Parallel World Pharmacy – ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 23
ตอนที่ 23 คทาแห่งเทพโอสถและการกลับมาของ ปาลเล่ เดอะ เมดิซิส
———-
“ท่านปาลเล่จะกลับมาถึงยังคฤหาสน์ในวันพรุ่งนี้ค่ะ ฉันพึ่งได้ยินเรื่องนี้มาจากคุณหัวหน้าพ่อครัวค่ะ!”
ลอตเต้ได้บอกเรื่องนี้กับฟาร์มาอย่างสนุกสนานในขณะที่เธอกำลังทำความสะอาดห้องของเขาอยู่
“เอ๋!? ท่านพี่จะกลับมาแล้วงั้นเหรอ!?”
ปาลเล่ เดอ เมดิซิส อายุ 17 ปี เป็นพี่ชายของฟาร์มา ผู้โชคร้ายที่ได้รับชื่อต้นซึ่งมีความหมายจริงๆ ว่า “ยาเม็ด” กำลังจะกลับมาแล้ว
“นี่ก็ผ่านมาเกือบปีแล้วสินะ ที่เขายุ่งอยู่กับการเรียนและฝึกฝน”
“เพราะแบบนั้นแหละค่ะพรุ่งนี้ถึงได้มีการจัดงานเลี้ยงฉลองขึ้นมา! จากนั้นก็จะมีขนมอยู่ภายในงานอีกเยอะแยะเลย”
อืม…ผมว่าเรื่องนั้นน่าจะไปถามหัวหน้าพ่อครัวดูก่อนนะและลอตเต้ก็ฉีกยิ้มจนมาเกือบถึงหูเลยทีเดียว เธอนึกถึงความกระหายที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้และทำงานอย่างกระตือรือร้น อย่างไรก็ตามทางหัวหน้าพ่อครัวน่าจะให้พวกขนมปังกับเธอก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มเพราะเธอก็เป็นพวกหิวในเวลาช่วงนั้นอยู่แล้ว แบบนั้นน่าจะช่วยลดเรื่องที่ต้องมาคอยระวังลอตเต้อยู่ได้บ้าง
“ก็ดีแล้วล่ะนะ ลอตเต้ ก็อยู่ในช่วงวัยกำลังโตด้วยนี่เนอะ”
ฟาร์มาปรับอารมณ์และกลับไปคุยกับลอตเต้
“พูดถึงเรื่องวัยกำลังโตท่านฟาร์มาก็ด้วยแหละค่ะ!แล้วท่านจำเรื่องของท่านปาลเล่ได้หรือเปล่าคะ?”
“เรื่องนั้นน่ะเหรอ?”
บางครั้งฟาร์มาก็จะนึกถึงความทรงจำของร่างนี้ก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามาได้บ้างแต่มันก็เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเท่านั้นและจนถึงตอนนี้เขาก็ไม่ได้มีความทรงจำเกี่ยวกับพี่ชายของเขาเลย บางทีเขาอาจจะพอจำอะไรได้บ้างหากได้พบกับพี่เขาโดยตรง
“ท่านปาลเล่ผู้สืบทอดสุดยอดพลังศาสตร์แห่งวารีมาจากคุณท่านและยังเคยเป็นผู้สอนท่านฟาร์มาอย่างหนักหน่วง รวมถึงคุณหนูบลานช์ด้วยค่ะ”
ความกลัว ใช่แล้วความกลัวกำลังค่อยๆ คืบคลานไปหาลอตเต้ที่กำลังตัวสั่น
เธอพูดถึงความน่ากลัวเกี่ยวกับในอดีตที่ปาลเล่นั้นเอาชนะฟาร์มาและน้องสาวเขาโดยไม่ออมมือเลยแม้แต่นิดเดียว ด้วยเหตุนั้นบรูโนจึงได้ตำหนิเขาว่า “นี่เจ้าทำเกินไปแล้วนะ”
“เขาฝึกผมกับบลานช์หนักขนาดนั้นเลยเหรอ? ทั้งที่น่าจะมีแค่ผมนะ แต่กับบลานช์ก็ด้วยเหรอ?”
“ท่านปาลเล่บอกว่ามันคือแส้แห่งความรักค่ะ ถึงจะพูดแบบนั้นไปแต่ที่ความสามารถของท่านฟาร์มากับคุณหนูบลานช์พัฒนามากขึ้นได้ขนาดนี้ส่วนหนึ่งก็ต้องยกความชอบให้กับท่านปาลเล่นะคะ”
มันกลายเป็นเหมือนงานประจำปี ทุกๆ ครั้งที่ปาลเล่นั้นกลับมาจากมหาวิทยาลัยแพทย์และยาโนว่ารูต เขาก็จะทำการฝึกฝนเหล่าน้องๆ ของเขาอย่างหนักเพื่อเป็นการทดสอบความก้าวหน้าของทั้งคู่ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานี้
ฟาร์มานั้นอยากจะหลบหนีจากความทุกข์ยากนี้ แต่ก็คงจะไม่มีประโยชน์เพราะตามข้อมูลที่ได้มาจากลอตเต้ ปาลเล่จะไล่ตามเขาไปจนกระทั่งสุดขอบปลายฟ้า ถึงขนาดมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฟาร์มาถึงขั้นกระดูกหักเพราะปาลเล่นั่นคือเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่เคยเกิดขึ้นมา
“ผมนึกว่าเอเลนเป็นคนสอนเรื่องศาสตร์แห่งเทพให้กับผมเพียงคนเดียวซะอีก?”
“ทั้งคู่ก็ต่างเป็นผู้ฝึกสอนท่านทั้งนั้นแหละค่ะ จริงด้วยสิคะทั้งท่านปาลเล่แล้วก็คุณเอเลโอนอร์ต่างก็เป็นเพื่อนสมัยเด็กแล้วยังเป็นคู่แข่งกันตลอดกาลอีกด้วยค่ะ ได้โปรดระวังอย่าพูดถึงเรื่องนี้ตอนที่อยู่กับทั้งสองคนนั้นด้วยนะคะ”
ปาลเล่กับเอเลนอายุเท่ากัน ทั้งสองก็ต่างมีความภาคภูมิใจของตนที่ว่าตนนั้นเป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพและแพทย์โอสถที่ยอดเยี่ยมกันทั้งคู่ ดังนั้นก็ไม่แปลกเท่าไหร่ถ้าหากทั้งสองจะแข่งขันกันในเรื่องพวกนี้
“ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่มีค่าเหล่านี้นะ ลอตเต้”
มันคงจะจบไม่สวยแน่หากเขาได้เผลอก้าวเขาไปในดินแดนที่เต็มไปด้วยภัยพิบัติ
“มาคิดๆ ดูแล้วบางจุดของร่างกายผมก็มีรอยคล้ำๆ อยู่ด้วยนี่เนอะ”
มันคงจะเป็นเรื่องที่สุดสยองแน่หากมันได้มาจากการถูกทุบตี ด้วยเหตุนี้เราน่าจะต้องกลับมาฝึกฝนอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นเขาก็ออกไปยังลานบ้านและฝึกการยิงศาสตร์แห่งวารีซ้ำไปซ้ำมาด้วยคทาเงินแห่งเทพของเขา
แต่เป็นที่น่าเสียดายเพราะคทาแห่งเทพของเขานั้นมันหักเป็นสองท่อนไปแล้วขณะที่เขากำลังใช้ฝึกได้ไม่นาน
______________________________________________
“เอ๋!? เธออยากจะได้คทาแห่งเทพอันใหม่? ไม่ใช่ว่าเธอก็มีอยู่อันหนึ่งแล้วหรอกเหรอ?”
วันต่อมาเอเลนได้ยินเรื่องนี้ในร้านขายยาและตะโกนขึ้นมาอย่างเสียงดัง
“เมื่อวานผมกำลังฝึกฝนพลังด้วยตัวเองอยู่แล้วมันก็หักไป ผมก็มีมันอยู่อันเดียวซะด้วยสิ เพราะแบบนั้น….…”
ถ้าหากไม่มีคทาแห่งเทพ พี่ชายของท่านได้เอาท่านถึงปางตายแน่นอนค่ะ นั่นคือสิ่งที่ลอตเต้ได้ข่มขู่กับฟาร์มาเอาไว้ เขาจึงต้องรีบหาคทาแห่งเทพอันใหม่ให้ได้ภายในวันนี้
“ถ้าหากไม่ใช่คทาแห่งเทพระดับยุทธวิธีสำหรับศาสตร์แห่งเทพระดับสูง บางที่มันอาจจะพังไปอีกก็ได้นะ”
คทาแห่งเทพที่ฟาร์มามีนั้นเหมาะสมไว้ใช้กับทางการแพทย์และมีความสามารถในการใช้ต่อสู้นั้นน้อยมาก โครงสร้างของตัวไม้นั้นมีความละเอียดอ่อนอย่างมาก และในจุดนี้คทาอันเดิมนั้นคงจะไม่สามารถทนพลังของฟาร์มาได้อยู่แล้ว หลังจากที่เอเลนได้คิดถึงเรื่องนี้เธอก็ได้ข้อสรุปมาภายในเมืองหลวงนี้คงไม่มีคทาแห่งเทพอันไหนที่เหมาะกับเขาอยู่เลย
“นี่ฟาร์มาคุงทำไมเธอถึงมาอยากได้คทาเอาตอนนี้ล่ะ? ยังไงเธอก็ใช้ศาสตร์แห่งเทพได้โดยไม่ต้องมีคทาแห่งเทพอยู่แล้วแท้ มันจะดีเหรอเพราะคทาระดับยุทธวิธีน่ะมันใหญ่เกินเธอจะพกไว้ด้วยนะ?”
แน่นอนว่าเอเลนนั้นก็ถือคทาแห่งเทพที่มีขนาดใหญ่พอสมควรเช่นกันซึ่งความสามารถของมันเหมาะทั้งใช้ในการแพทย์และการรบ ซึ่งความพิเศษของมันนั้นคือการพับเก็บได้มันจึงสะดวกต่อเธอในการพกพา
“คุณก็บอกประจำผมเองไม่ใช่เหรอว่า ชนชั้นสูงที่ไม่พกคทาแห่งเทพน่ะมันไม่ใช่ชนนั้นสูงหรอกนะ??”
คทาแห่งเทพนั้นจะสามารถสร้างพลังงานขึ้นมาด้วยการรวบรวมพลังแห่งเทพเอาไว้ภายในนั้นและก่อรูปขึ้นมาเป็นพลังที่ปล่อยออกไปยังมิติภายนอกเพื่อเป็นการจำกัดพลังเอาไว้ไม่ให้ใช้มากจนเกินไป แต่ถ้าหากเธอมีพลังแห่งเทพที่ไม่มีขีดจำกัดอยู่กับตัวแล้ว สิ่งนั้นมันก็ไม่จำเป็นเลย นั่นคือสิ่งที่
เอเลน อธิบายกับเขาไป
“ถึงแบบนั้น แต่ผมก็อยากได้มันอยู่ดี”
“ถ้าหากเธออยากได้มากนัก ทำไมไม่ลองไปดูร้านขายคทาแห่งเทพที่ทำให้กับจักรพรรดินีดูล่ะ? ฉันคิดว่ามันก็คงจะต้องแพงมากแน่ๆ”
“ไว้ผมจะไปหลังทานข้าวกลางวันเสร็จ”
“เธอจะรีบร้อนเกินไปแล้วนะ มันไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเลยนะในการเลือกคทาแห่งเทพแบบส่งๆ อย่างนี้ ทางที่ดีเธอควรจะค่อยๆ เลือกแล้วไปดูหลายๆ ร้านด้วยก็ดีนะ”
ทำไมเขาถึงได้ยืนกรานจะเอาให้ได้กันนะ? เอเลนสงสัย เขาไม่ได้บอก
เอเลนเกี่ยวกับความจำเป็นของมันว่าเพราะเกี่ยวข้องกับพี่เขาที่จะกลับมา เพราะทุกครั้งที่เธอได้ยินเกี่ยวกับคู่แข่งของเธอคนนี้ปัญหามักจะตามมาเสมอ
“ขออนุญาตครับ ท่านเทพโอสถ ท่านกำลังมองหาคทาแห่งเทพอยู่ใช่หรือเปล่าครับ??”
หัวหน้านักบวชแห่งโบสถ์ผู้พิทักษ์ประจำเมืองหลวงได้เข้ามาแทรกการสนทนานี้ตรงมุมหนึ่งของร้าน ทุกๆ วันในช่วงพักตัวเขานั้นมักจะมายังร้านขายยานี้เสมอ และมานั่งอธิษฐานอยู่ภายในร้านด้วยเหตุผลบางอย่าง (ซึ่งน่าจะเป็นเพราะฟาร์มา) ก่อนจะซื้อยาและดื่มน้ำฟรี มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะว่าเขาก็เป็นหนึ่งในลูกค้าประจำคนหนึ่ง ฟาร์มาและเอเลนจึงได้ปล่อยเรื่องนี้ไปแม้จะรู้ว่าจุดประสงค์หลักของเขาไม่ใช่ยาแต่เป็นการมาภาวนาและอธิษฐานประจำวันที่ร้าน
“เอ่อ กรุณาหยุดเรียกผมแบบนั้นเถอะครับ”
ไม่ว่ากี่ครั้งที่ฟาร์มาได้ยินมัน ตัวฟาร์มานั้นก็ทำใจยอมรับมันไม่ได้เสียที แน่นอนว่าเขาไม่เคยเรียกให้ลูกค้าคนอื่นๆ ได้ยินและทุกครั้งที่เขาเรียกฟาร์มาแบบนั้น ลอตเต้ก็มักจะหันมามองด้วย
“ผมได้รับคำขอของเทพโอสถอันสุดจะน่ายินดีเหนือสิ่งใดมาแล้วครับ ภายใต้นามแห่งศาสนจักร ผมจะรีบนำมันมาให้ท่านในทันทีครับ”
มีสิ่งที่ถูกเรียกว่า คทาแห่งโอสถเทพ ซึ่งความสามารถของคทานั้นสามารถรองรับต่อการใช้ธาตุทั้งสี่ได้อย่างไม่มีปัญหา อีกทั้งยังสามารถรองรับการใช้ทั้งในรูปแบบการแพทย์และการรบอีกด้วย ดูเหมือนว่าสมบัติลับชิ้นนี้จะถูกหมุนเวียนเปลี่ยนที่ประดิษฐานไปตามโบสถ์ต่างๆ ของศาสนจักร หัวหน้านักบวชกล่าวด้วยความยินดี
“คุณจะให้ผมยืมงั้นเหรอครับ? แต่ผมกลัวจะทำมันพังนะครับ อีกทั้งมันอาจจะถูกขโมยไปก็ได้นะครับ ของที่ดูท่าราคาแพงมากๆ ขนาดนั้น”
“มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับที่จะถูกขโมย เพราะตัวของคทานั้นเป็นสิ่งที่ถูกรังสรรค์มาโดยพระเจ้าครับ ไม่มีมนุษย์ผู้ใดสามารถสัมผัสมันได้หรอกครับ”
“แบบนั้นผมก็ใช้ไม่ได้น่ะสิครับ”
ฟาร์มาเริ่มเป็นกังวลขึ้นมา เพราะเขาต้องการคทาแห่งเทพที่สามารถทนทานไปจนถึงวันพรุ่งนี้ต่อหน้าพี่ชายของเขา ถ้าหากคทาแห่งเทพที่มนุษย์ไม่สามารถใช้มันได้ ก็คงต้องยอมแพ้ไปแล้วปล่อยให้พี่ของเขาซ้อมจนปางตายแทน
“ฮ่าๆๆ เรื่องแบบนั้นมันไม่มีวันเกิดขึ้นหรอกครับ ท่านกำลังล้อผมเล่นอยู่ใช่ไหม ผมจะดีใจมากๆ เลยนะครับ หากท่านนำมันไปใช้”
ในวันเดียวกันนั้นเอง หัวหน้านักบวชได้นำ บาทหลวงผู้พิทักษ์ประมาณ20กว่าคนขึ้นรถม้ามายังร้านขายยา หัวหน้านักบวชกล่าวแจกแจงงานทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสมบัติลับจริงๆ เพราะระดับการรักษาความปลอดภัยนั้นสูงเอามากๆ ส่งผลให้ผู้ป่วยภายในร้านเกิดความตื่นตระหนักกันพอสมควร
หัวหน้านักบวชได้เดินเข้าไปในร้านผ่านประตูหลังและนำบางสิ่งไปเสนอให้กับต่อสู้มา มันคือหีบสมบัติ ซึ่งภายในกล่องนั้น เป็นสมบัติรูปทรงเรขาคณิตที่ถูกดึงออกมาโดยมันถูกพันธนาการอย่างแน่นหนาด้วยห่วงโซ่ที่ม้วนรอบๆ ตัวของมันถึงหลายชั้นราวกับว่าเป็นการปิดผนึกคทาแห่งเทพชิ้นนี้ เพราะมีการกล่าวกันว่าบริเวณใจกลางของคทานั้นไม่อาจจะมีมนุษย์ผู้ใดสัมผัสมันได้
ตัวคทาแห่งเทพโอสถนั้นสูงพอๆ กับผู้ใหญ่คนหนึ่งเลยทีเดียว ตัวของมันนั้นถูกทำมาจากผลึกสีฟ้าซึ่งมีการตกแต่งอย่างงดงาม ส่วนทางด้านจับของมันนั้นถูกตกแต่งไปด้วยคริสทัลสีใสหลายๆ แบบ
“นี่มันเป็นคทาแห่งเทพที่งดงามเหลือเกิน นอกจากนั้นยังมีผลึกบริสุทธิ์ถึงห้าชิ้นเลยงั้นเหรอนี่”
เอลเลนถึงกับถอนหายใจ ขณะกำลังมองไปยังอัญมณีแสนแพงเหล่านั้น
“ผลึกคืออะไรเหรอครับ?”
จากข้อมูลที่ฟาร์มาได้ยินมาผลึกนั้นคือตัวเก็บกักพลังงานแห่งเทพ ถ้าจะเรียกง่ายๆ ก็เหมือนกับแบตเตอรี่เก็บสะสมพลังแห่งเทพซึ่งสามารถใช้เป็นตัวเร่งพลังแห่งเทพได้ ดูเหมือนว่าถ้าหากยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์มากเท่าใดพลังแห่งเทพนั้นก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้นและภายในคทาอันนี้ต่างประดับไปด้วยเหล่าอัญมณีที่บริสุทธิ์อย่างมากเกือบทั้งหมด
“ว๊าวว เธอจะรับมันไว้ใช่ไหมฟาร์มาคุง? มันฟรีสินะ? แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอที่ของเก่ามันพังไป?”
เอเลนผู้หลงใหลในคทาแห่งเทพมองเขาด้วยความอิจฉา เพราะตัวเธอนั้นก็ได้อุทิศตนให้กับการรวบรวมคทาแห่งเทพหายากมาไว้กับตัว จึงไม่แปลกที่เธอจะอยากได้มันจนรู้สึกอิจฉา คทาแห่งเทพที่เธอพกมาทุกวันนั้นมีผลึกสีฟ้าอยู่ภายในนั้นสองชิ้นแต่ขนาดของมันค่อนข้างจะเล็กนิดหน่อย
ฟาร์มาได้วางมือของเขาไปยังสมบัติชิ้นนั้นและเอาโซ่ที่ล้อมรอบตัวมันออกไปก่อนจะหยิบคทาแห่งเทพนั้นขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้าง ตัวไม้เปล่งแสงออกมาอย่างน่าประหลาดใจ ทันทีที่ฟาร์มาจับไม้นั้นออร่าแรงอันเร่าร้อนเหมือนกับแสงนีออนสีน้ำเงินอ่อนๆ ก็เปล่งออกมาอย่างเจิดจ้า
“โอ้วววว อย่างที่พวกเราคาดกันเอาไว้ คทาแห่งเทพชิ้นนี้เป็นของพระองค์ท่านแล้วครับ”
ความรู้สึกอันร้อนแรงถูกส่งมาจากหัวหน้านักบวช แม้ในทางมุมมองศาสนาสิ่งนี้อาจจะหมายถึงการที่ตัวคทาได้พบกับเจ้าของของตนแล้ว แต่ฟาร์มาก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้นัก
“คุณอยากจะลองจับมันดูหรือเปล่าครับ เอเลน?”
“เอ๋!? เธอแน่ใจเหรอ!? งะー! งั้นฉันขอลองดูนิดหนึ่งนะー!”
ฟาร์มาได้ยื่นคทาไปยังเอเลนและเธอก็ตอบรับ แล้วแสงจากคทาก็ได้หายไปเมื่อถึงมือของเอเลนก่อนที่ ตัวคทาจะตกลงกับพื้นด้วยเสียงที่ดังมาก
“ห๋า!?”
ฟาร์มาและเอเลนพูดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เอเลนรู้สึกประหลาดใจจนแว่นตาตกลงพื้น
“นี่แหละครับคือเหตุผลที่ผมบอกว่า มนุษย์นั้นไม่สามารถแตะต้องคทาแห่งเทพนี้ได้”
หัวหน้านักบวชหัวเราะด้วยความรื่นรมย์ เขาบอกว่าคทาแห่งเทพนี้เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอยู่บนโลกใบนี้ และดูท่ามันจะพับเก็บให้เหลือเพียงสิบเซนติเมตรได้จากความยาวเท่าตัวผู้ใหญ่ก่อนหน้านี้
“นั่นสินะーเป็นอย่างที่ฉันสงสัยจริงด้วยสินะ ฟาร์มาคุงจริงๆ แล้วเธอคือー”
ขณะมองไปยังฟาร์มาที่ถือคทาแห่งเทพนั้นอยากสบายๆ เอเลนก็พยักหน้าให้กับความคิดตน ส่วนทางหัวหน้านักบวชก็มองดูฟาร์มาที่จับคทาแห่งเทพ อยู่ด้วยความสนใจ
ลอตเต้เลยเป็นคนเดียวที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ “ฉันสงสัยจังเลยค่ะว่าทำไมท่านฟาร์มาถึงจับคทาแห่งเทพที่ไม่มีมนุษย์คนไหนสัมผัสได้” ขณะที่เธอกำลังงงงวย เธอจึงตัดสินใจจะไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้กลับไปยังห้องครัวที่ชั้นสามเพื่อเตรียมชาและนำเสิร์ฟให้กับหัวหน้านักบวช
“พระคุณท่าน ผมสงสัยเหลือเกินว่าคทาแห่งเทพนี้จะมีพลังแห่งการลอยตัวอยู่หรือเปล่า?”
ฟาร์มาได้ทดลองกับมันดูทันที เมื่อเข้าจับมันไว้เขารู้สึกได้ถึงพลังลอยตัวที่มากพอจะยกตัวของเขาขึ้นมาได้
“ใช่จริงๆ ด้วยสินะครับ ตัวคทามันสามารถมอบความสามารถในการบินให้กับผู้ถือและเพราะมันใช้พลังแห่งเทพเป็นจำนวนมากเลยทำให้ผู้ที่จะใช้มันนั้นจะต้องแข็งแกร่งให้เทียบเท่าหรือยิ่งกว่าเหมือนตามที่ตำราโบราณได้บันทึกเอาไว้เลยครับ ทั้งๆ ที่ทุกคนในศาสนจักรพยายามกันมากแท้แต่ก็ไม่มีใครทำมันได้สำเร็จเลยแม้แต่คนเดียว”
ทำตัวที่เหมือนกับแม่มดที่กำลังจะทะยานขึ้นไปบนฟ้าโดยการขึ้นคร่อมมันแบบนี้เนี่ยนะ? ด้วยเหตุนี้ฟาร์มาจึงได้นั่งอยู่บนคทาแห่งเทพโดยการถ่ายพลังสู่คทาและเริ่มลอยตัวขึ้นไปในอากาศ เหล่าผู้คนที่เห็นมันก็ต่างตกใจและเหมือนจะได้ยินเสียงกรีดร้องด้วย
“คทาแห่งเทพลอยได้ยังไงกัน? ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย”
เอเลนก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย
“คงไม่มีมนุษย์คนไหนบนโลกนี้ที่จะกุมพลังแห่งพระเจ้าได้ขนาดนั้นหรอก”
“ระวังนะครับ เอเลโอนอร์อีกก้าวหนึ่งคุณก็จะเหยียบแว่นตัวเองอีกทีแล้วนะครับ”
เซดริกซึ่งพยายามเตือนเอเลนแล้วแต่ด้วยความโชคร้ายดูเหมือนว่า… “ว๊ายー” ..อย่างที่คาด ท่าทางว่าตัวเอเลนเองมักจะแว่นตาร่วงทุกครั้งที่สติไม่ค่อยอยู่กับตัว ที่จริงถ้าเธอทำที่ยึดแว่นเอาไว้เหนือหูของตัวเองก็ไม่น่าจะเจอกับเหตุการณ์แบบนี้แล้วแท้ๆ นั่นคือสิ่งที่ฟาร์มาคิด
“ถ้าเป็นแบบนี้จะประหยัดเวลาในการเดินทางไปเมืองมาเชลหรือแม้แต่การกลับบ้านได้เยอะเลยครับ”
เพราะการเดินทางโดยม้านั้นต้องใช้เวลาพอสมควร
“นึกสภาพถึงตอนที่ไปตรวจอาการที่บ้านของผู้ป่วยแล้ว เขาเห็นแพทย์ที่จะมารักษาตัวเองบินมาสิจะเป็นยังไง?”
เอเลนกังวลกับเรื่องนี้จรืงๆ
“ขอบคุณสำหรับของขวัญที่แสนวิเศษนี้นะครับ หลวงพ่อ”
“แค่ท่านยินดีผมก็มีความสุขมากแล้วครับ เพราะนั่นน่ะเป็นสมบัติอาจจะอันสุดล้ำค่าของทางศาสนจักรเราเลย โอ้จริงด้วยสิครับ ผมอยากจะขอความกรุณาท่านเทพโอสถช่วยอ่านข้อความภายในสมบัติลับจะได้หรือเปล่าครับ? เพราะไม่ว่าจะใช้นักวิชาการหรือผู้ใดก็ยังไม่สามารถแก้ไขรหัส หรือทำความเข้าใจกับมันได้เลยครับ”
หัวหน้านักบวชพูดอย่างตื่นเต้นเกี่ยวกับเรื่องนี้
“สมบัติลับงั้นเหรอครับ…?”
เอ๋!? , ทั้งเอเลนและเซดริกก็ต่างรู้สึกกลัวๆ กับเรื่องนี้อยู่ แต่ฟาร์มาก็ไม่ได้รู้สึกถึงการมีอยู่ของทั้งสองไปเสียแล้ว..
“สมบัติลับชิ้นนั้นมันมีอยู่เพียงชิ้นเดียวที่ศูนย์กลางทางศาสนจักรของเรา มันเป็นเหมือนกล่องเล็กๆ ที่มีคุณสมบัติโปร่งแสงเป็นแผ่นสีฟ้า ซึ่งภายในนั้นมีภาพทับซ้อนของคนผมสีดำซึ่งสวมมงกุฎศักดิ์สิทธิ์อยู่ครับ”
“หืม สิ่งนี่มันเหมือนบัตรประชาชนมากเลยนะครับ”
ฟาร์มารู้สึกทึ่งกับสิ่งนี้เพราะตั้งแต่ที่เขามายังโลกใบนี้เขายังไม่เคยพบคนที่มีเส้นผมสีดำอยู่เลย ซึ่งคนในรูปถ่ายนั้นน่าจะเป็นคนเอเชียหรือเปล่านะ?
“แต่ถ้าหากผมไปที่ศูนย์กลางของทางศาสนจักร ผมจะโดนฆ่าเอาหรือเปล่านะ?”
ตัวเขานั้นต้องการอยู่อย่างสันติระหว่างเหล่าผู้ไต่สวนด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้ทำร้ายเหล่าผู้ไต่สวนในตอนนั้น แต่ถ้าหากเขาไปทำอะไรแปลกๆ เข้าอาจจะถูกมองเปลี่ยนไปก็ได้ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่เขาจะอธิบายเกี่ยวกับสิ่งนี้ให้คนพวกนั้นฟังอีก คงไม่พ้นจะต้องถูกคณะผู้ไต่สวนเข้ามาวุ่นวายอีกครั้งหนึ่ง
หัวหน้านักบวชแนะนำถึงเรื่องนั้น
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ หากทางนั้นรู้ว่าท่านคือร่างสถิตของเทพโอสถแล้ว วิหารเทพก็จะต้องเข้ามาสักการบูชาท่านอย่างแน่นอนครับ”
“ให้ตายสิ”
ฟาร์มาสบถออกมาแบบไม่ได้ตั้งใจ
ก็เพราะมีเรื่องว่าตนเป็นอะไรที่เหมือนกับเทพโอสถด้วย คงจะดีกว่าถ้าพยายามอยู่ห่างๆ กับทางวิหารเทพเอาไว้ ฟาร์มาเตือนตัวเองถึงเรื่องนั้น
“ถ้างั้นไว้ผมจะออกคำสั่งให้ลูกน้องของผมที่เป็นช่างของทางวิหารเทพสร้างแบบจำลองของสมบัติลับชิ้นนั้นมาให้นะครับ ไว้ถึงเวลานั้นผมจะนำมันกลับมาให้ท่านอ่านครับ”
เขาบอกว่าต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะสร้างแบบจำลองนั้นเสร็จ
_______________________________________________
“ปาลเล่ เดอะ เมดิซิส กลับมาถึงคฤหาสน์แล้วครับ”
ในวันถัดมาทั้งเหล่าข้ารับใช้และพี่ชายของฟาร์มา ปาลเล่ได้เดินทางกลับมาถึงคฤหาสน์หลังจากการเดินทางด้วยรถม้ามาอย่างยาวนาน ชายหนุ่มผมยาวสีเงิน ดวงตาสีฟ้า แต่ไม่เหมือนกับ
ฟาร์มานัก ร่างกายที่กระชับเรียบเนียนซึ่งไม่มีบรรยากาศที่ชวนขนลุกอยู่รอบตัวเลย
เขาเดินไปทักทายพ่อและแม่ของเขาก่อน
บรูโนไม่ได้บอกปาลเล่เรื่องที่ฟาร์มานั้นได้เป็นแพทย์โอสถหลวงประจำตัวของจักรพรรดินี และได้รับตราพระราชทานในการเปิดร้านขายยามาจากพระองค์เอง จนกว่าตัวของปาลเล่จะกลับไปยังมหาวิทยาลัยแพทย์และยาโนวารูตและได้รับคุณสมบัติให้เป็นแพทย์โอสถหลวงได้
หากปาลเล่ที่กลับมาอยู่ที่คฤหาสน์นี้ถึงหนึ่งอาทิตย์ได้รู้ความจริงในเรื่องนี้เข้าว่า ฟาร์มานั้นได้เป็นแพทย์โอสถหลวงทั้งๆ ที่ไม่ได้จบการศึกษาจากทางมหาวิทยาลัยแม้แต่น้อย ตัวเขานั้นจะต้องเสียแรงบันดาลใจในการเรียนต่อแล้วออกมาจากมหาวิทยาลัยก็เป็นไป นั่นคือสิ่งที่บรูโนได้คุยกับฟาร์มาไว้ ซึ่งตัวฟาร์มาก็เห็นพ้องเช่นนั้น
ปาลเล่ผู้ซึ่งไม่รู้ทุกสิ่งที่ผ่านมานั้น ได้เข้ามายังห้องของฟาร์มาก่อนจะเริ่มทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในฐานะพี่ชาย
“กำลังทำอะไรอยู่งั้นเหรอ น้องชายของพี่!”
“ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ ท่านพี่”
ตัวฟาร์มานั้นอยากจะฟังเรื่องราวการเดินทางของปาลเล่ เกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนในโนวารูตหรือชีวิตในหอพักของที่นั่น แต่ก่อนหน้านั้นดูเหมือนว่าจะมีการทักทายจากพี่ชายสุดแข็งแกร่งที่มีต่อน้องชายอันแสนอ่อนแอของเขาซะก่อน
“เอาล่ะ! พี่จะสอนนายให้แข็งแกร่งขึ้นจนกว่าจะถึงมื้อเย็นเอง! อาจจะมีการเจ็บตัวนิดหน่อยหวังว่าคงเข้าใจนะ?!”
“แต่ข้างนอกฝนตกอยู่นะครับ ไม่รอให้ฝนหยุดก่อนจะดีกว่าเหรอครับ?”
ข้างนอกนั้นมีฝนฟ้าคะนองโปรยปราย ตัวฟาร์มานั้นคงจะไม่ได้รับผลอะไรจากไข้หวัดอยู่แล้วแต่พี่ของเขานั้นไม่ใช่เพราะฟังจากเสียงสูดน้ำมูกเล็กน้อยของพี่เขาที่ออกมาจากจมูก
“นายคิดว่าพี่จะกลัวเพราะแค่ฝนตกเนี่ยนะ? เราจะออกไปฝึกและตากฝนกันทั้งแบบนั้นแหละจากนั้นก็จะเริ่มมาแลกเปลี่ยนศาสตร์แห่งวารีกันก่อน พี่รู้นะว่าเอเลโอนอร์สอนนายมา แต่นายรู้ตัวหรือเปล่าว่านายดูอ่อนแอลงเยอะเลยนะ แต่ไม่เป็นไรพี่จะใช้แส้แห่งความรักนี้ช่วยทำให้นายแข็งแกร่งขึ้นมาเอง!”
ไม่รู้ว่าพี่ของเขาเป็นพวกเลือดร้อนหรือสมองกล้ามกันแน่
ฟาร์มาถูกบังคับโดยพี่ชายของเขาให้ไปยังลานกว้างบริเวณคฤหาสน์ของพวกเขาซึ่งแน่นอนว่ายังคงมีฝนตกอยู่ ส่วนทางบลานช์นั้นดูเหมือนว่าจะหลบหนีการฝึกครั้งนี้สำเร็จ อาจจะเป็นเพราะได้ดวลซ่อนหากับลอตเต้เป็นประจำก็ได้
อย่างน้อยเราควรทำอะไรกับฝนนี่ก่อนจะเริ่มฝึกอะไรน่าจะดีกว่า
แล้วฟาร์มาก็ทำการหยุดฝนที่ตกหนักนี้ด้วยความสามารถเชิงลบในมือขวาของเขา
“หืม? ฝนหยุดตกแล้วงั้นเหรอ ดีเลยแบบนี้สิถึงจะเหมาะ ไปเอาคทาแห่งเทพแล้วตามพี่มา”
ปาลเล่ได้ดึงเอาคทาแห่งเทพสีดำแท่งยาวที่ดูเหมือนจะมีไว้สำหรับต่อสู้ออกมาซึ่งภายในนั้นมีผลึกสีแดงสองชิ้นถูกประดับไว้ ขณะนั้นฟาร์มาก็ได้หยิบคทาแห่งเทพของเขาที่เพิ่งจะได้มาเมื่อวานนี้ออกมาจากบริเวณเอว จากมุมมองของพี่เขาแล้วดูเหมือนพี่ของเขาจะไม่รู้ถึงพลังที่แท้จริงของคทาแห่งเทพอันนี้
“อย่าบอกนะว่านายไปซื้อไอแท่งแก้วที่มีไว้ใช้ตกแต่งเฉยๆ แบบนั้นมา? นายจะเน้นไปทางรูปลักษณ์มากเกินไปไม่ได้นะ พี่จะทำลายไอเศษแก้วนั้นให้เป็นชิ้นๆ เอง”
พี่ของเขาเริ่มโกรธ เพราะผลึกบริสุทธิ์ทั้งห้าชิ้นนั้นสามารถซ่อนมันเอาไว้ได้โดยการใช้มือทั้งสองข้างจับและบังมันเอาไว้ ดูเหมือนปาลเล่จะเห็นมันเป็นแค่แกนของแก้วเท่านั้น
“เข้ามาเลยฟาร์มา แสดงพลังของนายให้พี่เห็นหน่อย!”
ปาลเล่ยกคทาแห่งเทพสีดำขึ้นสูงและเริ่มแกว่งมันไปมา
“สายน้ำร่ายรำ (Jeux d’ eau) ”
พี่ชายของเขาใช้ศาสตร์แห่งเทพได้อย่างคล่องแคล่วทั้งการร่ายและดูเหมือนเขาจะเริ่มทำการร่ายมนตร์บทถัดไปรอไว้ด้วย ตามข้อมูลที่ได้มาจากลอตเต้ทักษะของปาลเล่นั้นถูกจัดว่าเป็นอันดับหนึ่งหรือสองของทางโนวารูตเลยทีเดียว
กระสุนน้ำนับไม่ถ้วนได้พุ่งเข้ามาโจมตีฟาร์มาดูเหมือนว่ามันจะเกิดคลื่นเสียงขึ้นด้วยจากการเคลื่อนที่ของกระสุนที่เร็วเหมือนเสียงนี้ ฟาร์มาที่ดูเหมือนจะเริ่มควบคุมพลังของตัวเองได้ดียิ่งขึ้นทำเพียงกระโดดหลบเบาๆ และบางครั้งก็ใช้ตัวคทานั้นปัดป้องการโจมตี จากการใช้พลังที่ถูกสนับสนุนโดยคทาแห่งเทพชิ้นนี้แทบจะทำให้การโจมตีของฝ่ายตรงข้ามดูช้าไปเลย
“ดูเหมือนนายจะพัฒนาขึ้นเยอะนะ ดีล่ะ พี่จะเริ่มใส่ให้มากกว่าเดิมแล้วนะ”
เมื่อปาลเล่ได้เห็นสิ่งที่ฟาร์มาทำ สัญชาตญาณการต่อสู้ของเขาก็เริ่มสั่นสะท้านออกมา
“ภูตแห่งสายน้ำ (Naïade) ”
ศาสตร์แห่งเทพที่เอเลนกำลังพยายามฝึกใช้ ถูกใช้ออกมาอย่างง่ายดาย คลื่นน้ำที่ก่อตัวกันจนเป็นยักษ์ขนาดใหญ่ได้พยายามโจมตีเพื่อจะบดขยี้ฟาร์มา
“คลื่นพายุน้ำ (Tornade de l’ eau) ”
ฟาร์มาศาสตร์แห่งเทพเป็นพายุสายน้ำขึ้นมาป้องกันการโจมตีของยักษ์ตนนั้น ซึ่งทำให้เขาไม่ได้รับผลกระทบการจากโจมตีนั้น
“เขตพิทักษ์แห่งสายน้ำ (Sanctuaire de l’ eau) ”
ฟาร์มากางอาณาเขตบาเรียน้ำขึ้นรอบๆ ตัวพี่ของเขา ทันทีที่เขาพยายามจะพันธนาการพี่ของเขาเอาไว้ พี่ของเขาก็ได้สร้างปืนใหญ่น้ำขึ้นมาทำลายบาเรียจากข้างในด้วยการอัดพลังเข้าไปตรง พี่ชายคนนี้ไม่เลวเลยจริงๆ
“ท่านปาลเล่ ท่านฟาร์มา ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วครับ”
เมื่อถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน พ่อบ้านไซม่อนก็เดินทางมาเรียกพวกเขาด้วยม้า พี่น้องทั้งสองต่อสู้กันจนร่างของทั้งคู่นั้นเปียกโชกไปด้วยน้ำ พวกเขานั้นต่อสู้กันมานานถึงหนึ่งชั่วโมง ทางพี่ชายของเขานั้นได้รับบาดเจ็บหนัก ส่วนทางฟาร์มานั้นไร้บาดแผลใดๆ
“นาย… เจ๋ง…ดี…นี่”
ขณะที่กำลังชี้ไปทางฟาร์มา พี่ชายของเขาก็ล้มตัวลงนอนเหยียดกับพื้นที่ปกคลุมไปด้วยผืนหญ้า ใบหน้าของเขานั้นแดงและมีไข้สูง ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับผลกระทบจากความหนาวเย็นระหว่างฝึกซ้อมที่ทำให้ร่างของเขานั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ
“โอ้โห ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะเป็นชัยชนะของท่านฟาร์มานะครับ”
พ่อบ้านลูบหนวดและพูดด้วยรอยยิ้ม
“ดูเหมือนผมจะพูดว่า’จบแค่นี้แล้วสินะ’ไม่ได้หรอกนะครับ”
ถึงแม้ว่าบริเวณนี้จะมีการตกค้างของพลังแห่งเทพอยู่มากมายก็ตาม แต่พวกบาทหลวงไม่ได้อยู่ในบริเวณนี้ก็ไม่น่าจะต้องกังวลอะไร
“ชิ เสร็จหัวหน้าพ่อครัวอีกจนได้”
ในวันนั้นลอตเต้ได้ทานขนมปังอบสดใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของหัวหน้าพ่อครัวที่ใช้ดักกระเพาะอันหิวโหยของลอตเต้ แม้เธอจะบอกว่า “งานเลี้ยงที่ใหญ่โต” แค่ไหนก็ตามแต่กระเพาะของเธอก็ไม่สามารถรับอาหารทั้งหมดนั้นได้อีกต่อไปแล้ว
_____________________________________________
Note : สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913