Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ - ตอนที่ 310
ใครบางคนตะโกนขึ้นกลางอากาศ
” พี่ใหญ่ พวกเราอาจจะต้องสังหารทุกคนและไปเอาหน้าไม้เหล่านั้นมา คนเหล่านี้คุ้มกันหน้าไม้เหล่านั้นอยู่ แล้วหน้าไม้มิอาจลอยไปในท้องฟ้าได้ มิใช่หรือ ? “
ร่างที่ปกคลุมด้วยแสงสีฟ้าตะโกนขึ้น ประกายแสงสีฟ้าของกระบี่ของเขาส่องสว่างไปไกลถึงสามเมตร การปรากฏตัวของคนผู้นั้นทำให้เกิดเสียงโหยหวน คนผู้นี้ฝ่าเข้าไปในฝูงชนและเปิดเส้นทางที่เต็มไปด้วยเลือดเพื่อให้ตัวเขาผ่านไป จากนั้นเขาสังสารผู้คนเพื่อเข้ามาสู่ใจกลางสนามรบ
ฉางชุ้นเซี่ยวตะโกนลั่น
” ทุกคน ล้อมพวกมันไว้ ! รวมตัวกันและแปรขบวนถังเหล็กไปสังหารพวกมัน ! ขัดขวางศัตรู !”
ทุกคนตอบกลับ และมุ่งไปข้างหน้า เสียงสังหารเล็ดลอดออกมาจากทุกทิศทางขณะที่ราชองครักษ์มุ่งหน้าเข้าใกล้ใจกลางการต่อสู้ พวกเขามิอาจเทียบชั้นกับยอดฝีมือสวรรค์เชวียนสามคนนี้ได้ แต่พวกเขาค่อยๆทำให้ตำแหน่งของพวกเขาคงที่ “
เสียงถอนใจเบาๆดังออกมาจากยอดไม้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดเห็นได้
คุณชายน้อยจวินหลบซ่อนอยู่บนต้นไม้นั้น
จวินโม่เซี่ยผงกหัวต่อเนื่องขณะที่เขาเฝ้ามองการต่อสู้ สามผู้นั้นสังหารทุกคนโดยไร้เหตุผล นี่ทำให้เขาไร้วาจา
พวกเขาเป็นโจรมือสมัครเล่น ! ข้าไม่รู้ว่าเรื่องไร้สาระอันใดที่ยอดปรมาจารย์เล่ยวูเบ้ยสั่งสอนพวกเขา !
ชัดเจนว่าจวินโม่เซี่ยรู้ว่าชายชุดดำเหล่านี้เป็นศิษย์ที่เหลืออยู่ของ เล้ยวูเบ้ย
ในที่สุดเขาก็รู้จักพวกเขา
พวกเขาทั้งสามมีโอกาสผิดพลาดสูงกว่าจักสำเร็จ !
มีค่าอันใด !
โจรมาถึงอย่างเงียบเฉียบและโจมตีหนึ่งหน แต่ ไม่คาดว่าพวกเจ้าจักคิดว่าการเอ่ยวาจาบางอย่างจักสำคัญกว่าการโจมตี … !
สิ่งนี้ทำให้จวินโม่เซี่ยไร้วาจา
ทั้งหมดนี่ไร้สาระ !
สิ้นหวังสำหรับแผนการปล้นของพวกเจ้า แต่เจ้ายังรบกวนแผนการอันสมบูรณ์แบบของคุณชายน้อยผู้นี้ ! เสียเงินเปล่า ! เสียแรงเปล่า !
โชคดี เล่ยเจียนฮ้ง มิได้เอ่ยว่า
” ภูผานี้เป็นของข้า และข้าปลูกต้นไม้เหล่านี้ เช่นนั้นเจ้องต้องจ่ายค่าผ่านทาง ”
หรืออันใดคล้ายสิ่งนี้ นอกจากนั้น นั่นทำให้มือสังหารจวินหงุดหงิดจนมิอาจหาเหตุผลได้ และทำให้เขาเขาหัวทิ่มลงจากต้นไม้
จวินโม่เซี่ยนำหน้ามาก่อน และนำองครักษ์ของเขามาที่นี่ก่อนหนึ่งวัน พวกเขาขุดหลุมและฝังตัวเองเอาไว้ ความจริง จวินโม่เซี่ยได้แจกจ่ายยาให้พวกเขาแต่ละคน ยาตัวนี้สามารถสกัดกลิ่นไอของพวกเขาได้ คนนับสองร้อยได้ซ่อนตัวอย่างเป็นระเบียบอยู่ในป่าใกล้ๆ แน่นอนว่า พวกเขาได้ขุดอุโมงไว้ และหลบซ่อนตัวอยู่ในตอนนี้ พวกเขาเริ่มจู่โจมสายฟ้าแลป ในขณะที่กองคาราวานเข้าสู่วงล้อม พวกเขายึดสิ่งของและหนีไปอย่างรวดเร็ว
สามคนนี้โจมตีกองราคาวานก่อนที่มันจักเคลื่อนเข้าสู่วงล้อมของข้า !
เจ้าชั่วพวกนี้ทำให้ข้าพูดไม่ออก
จวินโม่เซี่ยรีบกระจายข่าวไปยังคนของเขาในทันที เขาบอกให้พวกเขาเงียบและยังมิต้องเคลื่อนไหว อย่างแรกพวกเขาจักต้องเฝ้าดูผลของการต่อสู้ก่อน เขาวิเคราะห์สถานการณ์ …
ชัดเจนว่าทั้งสองคนนั้นทรงพลัง มิเป็นการง่ายที่จักจัดการพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น นี่จักกลายเป็นการต่อสู้ที่มีแต่ชัยชนะ ข้าจักคิดหาแผนการใหม่
ในตอนที่จวินโม่เวี่ยกำลังคิดถึงสิ่งนี้ … เล่ยเจียนฮ้ง มุ่งไปข้างหน้าและทำเสียงนกหวีด ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าที่เป็นระเบียบดังก้องขึ้น กลุ่มคนชุดดำและสวมหน้ากากพุ่งเข้าร่วมการต่อสู้ในคราวเดียว ทั้งสองฝ่ายล้มเหลวในการแก้ไขการขัดแย้งนั้นทันที
คนผู้นี้ องครักษ์สวรรค์พิโรจ ฉางชุ้นเซี่ยว ถูกฝ่ามือปะทะเข้าใส่หน้า เขากระอักเลือดทางปากขณะกระเด็นถอยหลังไป อย่างไรก็ตาม เขายื่นมืออกไปข้างหลัง และดึงจรวดไฟออกมาจากเข็มขัดด้านหลัง จากนั้นยิงมันขึ้นไปบนท้องฟ้า ทันใดนั้นเสียง ตู้มดังขึ้นให้ได้ยิน ท้องฟ้ามืดดำส่องสว่างด้วยแสงสีของพลุ ปรากฏเป็นภาพที่คมชัดของกระบี่เลือดสีแดงที่อยู่เบื้องบน
” ดูเหมือนว่า หอกระบี่เลือด ก็หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่นี้เช่นกัน ตอนนี้ รอก่อนและดูว่าฝ่ายใดแข็งแกร่งที่สุด และฝ่ายใดอ่อนแอ … อย่างไรก็ตาม ข้าจักนั่งอยู่ตรงนี้ และเฝ้าดูสองเสือต่อสู้กัน ข้าจักปล่อยให้พวกเขาสู้กันจนกว่าพวกเขาจักหมดแรง และข้าจักไปช่วงชิงผลประโยชน์นั้น ”
จวินโม่เซี่ยนั่งหมอบลงบนยอดไม้ราวกับเขากำลังนั่งอยู่บนหลังม้า กิ่งก้านเคลื่อนขึ้นลงเนื่องด้วยสายลมและเป็นการเคลื่อนไหวที่..แปลกประหลาด หากเขาต้องแสดงตัวออกมา และมีบางคนเห็นเขา … พวกเขาคงจักเชื่อว่าเขากำลังทำบางสิ่งที่เป็นความลับและส่วนตัวกับต้นไม้นั้น …
คุณชายน้อยจวินเอามือเท้าคาง เขาเฝ้ารออย่าเงียบสงบ และจดจ่อ
ช่างน่าสนุกยิ่งนัก ! หอกระบี่เลือด ศิษย์ของ เล้ยวูเบ้ย ยอดฝีมือลับของลี่โย่วลหาน … มันจักเป็นการดีหากพวกเขาได้รับการสูญเสียมากมายมายในการต่อสู้นี้ ความจริง มันจักดีที่สุดหากพวกเขาทั้งหมดตายไป !
เขาต้องการให้เกิดสิ่งนี้ขึ้น แต่เขาก็มิได้หวังมากมายเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม … ข้าจักเพียงแต่เฝ้าดู ไม่เอ่ยสิ่งใด
เป็นที่น่าเสียงดาย ที่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นตรงข้ามกับความคาดหวังของทุกคน สัญญาณของหอกระบี่เลือดได้ถูกส่งออกไปแล้ว แต่ ยอดฝีมือของหอกระบี่เลือดก็ยังไม่มาช่วยเหลือ ไม่มีแม้แต่เงา
ภูผาโดดเดี่ยวยังคงเงียบงัน มีเพียงเสียงโหยหวนให้ได้ยิน แสงของลูกบอลไฟส่งอให้เห็นสีหน้าวีดเผือกของ โจววูจี้
” ข้าต้องการกองหนุนเพิ่มจริงๆ แต่เจ้านั้นมีเพียงเล่ห์เหลี่ยม ! ”
เล่ยเจียนฮ้ง คำรามทางจมูกขณะที่เขาเสียดสี
“นี่เป็นเรื่องตลกร้าย ! เลห์เหลี่ยมนี้อาจใช้กับผู้อื่นได้ แต่มิอาจใช้ได้กับข้า เจ้ามิอาจเล่นกับข้าได้ .. แต่เจ้าสามารเล่นกับโอกาสของเจ้าได้ ! ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการจักจากชีวิตนี้ไปแล้ว ข้าควรจักต้องเติมเต็มความต้องการของเจ้า ! ”
โจววูจี้ กลิ้งไปรอบๆดั่งเช่นล่าโง่ เขาตัดร่างที่โศกเศร้านั้น ขณะที่หลบใบมีดที่เฉือนเข้ามา เสียงร้องไห้ของเขาดังขึ้น
” ท่านผู้บัญชาการ !
นี่ .. นี่ … กำลังเสริมของเรา … เจ้ามิได้บอกว่ากำลังเสริมจักตาหลังเรามาหรือ ? เหตุใดกัน ? … เหตุใดกัน ? … เหตุใดกัน ? …”
เขาต้องการจักบอกว่า
” เหตุใดไม่มีการเคลื่อนไหวของพวกเขา? “
แต่แล้ว มีเสียงกระบี่สามเล่ม สับลงมาขณะที่เขากำลังพูด สิ่งนี้ขัดจังหวะการพูดของเขา และ สุดท้ายเสียงของเขาเหมือนติดอ่าง
” ตอนนี้ข้าจักทำอย่างไร ? เจ้าคิดว่าข้าไม่เป็นกังวลหรือ ? “
ฉางชุ้นเซี่ยวสถปด้วยโทสะ
” ห่วงชีวิตของเจ้าก่อน ! ”
นักรบสกุลลี่ นำโดยสามยอดฝีมือสวรรค์เชวียน กำลังได้เปรียบอย่างมากในตอนนี้ พวกเขากดดันศัตรูหนักขึ้น ทีละขั้น และ คนของ โจววูจี้ถูกบีบให้เป็นวงและเล็กลงอย่างมาก มีผู้เหลือรอดที่อยู่ฝ่าย โจววูจี้ เพียงร้อยเศษ พวกเขาตั้งแนวรับอย่างยากลำบาก กระทำอย่างสุดความสามารถเพื่อต่อต้านการโจมตีที่แข็งแกร่งของศัตรู ขณะที่พวกเขาล้อมกันเป็นวงกลม นอกวงกลมนั้น ไม่มีพวกเขาคนใดที่รอดชีวิต
เมิงเซี่ยวซ้ง เซี่ยววูอี้ ฉางชุ้นเซี่ยว ผู้นำทั้งสามอยู่ใจกลางวงล้อมป้องกัน ใบหน้าของเขาซีดเผือกราวคนตาย
นับแต่มีการส่งสัญญาณ … เวลาก็ผ่านไปหนึ่งก้านธูป ตอนนี้ ไร้วี่แววของ กำลังหนุนของ หอกระบี่เลือด
เมิงเซี่ยวซ้งอดสถปออกมามิได้ น้ำเสียของเขาเริ่มคล้ายกับเสียงร้องไป
” อะไรกัน ? มีคนโจมตีราชองครักษ์อย่างโจ่งแจ่งใกล้นครหลวงเช่นนี้ได้อย่าไงรกัน ? ข้าอยากบอกท่านพี่ … ข้ามีครอบครัวต้องดูแล ข้าติดตามท่านมาครั้งนี้ แต่มันมิได้ง่ายดายเลย ตอนนี้ เหตุใดท่านจึงไม่เร่งรีบคิดหาหนทางเล่า ? ท่านเป็นใหญ่ในนครหลวง .. แล้วเหตุใดท่านจึงมิเร่งรีบจับกุมคนเหล่านี้เล่า … ?
การบำเพ็ญของ เมิงเซี่ยวซ้ง สูงส่งยิ่ง เขาอยู่ในขั้น ปฐพีเชวียนกลาง เขาคือยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มของ โจววูจี้ อย่างไรก็ตาม เขามีชีวตอยู่อย่างองค์ชายมาหลายปี เขาได้สูญเสียความมุ่งมั่นที่จักคว้าชัย และ กล่นอาสังหารมาเนิ่นนาน อีกทั้งเขายังมีชีวิตอยู่เพื่อครอบครัวมากกว่าแต่ก่อน ยิ่งกว่านั้น เขายังเป็นห่วงชีวิตตัวเองมากกว่าโอกาสในการหาเงิน เขาอดโอดครวญมิได้เนื่องจากสถานการณ์ที่สิ้นหวังนี้ แต่ มันช้าเกินกว่าจะเสียใจ
ข้ามิอาจได้ดื่มชาในบ้านที่ปลอดภัยได้แล้วหรือ ? บางทีข้าอาจพาสุนัขไปเดินเล่น หรือกลั่นแกล้งประชานชน หรือฉุดหญิงสาว … เช่นนั้นมิใช่เรื่องสนุกหรือ ? แต่ข้ากลับถูกหลอกลวงด้วยเงินห้าหมื่นตำลึงเงิน ซึ่งข้ามิได้มีโอกาสจักครอบครองมันเลย และตอนนี้ ชีวิตข้าจะต้องจบลงที่นี่ …
ฉางชุ้นเซี่ยวมิอาจกลั่นโทสะไว้ได้
“เจ้ากำลังตะโกนวาจาไร้สารในความวุ่นวายหรือ ? หัวใจคนของข้าอยู่ในความสับสนอยู่แล้ว และตอนนี้ เจ้ายังตะโกนเรื่องไร้สาระ ? เจ้ายิ่งจักทำให้พวกเขาสับสน และทำให้ กำลังใจการต่อสู้ของพวกเราลดหายไป ข้าบอกให้เจ้า .. หุบปาก ! หากเจ้าส่งเสียงอีก ข้าสัญญาว่า ข้าจักตัดหัวเจ้ากับกระบี่ของข้าเอง ! “
เมิงเซี่ยวซ้ง มิอาจอดกลั่นโทสะ เขาใช้กระบี่ของเขาป้องกันร่างกาย ขณะที่เขาตะโกนขุนเคือง
” เหตุผลไร้สาระอันใดกัน ? เจ้าเป็นองครักษ์ชั้นสูงผู้รับใช้องค์จักพรรดิ ! เจ้าเป็นตัวแทนของ ขุนนางราชสำนัก! เราเป็นเพียงคนสามัญที่มีพลังเพียงน้อยนิด เราเพียงช่วยเหลือเจ้าส่งของสิ่งนี้ เจ้าทำให้ชีวิตของพวกเราอยู่ในอันตราย และเจ้ายังมาทัศนะมากยิ่งเช่นนี้กับข้าหรือ ? และตอนนี้ พวกเรามิอาจปริปากได้อีกหรือ ? “
เมิงเซี่ยวซ้งหยุดพูด จากนั้น เขาตะโกน …. ก่อนที่ ฉางชุ้นเซี่ยว จัดมีโอกาสตอบกลับ
” ช่วยด้วย ! ช่วยพวกเราด้วย ! ”
ปราณเชวียนของเขาเป็นรองเพียงสามสวรรค์เวียนที่อยู่ที่นี่ แต่กระนั้น เขายังล่าถอยตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ เขายังมิได้รับบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย แต่เสียงของเขาดังก้องไปทั่วทุกทิศทาง
จวินโม่เซี่ยเกือบร่วงจากกิ่งไม้ที่เขานั่งอยู่
ท่านน้า ไม่ว่าท่านจักพูดอันใด … ท่านยังคงเป็นยอดฝีมือปฐพีเชวียน มิอาจถือได้ว่านท่านเป็นผู้สูงส่งในโลกนี้ แต่ท่านยังได้รับเกียรต์ให้เป็นผู้ที่อยู่ในอันดับที่สูงส่ง ! แต่กระนั้น ท่านมีความเห็นแก่ตัวมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร ?
เล่ยเจียนฮ้งผู้สวมหน้ากากและชุดสีดำก็มิอาจหักห้ามความงุนงงได้ จากนั้นเขาหัวเราะ และตะโกนลั่นด้วยความชั่วร้าย
” ตะโกน ! ตะโกนออกไป ! ตะโกนออกไปเท่าที่เจ้าสามารถ ! มันไร้ประโยชน์แม้นว่าเจ้าจักตะโกนจนคอพัง ! ไม่มีผู้ใดจักมาช่วยเจ้า ! ”
จวินโม่เซี่ยสั่นไหว เขายังคงเงียบ และไต่ถามต่อสรวงสวรรค์ … ด้วยความต้องการอันแรงกล้า
สวรรค์ปล่อยให้ข้าตายเถิด ! ปล่อยให้ข้าได้ยินวาจาดั้งเดิมเหล่านี้ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ได้อย่างไร ?!
เมิงเซี่ยวซ้งตะโกนขอความช่วยเหลือมากมายเนื่องด้วยความเห็นแก่ตัว อย่างไรก็ตาม วาจาของ เล่ยเจียนฮ้งเป็นที่นิยมอย่างมากในโลกก่อนของเขา
จวินโม่เซี่ยกำลังงุนงง เขาเกือบจักมองเห็น บุรุษผู้น่ากลัวที่เผชิญหน้ากับเด็กสาวในตรอก บุรุษผู้นั้นแสดงความพึงพอใจอย่างมากขณะที่เขาตะโกน
” มันไร้ประโยชน์แม้นว่าเจ้าจักตะโกนจนคอพัง … ”
เขามิได้คิดว่ามสิ่งที่เกิดขึ้นนั่งถูกเสริมแต่งเล็กน้อย แต่มันยังคงมิอาจเทียบกับฉากที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา ยิ่งกว่านั้น ก็ยังเป็นบุรุษในโลกนี้ที่เอ่ยวาจาเหล่านั้นออกมา !
เสียงประหลาดดังออกมาจากลำคอของจวินโม่เซี่ย มันเป็นเสียงของการสำลักน้ำลาย ราวกับเขากำลังอยู่บนขอบเหวแห่งความตาย
ข้าอยากอาเจียน สิ่งนี้น่าขยะแขยงยิ่งนัก !
สถานการณ์นี้ยังคงเป็นเช่นเดียวกับเมื่อก่อน
คนของ โจววูจี้ส่วนใหญ่ตายไป คนส่วนใหญ่ของ เมิงเซี่ยวซ้งที่มาจาก กองราคาวานการค้าทางใต้กลายเป็นศพ เลือดของพวกเขากระจายข้ามเส้นของฟ้า เขาไร้ทางเลือกเว้นจักยอมรับว่า องครักษ์สวรรค์พิโรจสองร้อย ที่ถูกส่งมาโดยองค์ชายนั้น แข็งแกร่งที่สุด องครักษ์สวรรค์พิโรจ ราวร้อยห้าสิบนั้นยังคงมีชีวิตอยู่
ความแข็งแกร่งของ องครักษ์สวรรค์พิโรจนั้นมิได้สูงส่งเลย ความจริง พวกเขาอ่อนแอกว่า สมาชิกของ กองราคาวานการค้า และ สกุลโจว อย่างไรก็ตาม พวกเขามีข้อได้เปรียบในการต่อสู้ และพวกเขาคุ้นเคยในรูปแบบการต่อสู้เป็นกลุ่ม ดังนั้น กำลังใจของพวกเขาจึงยังมั่นคงแม้นว่าพวกเขากำลังตกอยู่ที่นั่งลำบาก ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังเป็นเลิศในการต่อสู้ตีฝ่าวงล้อม ความแข็งแกร่งของทีมทำให้พวกเขาได้เปรียบอย่างมากแม้นในค่ำคืนที่มืดมิดที่กำลังเผชิญ
สำหรับคนของ สกุลโจว และคนจากกองคาราวานการค้า พวกเขาแต่ละคนนั้นมีความแข็งแกร่งกว่าคนจาก องครักษ์สวรรค์พิโรจ อย่างไรก็ตาม พวกเขาคุ้นเคยกับการต่อสู้แบบตัวคนเดียว และไร้ประสบการณ์เมื่อต้องมากต่อสู้ร่วมกับผู้อื่น เช่นนั้น พวกเขาจึงเชื่อในความแข็งแกร่งของตัวเอง และมุ่งหน้าสังหารต่อไปแม้นว่าพวกเขาจักต้องเผชิญกับสงครามหรือความสับสนที่ยิ่งใหญ่ สำหรับผลที่เกิดขึ้นนั้น … พวกเขาจักตายเป็นกลุ่มแรก พวกเขามีความแข็งแกร่งสูงส่งเมื่อเทียบกันระหว่างตัวต่อตัว แต่ความแข็งแกร่งของทีมของเขานั้นขาดแคลนยิ่งนักต่อหน้า ยอดฝีมือ
เล่ยเจียนฮ้ง และสหายที่ติดตามพวกเขาได้รับการโจมตีจากสามด้าน เห็นได้ชัดว่าพวกเขานั้นใจร้อน อย่างไรก็ดี สถานที่นี้อยู่ใกล้นครหลวง ผลที่ตามมาจักใหญ่หลวงนักหากข่าวขงอเหตุการณ์นี้แพร่กระจายออกไป