Parallel World Pharmacy – ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 2
นที่ 2 นักเภสัชวิทยาผู้กลับชาติมาเกิดในยุคมืดแห่งการรักษา
—————————-
“ยังไงก็ตาม……. ทฤษฎีพื้นฐานของโลกใบนี้มันเป็นยังไงกันนะ?”
ฟาร์มาดึงหน้ากลับเข้ามาภายในห้องหลังจากเริ่มตระหนักถึงความเป็นไปได้ของกฎฟิสิกส์ในโลกแห่งนี้ มันอาจจะต่างออกไปจากที่เขารู้จัก
“ด้วยความสามารถนี้ เราสามารถสร้างได้แค่น้ำเท่านั้นหรือ?”
เขาจ้องไปมองไปยังมือที่เหมือนจะไม่ใช่มือจริงๆ ของตนอย่างเงียบๆ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ตราบใดที่เขาสามารถเข้าใจในโครงสร้างของโมเลกุลน้ำได้เขาก็จะสามารถสร้างน้ำขึ้นมาได้จริงๆ
“ถ้าเป็นแบบนี้แล้วเราจะสามารถสร้างสสารอื่นจากการเข้าใจในองค์ประกอบของมันหรือเปล่านะ?”
เขาค่อยๆ ส่งอิมเมจในหัวไปยังแก้วสีเงิน ก่อนจะถ่ายเทพลังลงไปเหมือนที่ทำก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นแก้วดังกล่าวก็ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบจากสสารบางอย่างและเริ่มมีสีที่หม่นลงไป
เป็นหลักฐานชัดเจนของการทำปฏิกิริยายาระหว่างกำมะถันกับเงิน
“…… ถ้าเป็นแบบนี้ก็หมายความว่ามันเป็นไปได้ตามที่คิด..แต่แย่แล้วสิ แก้วมันหม่นไปซะแล้ว”
มันอาจจะเกิดปัญหาขึ้นกับลอตเต้ หากเครื่องเงินถูกย้อมสีเช่นนี้ บางทีเธออาจจะถูกกล่าวหาว่าพยายามวางยาพิษเขาก็เป็นได้
“จงหายไป หายไปซะ!” เขาพูดก่อนที่จะใช้ชายเสื้อของเขาเช็ดเครื่องเงินนั้น
กำมะถันในถ้วยได้หายไปและความเป็นเงาของเครื่องเงินก็กลับมา ไม่ใช่ว่ามันจางหายไปเพราะเขาเช็ดมันแต่มันกลับหายไปเอง
“สสารมันหายไป เป็นไปได้จริงๆ เหรอการสลายของสสารเช่นนี้?”
จากนั้นเขาก็ลองทำมันซ้ำๆ หลายๆ ครั้งเพื่อยืนยันในข้อสงสัยของตน
แทนที่จะสร้างสสารที่ดูอันตรายออกมา เขาได้เลือกที่จะสร้างน้ำตาลออกมาแทนและชิมมันดู ผลคือมันมีรสหวาน
ต่อมาคือการสร้างเกลือเม็ดและลองชิมดู ผลคือมันมีรสเค็ม
หลังจากนั้นก็ได้ลองสร้างเหล็กและใช้ลิ้นสัมผัสรสที่ได้ ผลคือรสของเหล็กจริงๆ
ส่วนของก้อนทองคำบริสุทธิ์นั้นมีความอ่อนบางและมันทิ้งรอยฟันของเขาไว้ที่ตัวผิวเมื่อโดนกัด
เขายังคงทดสอบความสามารถในรูปแบบต่างๆ แต่ผลสุดท้ายก็ได้ผลลัพธ์ที่เหมือนๆ กัน นั่นคือเขาสามารถสร้างสสารใดๆ ก็ได้ตามที่เขาต้องการโดยการส่งอิมเมจไปยังจุดที่ต้องการและจัดวางว่ามันควรเป็นอย่างไรที่มือของเขา
แต่ความสามารถนี้ก็มีขีดจำกัดในตัวของมัน นั่นคือเขาไม่สามารถสร้างสารเคมีที่เขาไม่อาจจะจินตนาการถึงมันได้อย่างชัดเจนหรือมีโครงสร้างที่ซับซ้อนมากจนเกินไป
สิ่งที่เขาสร้างมันขึ้นมาด้วยมือซ้าย เขาสามารถลบมันไปได้ด้วยมือขวา
มือซ้ายคือการรังสรรค์ มือขวาคือการทำลายล้าง
เขาสามารถสลายบางสิ่งที่ตนไม่ได้สร้างขึ้นได้ หากตัวเขาเข้าใจถึงองค์ประกอบทางเคมีของมันอย่างชัดเจน
“แบบนี้ก็เยี่ยมไปเลย!”
เอาเข้าจริงๆ แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจหลักการเบื้องหลังของพลังนี้นัก แต่ก็มั่นใจแล้วว่าตนมีพลังที่สามารถสรรค์สร้างและทำลายสิ่งต่างๆ ได้
“แบบนี้เราก็เป็นเหมือนนักเล่นแร่แปรธาตุเลยสิ ด้วยพลังแบบนี้แล้วอยากกลับไปที่ญี่ปุ่นชะมัด”
การค้นคว้าวิจัยของเขาจะก้าวหน้าไปยิ่งกว่าเดิม หากเขามีความสามารถนี้ขณะอยู่ที่ญี่ปุ่น
(งานวิจัยนั้น แล้วก็งานวิจัยอันนี้ อ๊ะเดี๋ยวสิเรื่องนี้ก็น่าเอาไปวิจัยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?)
ช่วยไม่ได้ที่เขาจะคิดแต่เรื่องแบบนี้ ฟาร์มานั้นถือว่าเป็นพวกบ้างานคนหนึ่งและยังปล่อยวางจากงานที่ค้างคาในชีวิตก่อนของเขาไม่ได้
“แต่เรากลับไปไม่ได้อีกแล้ว”
(เราน่าจะยอมแพ้เรื่องนี้ได้แล้วนะ)
ไม่ว่าตนจะถวิลหามันขนาดไหนก็ตาม แต่มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับไปยังโลกเดิม
“เราควรจะต้องลืมชีวิตก่อนหน้านี้ไป แล้วมาเริ่มต้นชีวิตใหม่จะดีกว่า”
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้
“เอาแบบนี้ละกัน! พอได้ทำแบบนี้ก็รู้สึกโล่งเหมือนกันแฮะ”
ลอตเต้ได้รีบกลับมายังห้องนอนของฟาร์มาและทำการเปลี่ยนผ้าปูเตียง ดูท่างานประจำวันส่วนใหญ่ของเธอนั้นจะเป็นการดูแลชีวิตประจำวันของฟาร์มา
ถึงจะเป็นบ้านของผู้มีฐานะ แต่เตียงกลับดูธรรมดากว่าที่คิด มันมีลักษณะเป็นทรงกล่องที่ถูกอัดแน่นไปด้วยฟางอยู่ภายในก่อนจะถูกนำผ้ามาปูไว้อีกที
แล้วลอตเต้ก็ต้องตกใจกับเรื่องที่ฟาร์มาเริ่มเข้ามาช่วยเธอจัดเตียง
“กรุณาอย่าเข้ามาช่วยเลยนะคะ เพราะนี่มันเป็นงานของฉันค่ะ”
“อย่างงั้นเหรอ? งั้นก็ขอโทษด้วยนะ”
ถึงจะบอกแบบนั้นแต่เธอก็ยังแสดงความขอบคุณกับเขา ดูท่าว่าเธอจะไม่เคยลืมที่จะแสดงความขอบคุณเลยแม้สักครั้ง
“แบบนี้ก็เยี่ยมไปเลยสินะคะ ตอนนี้ท่านก็ฟื้นฟูความทรงจำเกี่ยวกับศาสตร์แห่งเทพได้แล้ว ถ้าเป็นแบบนี้การจะนำความทรงจำที่เหลือของท่านกลับมาก็คงจะใช้เวลาอีกเพียงไม่นานเช่นกัน!”
ฟาร์มาได้รับการปลอบโลมด้วยเสียงฮัมเพลงของลอตเต้ขณะที่เธอกำลังเก็บเสื้อผ้าเข้าที่ น้ำเสียงของเธอนั้นช่างไพเราะยิ่งนัก
“ฉันนี่มันงี่เงาจริงๆ เลยค่ะ ที่เผลอคิดไปว่าบางทีท่านอาจจะไม่สามารถใช้ศาสตร์แห่งเทพได้อีกแล้ว”
“คือว่าช่วยบอกเรื่องครอบครัวของผมอีกทีได้หรือเปล่า?”
ลอตเต้หยุดทำงานไปหลังจากนั้นเธอก็ยืนขึ้นและพูดอย่างภูมิใจ
“ตระกูล เดอ เมดิซิส ตระกูลผู้ทำหน้าที่เป็นแพทย์โอสถหลวง”
ตระกูลแพทย์โอสถ
ฟาร์มาคาดว่าเขาน่าจะสามารถนำความสามารถของเขามาใช้กับเรื่องนี้ได้ไม่ว่าจะเป็นทางด้านของเภสัชวิทยาและวิทยาศาสตร์ แม้ว่ากฎฟิสิกส์บางส่วนจะแตกต่างจากโลกเดิมของเขาก็ตาม
(ดีล่ะ แบบนี้เราก็ยังสามารถใช้ความรู้เก่าของเราได้)
เขารู้สึกโล่งใจ
หลังจากนั้นฟาร์มาก็สามารถเข้าใจได้ถึงสถานการณ์ต่างๆ จากความช่วยเหลือของลอตเต้เธอได้ช่วยอธิบายถึงเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับโลกใบนี้
(สถานที่หลายๆ แห่งคล้ายๆ กับประเทศฝรั่งเศส)
ฟาร์มารู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องดังกล่าว
ภาษา วัฒนธรรม และเสื้อผ้ามีลักษณะใกล้เคียงกับยุคกลางของฝรั่งเศส
ชาร์ลอตเต้ หรือที่รู้จักกันในนามลอตเต้เธอเป็นลูกสาวของแคทเทอรีน แม่บ้านอาวุโส พวกเขาทั้งคู่เป็นสามัญชน
แม่ของเธอนั้นมีหน้าที่ในการดูแลฟาร์มาและส่วนตัวของเธอก็ได้ติดสอยห้อยตามแม่ของเธอมาทำงานบ้านที่นี่ตั้งแต่อายุได้ห้าปี จนบัดนี้เธออายุได้เก้าปีแล้ว นับว่าเป็นการรับใช้ที่มีมาแต่เนิ่นนาน พวกเขาเริ่มเข้ามาทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย พวกเขามีทั้งความสุภาพและท่าทางที่สง่างาม แต่อย่างไรก็ตาม
“เรื่องที่ผมจะถามนี้อย่าเอาไปบอกใครนะ คุณถูกบังคับให้มาทำงานที่นี่หรือเปล่า? คุณถูกทำร้ายหรือทารุณกรรมในที่ที่ผมไม่รู้หรือเปล่า? แล้วคุณได้รับอาหารครบตามต้องการหรือเปล่า?”
ลอตเต้โกรธขึ้นมาทันทีหลังได้ยินคำถามนั้น
“ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่กันคะ? พวกเราต่างได้รับแต่สิ่งดีๆ จากคุณท่านนะคะ”
“พวกคุณไม่อยากเป็นอิสระบ้างหรือ? ไม่อยากจะไปโรงเรียนกันบ้างหรือ?”
“ท่านช่างเป็นผู้ที่ใจดีเหลือเกินค่ะ แต่ท่านรู้หรือเปล่าคะถึงจะเป็นแบบนี้แต่ฉันก็ได้รับการสอนให้อ่านและเขียนจากคฤหาสน์แห่งนี้นะคะ แล้วฉันก็มีวันหยุดอยู่แล้วด้วย ตอนนี้ฉันก็พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่แล้วค่ะ”
ฟาร์มาได้จินตนาการไปว่าเหล่าข้ารับใช้นั้นจะถูกปฏิบัติเยี่ยงทาส แต่ดูท่าว่าพวกเขาจะได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดีเหมือนเป็นพนักงานลูกจ้าง สองแม่ลูกยินยอมในเรื่องนี้ ทั้งอาหารและเครื่องนุ่งห่มพวกเขาก็ได้รับมันอีกทั้งยังมีเงินเดือนให้อีกด้วย พวกเขากล่าวว่างานที่ได้รับนั้นไม่ใช่งานหนักและไม่รู้สึกลำบากในการทำงานที่คฤหาสน์แห่งนี้เลย อีกอย่างคือพวกเขาไม่ได้เป็นทาสดังนั้นหากพวกเขาอยากจะออกจากที่แห่งนี้ก็สามารถทำได้ทุกเมื่อ
“แบบนั้นก็ดีแล้ว”
“ใช่ไหมล่ะคะ! จากนี้ไปก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ! เพราะมันคงลำบากน่าดูหากท่านไล่พวกเราออกจากคฤหาสน์นี้ไป!”
เหล่าข้ารับใช้ที่ทำงาน ณ ที่แห่งนี้ซึ่งอยู่ภายใต้การบังคับของหัวหน้าพ่อบ้านมีอยู่ประมาณร้อยกว่าคนซึ่งพักอยู่ทั้งในและนอกคฤหาสน์ ตัวคฤหาสน์นั้นทำมาจากหินเป็นรูปตัวยู ลักษณะคล้ายกับสิ่งก่อสร้างในช่วงเปลี่ยนผ่านยุคบาโรค มันเป็นคฤหาสน์เก่าแก่ที่สามารถรู้สึกได้ถึงประวัติความเป็นมาที่ยาวนานของมัน
“ยังไงก็ตามช่วยบอกเกี่ยวกับคฤหาสน์แห่งนี้กับผมหน่อยได้หรือเปล่าครับ?”
“ด้วยความยินดีค่ะ!”
ฟาร์มาได้สอบถามลอตเต้เกี่ยวกับโครงสร้างภายในคฤหาสน์ โดยโครงสร้างดังกล้าวนั้นเป็นสามชั้น โดยมีห้องใต้ดินเป็นพื้นที่ส่วนเก็บยา และมีห้องใต้หลังคา ส่วนทางด้านอาณาเขตของบ้านนั้นมีขนาดราวๆ ปราสาทขนาดเล็ก
ชั้นแรกนั้นเป็นทางเข้า ห้องรับรอง และโถงหลัก
ชั้นสองนั้นเป็นส่วนพักอาศัยของเจ้าบ้านและลูกๆ
หมายความว่าตอนนี้ตัวของฟาร์มานั้นอาศัยอยู่บริเวณชั้นสองโดยห้องของเขานั้นอยู่ติดกับสวนหลังบ้าน
ท้ายที่สุดคือเหล่าข้ารับใช้นั้นจะอาศัยอยู่ห้องใต้หลังคา
ลอตเต้บอกว่าคฤหาสน์แห่งนี้ใหญ่มาก จนถึงตอนนี้เธอยังไม่เคยสำรวจครบทุกห้องเลย
“แบบนี้หมายความว่าตระกูลนี้จะต้องมีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานแน่สินะ……”
“แน่นอนค่ะ สถานที่แห่งนี้คือความภาคภูมิใจ! ที่มีประวัติความเป็นมามากกว่าสองร้อยปีเชียวนะคะ”
ลอตเต้ตอบกลับมาได้ความสดใสซึ่งแสดงให้เห็นถึงความใสซื่อบริสุทธิ์จากตัวเธอ
“ผมขอถามเรื่องของตัวผมบ้างได้หรือเปล่า?”
“ท่านอยากจะทราบสิ่งใดหรือคะ?”
“ชื่อฟาร์มา (ฟาร์มาเซทิคอล (ยา) ) เดอ เมดิซิส (ฟาร์มาซิส (เภสัชกร) )….. คิดว่าชื่อนี้มันแปลกหรือเปล่า?”
(ฟาร์มาเซทิคอลนี่มันฟังไม่น่ารื่นหูสักนิด!) ฟาร์มารู้สึกอายขึ้นมาทันที
“ฟุฟุ พี่ชายที่น่าเคารพของท่านก็ถูกเรียกว่าท่านปาลเล่นะคะท่านรู้หรือเปล่า? แถมคุณท่านยังคาดหวังกับท่านปาลเล่กับท่านฟาร์มาไว้สูงเลยนะคะ!
ปาลเล่ดูท่าจะมีความหมายเหมือน ”พิล” (เม็ดยา) เลยนะ
(ดูท่าจะมีคนได้โชคร้ายกว่าเราอยู่แล้วสิ)
ฟาร์มารู้สึกสนใจทัศนคติของพ่อตนที่มีต่อเภสัชศาสตร์อยู่พอสมควร
“คุณท่านจะกลับถึงคฤหาสน์ในช่วงดึกวันนี้นะคะ ดังนั้นท่านฟาร์มาก็น่าจะได้ร่วมโต๊ะอาหารกับคุณท่านแล้วก็….อ๊ะ”
“มีอะไรงั้นเหรอ?”
ฟาร์มาถึงกับยืนขึ้นเมื่อได้เห็นท่าทีตกใจของลอตเต้
“ปะ-เป็นไปได้หรือเปล่าคะว่าท่านฟาร์มาจะลืมเรื่องเกี่ยวกับศาสตร์การรักษาไปหมดแล้ว?”
“ผมก็คิดว่าลืมไปหมดแล้วนะแต่…”
“แย่แล้วค่ะ! แบบนี้มันสถานการณ์ฉุกเฉิน!!”
จากที่ลอตเต้กล่าวมาฟาร์มาสัมผัสได้ว่านี่คงจะเป็นวิกฤติจริงๆ เขาจึงได้หยิบหนังสือหนึ่งเล่มที่วางอยู่บนชั้นวางก่อนจะอ่านมันผ่านๆ อย่างรวดเร็ว หนังสือทุกเล่มบนโลกใบนี้นั้นเกิดขึ้นมาจากการคัดลอกต้นฉบับด้วยมือคน ดังนั้นวารสารหรือหนังสือทางการแพทย์จึงมีราคาแพงมาก นั่นแสดงให้เห็นได้ว่าครอบครัวของเขานั้นมีความมั่งคั่งมากเพียงใดจากที่เห็นหนังสือเล่มหนาๆ เป็นจำนวนมากวางอยู่บนชั้นหนังสือส่วนตัวของห้องฟาร์มา
“ท่านฟาร์มาต้องระวังตัวให้ดีนะคะ เพราะบางครั้งคุณท่านก็มักจะถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องการรักษาขึ้นมาแบบไม่บอกกันก่อนก็มีนะคะ”
ฟาร์มาคนก่อนนั้นได้รับการศึกษาในเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เด็ก ลอตเต้ถึงกับบอกว่าฟาร์มานั้นสามารถจดจำเกี่ยวกับเรื่องศาสตร์การรักษาและความรู้ภายในหนังสือได้ทั้งหมด
นี่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องแย่เสียแล้ว แม้ว่าเขาจะจำมันไม่ได้ทั้งหมดแต่อย่างน้อยก็ต้องเอาให้ได้มากที่สุด ด้วยความรู้และความสามารถที่เขามี ฟาร์มากำลังเร่งรีบ…….แต่ดูท่าจะไม่จำเป็นเสียแล้ว
“ผมคิดว่าผมเคยเห็นมันมาก่อนนะ…ผมจำมันได้!”
ความรู้และความทรงจำจากฟาร์มาคนเดิมได้เริ่มกลับมาผสานรวมเข้ากับความทรงจำของเขาทำให้เขานั้นสามารถจดจำเรื่องดังกล่าวได้ทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์การรักษาและความรู้เกี่ยวกับเวชศาสตร์ภายในหนังสือ
“ในส่วนของตรงนี้ก็…”
“ตรงนี้ยากจังเลยนะคะ? อ้าสำหรับดิฉันคงไม่ไหวจริงๆ!”
ลอตเต้ดูเหมือนจะตกใจเกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือเล็กน้อย ในขณะที่ฟาร์มาก็ทำแค่เพียงยักไหล่ ตัวของเธอนั้นค่อนข้างมีปัญหาเกี่ยวกับการอ่านหนังสือพวกนี้เพราะคำศัพท์ที่เฉพาะทางแม้จะลองพยายามอ่านตามดูแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังรู้สึกหลงใหลในเสน่ห์ของตัวฟาร์มาที่กำลังอ่านหนังสือด้วยความยากลำบากและมีสีหน้าที่จริงจัง
ฟาร์มาก็ได้แต่ขอให้เธอเบาเสียงลงหน่อย
(นี่มันเลวร้ายสุดๆ)
หลายๆ สิ่งที่เขียนอยู่ภายในหนังสือที่เขาหยิบขึ้นมาอ่านนั้นน่าสยดสยองมาก ทั้งวิธีการรักษาที่ผิด สูตรยาที่เต็มไปด้วยสารพิษ นี่มันไม่ใช่การรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์แล้ว ถ้าหากเราคอยสวดมนต์อ้อนวอนต่อพระเจ้า พระองค์ก็จะประทานพรให้เราหายจากโรคภัยเอย การถอดรหัสจากกลศาสตร์เอย ใช้โหราศาสตร์เอย นี่มันใช้กันผิดที่ผิดทางไปหมด
บอกว่าเป็นวิธีทำยาเสน่ห์หรือเสกมนต์คาถายังจะดีเสียกว่า
พวกเขาได้มองข้ามพื้นฐานของศาสตร์การแพทย์ไปเสียหมด
บนโลกใบนี้ “ความเจ็บป่วยคือบททดสอบของพระผู้เป็นเจ้าที่มอบให้กับมนุษย์” นี่เป็นความคิดพื้นฐานของศาสตร์ดังกล่าว เภสัชวิทยา โหราศาสตร์ และศาสนานั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้น พวกเขาต่างคอยอธิษฐานและดูความเคลื่อนไหวของดวงดาวไปมาพร้อมกับการรักษา
วิทยาศาสตร์การแพทย์และความรู้ด้านเภสัชกรรมของโลกใบนี้มันจะตกต่ำเกินไปแล้ว
(นี่มันยุคมืดแห่งการรักษาชัดๆ)
ฟาร์มารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าคนสุขภาพดีก็เกือบจะเสียชีวิตเพียงแค่ได้รับการรักษาทั่วไป
“ท่านฟาร์มาคะพักสายตาสักหน่อยดีหรือเปล่าคะ? ได้โปรดวางหนังสือลงสักพักหนึ่ง~”
“ไว้ผมอ่านส่วนนี้เสร็จอีกสักหน่อยนะ”
ลอตเต้ได้จ้องมองฟาร์มาที่หมกมุ่นอยู่กับหนังสือเป็นเวลาหลายชั่วโมงอย่างเงียบๆ ก่อนจะพูดขึ้นมา
“ท่านฟาร์มานั้นเป็นผู้ที่มีความมุมานะอย่างล้นหลามเป็นแน่ และท่าทางนั้นยังน่าหลงใหลอีกต่างหาก”
ขณะที่มองฟาร์มาด้วยดวงตาที่ชื่นชม
ฟาร์มาได้ปิดหนังสือลงขณะที่ภายในห้องค่อยๆ มืดลง
เขาขยับคอซ้ายขวาเล็กน้อยก่อนจะบ่นออกมาอย่างเงียบๆ
“เห็นที่เราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อคนบนโลกนี้เสียแล้ว”
หรือบางทีที่เขากลับมาเกิดใหม่โดยยังมีความรู้จากชาติก่อนนั้นจะมีสาเหตุมาจากสิ่งนี้
หากเป็นไปเช่นที่เขาคิด ตอนนี้เขาก็พอจะยอมรับมันขึ้นมาได้บ้างแล้ว
—————-
จะรีบพยายามตรวจสอบและเรียบเรียง คำ ประโยคใหม่ให้เร็วที่สุดนะครับ