Parallel World Pharmacy – ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 39
นที่ 39 ปาลเล่ เดอ เมดิซิส และ ร้านขายยาต่างโลก
ในปี 1147 ปีใหม่ของจักรวรรดิแซงสักพักลิฟได้มาเยือนยังบ้านเมดิซิส
ปัจจุบันฟาร์มาได้อายุ 12 ปีแล้ว ส่วนลอตเต้ก็อายุได้ 10 ปี
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านฟาร์มา”
“อ่ะ! อรุณสวัสดิ์ครับ…คุณมาทำอะไรกันเนี่ย?”
เมื่อฟาร์มาตื่นขึ้นมาก็พบว่าใบหน้าของลอตเต้ได้อยู่ห่างจากเขาเพียง 10 เซนจากดวงตาของเขา ก่อนจะถอยหน้าหนีออกไปก่อนจะหันซ้ายขวาไปมา
“อ้อ ฉันก็แค่อยากจะเห็นหน้าของท่านฟาร์มาตอนนอนเท่านั้นเองค่ะ”
ดวงตาสีชมพูที่กะพริบแวววับอยู่ตรงหน้าของฟาร์มามันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ขึ้นมานิดหน่อย แต่ดูทางด้านลอตเต้จะมีความสุขกับการได้ทำแบบนี้ไม่เหมือนกับเขา
“แล้วนี่มันอะไรกัน?”
พอเขารู้สึกตัวก็เหมือนว่าเอวของเขานั้นจะมีอะไรบางอย่างเกาะอยู่ ซึ่งนั่นก็คือบลานละแวกที่พุ่งขึ้นมาบนเตียงโดยที่ฟาร์มาไม่ทันสังเกต ดูเหมือนนิสัยเสียของเธอจะไม่ใช่เรื่องที่แก้ให้หายได้ง่ายๆ
“ก็วันนี้มันค่อนข้างหนาวนี่นะคะ”
ลอตเต้ได้เดินไปเปิดหน้าต่างห้องของฟาร์มา
สภาพภายนอกในตอนนี้กลายเป็นโลกสีเงิน จักรวรรดิแซงต์เฟลิฟตอนนี้ได้ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหมดแล้ว
โห วันนี้มีหิมะตกด้วยแฮะ ก็สวยอยู่หรอกแต่เราไม่ค่อยจะชอบเท่าไหร่นักนี่สิ
ฟาร์มาคิดขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจว่า ตัวเขาไม่ค่อยถูกโรคกับหิมะเท่าไหร่นัก
เพราะเมื่อฤดูหนาวปีที่แล้ว ม้าตัวโปรดของฟาร์มานั้นได้ลื่นล้มไปยังถนนน้ำแข็ง ซึ่งกำลังลากรถสี่ล้ออยู่ ตัวเขาที่กำลังจ้องมองข้างทางที่เต็มไปด้วยหิมะก็ไม่ทันได้ระวังตัว โชคดีที่ม้ายังพอสามารถทรงตัวได้บ้างในตอนท้าย เลยทำให้เขาล้มกระแทกและสลบไปเพียงวันเดียวเท่านั้น
“ข้างนอกก็หิมะตกด้วยสิ วันนี้ผมว่าจะพักอยู่ที่บ้านก็แล้วกัน ทางลอตเต้ล่ะจะทำอะไรหรือเปล่าวันนี้?”
“วันนี้ทิวทัศน์ในสวนนั้นสุดยอดไปเลยค่ะ ฉันคิดว่าจะไปวาดรูปที่นั่น”
ลอตเต้มองไปที่สวนด้วยแววตาที่เปล่งประกาย
ดูท่าเราคงจะไปลบหิมะไม่ได้ด้วยสิ เพราะแบบนั้นลอตเต้คงวาดภาพกันไม่ได้พอดี
“เดี๋ยวผมจะขอพักอีกสักหน่อย เชิญคุณตามสบายเลยนะ”
เพราะงานที่เขาเหลือก็มีแค่งานเอกสารจากทางร้าน
ปีใหม่ที่มาถึงนี้ ฟาร์มาคิดว่าคงจะดีหากให้ร้านขายยาต่างโลกปิดทำการสักสองสามวัน ด้วยเหตุนี้ฟาร์มาจึงได้ใช้เวลาช่วงปีใหม่ไปกับการอยู่บ้านที่ไม่ได้ทำมาแสนนาน
“แล้วท่านฟาร์มาวันนี้จะสวมชุดอะไรดีคะ?”
“เอาเป็นเสื้อผ้าสบายๆ ก็ได้ ยังไงผมก็อยู่แต่บ้าน”
“รับทราบค่ะ”
ลอตเต้นำเสื้อออกมาจากตู้เสื้อผ้า โดยตัวเธอนั้นมักจะเตรียมชุดทุกครั้งโดยคำนึงถึง TPO (ช่วงเวลา สถานที่ โอกาส) อยู่เสมอ เธอจึงจำได้หมดว่าควรจะเลือกชุดตัวใดให้กับฟาร์มา ยกตัวอย่างเช่นหากฟาร์มาจะต้องเข้าร่วมงานพิธีการที่เป็นทางการ แล้วเธอละเลยเกี่ยวกับชุดและให้ฟาร์มาเลือกเองคงจะมีปัญหาเอาได้แน่
“ชุดนี้แล้วกันนะคะ!”
ตอนนี้ลอตเต้ถือเสื้อคลุมยาวถึงแขนที่สามารถคลุมข้อมือได้แบบมีสไตล์ เนื่องจากลอตเต้เป็นข้ารับใช้เธอจึงมีความสนใจในเรื่องของแฟชั่นการแต่งตัวของ ฟาร์มาและบลานช์ อีกทั้งตัวเธอคงจะสามารถหาชุดเช่นนี้สวมได้
“โอ้ เข้าใจแล้วครับ”
ดูเหมือนว่าลอตเต้คงต้องช่วยดูแลการแต่งตัวของเราไปสักพักเลยสินะ
ในขณะที่ฟาร์มากำลังยืนนิ่งอยู่นั้น เขาก็รู้สึกคันยิกๆ ถึงสายตาที่จ้องมองของลอตเต้ แม้พวกเขาจะยังเป็นเด็กกันอยู่จึงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากโตขึ้นมาแล้วเธออาจจะรู้สึกอึดอัดขึ้นมาก็ได้
ถ้าหากเราบอกว่าเปลี่ยนชุดด้วยตัวเองได้ แต่ก็คงจะโดนค้านหัวชนฝาอยู่ดี
ฟาร์มาคิดว่าคงจะดีกว่านี้หากงานของลอตเต้นั้นถูกมอบให้แม่ของเธอไม่ก็คนใช้ที่เป็นผู้ชายแทน แต่ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ด้วยความยุ่งยากของสังคมชั้นสูงนี้
“คุณหนูบลานช์เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนชุดให้นะคะ”
“ค่าาา”
ฟาร์มาแต่งกายด้วยชุดที่ดูเรียบง่ายซึ่งแตกต่างจากบลานช์ที่ดูมีระดับ ก่อนทั้งสองจะมุ่งไปห้องทานอาหาร แล้วระหว่างทางที่เดินไปตามบันไดเขาก็หยิบแบบจำลองบัตรประจำตัวออกมา จนทำให้บลานซ์สงสัย
“ท่านพี่ทำไมถึงพกสิ่งนี้ไปไหนมาไหนด้วยตลอดเหรอคะ?”
“เอ่อ คือ…”
“มันเป็นของที่สำคัญมากเลยเหรอคะ?”
“ใช่ มันสำคัญมาก”
ในชีวิตก่อนของเขานั้นจำเป็นจะต้องใช้บัตรนี้ติดไว้แนบกระเป๋าเสื้อโค้ตสีขาวตลอดเวลา เนื่องจากบัตรดังกล่าวนั้นสามารถใช้เป็นกุญแจในการเปิดห้องต่างๆ ภายในอาคาร แม้จะเป็นเพียงแบบจำลองแต่ด้วยนิสัยเดิมของเขาแล้วจำได้ทำเช่นนั้นออกไป
เราน่าจะต้องรีบแล้วสิ
ฟาร์มาคิดว่าจะเดินทางไปยังมหาวิหารเพื่อดูสิ่งนั้น เนื่องจากของชิ้นนั้นอาจจะแตกต่างจากบัตรดังกล่าวนี้ในบางจุดก็ได้ แต่เป็นที่น่าเสียดายเนื่องจากมหาวิหารไม่ได้อยู่ในจักรวรรดิแซงต์เฟลิฟ
โดยมหาวิหารดังกล่าวนั้นถูกตั้งอยู่ที่เมืองเล็กๆ นามว่า “นครศักดิ์สิทธิ์”
นครศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวนั้นมีลักษณะเหมือนนครวาติกัน ซึ่งเป็นสถานที่ทางศาสนาที่เหล่านักบวชอาศัยอยู่กัน แม้ว่าจะข้ามชายแดนไปก็สามารถถึงได้เลยแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเดินตรงๆ เข้าไปแบบนั้น
จากเรื่องที่หัวหน้านักบวชบอก การจะไปยังมหาวิหารนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากเรื่องของฟาร์มานั้นยังไม่ได้รู้ไปถึงมหาวิหาร และถ้าหากเรื่องนี้ไปถึงหูของมหาวิหารเขาอาจจะมีปัญหาเอาก็ได้จากเรื่องของคทาแห่งเทพโอสถซึ่งเป็นสมบัติของทางศาสนจักร
แต่จากข้อเสนอของหัวหน้านักบวชนั้นเขาบอกว่า ตนนั้นมีความสามารถในการใช้มนตร์อำพรางในตอนกลางคืน จากนั้นก็ค่อยเข้าไปขโมยสมบัติลับดังกล่าวตอนที่การป้องกันต่ำก็ได้
มหาวิหารนั้นมีลักษณะราวกับดันเจี้ยนหากจะมีขโมยเข้าไปยาวค่ำคืนแล้วล่ะก็ คงไม่อาจจะค้นหาเส้นทางไปสู่สมบัติลับได้เป็นแน่ ดังนั้นหัวหน้านักบวชจึงได้อาสาจะเป็นคนนำทางให้เองเพื่อไปขโมยสมบัติชิ้นนั้น
ดูเหมือนว่าถ้าเกิดไปทำแบบนั้นจริงเรากับหัวหน้านักบวชซาโลม่อนคงได้โดนลงดาบเอาแน่ ประเทศที่มีแต่เหล่านักบวชเช่นนั้นถ้าเป็นเราเข้าไปคงโดนจับตั้งแต่สามก้าวแรกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นคงดูไม่จืดแน่หากไปใช้วิธีลอบเข้าไปแบบนั้นแล้วถูกจับได้ ฟาร์มาคิดระหว่างเดิมไปยังห้องทานอาหารเพื่อทานอาหารเช้า
พ่อแม่ของพวกเขานั้นได้ตื่นมาก่อนหน้านี้แล้ว และรอเขากับบลานช์เข้ามา โดยสภาพภายในห้องอาหารนั้นดูเรียบง่ายสำหรับครอบครัวระดับนี้
“ดูเหมือนว่าปาลเล่จะกลับมาแล้วนะ”
ขณะที่ข้ารับใช้กำลังนำอาหารเข้ามา พ่อของเขาก็บอกเช่นนั้นออกมาด้วยเสียงที่จริงจังขณะกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ของจักรวรรดิ
“อะไรนะครับ?!”
ฟาร์มากับบลานซ์ถึงกับตกใจเมื่อได้ยินข่าวนี้จนเสียวไปถึงสันหลัง
ควรทำยังไงดีนะ?
หนีดีไหม?
ก็ต้องหนีน่ะสิ!
สองพี่น้องเริ่มสบตากัน ด้วยแส้แห่งความรักจากพี่ชายของพวกเขา บลานช์ถึงกับอยากจะหนีตามกับฟาร์มาไป ก่อนที่ฟาร์มาจะกระแอมออกมาเพื่อแสร้งปิดความในใจไว้
“ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีนะครับ แล้วพี่เขาจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอครับ?”
“ถ้าตามจดหมายที่เขียนมาก็คงถึงวันนี้”
แม่ของเขาเบียทริซ กล่าวออกมาด้วยอารมณ์อันสดใส เนื่องจากเธอดีใจเป็นอย่างมากที่จะได้เจอลูกชายที่ห่างหายไปนาน ในมุมมองของพ่อแม่แล้ว ปาลเล่นั้นถือว่าเป็นเด็กน่ารักและเชื่อฟังพวกเขาเป็นอย่างดี โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าตอนอยู่มหาวิทยาลัยแพทย์และยาโนวารูตลูกของเขาก็เอาแต่หลีสาวไปวันๆ
“เอ๋?!”
“ดูจากเสียงแล้วลูกคงจะประหลาดใจมากเลยสินะ”
ผมก็ไม่ได้อยากจะประหลาดใจกับอะไรแบบนี้หรอกนะ
ในใจเขาตอนนี้ร่ำร้องว่า แม้จะเป็นช่วงหยุดปีใหม่ของเขา แต่ก็อยากให้พนักงานของเขาแจ้งมาว่ามีเหตุฉุกเฉินให้รีบไปที่ร้านขายยาทีสักหน่อย เพราะเขาจะพุ่งไปหาทันที
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ฟาร์มากับบลานซ์ก็รวมตัวกันที่เตาผิงด้วยอาการกระสับกระส่าย
ส่วนทางลอตเต้ก็ได้เริ่มไปวาดรูปสวนจากบนระเบียง ซึ่งก็เป็นภาพที่มีการจัดองค์ประกอบที่ดีโดยมีฉากหิมะเป็นเบส
“ท่านพี่จะไหวหรือเปล่าคะหิมะตกแบบนี้ ถ้าเกิดออกไปฝึกกัน?”
บลานช์แสดงความเป็นห่วงเล็กน้อยออกมา
“ครั้งก่อนที่ฝนตกหนักนั่น อยู่ดีๆ ก็มีพายุเข้ามาด้วย”
ฟาร์มาไม่เคยลืมถึงตอนเผชิญหน้ากับพี่ชายเลย พี่ของเขานั้นจะกลับบ้านมาทุกๆ หกเดือน แล้วฟาร์มาก็จะถูกลากออกไปประลองทุกครั้งที่เขากลับมาเพื่อทดสอบความสามารถ โดยครั้งล่าสุดปาลเล่ไม่อาจจะชนะพลังของ คทาแห่งเทพโอสถได้ แต่ฟาร์มาก็ต้องใช้เวลาประมาณ1-2ชั่วโมงในการต่อสู้เลยทีเดียว
การต่อสู้นั้นก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่ดี แต่ความยากลำบากมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นนี่สิ เพราะปาลละแวกจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาดหากไม่โดนล้มจนหมดสติไปเลย พอหลังเสร็จเรื่องก็เป็นเรื่องลำบากกันอีกที่ต้องมาดูแลปาลเล่ที่กลายเป็นผักไป
ครั้งต่อไป เราต้องให้มันจบในดอกเดียว
ฟาร์มาเริ่มขึ้นถึงเรื่องแสนอันตรายนี้ เขารู้สึกเหมือนว่าเขาสามารถลดความเสียหายให้น้อยที่สุดได้ และเขาก็เชื่อว่าตัวเองสามารถชนะพี่ขอเขาได้ จึงไม่ได้พยายามจะหลบหนีอีกต่อไป
ในช่วงบ่ายเขาก็ได้พบกับ พี่ชายของเขาที่กลับมาบ้านพร้อมกับผู้ติดตาม ซึ่งพวกเขาก็รอที่ทางเข้าพร้อมกับครอบครัวและข้ารับใช้อยู่แล้ว
“กลับมาแล้วครับ”
ดูเหมือนปาลเล่จะสูงกว่าแต่ก่อน ซึ่งคล้ายกับบรูโน มีความสง่ามากยิ่งขึ้นและดูแข็งแกร่งกว่าเดิม
“ยินดีต้อนรับกลับนะ ลูกพ่อ”
บรูโนสอดส่องดูการเติบโตของลูกชายตน
“ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับท่านพ่อ แล้วก็ผมมีเรื่องจะรายงานด้วยครับ”
ปาลเล่กล่าวออกมาโดยให้ความสำคัญกับทุกคำที่กล่าวมาของเขา
“ตอนนี้ผมได้จบจากมหาวิทยาลัยแพทย์และยาโนวารูตในระดับท็อป พร้อมกับผ่านการทดสอบแพทย์โอสถขั้นหนึ่งแล้วครับ”
ปาลเล่กล่าวออกมาด้วยความภูมิใจในขณะที่เอาใบประกาศนียบัตรออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับตราแพทย์โอสถขั้หนึ่งออกมาจากกล่องเล็กๆ ซึ่งมันเป็นสุดยอดแห่งความพยายามในหลายปีที่ผ่านมาของเขากับการฝ่าฟันที่แสนสาหัสกับการฝึกฝนศาสตร์แห่งเทพที่มหาวิทยาลัยแพทย์และยาโนวารูต
“ยอดเยี่ยมมาก ลูกรัก”
“ครับ กว่าจะได้มันมาผมก็พยายามมาหนักเหมือนกัน”
ฟาร์มาและบลานช์ต่างก็ต่างแสดงความยินดีต่อความสำเร็จของพี่ชายเขา ปาลเล่ก็ดูมีความสุขมากและดูเหมือนว่า เขาคงต้องเชื่อฟังพี่ชายเขาอย่างไม่มีข้อแม้ในสถานการณ์เช่นนี้แน่
“นี่ไง พี่จะให้พวกเธอได้เห็นชัดๆ ด้วย เป็นไงล่ะรู้สึกอิจฉาหรือเปล่า”
ปาลเล่แสดงตรานั้นให้ฟาร์มากับบลานซ์ดู
ซึ่งนั่นก็คือตราแพทย์โอสถขั้นหนึ่งจากโนวารูต
ซึ่งตรานั้นก็แสดงถึงการเป็นแพทย์โอสถขั้นหนึ่งเหมือนกับของเอเลน แต่มีความแตกต่างที่เอเลนนั้นเป็นตราจากวิทยาลัยยา รูปร่างจึงแตกต่างกันเล็กน้อยที่ตรานั้นมีสัญลักษณ์ของโนวารูตอยู่ในนั้นด้วย และด้วยชื่อเสียงของโนวารูตที่สูงกว่าทางวิทยาลัยยาจักรวรรดิ การที่เขาจะเข้ามาเป็นแพทย์โอสถหลวงคงไม่เป็นที่ครหา
“แล้วลูกจะทำอะไรต่อล่ะ อยากจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศหรือเปล่า?”
บรูโนถามแผนการในอนาคตของปาลเล่ เนื่องจากเป็นบุตรคนแรก ปาลเล่สามารถเป็นผู้สืบทอดตระกูล หรือไม่ก็เป็นแพทย์โอสถหลวงหรือนักบวชก็ได้ อีกทั้งแม้ว่าเขาจะตัดสินใจเรียนต่อต่างประเทศเพื่อฝึกฝนต่อก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับขุนนางแต่อย่างใด
“ไม่หรอกครับ ผมจะอยู่ที่เมืองหลวงนี่เพื่อสร้างตัวครับ เป้าหมายในตอนนี้ก็คงจะเล็กไปที่แพทย์โอสถหลวงเพื่อเป็นผู้ช่วยของท่านพ่อครับ”
อะไรนะ?! พี่เขาจะกลับมาอยู่ยาวแล้ว!
ไม่นะ!!!
ฟาร์มากับบลานช์ถึงกับหน้าซีดหลังจากได้ยินคำประกาศของพี่เขา
“จากนี้ไปเราคงได้ฝึกกันทุกวันแล้วนะ ฟาร์มา!”
ดูเหมือนพี่ชายของเขาจะหยุดไม่อยู่แล้วตอนนี้
ภาพลักษณ์ของปาลเล่ในตอนนี้คือนักรบสปาร์ตัน ฟาร์มาไม่เคยละเลยที่จะฝึกทักษะมนตร์ของตัวเองเลย แล้วตอนนี้เขาก็ต้องมาพบกับการต่อสู้กับพี่ชายตนในตอนเช้าที่ไม่ได้พบมานาน
บลานช์ที่กำลังฟังทั้งสองพูดคุยกันอยู่ ก็เข้ามาขัดจังหวะระหว่างฟาร์มากับปาลเล่
“ท่านพี่ใหญ่คะ ถ้าหนูจะขอฝึกก่อนจะได้หรือเปล่าคะ?”
“อะไรกัน?”
ปาลเล่ทำหน้าแปลกใจ
บลานช์กำลังทำอะไรน่ะ?
ก่อนที่ปาลเล่จะกลับมาถึงบ้าน ฟาร์มาได้ขอให้บลานช์ไม่บอกกับพี่ชายเขาถึงตำแหน่งของเขาภายในเมืองหลวง
เรายุ่งมากตอนนี้ และคงจะปล่อยให้ท่านพี่มาขัดตารางงานไม่ได้
ปาลเล่ถึงกับสั่นคลอนด้วยรอยยิ้มนางฟ้าของบลานช์
“ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ งั้นก็ให้เป็นน้องก่อนละกัน และเพราะนี่คือการฝึกก็อย่าร้องเอาซะก่อนนะ”
“ถ้าเป็นไปได้ ก็ช่วยอ่อนโยนด้วยนะคะท่านพี่ใหญ่!”
ปาลเล่ได้ลูบหัวของบลานช์ที่น้ำตาปริ่มออกมา ในจังหวะนี้ฟาร์มาสามารถหลบหนีจากการฝึกพิเศษในตอนเช้าได้แล้ว
ไว้เดี๋ยวผมจะมาเก็บซากกระดูกให้นะ พยายามเข้านะบลานซ์
ฟาร์มากล่าวขอบคุณบลานช์และภาวนาขอให้เธอปลอดภัย โดยในช่วงบ่ายนั้นเกิดหิมะตกหนัก ฟาร์มาจึงตัดสินใจเข้าร่วมฝึกกับพี่ชายของเขา และจบลงตรงที่ต้องรับมือกับพี่ของเขากลางหิมะถึงสามชั่วโมง
ไม่กี่วันต่อมา ปาลเล่ได้พาฟาร์มา บลานช์ และลอตเต้ไปเล่นที่สนามเด็กเล่นของเมืองหลวง นอกเหนือจากนิสัยเลือดร้อนและหยิ่งผยองของเขาแล้ว ปาลเล่ก็ถือว่าเป็นพี่ชายที่ห่วงใยเหล่าน้องๆ เมื่อได้ยินว่าเมืองหลวงมีโรงอาบน้ำสาธารณะเขาก็ไม่ลังเลที่จะออกไปแช่มัน อีกทั้งยังคอยเล่นปาหิมะ สไลท์หิมะ ปีนภูเขาหิมะ กับพวกฟาร์มาอีกด้วย
หลังจากเล่นกันเสร็จ ปาลเล่ก็ต้องกลับไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อเตรียมตัวเรื่องสำเร็จการศึกษา
“หุหุ แบบนี้ท่านพี่ก็จะไม่ได้กลับบ้านอีกสักพักสินะ”
ฟาร์มาได้ทำการจัดงานปีใหม่ขึ้นที่ร้านขายยาต่างโลกโดยต้องซ่อนมันจากสายตาของพี่เขาด้วย และพอร้านใกล้เปิดทำการ พวกลูกค้าประจำก็ได้มารออยู่แล้วก่อนร้านจะเปิด
“สุขสันต์วันปีใหม่นะ ฟาร์มาคุง”
เอเลนได้นำของที่ระลึกมากมายเข้ามาในร้าน โดยฟาร์มาได้นั่งพิงคางอยู่ที่เคาน์เตอร์ร้าน ส่วนลอตเต้กับบลานช์ดูเหมือนกำลังจะเคลิ้ม หลับไปแล้ว
“พวกเธอเป็นอะไรไปกันหมดเนี่ย? นี่มันปีใหม่นะ”
“พอดีเล่นเยอะไปหน่อยน่ะ”
“แปลกนะปกติพวกเธอไม่น่าจะเป็นแบบนี้นี่นา เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
“ท่านเอเลโอนอร์คะ ฉันได้กลิ่นของอร่อยด้วยค่ะ!”
กลิ่นอันแสนหอมอร่อยได้ปลุกร่างไร้วิญญาณของลอตเต้ขึ้นมา
“โอ้ ได้กลิ่นด้วยเหรอ? นี่นะลอตเต้จังเป็นของที่ฉันได้มาจากท่านพ่อเองแหละ”
เอเลนได้กลับไปยังเขตแดนของพ่อเธอ ท่านเคาท์ซุสในช่วงวันหยุด และที่นั่นได้มีการแจกจ่ายชีสและขนมเป็นจำนวนมาก ซึ่งมันก็ได้มาถึงมือของฟาร์มา ลอตเต้ เซดริกและเหล่าพนักงานของทางร้านขายยา เขตแดนของพ่อเอเลนนั้นมีลักษณะเป็นเทือกเขาที่คล้ายกับสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งผู้คนใช้ชีวิตกันด้วยการเลี้ยงสัตว์และการท่องเที่ยวเยี่ยมชมสถานที่
“อร่อยจังเลยค่ะ! กลิ่นที่เข้มข้นและฉุนนี้มันตีกลับมาเลย”
ลอตเต้ที่ดูเหมือนจะทนกลิ่นนี้แทบไม่ไหว แต่เธอก็ยังคงเคี้ยวชีสนั้นอย่างไม่ลดละ
“อ่ะ ผมต้องไปแปรงฟันแล้วสิ”
ฟาร์มาที่ทานชีสเข้าไปในตอนแรก เขากังวลว่ากลิ่นอาจจะมีปัญหาได้ในตอนทำงาน เขาจึงต้องแปรงฟันด้วย ซึ่งนั่นก็กลายเป็นนิสัยที่ติดตัวเขามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“หืม หมอนั่นกลับมาแล้วงั้นเหรอ เรียนจบแล้วสินะ?”
เอเลนที่ได้ยินชื่อของปาลเล่ ก็ทำหน้าซับซ้อนออกมา พวกเขาเป็นเพื่อนสมัยเด็กและก็ยังเป็นคู่แข่งกันมาเป็นเวลานานแล้ว ดูท่าทางเอเลนก็ไม่อยากจะเรียกปาลเล่ในลักษณะของว่าที่ผู้นำตระกูลในอนาคตอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาพวกเขาก็ไม่ได้พบหน้ากันมาหลายปีแล้ว
“ใช่ ยังผลการเรียนระดับท็อป อีกทั้งยังสอบการเป็นแพทย์โอสถขั้นหนึ่งผ่านพร้อมกับเรียนจบด้วย”
“เอาเถอะถึงฉันจะทำแบบนั้นไม่ได้ แต่ยังไงท้ายที่สุดพวกเราก็อยู่ในจุดเดียวกันแล้วสินะ”
แน่นอนว่า เอเลนนั้นสามารถสอบแพทย์โอสถขั้นหนึ่งได้ก่อน แต่การจบจากมหาวิทยาลัยแพทย์และยาโนวารูตที่มีชื่อเสียงพร้อมกับการเป็นแพทย์โอสถขั้นหนึ่งได้นั้น มันสร้างความแตกต่างได้เป็นอย่างมาก
“นี่ แล้วปาลเล่รู้หรือเปล่าน่ะ ว่านายเป็นแพทย์โอสถหลวง แล้วก็เป็นคนดูแลจักรพรรดินีแถมยังเป็นเจ้าของร้านขายยาต่างโลกด้วยน่ะ นี่ยังไม่รวมเรื่องที่นายเป็นเทพโอสถอีก?”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ฟาร์มาส่ายหัวไปมา
“ถ้าเขากลับมาอยู่แล้วจริงๆเป็นไปได้เหรอที่นายจะปิดบังไหว?”
“แล้วคุณคิดว่าจะเป็นยังไงล่ะถ้าเขารู้ขึ้นมา?”
“ก็นะ ฉันคิดว่าความภาคภูมิใจของหมอนั่นคงรับไม่ไหวแน่ๆ ถ้าต้องแพ้ให้น้องชายตัวเองแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นน้องชายที่เก่งยิ่งกว่าพี่ตัวเองแบบนี้ ตำแหน่งพี่ชายคนโตจะไม่แย่เอาหรอกเหรอ ไหนจะเรื่องของการปกครองภายในครอบครัวอีก”
“ถึงแบบนั้น ผมคิดว่าเรื่องนี้คงไม่แดงเอาง่ายๆ หรอก เพราะพี่เขาก็ต้องศึกษาเรียนรู้อยู่ที่บ้านเกี่ยวกับการเป็นแพทย์โอสถหลวงด้วย หรือไม่ก็ต้องออกไปทำงานกับท่านพ่อเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์”
“ผมคิดว่านั่นคงยากแล้วครับ”
เซดริกพูดออกมาอย่างเป็นปกติ ขณะกำลังดูรายงานบัญชีของทางร้านในช่วงปีใหม่นี้
“เพราะดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเรื่องของร้านขายยาที่โด่งดังภายในเมืองหลวงนี้ เลยมาถามเรื่องที่ตั้งของร้านเรียบร้อยแล้วครับ”
“คุณเซดริก พูดอะไรออกมากันน่ะครับ?” ฟาร์มาถึงกับแข็งเป็นหิน
“เนื่องจากร้านขายยาทุกร้านก็มีชื่อเสียงที่ดีเป็นอย่างมากอยู่แล้ว ผมก็เลยได้บอกที่ตั้งร้านนี้ที่เป็นร้านดีที่สุดกับเขาไปแล้วครับ”
เมื่อเร็วๆ นี้ร้านขายยาทั้งหมดภายในเมืองหลวงที่เป็นสมาชิกของทางกิลด์ร้านขายและจ่ายยาได้ร่วมมือกับทางร้านขายยาต่างโลกในการขายยาและแบ่งปันยาไปยังร้านต่างๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ร้านขายยาต่างโลกมีชื่อเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ท่านปาลเล่ดูเหมือนจะสนใจเกี่ยวกับยาตัวใหม่ที่ขายมากเลยครับ จึงอยากจะมาดูร้านเอาให้ได้”
“นี่ล้อกันเล่นหรือเปล่าครับ…”
“นี่ก็ใกล้เวลาจะได้เปิดร้านแล้วสินะครับ” เซดริกมองไปยังนอกหน้าต่าง
“อ่ะ ผมคงไม่ต้องพูดอะไรแล้วสินะครับ!”
“เอ๋? เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” เอเลนถามเซดริก
“ท่านปาลเล่ได้เข้ามาอยู่ในแถวคิวนั่นแล้วครับ!”
“แล้วไหงพี่ชายเขามาอยู่ที่นี่ได้เนี่ย? ไม่ใช่ว่ากลับมหาลัยไปแล้วเหรอ?!”
“ผมคิดว่าเขาคงจะกลับโนวารูตไปหลังจากมาที่ร้านขายยานี้แหละครับ” เซดริกคาดเดาพฤติกรรมของเขา
ฟาร์มาตอนนี้กลายเป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้ว เอเลนรู้สึกเหมือนว่าเธอได้ยินเสียงเหมือนกับเป็นบอลลูน ออกมาจากหัวฟาร์มาว่า “งานเข้าแล้ว”
———–
Note : สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913