้จักถูกกลั่นแกล้ง “
จวินโม่เซี่ยเอ่ยดูหมิ่น ขณะเขาหยิบแอปเปิ้ลลูกใหญ่ขึ้นจากโต๊ะ เขาสับมันออกและกัดกิน
” การร้องไห้มีประโยนชน์กระไร ? การร้องไห้จะสามารถแก้ไขปัญหาได้กระนั้น ? เจ้าจะมองไม่เห็นสิ่งใดหากร้องได้อีก จะพ่ายแพ้และต้องร้องหายไปเรื่อย ๆ ! ข้าจักไม่ปลอบประโลมเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น ข้าจักไม่ช่วยเจ้าหาทางออกในโทสะ “
” ข้าไม่อยากร้อง “
หยางมู่ ปาดน้ำตารวดเร็ว แต่ยังคงสะอื้นเล็กน้อยจากนั้น เขารักใคร่นายน้อยสกุลจวินอย่างมาก
” ท่านพ่อบอกว่า พี่ใหญ่จวินนั้นฉลาดล้ำ เจ้าบอกข้าเถิดข้าควรทำสิ่งใด ? สามผู้นั้นกลั่นแกล้งข้าเนื่องจากข้ายังเด็ก ข้า … ข้าหวาดกลัวจนมิอาจคิดสิ่งใดได้ และข้าต้องการจะวิ่งหนี … พี่ใหญ่ โปรดบอกข้าเถิด … ข้าจักทำให้พวกเขาหยุดได้อย่างไร ? หรือ ข้าจะแก้แค้นและปลดปล่อยความโกรธได้อย่างไร ?! “
” แก้แค้นเพื่อปลดปล่อยโทสะ ? นั่นมิใช่ทางที่ดี “
เปลือกตาของจวินโม่เซี่ยไร้อารมณ์ ขณะเขาเอ่ยใจเย็น
” พวกเขาเป็นลูกชายองค์จักรพรรดิ ผู้ใดยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ ? คือองค์จักรพรรดิ ? หาก ลูกชายองค์จักรพรรดิกลั่นแกล้ง มีสิ่งใดบ้างที่เจ้าทำได้ ? ที่เจ้าทำได้นั้นคืออดทน เนื่องจากสกุลของเจ้ามิได้ทรงอำนาจเช่นพวกเขา “
” ข้าไม่ประสงค์จะอดทนอีกต่อไปแล้ว พี่ใหญ่โม่เซี่ย ท่านพ่อบอกว่าท่านฉลาดล้ำ และไม่มีสิ่งใดที่เจ้ามิอาจต่อสู้ได้ … “
หยางมู่ คว้าแขนขวาจวินโม่เซี่ย และเริ่มเขย่า
” ข้าขอร้องพี่ใหญ่โม่เซี่ย … โปรดบอกข้า … “
” หยุด หยุด หยุดก่อน ! “
จวินโม่เซี่ยเร่งรีบผลักมือเขาออก จากนั้นเขาพูดต่อเสียงดัง
” พ่อของพวกเขาคือองค์จักรพรรดิ ในขณะที่พ่อของเจ้ามิใช่ สิ่งนี้มิอาจแก้ไขได้ด้วยความฉลาด เจ้าต้องการให้ข้าช่วยกระนั้น ? ไม่มีทาง พวกเราไม่สามารถ “
หยางมู่ เพ่งมองอย่างงุนงงชั่วขณะ จากนั้นดวงตาของเขาเริ่มมีน้ำใสๆอีกครั้ง และไม่นานน้ำตาเอ่อล้นออกมา ปากน้อยๆของเขาปล่อยเสียงสะอื้นออกมา และดวงตาของเขาสะท้อนประกายในทันที อารมณ์ของเขากลับเป็นเช่นก่อนเริ่มร้องไห้อีกครั้ง เขาเงียบ ขณะดวงตาเบิกกว้างกลมโตดั่งดวงจันทร์
” พี่ใหญ่โม่เซี่ย ท่านเพิ่งพูดว่า พ่อของพวกเขาคือองค์จักรพรรดิในขณะที่ข้านั้นมิใช่ …
เหตุใดพ่อข้าจึงมิใช่องค์จักรพรรดิ ? พวกเขาทั้งสอง เป็นลูกชายของท่านปู่ องค์จักรพรรดิก่อน … เหตุใดพ่อของเข้าเป็นเพียงองค์ชาย ในขณะที่พี่ใหญ่ของเขาเป็น องค์จักรพรรดิ ? ข้าก็มีเลือดขององค์จักรพรรดิ แล้วเหตุใดพวกเขาจึงกลั่นแกล้ง และข้ามิอาจขัดขืนได้ ? “
หยางมู่ เบิกตากว้างขณะมองไปยังจวินโม่เซี่ยอย่างสงสัย
” เจ้าเพิ่งบอกว่าเจ้าก็มีสายเลือดขององค์จักรพรรดิก่อน เช่นนั้น ชัดเจนว่าทั้งหมดนี้จึงเป็นปัญหาภายในสกุลของเจ้า แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรกัน ? “
สีหน้าของจวินโม่เซี่ยกระวนกระวายขณะพูด
” พ่อของเจ้าเคยประสบเช่นเดียวกับเจ้า เขาก็โดนกลั่นแกล้งเมื่อยังเด็ก แต่เขาก็มิกล้าก่อกบฏหรือกระทำไร้สาระ ดังนั้นสิ่งนี้จึงเป็นนิสัยของเขา ความจริง เขาอาจจะต้องทนกับการกลั่นแกล้ง แม้ในตอนนี้ที่โตขึ้นมาแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขามิได้กลายมาเป็นองค์จักรพรรดิ และตอนนี้ แม้นว่าลูกชายของเขาต้องประสบกับการกลั่นแกล้ง “
” ข้าจักต้องไม่โดนกลั่นแกล้งอีก ! “
หยางมู่ กำมัดน้อยๆของเขา
” เมื่อข้าโตขึ้นข้าจะต้องไม่โดนกลั่นแกล้ง ! และลูกหลานข้าเช่นกัน ! “
” มิใช่สิ่งดี … ปัญหานั้นยากจะแก้ไข “
จวินโม่เซี่ยถอนใจในการแสดงความรักที่ผิด
” องค์จักรพรรดิเป็นเพียงผู้เดียวที่จะมิได้รับการกลั่นแกล้งหรือ ? ลูกหลานข้าจะได้รับการละเว้นไหมหากต้องเผชิญกับสิ่งนี้ ? “
หยางมู่ น้อยถาม
จวินโม่เซี่ยถอนใจ
” ข้ามิอาจรู้ ข้ามิอาจรู้จริงๆ “
” ข้าจะเป็นองค์จักรพรรดิดั่งที่เจ้าบอกได้ไหม ? “
หยางมู่ เบิกตากว้าง มีแววตาจริงใจ
” เจ้า ? เจ้าเป็นหลานขององค์จักรพรรดิรัชการก่อน ดังนั้น เจ้าจึงมีสิทธิ์ “
จวินโม่เซี่ยเงยหน้าขึ้นขณะเขาเพ่งตวงตาไปยังเด็กน้อย
” ใช่ เจ้ามีคุณสมบัติพื้นฐาน หากแต่ขาดบางสิ่งที่จำเป็น ด้วยเหตุนี้ เจ้าจึงยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ “
” เช่นนั้นโปรดบอกข้าท่านพี่โม่เซี่ย ข้าจักเปลี่ยนแปลงมันได้เช่นไร ? ข้าจักต้องไม่โดนกลั่นแกล้งอีก ! “
หยางมู่ ถาม
จวินโม่เซี่ยกำลังจะตอบในขณะที่จวินวูอี้ ผู้ที่นั่งอยู่ด้านหลัง ไอออกมาเสียงดัง เสียงไอของเขาดังคล้ายกับผู้ที่เป็นวัณโรคอย่างมาก ชัดเจนว่า จวินวูอี้กังวลว่าผู้อื่นจักได้ยินการสนทนานี้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงพยายามยับยั้งการสนทนานี้ การกระแอมเสียงก้องกังวาลนี้คู่ควรในนามยอดฝีมือสวรรค์เชวียน แม้นว่ามันจะจำกัดเพียงในห้องนี้ก็ตาม
จวินวูอี้ฟังการสนทนานี้อยู่ และรู้สึกว่ามันเริ่มจะผิดเพี้ยนไป แม้นว่ามันจะเริ่มด้วยการพยายามปลอบประโลมเด็กน้อย แต่กระนั้นกลับแปรเปลี่ยนไปในทิศทางอื่น ยิ่งไปกว่านี้ มันเริ่มมุ่งเข้าสู่เรื่องต้องห้าม และอาจจะกลายเป็นสิ่งอันตรายอย่างมาก เป็นไปได้ว่าวิธีการที่จวินโม่เซี่ยเกลี้ยกล่อมเด็กผู้นี้อาจจะฝังลงไปในจิตใจของเขา ด้วยเหตุนี้ กุนซือของนายน้อยจวินจึงแสดงให้เห็นว่า พวกเขาจำต้องเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน จนกว่าพวกเขาจะเก็บเงินในสิ่งที่ต้องการก่อน กระบวนการนี้จักต้องใช้เวลาหนึ่งหรือสองเดือน อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาปลุกปั่นให้ ลูกชายองค์รับชทายาทต่อต้านราชบัลลังก์พวกเขาอาจจะต้องเสียใจในภายหลัง …
เจ้าเด็กนี่คิดสิ่งใดอยู่ ?
” ข้ามิอาจตอบคำถามนี้ของเจ้าได้ ถามพ่อของเจ้าเมื่อกลับถึงบ้านสิ ข้ามั่นใจว่าเขาจะบอกว่า ดีแล้วที่พวกเขากลั่นแกล้ง ! ดีแล้วที่มีใครสักคนทำหน้าที่ของข้า แล้วเป็นอย่างไรละ ? คนพาลนั้นซื่อสัตย์และจริงใจ “
จวินโม่เซี่ยเลียนแบบ องค์รัชทายาท
” เจ้ารู้ได้อย่างไร ? ท่านพ่อของข้าพูดเช่นนี้ทุกครั้งที่ข้าโดนกลั่นแกล้ง เขาบอกว่า ข้าควรถูกกลั่นแกล้ง และเขายังบอกอีกว่าข้าควรถูกกลั่นแกล้งยิ่งกว่านี้ “
หยางมู่ กระพริบตาขณะมองไปยังจวินโม่เซี่ยอย่างเคารพ
พี่ใหญ่ผู้นี้ช่างล้ำเลิศยิ่ง !
ความจริงแม้แต่ท่านปู่ก็เอ่ยเช่นนี้ …
จวินโม่เซี่ยคำรามทางจมูกและเอ่ยจากใจ
” ข้ารู้ชัดเจน ข้ายังรู้อีกว่าเจ้าเป็นขบถตัวน้อย เจ้าจะกลับบ้านและบอกพ่อเจ้าในสิ่งที่ผู้อื่นบอกเจ้า เช่นนั้นมิใช่หรือ ? “
” ข้าจักไม่ทรยศเพื่อน ! ท่านพ่อบอกข้าว่า ผู้ที่ทรยศเพื่อนนั้นชั่วร้าย แต่ข้านั้นเป็นคนดี ข้าจักไม่ทรยศเพื่อ ! “
ใบหน้าอ่อนโยนของหยางมู่กลายเป็นสีแดง
” เหตุใดเจ้าจึงกังวล ? “
จวินโม่เซี่ยเหลือบมองเรียบง่ายขณะพูด
” เจ้าคงไม่อยาก ให้ข้าเล่าอะไรให้ฟังก่อน ? “
หยางมู่ ผงกหัวเห็นด้วย
” ดี “
จวินวูอี้นั่งจนเกือบสุดขอบเก้าอี้ ในที่สุดเขาผ่อนคลายลงและแอบปาดเหงื่อ ในที่สุดเจ้าเด็กบ้าพวกนี้ก็หยุดสนทนาเรื่องอ่อนไหวจนได้ เป็นสิ่งดีที่พวกเขาเริ่มเล่าเรื่องราว … ข้ากังวลถึงผลที่ตามมาเหลือเกิน …
” เรื่องนี้ชื่อว่า กบฏประตูเชวียนวู “
จวินโม่เซี่ยยิ้ม
” ลี่ฉีหมิ้น เป็นลูกองค์ชายแห่งอาณาจักรถัง พวกเขามีลูกพี่ลูกน้องสองคน องค์รัชทายาท และ ลี่หยวนจี้ เขากลั่นแกล้งลูกพี่ลูกน้องมากมาย ในตอนแรก ลี่ฉีหมิ้นอดทนต่อการกลั่นแกล้งของพวกเขา แต่กระนั้น เมื่อมันมากขึ้น เขาจึงสังหารพวกเขาที่ ประตูเชวียนวู จากนั้น จึงขึ้นนั่งบัลลังก์และกลายเป็นองค์จักรพรรดิ และเขาก็ไม่โดนผู้ใดกลั่นแกล้งอีก … “
จวินวูอี้เคยได้ฟังเรื่องราวของจวินโม่เซี่ยมากมาย ไม่เพียงฟังเรื่องสั้นของจวินโม่เซี่ยเท่านั้น หากแต่เขายังหลงไหลพวกมันด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องที่ชื่อว่า สามก๊ก เรื่องราวทั้งหมดนั้นทำให้จวินวูอี้ตะลึงงัน เนื่องจากเรื่องที่จวินโม่เซี่ยเอ่ยมานั้นเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน จึงทำให้เขาสนใจจดจ่อ
อย่างไรก็ตาม ขณะจวินโม่เซี่ยเล่าเรื่องของเขาต่อไปอย่างใจเย็น เส้นประสาทของจวินวูอี้ที่เริ่มผ่อนคลอยกลับตึงขึ้นในทันที ความจริง ความเยือกเย็นพุ่งจากชุดชั้นนอกเข้าสู่ชุดชั้นในของเขา
แท้จริงแล้ว เรื่องราวของนายน้อยจวิน ทำให้ ยอดฝีมือเทพเชวียนหวาดกลัวมากมายอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
พระเจ้า … ข้าเป็นขุนพล
จวินวูอี้ ขุ่นเคืองการกระทำของจวินโม่เซี่ยอย่างมาก
เจ้าพยายามทำให้ข้ากลัวจนตายกระนั้น ? เจ้ากำลังเล่าเรื่องไร้สาระอันใดกันเด็กน้อย ?!
สวรรค์ของข้า ! เจ้าเพิ่งร่วมก่อจลาจล หยางมู่ จะฟังและจดจำคำพูดของเจ้า แม้นว่าเขาเป็นเด็ก เขาก็ยังมีความขุ่นเคือง … เรื่องราวของเจ้าไม่เหมือนการเตือมเชื้อไฟกระนั้น ?
” ดีละ สังหารพวกเขา ! สังหารพวกเขา ! ไม่แสดงความเมตตา ! “
หยางมู่ ปล่อยแขนเขาขณะอุท่านตื่นเต้น มีประกายอันประหลาดปรากฏขึ้นในตาของเขา อาจจะเป็นความปราถรถนา ..เป็นความกระหาย … หรือความคิดบ้าคลั่งบางอย่าง …
ดวงตาของจวินโม่เซี่ยก็มีเช่นกัน
ข้าพูดมากเกินไปอีกแล้ว เด็กตัวเล็กนี่จะจำได้สักกี่คำเชียว ? นี่คือเมล็ดพันธุ์ และเพียงแค่เติมน้ำลงไปเล็กน้อยเพื่อทำให้มันเติบโต อย่างไรก็ตาม มันจะตายหากโยนลงไปในมหาสมุทร
ทันใดนนั้นกลิ่นแปลกใหม่ล่อยลอยจากด้านบน ความจริง กลิ่นนี้ทรงพลังยิ่งจนทำให้ทุกผู้อุทานออกมาด้วยประหลาดใจ แม้แต่ผู้ที่ข่มอารมณ์ไว้ก็มิอาจทาน แม้แต่ผู้ที่นั่งอยู่ชั้นบก็มุ่งความสนใจไปที่มัน
หลังจากการปลุกระดมมากมาย ในที่สุดการประมูลสุราสวรรค์จึงเริ่มขึ้น บนเวทีมีชายชรา อายุราวห้าสิบ เขายืนตรง และใส่ชุดสีดำ ดูเหมือนว่าเขาจะเต็มไปด้วยพลังและความตื่นเต้น ขณะที่คิ้วของเขาโค้งดั่งกระบี่เยือกเย็น
แม้นว่าจวินโม่เซี่ยประหลาดใจที่ได้เห็นคนผู้นี้
คงมิใช่ผู้เฒ่าซ้งเลอะเทอะนั้น ?
เขาแต่งกายคล้ายทหาร เขามิได้หลังโก่งอีกแล้ว และกำลังยืนตัวตรงอยู่ ทั้งหมดนี้ ทำให้เขาดูราวกับขุนพล
” ยื่นสุราก่อนสังหาร ซ้งฉาง ? “
ผู้ที่อยู่ในงานประมูลจดจำได้ว่าเขาคือ ซ้งฉาง ในทันที่ที่ปรากฏตัวขึ้น
มีข่าวลือว่า ซ้งฉางคือยอดฝีมือสวรรค์เชวียน และตอนนี้เขาเป็นนายประมูลแห่ง หอชนชั้นสูง
ช่าง …. สูงส่งยิ่ง !
กลิ่นสุราเข้มข้นล่องลอยขึ้นสู่อากาศ และทุกผู้สูดดมมันอย่างบ้าคลั่ง
สุรานี้คู่ควรกับชื่อ สุราสวรรค์ เพียงแค่กลิ่นก็น่าประทับใจ
ทุกผู้เริ่มกระวนกระวายทันที
ดวงตาของชายชุดดำผู้ที่นั่งด้านหลังองค์หญิงหลิงเมิ่งเปล่งประกายอัศจรรย์หลังจากได้สูดดมกลิ่นนี้ เขาคือ จักรพรรดิแห่งนคร แต่กระนั้น เขายังไม่เคยเจอสุราที่ดีเช่นนี้มาก่อน เห็นได้ชัดว่าสุราชั้นเลิศนี้หาได้ยากยิ่ง