Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ - ตอนที่ 300
น้ำเสียงของ เซี่ยวปู้หยู นุ่มนวล อีกทั้งยังก้องสะท้อนอย่างรุนแรง ราวกับเสียงภูเขาไฟที่กำลังจะพวยพุ่ง เขามิอาจอดกลั้นอารมณ์ไว้ได้ ” เจ้าเห็นมีผู้ใดอออกไปหรือไม่ ? “
ยอดฝีมือร่วมยี่สิบที่ปิดล้อมเส้นทางหนีไว้ต่างมองหน้ากันตกตะลึง
พวกเรามิอาจพบตัวเขาได้ตอนที่เขาแทรกซึมเข้ามา เช่นนี้ เหตุใดเจ้าจึงคิดว่าพวกเราจักหาเขาพบในตอนนี้ ? ไม่มีผู้ใดออกมา อาห์ !
” ใจเย็น พี่สอง ยอดฝีมือยี่สิบปิดล้อมอยู่อย่างแน่นหนา แม้แต่ยุงก็มิอาจบินหนีอกไปได้ ดังนั้น ข้าจึงของให้พี่สองกระทำการต่อไป ”
ผู้อาวุโสสสามจับด้ามกระบี่ เขาเอ่ยวาจาเหล่านั้นด้วยทีท่าเลื่อมใส ผมสีขาวของเขาดูราวด้ายเงิน หนวดของเขาขาวดั่งหิมะ ในขณะที่กระบี่ปลดปล่อยประกายแสงอันเยือกเย็น
” น้องสามถูกต้องแล้ว ! ใจเย็นก่อน พี่สอง ! ”
ทุกผู้เอ่ยขึ้นพร้อมเพียง ราวกับพวกเขากระทำสาบานหนักแน่น
เซี่ยวปู้หยูคงจักยินดีหากเขาได้ยินวาจาเหล่านี้ก่อนหน้านี้ ความจริง เขารู้สึกทะนงตัวนัก สุดท้ายแล้ว ความสามารถของน้องชายของเขามิต้องคลางแคลงเลย
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ วาจาอันชัดเจนของพวกเขานั้นน่าขันนัก ความจริงแล้ว เขารู้สึกอับอาย ความรู้สึกหมดหนทางพุ่งทะยานขึ้นในหัวใจเขามหาศาล เขาเงยหน้าขึ้นและถอนใจยาวไร้ความสุข จากนั้น พี่สอง ร่อนไปยังดาดฟ้าของ หอมณีวิจิตรอย่างเชื่องช้า และยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความงุนงง
” เป็นอะไรหรือพี่สอง ? “
ทุกผู้เห็นได้ชัดเจนว่าอารมณ์ของเขานั้นไม่ดีนัก ดังนั้น พวกเขาจึงทำได้เพียงรุมล้อมและเอ่ยถามเขาด้วยความเป็นห่วง
” พวกเราแพ้ … ”
เซี่ยวปู้หยูถอนใจลึกและมองออกไปห่างไกล สีหน้าของเขาโศกเศร้าและว่างเปล่า เผยถึงความอัปยศที่หัวใจของเขาต้องประสบ
ผู้ที่ขโมย หยกเสริมวิญญาณ ผู้นี้คือใคร ?
ผู้ใดในโลกนี้ที่ได้ครอบครองวิชาอันล้ำเลิศที่พวกเขามิอาจตรวจจับเขาได้ ?
เขาเข้ามาได้โดยมิถูกตรวจเจอ …แม้แต่เงา !
เขาจากไปโดยไม่เหลือไว้ซึ่งร่องรอย !
อาจารย์ จุ้นเป้ยเฉินและผู้เป็นตำนานมิอาจทำได้ ?
” พวกเราพ่าย ? พี่สอง ท่านกำลังเอ่ยสิ่งใด ? “
ยอดฝีมือนับยี่สอบใบหน้าถอดสี หลังจากนั้น เซี่ยวปู้หยูเอ่ย
” มีใครบางคนขโมย หยกเสริมวิญญาณ ”
ทุกผู้รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาเชื่อว่า ในที่สุด ชายลึกลับผู้นั้นปรากฏตัวขึ้นแล้ว ทุกผู้มีชีวิตชีวาและโหยหาการต่อสู้ พวกเขาประสงค์จะเห็นว่าผู้ใดเป็นยอดยิ่งกว่าระหว่างพวกเขาและชายผู้นั้น ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขามิอาจหาตัวเขาได้แม้เพียงเงา ทุกคนคิดว่าเป็นความผิดพลาดของสัญญาณเตือน แต่กระนั้น พวกเขาก็ได้ยินคำว่า
“พ่ายแพ้” จากปากของ เซี่ยวปู้หยู
มีหรือผู้ที่มีอายุเท่าเทียมพวกเขาที่มอาจเข้าใจถึงความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังประโยคนั้น ?
” หรือจะเป็น … ? “
ทุกผู้มองไปยัง เซี่ยวปู้หยูและเห็นใบหน้าของเขา พวกเขาเอ่ยวาจาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าของพวกเขาเผยว่ามิอาจเชื่อได้ แต่น้ำเสียงของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเริ่มมีความเชื่อแล้ว
” ใช่ เจ้าคาดการได้ถูกต้อง หยกเสริมวิญญาณ ตกไปอยู่ในมือของคนผู้นั้น ”
น้ำเสียงอ่อนนุ่มของ เซี่ยวปู้หยูดูราวโศกเศร้า ความจริง เขามิอาจเอ่ยวาจาได้อย่างเหมาะสมเนื่องจากความหดหู่ ” ข้ามิได้เห็นแม้แต่เงาของคนผู้นั้น และ หยกได้หายไปโดยไร้ร่องรอย พวกเรามองไม่เห็นชายผู้นั้น แม้นว่าพวกเราจะเริ่มไล่ตามเขาในทันที ชัดเจนว่าพวกเจ้ามิอาจมองเห็น เข็มในพงหญ้าได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้ นครพายุหิมะสีเงิน พ่ายแพ้ … “
” เป็นไปได้อย่างไร ? ที่สอง พวกเราจัดต้องไม่ลืมว่าท่านใช้เคล็ดแก่นวิญญาณกับหยก ”
ผู้อาวุโสเก้าเบิกตาเพ่งมองไป
” แต่เพื่อเป็นการป้องกัน .. มันจักมิเป็นการง่ายดายหรือพวกเราจักหาเขาเมื่อต้องการ ? ”
ทุกผู้แสดงสีหน้า คราวคำว่า เจ้ามันโง่ ในตอนที่วาจาเหล่านั้นออกมาจากปากของเขา
พี่สองจักแสดงสีหน้าโศกเศร้าหรือหากว่าตอนนี้คเล็ดวิชาของเขาสามารถใช้ได้ ?
กระนั้น สีหน้าของทุกผู้ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเมื่อพวกเขาคิดถึงเรื่องนี้
” มันไร้ประโยชน์ ในตอนที่คนผู้นั้นแตะมือไปยัง หยกเสริมวิญญาณ เคล็ดวิชาอันล้ำเลิศของเขาได้สกัดกั้นเคล็ดแก่นวิญญาณและ เชื่อมกลิ่นวิญญาณห้าร้อยลี้ของข้าไปแล้ว พวกเรามิอาจใช้งานมันได้ในตอนนี้ ”
เซี่ยวปู้หยูแหงนมองไปยังอินทรีเขียวที่โบยบินอยู่เบื้องบน เขารู้สึกสิ้นหวัง
” เป็นไปได้อย่างไร ? “
ยอดฝีมือนับยี่สิบถอนใจยาว
” เคล็ดแก่นวิญญาณ จักเชื่อมต่อกับร่างของเป้าหมายเมื่อมันสัมผัสกัน ดังนั้น คนผู้นั้นจักตัดการเชื่อมต่อโดยไร้ซึ่งร่องรอยได้อย่างไร ? ยิ่งกว่านั้น คนผู้นั้นจักต้องแข็งแกร่งเพียงใดที่จักกระทำเช่นนี้ได้ ? นอกจากนี้ เชื่อต่อกลิ่นวิญญาณห้าร้อยลี้ เป็นเคล็ดลับของ นครพายุหิมะสีเงิน มันจักตามติดวิญญาณของคนผู้นั้นเมื่อต้องสัมผัสกับเป้าหมาย มีเพียงยาถอนพิษเฉพาะจากนครพายุหิมะสีเงินเท่านั้นที่จักถอนกลิ่นนั้นได้ มิเช่นนั้น มันจักยังคงติดอยู่กับคนผู้นั้นตราบเท่าชีวิตของเขา เช่นนั้น คนผู้นั้นจักกำจัดมันออกไปได้อย่างไร ? เรื่องทั้งหมดนี้ดูเหมือนยากจะเชื่อได้ ! ”
” ท่านแน่ใจหรือ พี่สอง ? “
น้ำเสียงดุดันเอ่ยถาม ทุกผู้หันมองไปยังทิศทางของเสียงนั้น และได้รู้ว่าเป็นวาจาของผู้อาวุโสห้า ถายในพี่น้องทั้งเก้า เขาคือผู้ที่รอบคอบเกินผู้ใด
” ข้ามั่นใจ ! ”
เซี่ยวปู้หยู้ถอนใจขมวดคิ้ว ราวกับเขามีอายุเพียงสิบขวบปี จากนั้น เขาเอ่ยต่อนุ่มนวล
” ความกังวลหลักของข้าเลยคือ … เขาได้จัดการกับ เคล็ดแก่นวิญญาณ และ เชื่อมต่อกลิ่นวิญญาณห้าร้อยลี้ได้ .. ดังนั้น … พวกเรามิอาจบอกได้ว่าเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกหล้า หากแต่ยังมีอีกหลายผู้ที่อยู่ในขั้นสูงกว่าพวกเรา ดังนั้น ข้าคาดว่าหากเขาประสงค์ หยกเสริมวิญญาณ … เขาก็สามารถได้มาอย่างง่ายดาย ความจริง มิใช่เรื่องยากสำหรับเขาหากจักบังคับให้พวกรายอมจำนนโดยการโจมตีนครพายุหิมะสีเงิน … ”
ทุกผู้เข้าใจถึงความหมายที่อยู่เบื้องหลังวาจาเหล่านี้ชัดเจน
” ใช่แล้ว .. หากเขาเป็นยอดฝีมือที่มิอาจเทียบได้อย่างแท้จริง .. เหตุใดเขาจึงกระทำตัวเป็นหัวขโมยเช่นนี้ ? ชื่อของเขาจักมีชื่อเสียงนั้นติดตามไป และ เขามิอาจลบมันออกไปได้แม้นว่าเขาจักเป็นที่รู้จักไปทั่งทั้งแผนดินในภายภาคหน้า มิน่าใช่เรื่องที่อาจเข้าใจได้ ! ”
ทุกผู้เงียบลง
หากทุกผู้ในที่นี้ร่วมแรงใจกันต่อสู้ พวกเขาก็มีความแข็งแกร่งเกินกว่าแปดยอดปรมาจารย์ แต่ คนผู้นี้มิได้เปิดเผยตัว และ ยอดฝีมือจากนครพายุหิมะสิสามคนก็หุนหันเข้าสู้กับคนลึกลับผู้นั้น ดังนั้น ทุกผู้จึงรู้สึกสิ้นหวัง แต่ พวกเขามิได้เพียงหวาดกลัวเขา ความจริงแล้ว พวกเขาหวาดกลัวอย่างที่สุด …
พวกเราโชคดีที่เขาเพียงประสงค์จักขโมยหยก ! หากเขาประสงค์จักต่อสู้กับพวกเรา… เขามิสามารถสังหารพวกเราเพียงแค่ดีดปลายเล็บหรอกหรือ ?
เจ็ดกระบี่แห่งนครพายุหอมะสีเงินยื่นนิ่งไร้อารมร์ กระนั้น พวกเขากำด้ามกระบี่แน่นจนกระดูกของพวกเขาโผล่ออกมา
” ข้าภาคภูมิในนครพายุหิมะมาตลอดสามสิบปีนี้ แต่มิคาดว่ามันจักหมดสิ้นลงในวันนี้ …! ”
เซี่ยวปู้หยูแกว่งมือด้านหลังขณะที่เขายืนขึ้นบนยอดสูงสุดของ หอมณีวิจิตร เขาเหม่อมองไปยังนครเทียนเชียง ทั้งนครดูเหมือนสว่างไสวด้วยแสงไฟภายใต้แสดงดารา จากนั้นเขาถอนใจ และยืนนิ่งไร้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน
ยอดฝีมือยี่สิบรู้สึกหนักอึ้งภายในอก การหายใจดูเหมือนเป็นงานยากลำบาก … ราวกับแผ่นฟ้าเหนือนครเทียนเชียงถล่มลงมาใส่พวกเขา พวกเขารู้สึกว่าแรงกดดันจากเบื้องบนเริ่มมุ่งเข้าสู้หัวใจของพวกเขา
” เร็วเข้า เหาะไปยังนครเทียนเชียง รายงานเรื่องวันนี้แก้นายท่าน พวกเราควรไปยังเถียรฟาให้เร็วที่สุด สถานที่นี้มิได้เมตตาแก่พวกเราแล้ว พวกเราต้องเร่งรีบ ”
ผม หนวดและเสื้อคลุมสีขาวของเขาโบกสะบัดขณะที่เขาลอยขึ้นสู่สายลม น้ำเสียงของเขาโศกเศร้าและสิ้นหัวงยิ่ง ดูราวทะนงและเย้อหยิ่ง ทุกสิ่งที่เขาบ่มเพาะมาตลอดหลายปี ได้ออกมาจากร่างของเขาขณะที่เอ่ยวาจาเหล่านั้น มีกลิ่นอายอันน่าหดหู่ที่มิอาจอธิบายรอบตัว …
ทำให้รู้สึกราวกับ … เป็นจุดสิ้นสุดแห่งเส้นทางของวีรบุรุษ !
” พี่สอง ! ”
ยอดฝีมือยี่สิบรองขึ้นพร้อมกัน
เซี่ยวปู้หยูสบัดปลอดแขน
” การคิดมากไปมิใช่สิ่งดีสำหรับพวกเจ้า ! ทุกผู้ต้องไปพักผ่อน ”
ร่างของเขาเคลื่อนไหวไปขณะที่เอ่ยจบ จากนั้น เขาหายไปจาก ทิ้งไว้เพียงกลิ่นไอที่โศกเศร้าและหนักอึ้ง
จวินโม่เซี่ยวาง หยกเสริมวิญญาณ เข้าไปใน เจดีย์หงส์จวิน อย่างนุ่มนวลภายในเสี้ยววินาที จากนั้น ใช้ความพยายามทั้งหมดกระตุ้นเคล็ดอิสระหยินหยาง และยืนนิ่งอยู่ตรงมุมหนึ่งในห้องของ เซี่ยวเฟิงวู คุณชายน้อยจวินตัดสินใจเฝ้าดูเหตุการ์ณและความเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งอย่างเงียบๆ
กระนั้น เซี่ยวปู้หยูก็ผลีผลามเข้าในในตอนที่เขาขโมยหยกไป ปราณเชวียนอันคมกริบของผู้อาวุโสแพร่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง พร้อมด้วย เคล็ดแก่นวิญญาณ ราวกับกระบีนับพันล่องลอยในอากาศ จึงทำให้จวินโม่เซี่ยหายใจได้ยากยิ่ง เขาอดประหลาดใจมิได้
คนจากนครพพายุหิมะสีเงินผู้นี้น่าสนใจ กลิ่นไออันสง่างามของเขานั้นอ่อนด้วยกว่า เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว แต่ไม่ได้มากมายนัก
มิน่าประหลาดใจเลยที่ นครพายุหิมะสีเงินมั่นใจในแผนการของพวกเขายิ่งนัก
จากนั้น จวินโม่เซี่ยจึงอยู่ดูเรื่องราวดราม่า โดยมิต้องจ่ายเงิน สำหรับยอดฝีมือจาก นครพายุหิมะสีเงิน ทำให้เขารู้สึกได้เพียงหนึ่งสิ่ง
พวกเขาน่าประหลาดใจ เขาเป็นเพียงแมลวันตัวเล็กๆเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขา แต่ ยอดฝีมือเทพเชวียนระดับสูงเหล่านี้ถึงได้ยกย่อง และเอ่ยกล่าวว่าเขาคือยอดฝีมืออันดับหนึ่งในโลกหล้านี้
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่พึงพอใจยิ่งสำหรับเขา ! ความจริง มันเป็นสิ่งที่เกือบจะน่าพึงพอใจ…
เพียงแต่เดิมที คุณชายน้อยจวินเฝ้ามองพวกเขาอยู่ข้างๆเท่านั้น เขาจักไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ ดังนั้น ในตอนที่เซี่ยวปู้หยู ยืนอยู่อย่างหดหู่ จวินโม่เซี่ยก็มิได้ยืนอยู่ห่างไกลเขา เขาวางมือลงบนหัวเข่า และมองใบหน้าของผู้อาวุโสด้วยความสนใจ คุณชายน้อยจวิน มีความสุขกับความโศกเศร้าของเขา
จวินโม่เซี่ยรู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาดเมื่อได้เห็นว่า เซี่ยวปู้หยูตัดสินใจไปยังป่าเถียนฟาอย่างกระทันหัน เขารู้ว่าผู้คนเหล่านี้พยายามสร้างความยากลำบากให้แก่เขาและน้าชายในป่าเถียรฟา ความจริงแล้ว พวกเขาอาจพยาายามสังหาร เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว แต่เขามิกังวลในเรื่องนั้น
เขาตระหนักได้ว่า ผลของกลิ่นไอของเขาจักเลวร้ายในทางใต้ ยิ่งกว่าที่นี่ ดังนั้นเขาจักต้องกลัวพวกเขา ?
น่าขันยิ่งนัก !
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขากังวลคือ ผู้คนจากนครพายุหิมะเหล่านี้ จักขัดขวางและโจมตีกองทหารของจวินวูอี้ในระหว่างทาง โอกาศที่จักเกิดเรื่องนี้น้อยนิดยิ่ง แท้จริงแล้ว ดูเหมือนเป็นเรื่องน่าขัน แต่ นี่คือสิ่งที่จวินโม่เซี่ยเป็นกังวลที่สุด
ทุกสิ่งอาจมิเป็นเช่นนั้น
ดังนั้น จวินโม่เซี่ยจึงไม่จากไปเนื่องจากเขาตัดสินใจจักเฝ้ามองอยู่บนดาดฟ้าของ หอมณีวิจิตร เขารู้สึกผ่อนคลายหลังจาได้เห็นพวกเขาจากไป จากนั้น เขาจักพยายามย่างยิ่งยวดเพื่อเหนี่ยวรั้งการเคลื่อนขบวนของกองทหาร เนื่องจากจักไม่เป็นสิ่งดีสำหรับเขาหากกองทหารถูกซุ่มโจมตี…
เช้าวันถัดมา จวินโม่เซี่ยได้เห็นหกผู้อาวุโส เจ็ดสวรรค์เชวียนสูงสุด เซี่ยวฮั่น และ มูซื้อทง จากนครพายุหิมะสีเงินอีกครั้ง ใบหน้าอันซีดเผือกและอ่อนแรงของ เซี่ยวเฟิงวู องค์หญิงฮั่นหยานเมิง และกระเป๋าเดินทางของพวกเขาขณะที่ออกเดินทางอย่างยิ่งใหญ่ เขามองดูพวกเขาออกไปจาก นครเทียนเชียงและติดตามพวกเขาไปราวครึ่งลี้ เขาสังเกตได้ว่า พวกเขามีความมุ่งมั่นในการเดินทางยิ่ง ดังนั้น เขาจึงรู้สึกผ่อนคลายและกลับบ้าน
ในที่สุดเจ้าก็หนี ! ตอนนี้ เทียนเชียงเป็นโลกของข้าแล้ว !
จวินโม่เซี่ยกลับจวนด้วยความรู้สึกเบาสบายดั่งขนนก เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างมิอาจหาที่เปรียบ
เขาเกือบจะไปถึงประตูเมื่อจมูกของเขาถูกจู่โจมด้วยกลิ่นฉุนยิ่งยวด ทำให้เขาเกือบล้มลง .มันเป็นอันใด ?
เขาพยายามค้นหาแหล่งที่มาของมันอย่างระมัดระวัง และกระโดดขึ้นด้วยความตกใจ
สวรรค์ ! เอ๋ ! อะไรกันนี่ ?!