Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ - ตอนที่ 336
“นั่นเป็นเพียงเรื่องปกติ ! ”
บุรุษชุดดำเอ่ย
” เนื่องจากคนผู้นี้สามารถช่วยให้เจ้าก้าวหน้าได้ ข้าก็เช่นกัน … ข้าจักผลีผลามได้อย่างไรหากคนผู้นี้สำคัญกับเราเช่นนี้ ? เจ้าต้องเตือนข้าถึงเรื่องเล็กน้อยหรือ … ? “
” ท่านเอ่ยมีเหตุผลพี่ใหญ่ ”
กระเรียนและหมีใหญ่พยักหน้า พวกเขาอับอายในทันที ก่อนหน้านี้พวกเขาโอ้อวดไว้มากมาย แต่เส้นตายหนึ่งเดือนที่พวกเขาจักต้องสำเร็จงานได้ผ่านไปแล้ว และความจริงนี้ทำให้พวกเขารู้สึกละอายใจ
ข้าควรเอ่ยอันใดเมื่อข้าต้องเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง
งานที่สกัดมิให้ มณฑลฉือฮั่น ขึ้นเหนือไปนั้นสำเร็จลงอย่างดี ยิ่งกว่านั้น แม้แต่ นครพายุหิมะสีเงิน ก็โดนบังคับให้ลงใต้มาเพื่อจัดการกับเรื่องนี้
แต่กระนั้น ยังมีอีกหนึ่งงาน คือหักขาของ ลี่เติ้งหยวน และ งานนี้ยังมิสำเร็จลุล่วง ในความจริง แม้การเผชิญหน้ากับ ลี่เติ้งหยวน ก็ยังมิได้เกิดขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายนี้ สิ่งนี้ทำให้ทุกคนสับสน และเปลวไฟก็ได้ลุกโชยขึ้นภายในร่างของ กระเรียน และ หมีใหญ่ อย่างไรก็ตาม พวกเขาส่วนใหญ่ก็ยังไม่หยุดที่จักหักขาของเขาหากพวกเขาได้เผชิญหน้ากับเขา ในความจริง พวกเขาอาจจะจบชีวิตเขาไปเสีย
ลี่เติ้งหยวนจักไม่เพียงสิ้นชีวิตเท่านั้นหากเรื่องนี้เกิดขึ้น … เขาจักตายด้วยความทุกข์ทรมาณ … หลังจากได้รับความเจ็บปวดอย่างมิอาจอธิบาย
ก่อนหน้านี้พวกเขาเกรงกลัว ลีจื้อเทียน ดังนั้น พวกเขาจึงไม่กล้าคิดสังหารเจ้าเด็กหนุ่มผู้นั้น เนื่องจากเรื่องนี้จักสร้างปัญหาที่มิอาจสะสางได้ แต่แล้ว ลีจื้อเทียนเจตนาสังหารน้องสี่ของพวกเขา และเรื่องนี้ได้ทำลายช่องว่าสำหรับการประนีประนอมของทั้งสองง่ายลง ดังนั้น สองราชัญอสูรเชวียนจึงมีโสะอย่างรุนแรงในตอนนี้ แล้ว พวกเขาจักปล่อย ลี่เติ้งหยวนไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร ?
ในความจริง พวกเขากระตือรือล้นที่จักเผชิญหน้ากับ ลีจื้อเทียน อีกครั้ง และพวกเขามองหาโอกาสเพื่อทำลายเจ้าเฒ่าสามานย์ผู้นั้น …
สามผู้มองหน้ากัน และคิดได้ว่าไม่มีเรื่องอันใดจักสนทนากันแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าถึงเวลาที่จักกระจายตัว และเริ่มเตรียมตัว
จากนั้น เสียงร้องดังออกไปไกล หมีใหญ่ขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้น
” นั่นกลุ่มเสือดำ ! ดูเหมือนพวกเขาจักมีปัญหาอีกแล้ว … เจ้าพวกนี้ไม่ปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบ ! ”
” กลุ่มเสือดำ ! ”
อีกสองบุรุษขมวดคิ้วและมองออกไป
สองร่างที่บึกบึนกำลังตรงมาที่พวกเขา สองร่างนั้นขาวดั่งหิมะ แต่ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายด้วยแสงสีทอง พวกเขาเป็น อสูรเสือดำหิมะตาทองขัดแปดสูงสุด พวกเขานั้นรวดเร็วยยิ่งและกำลังมาถึงจุดที่พวกเขาอยู่แทบจะในทันที
” เรื่องอันใดกัน ? “
หมีใหญ่รู้สึกอับอาย เขาต้องรับผิดชอบดูแลเสือดำเนื่องจากการตายของราชาพวกเขา และเขาได้เห็นพวกเขาทั้งสองวิ่งเข้ามาอย่างไร้ระเบียบ เช่นนั้นเขาจึงอดที่จักรู้สึกโกรธไม่ได้
สอง อสูรเสือดำหิมะตาทองสะอื้นเล็กน้อย พวกเขาหมอบลงกับพื้นและยังคงนิ่งอยู่เล็กน้อย จากนั้นผู้นึ่งยกหัวขึ้นและใช้ปากคาบคอสิ่งมีชีวิตสีขาวตัวน้อยไว้ที่คอออกมาจากหลัง เขาวางเจ้าตัวเล็กนอนลงบนพื้น อย่าไงรก็ตาม เจ้าเสือดำยังไม่สามารถควบความอาการสั่นของร่างกายได้
สองเสือดำก้มตัวลงต่ำ และก้มหัวลงขณะที่พวกมมันครางเล็กน้อย จากนั้น พวกเขารีบถอยไปและหายเข้าไปในป่า
” นี่เป็นเพียงลูก เสือดาวปีกเหล็ก … ดูเหมือนมันมีอายุเพียงเดือนกว่าๆ มันช่างน่ารักเสียนี่กระไร …”
บุรุษชุดดำเอ่ยวาจาเหล่านั้นอ่างเรียบง่ายในขณะที่ร่างของเขาเริ่มสั่นด้วยการตกตะลึง จากนั้น ร่างของเขาเริ่มแข็ง
กระเรียน และ หมีใหญ่ ยังคงหยุดนิ่งในเวลาเดียวกัน ในความจริง ดวงตาของพวกเขาเกือบหลุดออกมาขณะที่เพ่งมองไปยังสิ่งที่วางอยู่บนพื้น รากวับมองไปยังสมบัติที่หายาก …
สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ตัวเล็กๆสีขาว …
เจ้าขาวได้ยินการระดมพลของราชัญเทียรฟา และพุ่งตรงเข้ามาในป่า นี่เป็นธรรมชาติที่หลบซ่อนอยู่และมีมาแต่กำเนิดของเขา เช่นนั้น เขาจึงมิอาจฝืนมันได้
เขาเพียงต้องการแสดงความเคารพกับราชัญเทียนฟา และจากนั้นเขาก็จักกลับไป แต่ เขาได้เข้าไปรวมกับกลุ่มเสือดำ และ พวกเขาสังเกตได้ว่าบางอย่างผิดปกติ เช่นนั้น พวกเขาจึงนำตัวเขามาที่นี่ จากนั้น เขาจึงได้เห็นสามราชัญเชีวยนด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด และสัญชาตญาณของอสูรเชวียนระดับต่ำของเขาจึงเข้ามา ดังนั้น เจ้าตัวเล็กที่น่ารักนี้จึงขดตัวและเริ่มสั่น …
” พี่ใหญ่ ! พี่ใหญ่ ! นี่เป็นเพียงเด็ก ! และเขาเป็นเพียง เสือดาวปีกเหล็กที่ยังไม่หย่านม ! ระดับแปด ! แม่เจ้า ระดับแปด ! เป็นไปได้อย่างไร ?! ข้าต้องฝันไป แม่เจ้า ! ที่สาม รีบตบข้าที ! ข้าต้องฝันไป ! นี่ไม่น่าเชื่อได้ ! น้าชายข้า … ! นี่เรื่องจริง … ! ”
หมีใหญ่ตะโกน และสับสน ในความจริง เขามิได้สนใจถึงการวาตัวเลยในขณะที่ทำเช่นนี้ …
ใบหน้าของ กระเรียนมืดมน
ทุกคนเงียบกริบ
ความจริง มันเงียบดั่งป่าช้า
ดวงตาหกคู่ของราชัญอสูรเชวียนเบิกกว้าง ดวงตาที่เหมือนหลอดไฟของกระเรียนกระพริบราวดวงไฟ ดวงตาของหมีใหญ่ยังคงเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ความจริง ดูเหมือนว่ามันจักหลุดออกจากเบ้า ดวงตาของบุรุษชุดดำ ยังคงอยู่ภายใต้ชุดคลุมสีดำ แต่ ดวงตาของเขาเริ่มเปล่งประกาย และแพรวพราว ยิ่งไปกว่านั้น วาจอของหมีใหญ่นั้นน่าสังเวช และราชัญเทียนฟายังคงมีโทสะจากเรื่องก่อนหน้านี้ แต่ เขาก็ยังมิได้เอ่ยสิ่งใดออกมาในตอนนี้ ….
.น่าตกตะลึงยิ่งนัก ! มันไม่อยาจเชื่อได้ !
ราชัญอสูรเชวียนโค้งตัวลง จากนั้นเขา คว้าตัวสิ่งมีชีวิตตัวน้อยอย่างว่องไว และมือเขาไว้ในอุ้งมือ … ราวกับสมบัติล้ำค่าที่ต้องทะนุถนอม …
เจ้าขาวน้อยหวาดกลัว ดังนั้นเขาจึงกรอกตาขณะร้องครวญด้วยความหวาดกลัว เขาสัมผัสได้ถึงความเมตตาของฝ่ายตรงข้าม แต่ยังไม่กล้าขยับตัว
ราชัญเถียรฟาประคองร่างอันบออบางของเจ้าขาวน้อยไว้ในอุ้งมือ จากนั้นเขาหายใจออกหลังเวลาผานไปนานและเอ่ย
” เจ้าตัวน้อยนี้ อยู่ในระดับแปดจริงๆ ! เขามีระดับสง.อย่างน่าประหลาดใจ ! ระดับแปดอย่างแท้จริง … ! นี่คือเรื่องอัศจรรย…! อัศจรรย์อย่างแท้จริง …. ! ”
สามราชัญอสูรเชวียนสามารถบอกได้ระดับขั้น และความแข็งแกร่งของอสูรเชวียนที่พวกเขาเพิ่งพบเจอได้อย่างง่ายดายตราบใดที่พวกเขายังมีสติ นี่เป็นประโยชน์จากระดับที่สูงส่งของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ตัวของราชัญเถียรฟาได้ตรวจสอบเจ้าอสูรเชวียนตัวน้อยนี้ด้วยตัวเขาเอง …
บาทีอาจเป็นความประหลาดใจที่ทำให้ ราชัญเทียรฟาเอ่ยแปลกประหลาดไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม วาจาของเขาได้เปลี่ยนความมั่นใจในตอนที่เขาสัมผัสได้ถึงความประหลาดใจที่ผ่านมา แต่ วาจาของเขาก็ยังคงไม่ต่อเนื่องไปอีกสักพัก
อย่างไรก็ตาม สองราชัญอสูรเชวียน กระเรียน และหมีใหญ่ยังไม่คิดว่าวาจาเหล่านั้นแปลกประหลาด ในทางตรงกันข้าม พวกเขาค่อนข้างสง่างามและสำรวจเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยนี้อยู่ห่างๆ จากนั้น ปากของพวกเขาเบิกกว้าง และเริ่มพูดไม่ออก …
พวกเขายังคงรู้สึกถึงความตกตะลึงในหัวใจ พวกเขาไม่ตกตะลึงมากมายเช่นนี้หากเป็นสถานการณ์ปกติ เนื่องจากพวกเขาประมารถประเมินความสามารถของสิ่งมีชีวิตนี้มาเป็นวเลานนานแล้ว ยิงกว่านั้น ร่องรอยแห่งการตกตะลึงยังไม่หายออกไปจากจิตวิญญาณของพวกเขาเนื่องจากเรื่องนี้เป็นความจริง อย่างไรก็ตาม ความตกตะลึงยังคงตรึงอยู่ในใจพวกเขา…
และเหตุของความตกตะลึงของพวกเขานั้นไม่ไร้เหตุผลแต่อย่างใด ความจริงนี้ล้ำลึก และน่าตกตะลึงยิ่งนัก …
” เสือดาวปีกเหล็กโดยทั่วไปมีชีวิตอยู่ราวสองร้อยปี พวกเขาเริ่มการพัฒนาในอาบุสิบปี และเริ่มก้าวหน้าไปเจ็ดขั้นพื้นฐาน และต้องใช่เวลาราวเจ็ดสิบปีเพื่อพัฒนาไปถึงขั้นเชวียนเจ็ดสูงสุด และ ผู้หนึ่งอาจจะพัฒนาไปได้เกินระดับเชวียนเจ็ดได้หากเขาสามารถไปถึงขั้นสูงสุดได้ภายในเวลาเจ็ดสิบปีนั้น จากนั้น พวกเขาจักพัฒนาไปถึงขั้นเชวียนแปด แต่นั้นคือขีดจำกัดของพวกเขา พวกเขาจำต้องหยุดไว้เพียงแค่นั้นอย่างไร้ทางเลือก ! ”
บุรุษชุดดำเอ่ยวาจาประหลาดเหล่านั้นด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ อย่างไรก็ตาม น้ำเสียงของเขานั้นชัดเจนและมีวี่แววแห่งความหม่นหมองเช่นกัน …
เรื่องนี้นั้นไม่มีค่ามากนักในช่วงเวลาปกติ ลืมสามราชัญอสูรเชวียนไปเสีย แม้แต่อสูรเชวียนทั่วไปก็พบว่ามันเป็นความรู้สามัญ อย่างไรก็ตาม ความรู้สามัญเหล่านี้ถูกหักล้างลงไปอย่างสิ้นเชิง …
” แต่กระนั้นมีลูก เสือดาวปีกเหล็กขั้นแปดอยู่ตรงหน้าพวกเรา …! เพียงแค่เด็กเท่านั้น ! ”
บุรุษชุดดำเอ่ยด้วยความร้อนรนและจากนั้นสั่นเล็กน้อย ชุดคลุมของเขากระพือและสะบัด ดูเหมือนว่าเขาปลดปล่อยอารมณ์ออกมาทั้งหมดในเวลานั้น
” น้องสี่ เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเรากำลังฝัน ? “
” สิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไรกัน ? “
บุรุษชุดดำตัวสั่น
” จากสิ่งที่เราอนุมานได้ … ลูกเสือดาวปีกเหล็กนี้ เกิดมาเพียงไม่กี่เดือน และมันยังไม่ได้หย่านม แต่เขายังคงพัฒนาไปได้ภายในสถานการณ์เหล่านั้นได้ … และไม่เพียงเท่านั้น เขายังก้าวหน้าไปได้สูงส่งเช่นนี้ ! นี่ไม่น่าเชื่อได้ ! ล้ำลึกยิ่งนัก ! ข้าคงสังหารทุกคนที่บอกว่ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น แต่ข้าคงไม่เชื่อสักคำ แต่ตอนนี้ …. ข้าได้เห็นว่าสิ่งนี้เป็นจริงต่อหน้าพวกเรา ! มีผู้ใดบอกข้าได้หรือไม่ว่าสิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร ? “
ราชัญอสูรเชวียนพยักหน้าอีกครั้ง ความจริง เขาได้ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดเพื่อผงกหัว จากนั้น เขาหมุนตัวไปรอบๆสองครั้ง และมองไปยังสิ่งมีชีวิตสีขาวตัวน้อยนั้นอีกครั้ง จากนั้น เขายังไม่ละสายตา…
ความจริงนี้ยากเกินเข้าใจ มันแปลกประหลาดยิ่งนัก แปลกประหลาดจนบุรุษชุดคลุมมิอาจเข้าใจมันได้ …
กระเรียน และหมีหมี ยืนประหลาดใจอยู่ด้านข้างในราชัญอสูรเชวียน สมองของเขาเริ่มชา และน้ำลายเริ่มหยดออกมาจากมุมปากของเขาโดยไม่รู้ตัว จากนั้น ร่างอันสูงส่งของหมีใหญ่เริ่มส่ายไปมาเป็นเวลางานนาน และร่วงลงบนพื้น จากนั้นเขาเริ่มหอน เขาวรวบขนบนหัว และโขกพื้นก่อนตะโกนลั่น
” พระเจ้า ! โลกนี้บ้าไปแล้วจริงๆ ! ”
” เป็นไปได้หรือ ? “
กระเรียนคิดถึงสิ่งที่เป็นไปได้ และตีริมฝีปากตัวเอง
” พี่ใหญ่ เป็นไปได้หรือไม่ที่ราชัญเสือดำได้ไปข่มขืนเสือดาวปีกเหล็กขั้นเจ็ด ? “
เขาเอ่ยวาจานั้น.. แต่จากนั้นเขาหยุดลงทั้นที และตบปากตัวเอง …
อีกสองผู้ … รวมถึงหมีใหญ่มองเขาราวกับเขาเป็นคงโง่ …
” เจ้าโง่ ! เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ? เจ้ากระทำราวกับมีขยะอยู่ในหัว ! เจ้าคิดว่าข้าประหลาดใจกับระดับของมันเพียงผู้เดียว ? ความจริงอันน่าประหลาดใจของเจ้าตัวเล็กนี้มิได้จำกัดเพียงความแข็งแกร่งของเขาเท่านั้น …. ! “
จากนั้นราชัญอสูรเชวียนหยุดชั่วขณะและเอ่ย
” ข้าได้ตรวจสอบอย่างระมัดระวัง พันธุกรรมของเจ้าตัวน้อยนี้มีเพียงแค่ของเสือดาวปีกเหล็ก … และไม่มีของอสูรเชวียนระดับสูงอื่นใด ! ดังนั้น ข้ามั่นใจว่าการพัฒนาของเจ้าตัวน้อยนี้เกิดขึ้นมาได้ตามธรรมชาติ หรือพูดอีกอย่าง … ใครบางคนใช้เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งและอัศจรรย์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาของเขา ! ”
” และนี้ยังไม่น่าแปลกใจนัก ! สิ่งที่ประหลาดใจนั้นคือ … ตัวตนของเจ้าตัวน้อยเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างสมบูรณ์เช่นกัน ! เช่นนั้น มันใจได้ว่ามันจักพัฒนาไปถึงขั้นเก้าภายในระยะเวลาสามสิบปี … และระดับเก้าอาจมิใช่ขีดจำกัดของมัน ….”
บุรุษชุดดำพูดจบด้วยท่าทีจริงจัง จากนั้น เขานึกถึงสิ่งที่กระเรียนและหมีใหญ่เอ่ยก่อนหน้านี้ และขาของเขาก็ลอยขึ้น เขาเตะกระเรียนคอยาวก่อนเริ่มตำหนิเขา
“เจ้าเป็นราชัญกระเรียนผู้สูงส่ง ที่ไปข่มขืนอสูรเชวียนกระเรียนขั้นเจ็ดอย่างนั้นหรือ ? วันทั้งวันหัวของเจ้ามัวแต่คิดอะไร ? เจ้าสามารถคิดสิ่งที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์กับผู้อื่นมิได้หรือ ? “
น้ำเสียงของเขามีร่องรอยแห่งความลำบากใจ …