Parallel World Pharmacy – ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 32
นที่ 32 นิ้วล็อกและเครื่องอัดสำเนา
————-
「ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยอยู่เสมอ」
เจ้าของร้านขายยาต่างโลกได้พูดคำสุภาษิตออกมาด้วยเสียงกระซิบพร้อมกับใบหน้าที่ขึงขังขณะที่กำลังค่อยๆดูตารางงานของตนที่ยาวเหยียดไปจนถึงปีหน้า
「ประวัติศาสตร์อะไรกัน? พวกเรื่องของโอสถวิทยาหรือเปล่า?」
เอเลนถามขึ้นมา แม้ว่าตัวของเธอนั้นจะรับหน้าที่ในการสอนที่วิทยาลัยยาตามที่บรูโนขอ แต่ดูเหมือนว่าเธอก็ยังรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจกับการสอนของเธอมากนัก ด้วยเหตุนี้เธอจึงได้พยายามมารวบรวมหนังสือที่เกี่ยวข้องกับแพทย์โอสถภายในห้องสมุดของวิทยาลัยและเริ่มทบทวน
(จะบอกว่าประวัติศาสตร์ที่เราทำงานหนักจนตายหรือเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตก่อนดีล่ะ……)
ดูท่าว่าแรงจูงใจของฟาร์มาที่ค่อยๆไหลมาตามกระแสชีวิตของเขานั้นจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากชีวิตก่อนเลยแม้แต่น้อยเท่านั้นยังไม่พอมันยิ่งเลวร้ายขึ้นกว่าเดิมซะอีกเพราะในชีวิตนี้เขาไม่อาจจะฝากงานหลายๆอย่างให้ผู้อื่นได้
(ไม่สิ เรื่องนี้จะบอกว่าเป็นความผิดของคนอื่นก็ไม่ได้เพราะตัวเราเองก็หางานเพิ่มให้กับตัวเองซะจนตอนนี้ตารางงานแน่นได้ขนาดนี้ เห็นทีเราคงได้ตายจริงๆแน่ถ้าได้มาเป็นศาสตราจารย์ด้วยแบบนี้)
ชีวิตของเขาในตอนนี้นั้นพยายามที่จะถือคติที่ว่าช่วยเหลือผู้อื่นโดยที่ตนนั้นไม่หักโหมมากจนเกินไป แต่ถึงจะพูดไว้แบบนั้นเพียงเวลาแค่หนึ่งปีกลับกลายเป็นว่าตัวเขานั้นทำงานหนักเสียยิ่งกว่าเดิมอีกและรู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มเข้าขั้นวิกฤตเข้าไปทุกที ทั้งๆที่เขาไม่อยากจะพลาดแบบนั้นเป็นครั้งที่สองอีกแล้วแท้ๆ
(ถ้าหากเราตายไปครั้งต่อไปคงไม่ได้มีโอกาสกลับมาเกิดแบบนี้อีกแล้วก็ได้)
แม้ว่าจะมีความโชคดีอยู่บ้างที่ได้มีการตัดสินไว้ว่าจะให้ตัวเขานั้นเริ่มสอนที่วิทยาลัยยาแซงต์เฟลิฟในปีหน้า ด้วยเหตุผลที่ว่าให้เวลาเพื่อทำการเตรียมตัวทั้งเรื่องการจัดตั้งแผนกใหม่ ห้องทดลอง ศูนย์วิจัยและการจัดหานักเรียนที่จะเข้ามาศึกษา ซึ่งในขณะนี้ได้มีการรวบรวมเหล่าเด็กหัวกะทิจากทั่วจักรวรรดิเท่านั้นยังไม่พอยังมีการรับสมัครจากทั่วทุกมุมของโลกโดยสามารถสอบเข้าได้ด้วยโครงการพิเศษฟรีค่าเล่าเรียน ดูท่าพวกเขาจะทุ่มเททั้งกายใจกับเรื่องนี้มากเลยทีเดียว
และฟาร์มานั้นก็จำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างกับงานของเขาในขณะที่คนเหล่านั้นกำลังจัดการกับเรื่องนี้อยู่
(เริ่มสะสาง เริ่มลดงานลงบ้าง ยังไงตอนนี้กาฬโรคก็จัดการไปเรียบร้อยแล้วด้วย)
“สุขภาพของผู้อื่นสำคัญก็จริง แต่สุขภาพของตัวเราเองก็สำคัญไม่แพ้กัน..” ฟาร์มาค่อยๆสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ก่อนที่จะเกิดการระบาดของโรคขึ้นมาก็จำเป็นที่จะต้องเตรียมการป้องกันการแพร่เชื้อเสียก่อน แต่ปัจจุบันนั้นไม่ได้มีอันตรายขนาดใหญ่แบบนั้นเกิดขึ้น ถ้าหากเป็นชีวิตก่อนของเขา เขาคงจะวนอยู่กับการวิจัยจนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่สามารถป้องกันโรคเหล่านั้นจนสมบูรณ์เสียก่อน แต่ช่วงเวลานี้เห็นทีว่าเขาคงจำเป็นจะต้องห่วงอันตรายจากการทำงานหนักจนเกินไปของเขาก่อน
「คุณพอรู้เรื่องเกี่ยวกับการทำงานหนักจนตายหรือเปล่า?」
「หมายความว่ายังไงเหรอ?」
เอเลนเอียงศีรษะสงสัยขณะเช็ดแว่นตา
ไม่ฝืนตัวเองให้ทำงานหนักจนเกินไปและทำงานเพียงแค่ช่วงที่แสงอาทิตย์ยังสาดส่องถือว่าเป็นแนวทางของประเทศนี้ ด้วยเหตุนั้นเรื่องที่ทำงานหนักจนตายคงจะไม่เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ พักผ่อนเมื่อเหนื่อยนั่นมันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แสงสว่างนั้นคือเวลาที่มีค่าดังนั้นผู้คนจึงไม่ควรจะทำงานตลอดทั้งคืน
「เอเลนไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างเหรอ?」
「พอพูดถึงเรื่องนั้นฉันก็รู้สึกปวดหัวอยู่เหมือนกันนะ」
「เพราะทำงานหนักมากเกินไปหรือเปล่า?」
「ที่เป็นแบบนี้ก็น่าจะมาจากการสวมแว่นสายตามากเกินไปนั่นแหละนะ ช่วยไม่ได้นี่เนอะ」
ดูเหมือนว่าเอเลนจะมีอาการปวดหัวมาจากการใส่แว่นตาแข็งๆแบบนั้นเป็นเวลานาน
“หากเธอได้สวมคอนแทคเลนส์แทนน่าจะทำให้เธอสบายตัวขึ้นกว่านี้นะ”
ฟาร์มาเริ่มมีความคิดอยากจะผลิตมันขึ้นมา
(ไม่สิ วัสดุที่เราจะใช้ผลิตคอนแทคเลนส์ยังไม่มีนี่…ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงจะเป็นไปไม่ได้สินะ…)
และฟาร์มก็คิดหางานเพิ่มให้กับตัวเองอีกแล้ว
「แล้วว่าไงล่ะ? ทำงานหนักจนตายนี่คืออะไรเหรอ?」
「ก็ตรงตามคำนั้นเลย ทำงานหนักมากจนเกินไปแล้วเสียชีวิต」
「ก็จริงนะว่าฟาร์มาคุงทำงานหนักมาก……แต่เพราะแบบนั้นจะทำให้เธอตายได้งั้นเหรอ?」
เอเลนเริ่มสงสัยเรื่องที่ฟาร์มพูดเพราะดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้
「ถ้าเป็นเท่าที่ฉันรู้นะคือหลังจากที่เธอโดนฟ้าผ่าไป นั่นอาจจะทำให้มีบางอย่างภายในตัวของเธอเปลี่ยนไปด้วยก็ได้นะรวมถึงตัวตนที่อยู่ข้างในนั้นก็ด้วย」
เด็กหนุ่มฟาร์มในอดีตนั้นแทบจะป่วยเป็นไข้ตลอดปีเพราะจากการฝึกใช้ศาสตร์แห่งน้ำและยังได้รับบาดเจ็บอยู่หลายครั้ง พอถึงเวลาที่ป่วยขึ้นมาก็ไม่อาจจะเข้าเรียนได้อยู่หลายครั้ง เรียกว่าแทบจะทำอะไรไม่ค่อยได้เลยก็ว่าได้ แต่สำหรับตอนนี้นั้นแตกต่างกันออกไปอย่างมาก เขาแทบจะไม่เจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บจากอะไรเลย ถ้าจะมีก็แค่รอยขีดข่วนจากการฝึกเท่านั้น แต่ก็ไม่อาจจะเห็นเลือดของเขาออกมาได้เลย
(สงสัยจริงๆ ว่าถ้าเราตายเพราะทำงานหนักมันจะเป็นยังไง? ถ้าเราตายไปแล้วจิตของเราก็ออกจากร่างของฟาร์มหรือเปล่านะแล้วจะทำให้เด็กคนนี้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งงั้นเหรอ?)
ฟาร์มเริ่มรู้สึกผิดหลังที่คิดแบบนั้น
(ไม่สิ ร่างของฟาร์มก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมาตอนที่เราหลับด้วย บางทีสติของเด็กคนนั้นจะสูญสลายไปแล้วหรือเปล่านะ?)
“จะเป็นยังไงก็ตามเราก็ต้องดูแลร่างของเด็กคนนี้ให้ดีๆนั่นแหละนะ” เขาคิดแบบนั้น
「จริงสินะอีกเรื่องหนึ่งคือฉันรู้สึกขอบคุณเธอนะที่คอยปกป้องพวกเรามาโดยตลอดฟาร์มาคุง เพราะเธอพวกเราถึงได้รู้สึกเหมือนได้รับการคุ้มครองโดยเสมอมา」
เอเลนเข้ามากุมมือของฟาร์มาและมองเข้าไปในดวงตาของเขา ด้วยสีหน้าที่ดูท่าทางเอียงอาย สีแก้มของเธอเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมา จนหัวใจของฟาร์มนั้นเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ แม้ตัวเขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับเอเลนเพราะเธอนั้นคือเพื่อนร่วมงานแต่ยังไงเขาก็ต้องระมัดระวังอยู่เหมือนกันเพราะเธอนั้นดูมีเสน่ห์อยู่พอสมควร
(เอเลน..เธอไม่เคยทำหน้าแบบนั้นมาก่อนเลยนะ……)
บางทีคงจะเป็นเพราะในอดีตนั้นตัวเธอเกรงกลัวในตัวตนที่ราวกับสัตว์ประหลาดเป็นอย่างมาก
“เธอคงจะค่อยๆเริ่มเปิดใจและเชื่อใจเรามากขึ้นเมื่อได้ใช้เวลาร่วมกันสินะ?”
ฟาร์มรู้สึกยินดีกับเรื่องนี้
「ใช้แล้วค่ะท่านฟาร์มต้องขอขอบพระคุณท่านจริงๆ! ที่ท่านคอยดูแลพวกเราโดยเสมอมา!」
ลอตเต้เห็นด้วยกับเอเลนแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำพูดเอเลนก็ตาม
「ฉันก็จะได้เป็นศาสตราจารย์เหมือนกับเธอในปีหน้าที่วิทยาลัยยาเหมือนกัน รู้สึกกังวลจริงๆว่าจะช่วยเหลืออะไรเธอได้ไหมนะ?」
เอเลนกังวลเกี่ยวกับเรื่องของฟาร์ม
「การที่ได้เป็นศาสตราจารย์ที่วิทยาลัยยานี่มันสุดยอดขนาดไหนกันนะ? ท่านช่างสุดยอดจริงๆเลยนะคะทั้งที่อายุเพียงแค่นี้〜นี่สินะคะ ที่เรียกกันว่าอัจฉริยะ? ไม่สิคงไม่มีคำอื่นไหนนอกเหนือจากอัจฉริยะอีกแล้วค่ะ!」
คำสรรเสริญที่มาจากลอตเต้ผู้ตื่นเต้นจนกำมือสองข้างขึ้นไปมาโดยไม่หยุด แม้ตัวเธอจะบอกว่าไม่ใช่การเยินยอแต่เป็นใจจริงของเธอ สถาบันการศึกษานั้นถือว่าเป็นโลกที่สามัญชนอย่างเธอนั้นไม่อาจจะก้าวเข้าไปถึงได้ และการที่โลกใบใหญ่นั้นได้เข้ามาหาฟาร์มและทำให้เขาได้กลายเป็นอาจารย์สอนแบบนั้นหมายความว่าความสามารถของเขามีคนเห็นถึงมันและได้รับการยอมรับ ลอตเต้รู้สึกเคารพในตัวของเขาอย่างแท้จริง แน่นอนว่าเธอนั้นคิดว่าฟาร์มในตอนนี้ไม่ใช่ฟาร์มาคนเดิมที่เธอรู้จักอีกแล้วหลังจากเรื่องของคามิว
「นี่มันเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์เลยนะครับ ท่านฟาร์มต่อจากนี้ก็คงจะต้องยุ่งวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิมอีกเป็นแน่」
เซดริกรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
「ผมคงไม่อาจจะให้ทุกคนกังวลแบบนี้ต่อไปได้หรอก ไว้ผมจะจัดการกับตารางงานของตัวเองนะครับ」
“บางครั้งชีวิตของเราก็ต้องมาแขวนบนเส้นด้ายแบบนี้สินะ เราจะลดงานลงจริงๆก็ไม่ได้ซะด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องหาทางทำให้งานของทางนี้เกิดผลสำเร็จให้ได้มากที่สุด บางทีเราอาจจะตายขึ้นมาจริงๆก็ได้ถ้าไม่สามารถจัดการกับงานที่ค้างคาอยู่ในช่วงสั้นๆนี้ก่อนที่งานสอนในวิทยาลัยจะเริ่ม”
ขณะที่ฟาร์มกำลังคิดแบบนั้น ก็ถึงเวลาช่วงบ่ายแล้ว…และในตอนนั้นก็ได้มีสองพี่น้องที่ดูน่าสงสัยเอามากๆเข้ามาในร้าน พวกเขาทั้งสองสวมหน้ากากและหมวก ดูจากเสียงของพวกเขาน่าจะเป็นวัยรุ่น
「ทำไมพวกคุณถึงสวมหน้ากากกันแบบนั้นเหรอ? กรุณาถอดมันออกก่อนเถอะ」
เป็นพวกขี้อายหรือเปล่านะ? หรือว่าจำเป็นจะต้องปกปิดตัวตนไว้แบบนั้น? เพราะเป็นฟาร์มตัวเขานั้นสามารถตรวจอาการได้โดยการใช้ดวงตาวินิจฉัย แต่หากเป็นคนทั่วไปคงไม่อาจจะตรวจอาการของผู้ป่วยได้หากเขาปกปิดใบหน้าไว้แบบนี้
「ฉันว่าเธอไม่ควรจะถามหรือตรวจสอบตัวตนของพวกเขาไปมากกว่านี้น่าจะดีกว่านะ」
เอเลนเข้าไปกระซิบกับฟาร์ม เธอบอกกับเขาว่าควรจะเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วยด้วย
เอเลนนั้นก็เป็นแพทย์โอสถที่เก่งกาจคนหนึ่งซึ่งเธอสามารถอ่านบรรยากาศที่มันบอกแบบนั้นได้และฟาร์มาก็คิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น
「ครับ ถ้าอย่างนั้นวันนี้มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?」
「ท่านแพทย์โอสถ ข้อมือและกระดูกของพวกเรานั้นได้ถูกพันธนาการไว้ด้วยความเจ็บปวด ท่านพอจะมีทางรักษาได้หรือไม่?」
「” โรคนิ้วล็อก (Stenosing tenosynovitis) ” 」
ฟาร์มไม่จำเป็นต้องใช้ดวงตาวินิจฉัยก็สามารถรู้อาการได้ แต่เพื่อความแน่ใจเขาจึงจำเป็นต้องตรวจสอบ ดูเหมือนว่ารากของนิ้วหัวแม่มือจะแสดงอาการออกมา
「พวกคุณทั้งสองคนมีการใช้งานมือที่หนักไปนะครับ จนเกิดอาการที่เรียกว่าการอักเสบ」
「การอักเสบ?」
สองพี่น้องถามอย่างกระวนกระวาย
「ครับเพราะบริเวณเส้นเอ็นที่นิ้วหัวแม่มือของพวกคุณมีอาการอักเสบครับ ผมจะให้ยาแก้ปวดไปนะครับ แล้วก็ต้องขอความร่วมมือจากพวกคุณทั้งสองด้วยนะครับ ไม่ทราบว่าเป็นไปได้หรือเปล่าครับที่จะพักการใช้มือของพวกคุณไปสักพักหนึ่ง?」
「นั่นเป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าทำแบบนั้นทั้งค่ารักษาเราก็คงจะหามาจ่ายไม่ได้ เท่านั้นยังไม่พอเรายังหนี้สินกันอีกด้วย…」
「อะ〜เอ่อ……งั้นผมขอถามได้หรือเปล่าครับว่าทั้งสองคนทำงานประเภทไหนกัน?」
ทั้งสองตอบแทบจะพร้อมกัน
「พวกเราเขียนหนังสือพิมพ์ด้วยมือน่ะ」
「เขียนหนังสือพิมพ์ด้วยมือ?!」
(งานอะไรกันน่ะ……?!)
มันก็เป็นเรื่องที่เดาได้ง่ายมากว่าอาการอักเสบเกิดขึ้นมาได้ยังไงหลังจากฟังงานที่พวกเขาทำ
「ขอถามรายละเอียดได้หรือเปล่าครับ?」
「ก็เป็นงานประเภทที่รวบรวมข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจลงในกระดาษแล้วก็ขายให้กับผู้คนที่ต้องการ แต่เนื้อหาบอกไม่ได้หรอกนะ….」
น้องสาวกล่าวขึ้นมา
(ฮ่าๆ……เราเข้าใจแล้ว)
“งานของพวกเขานั้นอาจจะเป็นงานที่จำเป็นจะต้องปิดบังตัวตนเอาไว้แม้กระทั่งแพทย์ก็ไม่อาจจะรู้ตัวตนของพวกเขาได้บางที่งานของพวกเขาน่าจะเกี่ยวข้องกับข้อมูลทางธุรกิจหรือการทหารก็เป็นได้…..” ฟาร์มาเดาว่าอย่างนั้น เหตุที่พวกเขาเป็นหนี้อยู่แบบนั้นอาจจะมีจากความอันตรายของงานที่พวกเขารับมาก็ได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น
บางทีอาจจะจำเป็นต้องผ่าตัดหรือฉีดสเตียรอยด์หากอาการอักเสบนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม แต่การพักผ่อนนี่แหละถือว่าเป็นพื้นฐานที่ดีที่สุด
「หนังสือพิมพ์ที่พวกคุณต้องเขียนนี่มีประมาณกี่สำเนาหรือครับ?」
「คนหนึ่งก็ประมาณ 50 แผ่นน่ะ ถึงจะไม่มากอะไรก็ตาม….แต่งานนี้จะผิดพลาดไม่ได้เพราะถ้าแบบเป็นนั้นก็ขายไม่ออกกันพอดี ดังนั้นเราเลยจำเป็นต้องเขียนมากกว่านี้อยู่เหมือนกัน」
「50 แผ่น!」
(อ้า〜ไม่แปลกเลยที่มันจะอักเสบ)
「หมายความว่ากำไรของพวกคุณขึ้นอยู่กับจำนวนที่เขียนสินะ? แล้วเรื่องพวกพวกคุณเขียนเป็นข้อมูลเดียวกันหมดใช่หรือเปล่าครับ?」
「ใช่แล้ว」「ก็ตามนั้นแหละ」สองพี่น้องพยักหน้าขณะเอามือถูน้ำตาที่ไหลออกมา
「หนังสือพิมพ์พวกนี้ต้องเขียนด้วยมือเท่านั้นเหรอครับ?」
ทันใดนั้นฟาร์มาก็อยากจะยืนยันอะไรบางอย่างกับพวกเขาก่อน
“มันมีอะไรที่เขียนหนังสือพิมพ์ขึ้นมาได้นอกจากมือด้วยงั้นเหรอ?” สองพี่น้องมองหน้ากัน
「แน่นอนหากว่าข้อมูลนั้นยังสามารถอ่านออกได้หนังสือพิมพ์ยังไงก็ขายได้อยู่ดี แต่เราก็จำเป็นจะต้องจ่ายค่าชดเชยอยู่ดีหากข้อมูลที่เขียนไปนั้นผิดพลาด……」
น้องสาวพูดไปขณะไหล่ตก
「โอ่ย เดี๋ยวสิ ฮ่าๆเอ่อคือช่วยลืมเรื่องนี้ไปด้วยเถอะนะ」
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะขายข้อมูลผิดไปบ้าง
(พวกเขาเขียนพวกเรื่องสำคัญตกหล่นไปหรือเปล่านะแบบนี้? งานคนเขียนข่าวนี่ยากจริงๆเลยแฮะ)
และพวกเขาอาจจะไม่สามารถหยุดงานนี้ได้เพราะหนี้ที่มาจากงาน ฟาร์มาคิดอย่างนั้นแล้วก็เกิดไอเดียขึ้นมา
「กรุณากลับมาที่นี่อีกครั้งหลังจากนี้หนึ่งอาทิตย์นะครับ ผมน่าจะช่วยทำให้งานของพวกคุณง่ายขึ้นกว่าเดิมได้」
「ดะ-ได้สิ……แล้วพวกเราจะกลับมาก็แล้วกัน」
สองพี่น้องบอกว่าจะกลับมาอีกครั้งแม้จะมีความสงสัยอยู่บ้างเพราะร้านขายยาจะช่วยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ก่อนจะกลับไปหลังจากที่อาการเจ็บทุเลาลง
(นี่ก็เป็นโอกาสที่ดีเลยเหมือนกัน)
「เอเลน ผมขอถามอะไรหน่อยสิ มีเพียงแค่งานเขียนเท่านั้นเหรอ ที่สามารถถ่ายทอดข้อมูลต่างๆบนโลกนี้?」
“เช่นพวกงานสลักหรืออะไรที่ประมาณสื่อสิ่งพิมพ์นี่มีอยู่หรือเปล่า?” ฟาร์มาถามเพื่อยืนยัน
「อื้มมม〜ก็ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกนะ ส่วนเรื่องงานสลักโดยใช้แม่พิมพ์ไม้และกล่องพิมพ์นี่ก็มีอยู่หรอกแต่มันก็ล้าสมัยไปแล้วด้วยสิ」
เอเลนทำท่าทางบรรยายไปมาด้วยนิ้วของเธอขณะดึงความทรงจำที่เธอมีออกมา
「นั่นสินะ……มันเป็นเรื่องยากน่ะที่จะสร้างบล็อกขึ้นมาแต่ละชิ้นแถมมันก็ใหญ่เอามากๆด้วย」
「ไหนจะเป็นเรื่องของการใช้เวลาสร้างบล็อกพวกนั้นขึ้นมาอีก ถ้าพูดถึงงานเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารแล้ว ความเร็วน่ะถือเป็นหัวใจหลักไม่ใช่เหรอแถมงานเขียนที่สร้างขึ้นมาจากบล็อกพวกนั้นก็เขียนได้แค่ข้อมูลเดียวด้วย ถ้ามีอันใหม่เข้ามามันก็จะหมดประโยชน์ไปเลย」
หลังจากได้ยินแบบนั้นฟาร์มาก็คิดว่า สิ่งนั้น น่าจะเหมาะกับเรื่องนี้
「ผมอยากจะลองสร้างเครื่องอัดสำเนา (โรเนียว) (ronéotyper) ขึ้นมาดู」
มันคือวิธีการพิมพ์โดยไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าซึ่งมันได้ถูกใช้ในแวดวงการศึกษาของญี่ปุ่นจนถึงช่วงปี 1960 หรือที่เขาเรียกกันว่าโรเนียว
「นี่เธอมีไอดีจะสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่อีกแล้วงั้นเหรอ? นี่ฟาร์มาคุงเธอกำลังจะเพิ่มงานของเธอให้ล้นมือมากกว่าเดิมอีกแล้วนะ….ทั้งที่เธอไม่จำเป็นจะต้องไปเพิ่มงานของตัวเองแบบนั้นเลยแท้ๆ เพราะถึงยังไงถ้าพวกนั้นมีอาการหนักขึ้นมาอีก เธอก็ค่อยทำหน้าที่ในส่วนนี้ก็ได้นี่นาหรือไม่ก็แนะนำให้พวกเขาเปลี่ยนงานเสีย ท้ายที่สุดอาจจะแนะนำให้พวกเขาทานยาบรรเทาต่อไปเรื่อยๆก็ได้」
เอเลนกังวลเกี่ยวกับตัวของฟาร์มา เพราะแนวคิดของเธอนั้นคือ「หากทำงานนี้ไม่ได้ก็เปลี่ยนงานซะสิ」แต่สำหรับสามัญชนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมาเปลี่ยนงานซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวพวกเขาแบบนั้นในทันที
「ไม่หรอก นั่นจะช่วยลดงานของผมได้เยอะเลยทีเดียว」
หากมีคนถามว่างานของฟาร์มานั้นมีอะไรบ้าง นอกเหนือจากงานที่ร้านนี้แล้วก็ยังเป็นการเขียนตำรา เตรียมตัวในการบรรยายข้อมูลทางเภสัชกรรมบ้างและอื่นๆ ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นสามารถสร้างสไลด์บรรยายซึ่งสามารถใช้มันได้นานไปอีกหลายปี ดังนั้นเขาจึงได้หาทางที่จะสามารถเขียนตำราและเอกสารประกอบคำบรรยายต่างๆในเวลาเดียวกันได้จะเป็นเรื่องที่ดีมากๆในตอนนี้
ปัญหาของการบรรยายโดยใช้เสียงนั้นความเร็วถือเป็นสิ่งจำเป็นด้วยเช่นกันเพราะมนุษย์นั้นเกิดความผิดพลาดได้อยู่เสมอหรืออาจจะเกิดการแทรกแซงด้วยเหตุที่ไม่คาดฝันได้เช่นกัน เนื่องจากตำราของฟาร์มานั้นมีแผนภาพกราฟและสูตรทางเคมีประกอบอยู่มากมายด้วย ในส่วนนี้หากเป็นการเขียนแล้วละก็ภาพประกอบก็จะสามารถทำได้อย่างยากลำบากเสียด้วย เพราะเหตุนี้เทคโนโลยีด้านสิ่งพิมพ์จึงจำเป็นอย่างมากหากเขาต้องการจะคัดลอกเนื้อหาให้ไปในแนวทางเดียวกัน
「เพราะพวกเราสามารถสร้างพวกเอกสารประกอบคำอธิบายยาต่างๆไว้ที่ร้านได้เหมือนกัน」
มันจำเป็นจะต้องใช้เวลาเป็นอย่างมากหากจะให้ผู้ป่วยทราบว่ายานี้เป็นยาอะไรมีสรรพคุณเช่นไรหากมีสิ่งพิมพ์เกิดขึ้นก็จะสามารถทำให้พวกเขาอ่านและเข้าใจได้มากยิ่งขึ้นนั่นหมายความว่าฟาร์มาก็จะประหยัดเวลาได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกทั้งผู้ป่วยยังสามารถเข้าใจได้ตรงกันอีกด้วย ท้ายที่สุดทางร้านก็จะสามารถรับผู้ป่วยได้มากยิ่งขึ้นและปล่อยให้คำอธิบายส่วนอื่นๆกับสิ่งพิมพ์แทน ซึ่งงานงานนี้ยังสามารถฝากให้ผู้อื่นจัดการต่อได้อีกด้วย
「ก็ดีเหมือนกันนะ ถ้าเป็นแบบนั้นก็มาเริ่มกันเถอะ」
「นั่นสินะ เรื่องดีๆแบบนี้ก็ควรจะทำให้เสร็จโดยเร็วคงจะดี」
ฟาร์มาได้ทำการสั่งกระดาษสำหรับเป็นฐานและกระดาษบางแบบพิเศษที่เคลือบแว็กซ์และปิโตรเลียมเจลลี่จากร้านขายกระดาษโดยเขาได้รับสินค้าหลังจากที่สั่งไปแล้วสามวันให้หลัง
「มันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้กันนะ?」
เอเลนและลอตเต้เริ่มให้ความสนใจอย่างกระตือรือร้นกับสิ่งที่ฟาร์มาจะทำหลังจากนี้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรดีๆขึ้นมาอีก
———
「งั้นมาเริ่มวาดกันเลยดีกว่า」
「ว๊าวว! ให้ดิฉันลองด้วยคนนะคะ〜!」
ลอตเต้เริ่มยกมือขึ้นและใช้ปากกาวาดลายฉลุขึ้นมาบริเวณด้านบนของฐานก่อให้เกิดเป็นภาพวาดขึ้นมา การวาดในส่วนนี้นั้นอาจจะต้องระวังให้เรื่องส่วนของแรงที่จะทำให้กระดาษนั้นเสียหายด้วย กระดาษเสร็จสิ้นจากการวาดแล้วจะถูกวางเอารองไว้ในกรอบไม้ที่หุ้มไว้ด้วยไหม จากนั้นก็ทำการเตรียมการใช้หมึกที่อยู่ในลูกกลิ้งค่อยๆกดลงไปในกระดาษที่เป็นฐานที่จะพิมพ์สำเนานั้นออกมา
「สุดยอดไปเลย! ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเราจะสามารถพิมพ์อะไรได้ง่ายๆแบบนี้!」
เอเลนรู้สึกประทับใจกับผลลัพธ์ของการพิมพ์นี้ขึ้นมา
「ทางเอเลนกำลังวาดอะไรอยู่เหรอ?」
เอเลนดูเหมือนอย่างจะคัดลอกสำเนางานศิลปะที่ดูค่อนข้างซับซ้อนของเธออยู่ แม้ว่าจะดูหยาบคายบ้างที่ตัวฟาร์มานั้นไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอวาดคือ คนหรือสัตว์อะไรกันแน่
「รูปเธอไง! เป็นไงบ้างล่ะ?」
「ผมเหรอครับ?อ้อออ……ฮ่ะๆ ขอบคุณนะ」
「อะไรกันท่าทางแบบนั้นน่ะ?!」
อีกมุมหนึ่งดูท่าเอเลนจะไม่มีเซนต์ทางด้านศิลปะเอาเสียเลย ในขณะที่ลอตเต้ดูท่าจะมีพรสวรรค์ในด้านนี้เอามากๆเพราะภาพแจกันที่เธอวาดนั้นสามารถเอาไปใช้ประดับภายในร้านขายยาได้เลยทีเดียว จะบอกว่านี่แหละคือศิลปะที่แท้จริงเลยก็ว่าได้
「ลอตเต้จังกำลังวาดดอกไม้อยู่งั้นเหรอ สวยมากเลยนะเนี่ย! ไม่คิดจะลองเป็นนักวาดดูบ้าง
เหรอ? ฉันมั่นใจเลยว่ายังไงรูปของเธอก็ต้องขายได้แน่นอน!」
「เอ๋?! จริงเหรอคะ! ค่ะขายค่ะ! น่าสนใจจริงๆ! คงจะสนุกน่าดูเลยนะคะ!!」
มองไปที่ลอตเต้ผู้กำลังวาดรูปไปมาเรื่อยๆด้วยความไร้เดียงสาอย่างไม่หยุดหย่อน ฟาร์มารู้สึกได้ถึงความน่ารักและความสบายใจออกมาจากเธอ
「ลอตเต้จัง จะวาดมากเกินไปหรือเปล่า? เธอตั้งใจจะขายรูปพวกนี้ทั้งหมดเลยงั้นเหรอ?」
กองภูเขาผลงานค่อยๆสูงขึ้นเรื่อยๆ
「จริงด้วยสินะ คุณสามารถพิมพ์สำเนาที่มีสีแตกต่างกันออกไปได้ด้วยการเปลี่ยนสีหมึกภายในลูกกลิ้ง」
“ถ้าหากคุณอยากจะเป็นผู้ทำสื่อพิมพ์ที่ดี การเพิ่มลูกเล่นต่างๆเข้าไปในผลงานก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี” ฟาร์มาแนะนำให้กับลอตเต้ในส่วนนี้ ซึ่งเธอก็ชอบมันเอามากๆจนกลายเป็นงานอดิเรกหลักของเธอไปแล้ว
หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์สองพี่น้องหนังสือพิมพ์ก็กลับมาตามที่สัญญาเอาไว้ คราวนี้พวกเขาสวมหน้ากากที่ดูคล้ายกับหน้ากากราตรี
「ข้อมือคุณเป็นยังไงบ้างครับ? ยังรู้สึกปวดอยู่หรือเปล่า?」
「ขอบคุณสำหรับยานะ ตอนนี้ไม่รู้สึกเจ็บแล้วล่ะ」
ดูเหมือนว่างานเขียนหนังสือพิมพ์ของพวกเขาจะยังไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้แต่อาการเจ็บปวดของพวกเขานั้นได้รับยาช่วยในการเยียวยาแล้ว
「ขอโทษที่ให้คอยนะครับ ตอนนี้ผมได้สร้างเครื่องอัดสำเนาขึ้นมาแล้วดังนั้นกรุณาทดลองใช้มันดูในวันนี้นะครับ」
「เครื่องอัดสำเนา?」
ฟาร์มาได้สอนการใช้เครื่องนี้ให้กับสองพี่น้องที่ในตอนแรกมองดูว่ามันไม่ค่อยจะมีประโยชน์กับพวกเขาเท่าไหร่ แต่หลังจากที่ทั้งคู่ได้ลองใช้ดูก็รู้สึกแปลกใจถึงความง่ายในการใช้และคุณภาพของการพิมพ์ที่ออกมาด้วย
「ไอ้เครื่องพิมพ์นี่มันหลุดโลกไปเลยจริงๆ! นี่มันการปฏิวัติชัดๆ! บทความที่จะเขียนพรุ่งนี้ขอแค่มีสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ละก็..!」
พี่ชายคนโตกล่าวชมออกมา ตัวอักษรที่คัดลอกออกมานั้นมีความแม่นยำและถูกต้องรวมไปถึงภาพประกอบที่พิมพ์ออกมาก็เช่นกัน
「นี่ท่านคิดค้นมันขึ้นมางั้นเหรอสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้?!」
「ไม่ใช่หรอกครับ」
“นี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ของนักประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่อย่าง โทมัส เอดิสันครับ” อย่างน้อยฟาร์มาก็อยากจะพูดแบบนั้นแต่น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่คนของโลกใบนี้
「นะ-นะ-นี่หมายความว่าพวกเราก็แค่ต้องเขียนสำเนาขึ้นมาเท่านั้นเองงั้นเหรอ?!」
น้องสาวคนเล็กเริ่มถามด้วยอาการสั่นกับฟาร์มา
「ก็แบบนั้นแหละครับ พวกคุณทั้งสองก็แค่เขียนต้นฉบับก็พอ นั่นคงจะช่วยให้อาการอักเสบของพวกคุณดีขึ้นมาด้วยและมันน่าจะช่วยจัดการกับหนี้ของพวกคุณได้ด้วย」
「โอ้วววววว?!!」
พี่ชายคนโตพูดออกมาด้วยเสียงแปลกๆ
「อ้า ไม่อยากจะเชื่อสิ่งนี่เนี่ยนะ! พี่คะ」
「พวกเราทำได้แน่ๆถ้าเป็นแบบนี้……ข-ขอบคุณเป็นอย่างสูงเลยครับ ท่านแพทย์โอสถ ไม่สิท่านไม่ใช่แพทย์โอสถธรรมดานี่นา!」
สองพี่น้องจับมือกัน สีหน้าของทั้งคู่ต่างดูมีความสุขเอาเสียมากๆ สำหรับพวกเขาแล้วสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ถือว่าเป็นการปฏิวัติสำหรับพวกเขาเลยทีเดียว
「ด้วยความยินดีครับ งานในส่วนนี้สามารถใช้มืออีกข้างหนึ่งที่ไม่ถนัดของพวกคุณทำได้ด้วย หรือบางที พวกคุณจะฝากงานส่วนนี้ให้กับคนอื่นทำก็ได้นะครับ」
ฟาร์มาตัดสินใจขายกระดาษรองพื้นที่เป็นต้นแบบและหมึกในราคาที่ถูก ซึ่งนั่นยิ่งทำให้พวกเขาซื้อมันไปด้วยความสุขอย่างเปี่ยมล้น
「ด้วยสิ่งนี้พวกเราสามารถทำหนังสือพิมพ์ได้มากกว่าสองร้อยฉบับแน่ๆด้วยสำเนาเพียงแค่แผ่นเดียว!」
“พวกเราไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ” ก่อนที่ทั้งคู่จะน้ำตาไหลออกมา
「ผมว่าถ้าขนาดนั้นในทีเดียวอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนะครับเพราะกระดาษอาจจะได้รับความเสียดายเอาได้แต่ผมคิดว่าถ้าทีละร้อยคงจะพอไหวครับ……」
แม้ฟาร์มาจะบอกแบบนั้นแต่ความสุขของพวกเขาก็ไม่ได้จางหายไปเลยแม้แต่น้อย เพราะยังไงมันก็สามารถเพิ่มรายได้ของพวกเขาได้อยู่ดี
พวกเขาบอกว่าด้วยสิ่งนี้พวกเขาสามารถจ่ายหนี้ได้หมดแน่นอน เพื่อหนทางที่สดใสในภายภาคหน้าของพวกเขาด้วย
「แต่ระวังเรื่องพวกข่าวปลอมด้วยนะครับ」
“พวกคุณอาจจะติดหนี้มากขึ้นก็ได้ถ้าเผลอพิมพ์มันขึ้นมาอีก” ฟาร์มาเตือนพวกเขา
「แน่นอน เพราะถ้ามีเครื่องนี้พวกเราก็มีเวลาเหลือเฟือที่จะค้นหาข่าว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาส่วนใหญ่ของพวกเราหมดไปกับงานเขียนด้วยสิดังนั้นบทความหลังจากนี้แหละบทความที่สุดยอดของพวกเรา」
「แล้วค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมเป็นเท่าไหร่เหรอ?」
「ผมจะเก็บแค่ส่วนของค่าวัสดุแล้วกันนะครับ แล้วก็….หนังสือพิมพ์นั่นคุณช่วยขายให้กับทางร้านของเราสักฉบับหนึ่งได้หรือเปล่าครับ?」
「ได้เลย เราจะบริการในส่วนนี้ให้ฟรีเลย แต่ต้องสัญญาก่อนนะว่าจะไม่ขายข่าวนี้ออกไปให้ใครรู้」
พี่น้องทั้งคู่ถอดหน้ากากและหมวดออกมาและพูดชื่อจริงของตนออกมา อังเดร มิตเทอแรนด์ และ อีม มิตเทอแรนด์ ถึงแม้ว่าสองพี่น้องจะดูท่าทางซูบผอมไปบ้างแต่ใบหน้าที่ได้รูปของทั้งคู่ รวมถึงเส้นผมและดวงตาสีเขียวของทั้งสองก็ยังแสดงออกมางดงามได้อย่างชัดเจน
นี่คือการตัดสินใจของร้านขายยาต่างโลกที่สมัครเป็นสมาชิกของหนังสือพิมพ์เขียนมือ
「รายงานลับของเมืองหลวงจักรวรรดิ(Le secret de la Cité impériale)」แน่นอนว่าฟรี
หนังสือพิมพ์ฉบับนี้เต็มไปด้วยข่าวภายในแวดวงของชนชั้นสูง ข้อมูลทางการทหาร ข้อมูลเชิงพาณิชย์ที่เป็นความลับทางการค้าซึ่งไม่เคยปรากฏที่ไหนถูกเปิดเผยออกมา ไม่น่าแปลกใจที่คนในสายงานเหล่านี้ต้องการหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ นโยบายของสองพี่น้องที่เขียนข่าวขึ้นมานั้นคือการขายข้อมูลเหล่านี้ให้กับผู้ที่มีอำนาจในการจ่ายเท่านั้น นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผลสำหรับข้อมูลที่อยู่ภายในนั้นซึ่งระดับความยากของการเข้าถึงนั้นย่อมเป็นเรื่องที่ยากอยู่แล้ว
เครื่องอัดสำเนาที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยในงานของสองพี่น้องนั้นได้ถูกนำมาใช้ในร้านขายยาต่างโลกนี้เช่นกัน และการไหลเวียนของงานภายในร้านนั้นถูกพัฒนาขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพพอสมควร ประการแรกคือฟาร์มาที่ทำการตรวจผู้ป่วยและเขียนใบสั่งยาให้ผู้ป่วยจากนั้นเอเลนและเหล่าพนักงานภายในร้านก็จะเตรียมยาตามใบสั่งไว้ให้
「นี่ค่ะ ยาขวดนี้……」
หลังจากที่เตรียมยาแล้วเอเลนและคนอื่นๆภายในร้านก็เริ่มอธิบายเกี่ยวกับตัวยาให้ผู้ป่วยตามตัวยาที่ฟาร์มาเขียนไว้ให้อีกที โดยจะมีเอกสารที่แนบข้อมูลเกี่ยวกับยาเหมือนในญี่ปุ่นโดยใช้เครื่องอัดสำเนาช่วย
การให้คำปรึกษาผู้ป่วยและคำอธิบายนั้นจะขึ้นอยู่กับสภาพของผู้ป่วยโดยแพทย์โอสถที่ทำงานในส่วนนั้นและหากมีคำถามสงสัยที่พวกเขาไม่รู้ก็จะกลับมาถามกับฟาร์มาเพื่อให้เขาแนะแนวทางให้อีกทั้งยังช่วยในการปรับปรุงเอกสารที่จะมอบให้กับผู้ป่วยได้อีกด้วย
ด้วยไอเดียนี้ไม่เพียงแค่ทำให้งานเกิดประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้นแต่ยังช่วยเหลือเหล่าผู้ป่วยและแพทย์โอสถคนอื่นๆได้อีกด้วย
จนทุกวันนี้ หากผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุซึ่งลืมสิ่งต่างๆได้ง่ายหรือบางทีอาจจะไม่ค่อยได้ใส่ใจกับคำอธิบายที่ยาวเหยียดนัก แน่นอนว่าพวกเขามักจะถามเกี่ยวกับเรื่องเดิมๆหลายครั้งก่อนจะลืมมันไปอีกที ซึ่งสิ่งพิมพ์เอกสารที่มีคำอธิบายเกี่ยวกับตัวยาและวิธีการใช้รวมไปถึงผลกระทบนั้นได้ถูกเขียนเอาไว้เรียบร้อยแล้วจึงช่วยในส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี
「แหม แบบนี้ค่อยเข้าใจขึ้นมาหน่อย ดีเลยถ้าเป็นแบบนี้ฉันคงไม่ลืมเกี่ยวกับการใช้ยาแน่นอน」
เหล่าผู้ป่วยได้รับคำแนะนำในเรื่องการใช้ยาในครั้งแรก ต่างกลับไปด้วยความพอใจ
「โหย โหย ยานี่มันมีผลข้างเคียงแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย ข้าไม่รู้มาก่อนเลยแฮะ」
「เอ๋? ยานี่มันให้ดื่มวันละสองรอบเหรอ?! ที่ผ่านมาข้าก็ดันดื่มวันละรอบเดียวซะด้วยสิ!」
นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ไม่สังเกตเห็นความผิดพลาดของตนอีกหลายอย่างจนถึงตอนนี้อีกมาก และเครื่องอัดสำเนานี้ก็ได้ถูกจดทะเบียนกับกระทรวงเทคโนโลยีของทางจักรวรรดิ
「พวกเราขอขอบคุณท่านจริงๆ ที่ทำให้พวกเราจ่ายหนี้ได้หมดเร็วขนาดนี้!」
หลังจากนั้นพักหนึ่งพี่น้องมิตเทอแรนด์ได้กลับมาเยี่ยมเยือนร้านขายยา ในช่วงเวลานี้พวกเขาเข้ามาภายในร้านโดยไม่ปกปิดตัวตนแต่อย่างใด ดูเหมือนว่าหลังจากจบเรื่องนั้นพวกเขาได้ทำ
หนังสือพิมพ์「เมืองหลวงจักรวรรดิรายสัปดาห์」สำหรับข้อมูลภายในนั้นเป็นข้อมูลที่มุ่งเป้าไปผู้เสพข่าวไปยังคนธรรมดาและเสียงตอบรับของผู้อ่านนั้นก็ถือว่าดีพอสมควร อีกทั้งพวกเขายังบอกอีกว่าต้องการจะหยุดในส่วนของการหาข่าวที่มีความเสี่ยงสูง
「เป็นแบบนั้นก็ดีแล้วครับ จะว่าไปเป็นยังไงบ้างครับอาการอักเสบของพวกคุณ?」
ฟาร์มารู้สึกโล่งใจที่พวกเขาจ่ายหนี้ได้หมดเสียที เพราะก่อนหน้านี้นั้นพวกเขาต่างดูซูบผอมอยู่บาง แต่ตอนนี้ร่างกายของพวกเขานั้นสมบูรณ์แข็งแรง ผิวพรรณเปล่งปลั่ง บางทีพวกเขาอาจจะทิ้งวิถีชีวิตแบบเดิมที่ทำงานก่อนแล้วค่อยกินก็เป็นได้
「มันไม่มีอาการปวดอีกแล้วล่ะ แต่คราวนี้ดันปวดไหล่ขึ้นมาแทนจากการหมุนลูกกลิ้งมากเกินไปนี่แหละ」
「ฮ่ะๆ ก็กรุณาเอาที่ประคบนี่ไปนะครับแล้วก็พยายามลดจำนวนของสำเนาที่จะพิมพ์ออกมาบ้างก็ดีนะครับ」
เมื่อฟาร์มากล่าวแบบนั้น
「พวกเราจะทำตามก็แล้วกัน」
พวกเขากล่าวและหัวเราะออกมาแบบอึดอัดใจอยู่บ้าง
ในตอนนี้สองพี่น้องมิตเทอแรนด์ได้เดินไปมาในเวลากลางวันโดยไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอีกต่อไปแล้ว
หลังจากนั้นลอตเต้ก็เริ่มแจกใบปลิวผลงานศิลปะของเธอที่พิมพ์จากเครื่องอัดสำเนายังบริเวณหน้าร้านขายยา
ผลลัพธ์ที่ได้นั้นบอกได้เลยว่าลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมเยือนยังร้านขายยาต่างโลกเพิ่มมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ฟาร์มาไม่รู้ว่าเขาควรจะกล่าวขอบคุณในเรื่องนี้ดีหรือเปล่า…
——————–
Note : สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913