Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ - ตอนที่ 286
โต๊ะนับร้อยเรียงรายเป็นวงกลม เหลือเพียงพื้นที่ว่างเปล่าเล็กๆตรงกลาง
จักมีการแสดงในงานฉลองนี้หรือไม่ ? ท่านพี่จักร้องรำ ? คนปกติจักมิทำเช่นนั้น บางที่เหล่าบัณฑิตผู้ขุ่นเคืองและทรงพรสวรรค์จัก ….
” พิธีฉลองนักปราชญ์ทองคำได้เริ่มขึ้นแล้ว ทุกผู้เชิญนั่งประจำตำแหน่ง “
จวินโม่เซี่ย นั่งลงไปที่เก้าอี้ของเขา เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นผู้ที่อยู่ตรงข้ามกับเขา มิใช่ผู้ใดอื่นนอกจาก คุณชายน้องแห่งสกุลลี่ ลี่โย่วหลาน คุณชายน้อยลี่ มองไปรอบๆ เขามองเป็น คุณชายน้อยจวินแสดงทีท่าราวอันธพาล และยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเขายกจอกสุราขึ้นเพื่อแสดงความปราถนาดี จวินโม่เซี่ยพ่นลมทางจมูกและใช้โอกาสนั้นยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาไขว้ นี่คือการเคลื่อนไหวที่แสดงถึงตัวตนอันธพาลของเขา
จากนั้น กลิ่นหอมหวานปะทะเข้ากับจมูกของจวินโม่เซี่ย มันลอยมาจากด้านหลัง เขามิต้องมองไปด้านหลังก็รู้ได้ว่า กลิ่นหอมหวานและบริสุทธิ์นี้มาจาก ตู่กู้เซี่ยวอี้ มันมิได้สามัญนัก หากแต่เขาคุ้นเคย ขออยู่ใกล้ตัวนางหลากหลายหน จึงตระหนักได้ว่า สกุลตู่กู้ จักต้องนั่งอยู่ด้านหลังของเขา คุณชายน้อยจวินมิได้หันไปมอง หากแต่จวินผู้หล่อเหลาสามารถสัมผัสถึงสายตาอันโง่เขลาที่เพ่งมองมาที่ด้านหลังของเขาได้อย่างชัดเจน
ยังมีดวงตาอีกคู่ที่เพ่งมองมาที่เขาจากเบื้องหน้า จวินโม่เซี่ยเลิกตาขึ้นมอง มิอาจคาดฝัน เขารู้ว่าดวงตคู่นั้นเป็นของ องค์หญิงหลิงเมิง แก้มของนางเป็นสีชมพูขณะนางหันหน้าหนีสายตาของเขา
เกิดอันใดกับหญิงผู้นี้ ? เหตุใดนางมองข้าเช่นนั้น … นางกระทำสาบาญเลือดบ้าบอนั่น .. ราวกับนางจริงจังยิ่ง แต่ข้าไม่ต้องการ !
ไม่คิดว่ามันจักเป็นภาระของข้า ?
มือสังหาร ตั้งใจปกปิดกลิ่นไออันชั่วร้ายของเขา เนื่องจากที่นี่มิใช่สถานที่ ซึ่งควรแสดงมันออกมา ดังนั้น เขาจึงมิอาจรู้สึกได้เมื่อมีผู้หนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา เมื่อหันหน้าไปมอง และพบว่า นั่นคือ ตู่กู้เซี่ยวอี้ ซึ่งมาเพื่อพูดคุยกับเขา แต่ นางเพิ่งจะเห็นเขา เกี้ยวพาราสีกับองค์หญิงด้วยสายตา ด้วยเหตุนี้ นางจึงหยิกเขาอย่างแรงแทนที่จะดุด่า …
จวินโม่เซี่ยแยกเขี้ยว
ข้าถูกหญิงสาวผู้นี้กลั่นแกล้งเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ?
จวินโม่เซี่ย มิหากหันหัวได้ถนัดหนัก ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นเห็นสิ่งที่เขาสัมผัสเมื่อเขาพยายามบีบเพื่อตอบโต้นาง แต่ ส่วนนั้นของนางอุ่นและนุ่มนวล เขารู้สึกราวกำลังบีบฟองน้ำ มันเอิบอิ่มและยืดหยุ่น ทำให้รู้สึกดียิ่งนัก
” อ๊ะ ! “
ตู่กู้เซี่ยวอี้ กรีดร้องเจ็บปวดขณะจวินโม่เซี่ยอุทานชื่นชม หน้าของเขาหนาราวกับกำแพงเมือง แต่กลับแดงก่ำมิอาจคาดคิด เขาดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว แต่ ทุกผู้มองไปที่พวกเขาพร้อมเพียง และรู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
ทั้งท้องพระโรงมองมาขณะที่ใบหน้าของนางเป็นสีแดง นางยืดตัวขึ้นด้วยทีท่าเขินอาย มือเล็กๆของนางบีนวดจุดที่ถูกบีบโดยมิได้ตั้งใจ เห็นได้ชัดว่านาง อับอายและลำบากใจ ดวงตาของนางเริ่มมีน้ำตาคลอ
จวินโม่เซี่ย บีบก้นอันหอมหวานของนางโดยมิได้ตั้งใจ จนทุกผู้คาดว่านางจักสังหารเขาเป็นแน่
เสียงกระซิบเยาะเย้ยดังขึ้นไม่นานหลังจากทุกผู้ได้ประจักษ์ถึงสิ่งนี้ หนุ่มสาวในท้องพระโรงเริ่มทองจวินโม่เซี่ยด้วยสีหน้าเกลียดชัง
เขาได้พรากเสรีภาพของหญิงสาวในสถานการณ์ที่จริงจังเช่นนี้ …. ! เด็กเหลือของผู้นั้นคือโรคร้ายที่ยิ่งใหญ่ในนคร ! ไม่เพียงแต่เขาข่มเหงสาวน้อยแห่งสกุลตู่กู้ … เขายังกระทำมันอย่างหื่นกาม ….
ตู่กู้เซี่ยวอี้ มาหา จวินโม่เซี่ยอย่างมีชีวิตชีวา แต่นางเห็นจวินโม่เซี่ยและองค์หญิงแลกเปลี่ยนสายตาชู้สาวกัน สิ่งนี้ทำให้นางขุนเคืองยิ่ง ดังนั้นนางจึงหยิกเขา และหันหลังเพื่อจากไป นางหวังว่าจวินโม่เซี่ยจะตามมาปลอบประโลมนาง ผู้ใดจักคาดว่าจวินโม่เซี่ยจักหยิกนางเงียบๆอย่างว่องไว ในขณะที่นางหันหลังกลับ ? แต่ เขากระทำเช่นนั้นเมื่อมีโอกาสทันที เขายืนมือไปจับก้นนางและบีบ ราวกับเขาเคยกระทำมาก่อน
ทุกผู้เห็นว่าคอของสาวน้อยแดงด้วยความอับอาย นางเร่งรีบกลับไปยังที่นั่งพร้อมก้มหน้าก้มตา จากนั้น พยายามปิดหน้าด้วยมือเล็กๆของนาง นางรู้ตัวว่านางถูกสัมผัสที่จุดนั้นต่อหน้าผู้คนมากมาย
เจ้าอันธพาลนั่นหยิกข้าเข้าที่ตรงนั้น แม้นว่าข้ามิได้บอกเขาถึงความรู้สึกของข้า … เขาทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ?
ท่าทีของสาวน้อยปรากฏบางสิ่งต่างไป …. จุดที่นางถูกหยิกเจ็บปวด นางมิอาจเดินได้ว่องไวนัก ความจริงแล้ว ความเจ็บปวดยังคงอยู่ แม้นว่านางจักได้นั่งแล้วก็ตามที ดังนั้น นางจึงไร้ทางเลือกเพียงแต่ ขยับท่าทางสองสามหน และสุดท้าย ท่านั่งของนางจึงแปลกประหลาดเล็กน้อย …
คุณชายน้อยจวินมีเหงื่อท่วมร่าง เขามิได้คาดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือ …. เขาคว้าเอาส่วนนั้น … จากนั้นเขาตระหนักได้ถึงความรู้สึกราวกับ …. แอปเปิ้ลเขียวที่สุดดั่งลูกพีชหวาน … และเขาเอามันไปกัดแทะ …
เขาอดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นมิได้หากนางมิได้หันไป ….
ข้าจักคว้าไปตรงจุดใดหากนางมิได้หันไป ?
เขายิ้มชั่วร้ายและทำท่าบิดนิ้ว ราวกับเขายังคงรู้สึกถึงผืนผ้าอันนุ่มนวลที่นิ้วมือ เขามิอาจกลั้นมิให้เขานิ้วขึ้นมาที่จมูกและดมกลิ่นหอมหวานนั้น … ขณะที่ใบหน้าของเขาแสดงความหยาบโลน
” ไร้ยางอาย ! เขาเสื่อมทรามนัก ! “
ทุกผู้ที่อยู่ในที่นี้สีหน้าแดงกำด้วยโทสะ พวกเขายกเคราแพะขึ้น
คุณชายน้อยจวินผู้นั้นไร้ยางอายยิ่ง ! เขาเป็นคนต่ำช้านัก ! ข้าประสงค์จะตัดมือของเจ้าขยะนี้ทิ้งเสียจริง !
ชายหนุ่มมองที่เขาอย่างดูหมิ่นและสาปแช่ง พวกเขาสถบในใจด้วยโทสะ แต่พวกเขากลับถูกนิ้วสองนิ้วเข้าด้วยกันอย่างไม่ตั้งใจ จมอยู่กับภวังค์ … ครุ่นคิด … จักดีเช่นไรหากพวกเขาสามารถรู้สึกถึงสัมผัสนั้นได้
หนึ่งในกลิ่นก้นอันหอมหวานของสองสาวงามแห่งนครเทียนเชียง !
ไม่นานพวกเขาก็พ่ายแพ้ความพึงพอใจ พวกเขายกนิ้วขึ้นเพื่อสูดดม …
อ่าห์ ช่างหอมหวานกระไรเช่นนั้น ….
องค์หญิงหลิงเมิงนั่งห่างออกไปหลายโต๊ะ นางไม่รู้จักคิดเช่นไร ใบหน้าอันงดงามของนางกลายเป็นสีแดงขณะนางรู้สึกคันอย่างแปลกประหลาดที่แก้มก้น นางพ่นลมทางจมูกเมื่อรู้สึกถึงความริษยาอันแผ่วบางในหัวใจ
ทันใดนนั้น ทุกผู้เริ่มได้ยินเสียงฝีเท้าหนักดังจากด้านนนอก ชัดเจนว่าบุคคลสำคัญใกล้ถึงท้องพระโรงแล้ว เหล่าอาจารย์แห่งสถาบัน และหัวหน้าสกุลต่างๆ ก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าว่องไว และเข้มแข็ง
ทั้งโถงเงียบลง
ไม่มีผู้ใดสามารถล้อเล่นกับคนเหล่านี้ได้
จากนั้น … องค์ชายทั้งสามเข้ามา…. ยิ้มแย้มแจ่มใจ
พิธีฉลองนักปราชญ์ทองคำได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
อาหารเลิศรสมากมายถูกนำเข้าสู่ท้องพระโรงโดยนางกำนัลที่เดินเข้ามาเรียงราย กลิ่นอันหอมหวนปะทะเข้ากับจมูกของทุกคน แต่ แม้แต่อันธพาลหน้าหนาเช่นจวินโม่เซี่ยรู้ว่าไม่ควรเคลื่อนไหว
เพราะว่า … องค์จักรพรรดิยังไม่เสด็จมา
บุคคลสำคัญที่สุดจักปรากฏตัวขึ้นเป็นคนสุดท้าย
ยอมรับว่า จวินโม่เซี่ยมิได้สนใจองค์จักรพรรดิมากนัก แต่ เขาไม่ปรารถนาจักก่อปัญหาในเหตุการณ์สำคัญนี้
จากนั้น ทุกคนในโถงยืนขึ้นรวดเร็ว เมื่อได้ยินว่าฝีเท้าอันหนักแน่นนั้นมาถึงด้านนอก
ทุกผู้แสดงสีหน้สุภาพเรียบร้อยเคร่งขรึม ขณะที่ยืดคอเพื่อหันไปมองว่าเป็นผู้ใด …
สิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นเป็นเพียงแค่ … คนตัวอ้วนที่เดินมาพร้อมกับเหล่าขันที
พวกเขานึกถึงผู้ร่วมเดินทางผู้หนึ่ง ถังหยวน !
สิ่งแรกทุกผู้ตกตะลึง และจากนั้นหัวเราะลั่น ถังหว่านลี่ยืนขึ้น สีหน้ามิได้แสดงโทสะ
” เจ้าชั่ว ! เจ้ากำลังทำเรื่องโง่เขลาอันใด ? “
ใบหน้าของถังหยวนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ! เขาเดินเชื่องช้าราวผีดิบ ทุกก้าวของเขาเต็มไปด้วยความมึนงง เอวของเขาลดต่่ำลงด้วยเหตุผลอันน่าหวาดกลัวบางอย่าง เก้าอี้ ติดอยู่กับส่วนหลังของเขา ที่ก้นของเขามีเก้าอี้กลมติดมาด้วย ราวกับเก้าอี้ตัวนั้น เติบโตขึ้นมาจากก้นของเขา …
คำถามขององค์จักรพรรดินั้นมีเป้าประสงค์ที่จวินโม่เซี่ย พระองค์คิดว่าพระองค์นั้นปราดเปรื่อง และมุ่งเน้นไปที่จวินโม่เซี่ยเพียงผู้เดียว แต่ในสายตาของเจ้าอ้วนถังมิได้เป็นเช่นนั้นหรือ ?
เรื่องบ้าบอนี่ !
สิ่งนี้คือความคิดเดียวในสมองของถังหยวนขณะที่เขาเข้าพบองค์จักรพรรดิ
เขากำลังจะกลับไปตามรับสั่งขององค์จักรพรรดิ และลุกขึ้น แต่เขาลืมโค้งตัวคำนับ เนื่องจากลืมตัว เขาเริ่มโยกตัวไปมา แต่ก้นของเขาใหญ่เกินไป … และเก้าอี้นั้นเล็กมากสำหรับเขา ดังนั้น ขณะที่เขายืนขึ้น… เก้าอี้จึงยกขึ้นมา และติดอยู่กับส่วนหลังของเขา และยังคงเป็นเช่นนั้นตลอดเส้นทางมายังท้องพระโรง แต่ถังหยวนกำลังเอาชนะความวิตกจนมิอาจสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเก้าอี้หรือน้ำหนักของมัน … ความจริงแล้ว เขาไม่รู้สึกถึงมันจนกระทั้งถึงเวลานั้น …
เขาได้สติหลังจากทุกคนหัวเราะและปู่ของเขาดุด่า เขาเบิกตากว้าง และตระหนักได้ว่ามาถึงยังท้องพระโรงแล้ว จึงเริ่มสะอื้นทันใด … ราวกับเด็กตัวน้อยกระทำสิ่งผิดพลาด
” ฮ่า ฮ่า ! คุณชายน้อยถัง สามารถยิ่ง ! พฤติกรรมของเขาโดดเด่นอย่างแท้จริง ! เขาช่างเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยม ! เขาคงจักเกรง ว่ามิอาจหาเก้าอี้ที่เหมาะสมกับตัวเขาในราชวังได้ … ดังนั้นจึงนำเก้าอี้ของตัวเองมาด้วย ! ช่างโดดเด่นยิ่งนัก ! “
เมิงไฮ่โจวไม่ปล่อยให้โอกาสนี้จากไป เขาเริ่มแสดงความคิดเห็น วาจาของเขาเป็นการเติมเชื้อไฟให้ทุกคนหัวเราะลั่น
ใบหน้าของถังหว่านลี่ บวมเป็นสีม่วง เขาคำรามและกระแทกเก้าอี้กลมตัวนั้นอย่างรุนแรง มันแตกกระจากเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หนวดของเขาโบกสะบัด ขณะเขาเพ่งมองไปรอบๆ แต่กระนั้น เขาก้มหน้าลงเมื่อตระหนักได้ว่า มิอาจหยุดเสียงหัวเราะเหล่านั้นได้
เขาถอนใจเมื่อเห็นหลานชายในสภาพนี้ หัวใจของอาวุโสผู้นี้เจ็บปวดด้วยความโศกเศร้า
ข้ารู้จักองค์จักรพรรดิมานานปี … พระองค์ได้หลงลืมความสัมพันธ์ของเรา … เหตุใดพระองค์ จึงไม่ยับยั้งเหตุร้ายนี้ ? แต่ ตอนนี้มิใช่เวลาจักถามเช่นนั้น จักเป็นการดีหากปล่อยเรื่องนี้ไป
แต่ เขารู้สึกว่ามีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา หากเขาไม่ผิดพลาด … ผู้นั้นคือ คุณชายน้อยจวิน
” เข้มแข็งเจ้าอ้วน ! “
น้ำเสียงของจวินโม่เซี่ยคล้ายดั่งมารยา เขาเซไปมาขณะเอ่ย แต่กระนั้น ถังหยวนก็ตระหนักได้ว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นจริงๆ สีหน้าของจวินโม่เซี่ยเต็มไปด้วยความอบอุ่น เขาตัดสินใจจักรับมือกับสถานการณ์นี้
” พี่ใหญ่จะยังคงอยู่เบื้องบน … แม้นว่าสวรรค์จักลมสลาย ! มา ดื่มกับข้า ! “
จกนั้นจวินโม่เซี่ยหัวเราะลั่น เขากระตุ้นเคล็ดอิสระหยินหยางขณะเอ่ยวาจาเหล่านี้ และปล่อยข้อความเหล่านี้เข้าสู่หูขอถังหยวน ผู้อื่นนั้นได้ยินเพียงแค่ประโยคสุดท้าย เนื่องจากเขาพูดมันออกมาทางปาก
” พี่ใหญ่จะยังคงอยู่เบื้องบน … แม้นว่าสวรรค์จักล่มสลาย !
เป็นดั่งการสร้างความมั่นใจ และทำให้ความคิดของเจ้าอ้วนถังผ่อนลง หัวใจของถังหยวนกระตุก ราวกับเขาตายไปแล้วก่อนหน้านี้ … แต่ทันใดนนั้นเขาฟื้นคืนมาอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้น สีหน้าของจวินโม่เซี่ยนั้นไม่สำคัญ จากนั้นหัวเราะอย่างชั่วร้ายและเอ่ย
” กลายเป็นว่าสุราที่บริการในพิธีฉลองนี้จามจาก หอชนชั้นสูง ของพวกเรา ! คงจะไม่เป็นเช่นนี้หากสุราในพิธีอันยิ่งใหญ่นี้มิใช่ของดีอย่างแท้จริง ! ดูเหมือนว่าองค์ชายสามมิได้เอามันไปทั้งหมด นั่นเป็นเรื่องดีมิใช่หรือ ?! “
ชายทั้งสองหัวเราะชั่วร้ายขณะเดินไปด้วยกัน
ถังหว่านลี่ประหลาดใจ หลานชายของเขาเพิ่งจะท้อใจยิ่งเมื่อไม่นานมานี้
ราวกับเขามิได้รับความรักตั้งแต่เกิดมา … ! เมื่อเจ้าปิศาจน้อยจวินโม่เซี่ยเริ่มเอ่ยยถึงสุรา .. และเขากลับกลายเป็นดั่งคนเก่าไปในทันที … !
เกิดอันใดขึ้น ?