Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ - ตอนที่ 309
เขาควบคุมโทสะตลอดการเดินทาง บุรุษผู้นั้นไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาคุ้มกันคืออะไร การเดินทางทั้งหมดนี้จึงเป็นสิ่งที่มีเงื่อนงำสำหรับเขา นอกจากนั้น พวกเขาเร่งรีบตลอดการเดินทาง ทำให้ เขาและผู้อื่นอีกยี่สิบเกือบสลายไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ยิ่งกว่านั้น ไม่มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นการเดินทางนี้
นี่เป็นความยากลำบากที่เกินความจำเป็นหรือ ?
ดูเหมือนว่าสกุลโจวจักเคร่งเครียด ราวกับแม่ของพวกเขากำลังตาย และยังมีพวกลูกนอกสมรสอื่นๆ … มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขามาจากที่ใหน ! พวกเขากระทำการเย่อหยิ่งนัก … ราวกับคนของข้ามีคามหมายสำหรับงานประหลาดนี่! ราชองครักษ์จักกระทำเช่นนั้นไหมหากพวกเขาอยู่ที่นี่แทนจักเป็นคนเหล่านี้ ?
เมิงเซี่ยวซ้งรู้สึกหม่นหมองยิ่งเนื่องจากความจริงนี้
พวกเขาเร่งรีบตลอดการเดินทาง ก้นของพวกเขาระบมหลังจากขี่ม้ามาตลอดวันคืน เช่นนั้น พวกเขาจึงถอนใจด้วยความเหนื่อยอ่อนเมื่อค่ำคืนมาถึง พวกเขาเริ่มคิดว่าในที่สุดก็ได้พักผ่อน … ซึ่งพวกเขามองหาโรงเตี๊ยมและความสุขกับสุรา พวกเขาอยู่ในอารมณ์ที่จักหาหญิงสาวและใช้เวลาที่มีความสุขด้วย แต่มิอาจคาด พวกเขาได้รับคำสั่งให้เร่งความเร็ว
นี่เป็นการขัดบัญชาสวรรค์ ! นี่มิไร้เหตุผลไปหรอ ?
ทุกภารกิจที่ข้าทำเริ่มเป็นการชมทิวทัศน์ เช่นนั้น เหตุใดพวกเราต้องมีเวลาที่ยากลำบากนี้ ? เจ้าคิดว่าข้าจักร่วมกันเดินทางนี้หรือ หากมิใช่เพราะเจ้าสัญญาจักจ่ายด้วยราคาสูงส่งถึงห้าหมื่นตำลึงเงิน ? อย่างไรก็ตาม ข้าก็มอบความเคารพแก่เจ้า เช่นนั้น อย่าให้ข้าทำงานดั่งลาโง่ !
นี่คือเหตุที่ เมิงเซี่ยวซ้ง อุปนายกแห่งคาราวาณการค้าทางใต้ มิอาจทนได้ต่อไป เช่นนั้น เขาจึงถามออกมาดังด้วยน้ำเสียงหยาบคาด
“มันสำคัญยิ่ง ! เราทำได้เพียงระแวดระวัง ! อุปนายกเมิงใจกว้างยิ่ง แต่จักขอให้ท่านยกโทษให้เราในเรื่องนี้ “
โจววูจี้ฝืนยิ้มและปรบมือ
” เจ้าโง่ สำคัญยิ่ง สำคัญยิ่ง ข้าต้องได้ยินสิ่งนี้มากกว่าแปดร้อยครั้งตลอดการเดินทาง ! ข้าป่วยจากปัญหาที่เจ้าสร้างให้ ! โจววูจี้ข้าแนะนำให้เจ้าเคารพพวกเราบ้าง เจ้าจ่ายเงินแก่พวกเรามากมายเพื่อปกป้องคาราวานของเจ้า แต่พวกเรามิใช่คนรับใช้ของสกุลโจว เจ้าต้องเข้าใจเรื่องนี้ให้ชัดเจน อย่าคิดว่าพวกเราเป็นเป็นหมู่โง่ ! ”
เมิงเซี่ยวซ้งวิตก เขาได้ยินวาจาที่ว่า สำคัญยิ่ง ! หลายครั้งในการเดินทางนี้ที่ทำให้ติดอยู่ในหูของเขา เช่นนั้น เขามิอาจกลั้นความอดทนได้เมื่อได้ยินมันอีกครั้ง
โจววูจี้ฝืนยิ้ม เขากำลังจักอธิบายเพื่อมิให้เกิดความคลางแคลง แต่ ทันใดนนั้นบุรุษสี่คนปรากฏตัวขึ้นบนหลังม้า ใบหน้าของทั้งสี่เยือกเย็นขณะพวกเขาใกล้เข้ามา หูของพวกเขาเบิกกว้าขณะที่พวกเขาเพ่งมอง เมิงเซี่ยวซ้งและเอ่ยอย่างเยือกเย็น
” เกิดอันใดขึ้น ? เจ้าโต้เถียงอันใด ? เจ้าโง่ เหตุใดเจ้าไม่พอใจ … แม่ของเจ้ากำลังตายหรืออย่างไร ? ”
บุรุษขี่ม้าทั้งสี่มาจาก องครักษ์สวรรค์พิโรจ พวกเขาก็เข้าร่วมการเดินทางอันยากลำากเช่นกัน เช่นนั้นพวกเขาก็มีความไม่พอใจมากมายที่เก็บไว้ในใจเช่นกัน อย่างไรก็ตาม พวกเขามิได้ชื่นชอบเมื่อเห็น เมิงเซี่ยวซ้งเริ่มก่อนและมีน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
พวกเรามิได้ร้องทุกข์แม้นเล็กน้อย แล้ว เจ้าจักมีค่าอันใด ?
เมิงเซี่ยวซ้ง สามารถสัมผัสถึงจิตสังหารอย่างเข้มข้นที่มาจากบุรุษขี่ม้าทั้งสี่ ทันใดนนั้นโทสะก็เพิ่งขึ้นในหัวใจ
เชวียนเงินสามัญเช่นนั้นกล้าต่อกรกับปฐพีเชวียนเช่นข้า ? ในความจริง พวกเขาตำหนิข้า ? นี่เป็นการขัดต่อกฏสวรรค์ ! มันจักสมเหตุสมผลได้อย่างไร ?
” เหตุใด ? เจ้ามีสิ่งใดจักเอ่ยในเรื่องนี้ ? “
เมิงเซี่ยวซ้งมองพวกเขาเยือกเย็น และวางมือของเขาลงบนด้ามกระบี่
อย่างไรก็ตาม เมิงเซี่ยวซ้งกับต้องเสียใจต่อการทำเช่นนั้นทันทีเนื่องจากกลุ่มทหารนับสิบลอบเขาอย่างรวดเร็ว กระบี่ของพวกเขาส่งเสียงขณะตะโกนและชักกระบี่ออกมา ใบมีดของพวกเขาเปล่งประกายด้วยแสงอันเยือกเย็น จากนั้น ทหารเหล่านั้นพุ่งเข้าหาพวกเขาโดยไม่เอ่ยสิ่งใด และฟังลงไปอย่างไรปราณี
” ไร้เหตุผล ! เจ้าไร้เหตุผล !”
พวกเขามีมากมาย แต่พวกเขาเป็นเพียงแค่เชวียนทอง เช่นนี้ พวกเขาจึงมิควรเป็นปัญหากับผู้ที่เป็น ปฐพีเชวียนให้มากนัก อย่างไรก็ตาม การกระทำของ องครักษ์สวรรค์พิโรจเป็นสิ่งที่มิอาจคาดเนื่องจากพวกเขาเป็นสหายกันตลอดการเดินทางนี้ … จากสีหน้าของ เมิงเซี่ยวซ้ง เห็นได้ชัดว่าเขามิได้มีความสุข แต่เขาก็ยังมิได้ทำสิ่งใด แต่ คนเหล่านั้นเริ่มโจมีเขาโดยไม่เอ่ยสิ่งใน … หรือเอ่ยเหตุผลใด ผู้อื่นยังมิทันได้เตรียมพร้อม …
” หยุด ! ทุกคนหยุด ! พวกเราอยู่ฝ่ายเดียวกัน !”
โจววูจี้เริ่มเหงื่อตก แต่เขา มุ่งหน้าเข้าไปรวดเร็วเพื่อไกล่เกลี่ย
” ฉึบ ! ฉึบ ! “
ในที่สุดพวกเขาก็เริ่มการต่อสู้รอบแรก แต่ในเวลานั้น มีบุรุษขี่ม้าอื่นๆเข้ามาโจมตีพวกเขา พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้แข็งแกร่ง แต่พวกเขาเข้ามาแทนที่ช่องว่างของสหายที่ล้มลงไป พวกเขาจักไม่ยอมแพ้นอกเสียจากทำให้ศัตรูพ่ายแพ้
โจววูจี้เป็นกังวลอย่างยิ่ง เขาแทบมิอาจเอ่ยได้
” ทุกคน ! ทุกคนพวกเราอยู่ฝ่ายเดียวกัน พวกเรากำลังไปยังนครหลวงเพื่อภารกิจสำคัญ เช่นนั้น เหตุใดพวกเราจึงโจมตีกันเอง ? ”
หลังจากพยายามไกล่เกลี่ย … ให้ทั้งสองฝ่ายยั้งมือไว้ชั่วคราว
ราชองครักษ์องค์ชายสองคุ้นเคยกับการบีบบังคับผู้คน เช่นนั้น พวกเขาจักยอมรับฟัง เมิงเซี่ยวซ้งได้อย่างไร ?
แล้วทำไมหรือ แม้นว่าเจ้าจักเป็นยอดฝีมือปฐพีเชวียน ? ปฐพีเชวียนมากมายต้องตายด้วยน้ำมองของพี่น้องเรา เจ้าจักต่างอันใด ?
เราเห็นว่าเจ้าเป็น ปฐพีเชวียน และพวกเราเป็นเพียงเชวียนทอง แต่ พี่น้องเราเป็นราชองครักษ์ พวกเราเป็นคนขอราชำนัก และเจ้าเป็นเพียงสามัญ ! พวกเราจักปล่อยไป หากเจ้านั้นอยู่สูงกว่าสวรรค์เชวียน แต่ เจ้ากล้าแสดงอารมณ์เช่นนี้ได้อย่างไร ? พวกเราจักตราเจ้าว่าเป็นคนทรยศเจ้าชั่วช้า !
ราชองครักษ์มองไปยัง เมิงเซี่ยวซ้ง อย่างชั่วร้าย
พวกเราได้ยินมาว่าอาชญากรชั่วร้ายร่วมเพศกันทางทวาร …
เมิงเซี่ยวซ้งเป็นผู้เริ่มต้นก่อน แต่เขาใจเย็นลงหลังจาก โจววูจี้กระซิบวาจาบางอย่างในหูของเขา
” คนเหล่านี้เป็นคนของราชองครักษ์ ”
วาจาแผ่วเชานี้ทำให้โทสะของ เมิงเซี่ยวซ้งหายไปในทันที
ความจริง พวกเขาทำให้เขา หวาดกลัว
ผู้คนมิต่อสู้กับคนของราชสำนักมาตั้งแต่ครั้งอดีต
สิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่คงอยู่ไปชั่วนิรันดร์
ราชองครักษ์สามารถสังหารขุนนางท้องถิ่นได้โดยไม่ต้องมีเหตุผลอันใด และไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยสิ่งใด เช่นนั้น คนจากแดนใต้จักมีค่าอันใด ? และ กับคนในกองคาราวานการค้าจากทางใต้ก็เช่นเดียวกัน ?
ไม่แปลกใจที่ โจววูจี้กระทำเช่นหลานชายผู้เชื่อฟัง ! งานนี้สำคัญเทียบเท่าการรับใช้ราชวงศ์ พวกเราสามารถมีตำแหน่งกึ่งทางการได้หลังจากสำเร็จภารกิจนี้ได้หรือ ?
เมิงเซี่ยวซ้งเริ่มมองไปยังราชองครักษ์ด้วยความประจบขณะที่ความคิดนี้เกิดขึ้นในหัวของเขา
จากนั้น กองคาราวานก็เริ่มเดินทางต่อ อารมณ์เริ่มกลมกลืนเข้ากันหลังจากการทะเบาะเล็กน้อยนั้น
มีภูผาสูงปรากฏขึ้นเบื้องหน้า มันถูกเรียกว่า กำแพงเหล็กแห่งเทียนเชียง มันเป็นเหมือนกำแพงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่คอยปกป้องนครหลวง
พวกเขาสามารถมองเห็นนครเทียนเชียงได้รางๆหลังจากปีนขึ้นไปยังจุดสูงสุดของภูผานั้น
ถือได้วาภารกิจจักสำเร็จได้เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นหากพวกเขาไปถึงภูผานั้น
ในที่สุดพวกเขาก็จักได้พักผ่อน
โจววูจี้ยกฝ่ามือขึ้น และออกคำสั่งให้พักผ่อนที่ตีนเขา คนเดินเท้า เอาหม้อและกระทะออกมาเพื่อเตรียมอาหาร ทุกคนกินจนพอใจ และเดินหน้าต่อไปด้วยความเร็วสูดตลอดเส้นทางที่เหลือ ในไม่ช้าพวกเขาก็จะเข้าไปอยู่ภายในกำแพงเมือง … ที่ทำให้พวกเขามีความสุข พี่น้องเหล่านั้นหัวเราะอย่างมีความสุขด้วยกัน
กลุ่มควันลอยจากหม้อเหล็กและส่งกลิ่นข้าวสุก เนื้อถูกย่างอยู่บนกองไฟ กลิ่นของมันลอยไปในอากาศ ทุกคนกลืนน้ำลายด้วยความโลภในสายตา พวกเขาอดกลั่นจิตใจตลอดการเดินทาง และร่างกายของพวกเขาเหนื่อยอ่อนยิ่งนัก มันเป็นการเดินทางที่มิอาจทนได้ …
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดพวกเขาก็ได้ผ่อนคลายและกินอย่างตะกละตะกลาม
” เสริฟ์อาหาร ! ”
โจววูเทียนตะโกนอย่างมีความสุข เขายกชามเหล็กขนาดใหญ่ และก้าวขึ้นหน้า
” ฮี่ฮี่ … เสิร์ฟอาหาร ? เจ้าคิดว่าเจ้าจักได้กินอาหาร ? …. เจ้าจักกินเอง ? เจ้าปิศาจ ! เวลานั้นจำกัดนัก ! ไปลงนรกเสีย และกินอาหารที่นั่น “
น้ำเสียงเยาะเย้ย
ดูเหมือนลมอันเยือกเย็นจากวังมัจจุราชเริ่มพัด ทำให้ทุกคนหนาวไปถึงกระดูก !
” มันเป็นใคร ? ออกมา ! ”
ทุกคนกระโดดขึ้น และชักกระบี่ออกมาพร้อมเพรียง
” พวกเรามาปล้นเจ้า ! ”
เสียงดังและตื่นตระหนกดังขึ้นขณะแสงสีฟ้าเปล่งประกาย เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นโดยมิได้มีการเตือนล่วงหน้า หม้อต้มที่อยู่บนพื้นระเบิดขึ้น และข้าวแตกกระจาย เศษเหล็กจากหม้อกระเด็นไปทั่วทุกทิศทาง จากนั้น เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นให้ได้ยืนอย่างต่อเนื่อง ความจริงคือ .. มีผู้คนโชคร้ายมากมายต้องล้มตายเมื่อเหล็กจากหม้อกระทบร่างของพวกเขา
” ยอดฝีมือสวรรค์เชวียน ?! “
ทุกผู้ร้องตื่นตระหนก โดยไม่เว้น…ว่าจะเป็นปฐพีเชวียน เมิงเซี่ยวซ้ง หรือ ราชองครักษ์ผู้เย่อหยิ่ง
ร่างการปกลคลุมไปด้วยแสงสีฟ้าพุ่งออกมาราวดอกไม้ไฟ
” ฉึบ ! ตู้ม !”
ทหารจำนวนหนึ่งถูกส่งให้ลอยไป พวกเขาลอยผ่านอากาศราวกลุ่มเมฆบนท้องฟ้า มีบุรุษในชุดและหน้ากากดำยืนอยู่ในสถานที่นั้น เขายื่นมือออกมและคว้าคอของ โจววูเทียน จากนั้น เขายกร่างของ โจววูเทียน ขึ้นจากพื้น เขากระทำได้เหมือนไม่ต้องพยายาม ที่ทำให้รู้สึกเหมือนการคว้าคอไก่ขึ้นมา ใบหน้าของ โจววูเทียนแดงก่ำ และเป็นสีม่วงเนื่องจากเขากำลังสำลัก ในขณะที่มือและขาของเขาต่อสู้อย่างไร้ความหวังในอากาศ
” บอกข้า ! หน้าไม้เอ็นเชวียนถูกเก็บไว้ที่ใหน ? “
แสงสีฟ้าเปล่งประกายขึ้นรอบๆร่างของชายสวมหน้ากวกขณะที่เขาคลายมือออก ประกายแสงชั่วร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
” สังหารเขา ! ”
เสียงตะโกนของคนสามสิบสี่ดังขึ้นทุกทิศทาง ขณะที่พวกเขากวัดแกว่งกระบี่อและชี้กระบี่ตรงไปยังชายในชุดดำโดยมิได้สนใจความปลอดภัยของ โจววูเทียน ในขณะที่ โจววูจี้ตะโกนด้วยน้ำเสียงรีบเร่ง
” ระวัง … น้องชาย … ! ”
จากนั้น เสียงคำรามอีกเสียงดังขึ้นจากภูผามืดมิด เสียงคำรามนี้ทำให้พื้นสะเทือน ร่างที่สองนั้น ใบหน้าของเขาถูกซ่อนไว้หลังหน้ากาก และร่างปกคลุมอยู่ในชุดสีดำ พุ่งออกมาในทันที เขาก็มีแสงสีฟ้าปกคลุมร่างไว้เช่นกัน เขาถือกระบี่ไว้ที่มือขวา
ชายชุดดำคนแรก และชายสวมหน้ากากมองไปยัง โจววูเทียน และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียง เยือกเย็น โจววูเทียนดิ้นรนอย่างไร้หนทางอยู่ในเงื้อมมือของเขา
น้ำเสียงของชายสวมหน้ากากไม่มีร่องรอยแห่งอารมณ์ขณะที่เขาถาม
“มันจักเลวร้ายมากสำหรับเจ้าหากเจ้าไม่พูด และ อย่าบอกข้าว่ามันอยู่ในรถม้า ข้าไม่หลงเชื่อคำโกหกของเด็กเช่นนี้ เจ้าจักพบจุดจบเพียงสิ่งเดียวหากกล้าโกหกข้า ตาย ! ”
” ใน … ใน … ”
เท้าของ โจววูเทียนกระสับกระส่าย และดวงตาของเขาเปล่งความกลัว แสงสีเหลืองเปล่งประกายผ่านร่างของเขาในเวลานั้น เขากรีดร้องและกระตุกอยู่ชั่วครู่ จากนั้น ก็อ่อนแรง
” เจ้าชั่ว ! ”
ชายชุดดำสาปแช่งด้วยโทสะ บุรุษในคาราวานตกอยู่ในความสับสน
โจววูจี้กรีดร้องด้วยความโศกเศร้าและทุกข์ยากท่ามกลางความสับสน
“น้องเล็ก ! ”
เขาเต็มไปด้วยความต้องการที่จักกระโจนเข้าใส่ราชองครักษ์
“เจ้าสังหารน้องข้า!”
นักรบผู้ที่ โจววูจี้กล่าวหา …เป็นหัวหน้า องครักษ์สวรรค์พิโรจขององค์ชายสอง .. ฉางชุ้นเซี่ยว เขาดุร้ายมากขึ้น เมื่อเห็นโจวเริ่มมีโทสะ สีหน้าของเขาแดงก่ำ และตะโกนอย่างโหดเหี้ยม
” โจววูจี้ เจ้ากล้าทรยศต่อนายท่านสอง ?! น้องของเจ้าปราถนาจะมีชีวิตและหวาดกลัวความตาย เขาจักเผยความลับหากข้าลงมือช้ากว่านี้ ! ข้าตัดสินใจสังหารเขาเป็นสิ่งที่ข้าควรทำ มันเป็นการกระทำที่ควรเป็น ! หายนะจักเกิดขึ้นกับทุกคน หากเขาเปิดเผยความลับ ! และ สมาชิกทุกคนในสกุลโจวของเจ้าจักต้องถูกตัดหัวเพราะความโง่เขลาของเจ้า ! ”
โจววูจี้ สั่นสะท้าน จากนั้น เข้าหยุดชั่วขณะ ไม่มีที่ใดที่เขาจักปลดปล่อยความโศกเศร้าละขุ่นเคือง เช่นนั้น เขาจึงคำรามออกมาอย่างชั่วร้าย และหันกลับไปยัง ชายชุดดำคนแรก และ พุ่งตรงไปหาเขา