Parallel World Pharmacy – ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 55
นที่ 55 สัจธรรมแห่งการเล่นแร่แปรธาตุของเฮอร์เมส
แล้ววันสำหรับการชุมนุมของเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุก็มาถึงหลังจากเสร็จงานและปิดร้าน เอเลนที่ได้ทำการปลอมตัวโดยแต่งชุดของผู้ชายก็โผล่มาและแสดงให้ทุกคนได้เห็นเหมือนที่เธอเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้
“อ่ะ — ท่านเอเลโอนอร์ดูวิเศษมากเลยค่ะ ราวกับหนุ่มรูปงามตัวจริงเลย สุดยอดค่ะ!”
ลอตเต้ชื่นชมเธออย่างบริสุทธิ์ใจ
“แน่นอนสิ ถ้าแบบนั้นเธอไม่ลองเก็บภาพฉันไว้หน่อยเหรอลอตเต้จัง”
“ค่ะ ฉันจะถ่ายไว้ให้เยอะๆ เลย!”
เอเลนสวมบูทสูงถึงเข่า ชุดคลุมยาว และสวมหมวกไตรคอร์น ลักษณะเหมือนหนุ่มรูปงามที่ซ่อนผมไว้ใต้หมวก สวมแว่นขาหนีบจมูกและมีเคราสากๆ เล็กน้อย
ส่วนทางฟาร์มาเป็นชุดปลอมตัวแบบเรียบง่าย ก่อนทั้งส่องจะถ่ายรูปกัน
(ไม่ใช่เอเลนบอกว่าแค่อยากคอสเพลงั้นเหรอ แต่ผลก็ออกมาดีเลยไม่ใช่หรือไง)
ภาพลักษณ์ของเธอราวกับชายหนุ่มชั้นสูงที่สง่างามนั่นคือความประทับใจของฟาร์มา
“โฮ่ โฮ่ วันนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยน่อ”
แล้วประตูร้านขายยาก็เปิดออก ก่อนจะมีสุภาพบุรุษสูงวัยผู้หนึ่งโผล่มาโดยไม่ได้มีการแจ้งอะไรให้ทราบก่อนล่วงหน้า
“นั่นใครเหรอครับ?”
“ฮ่ะๆๆ นี่ผมเองครับ”
ปีแอร์ได้สวมแว่นและใส่วิกสีขาว เขาก็ปลอมตัวด้วยเหมือนกัน เอาซะพวกฟาร์มาจำไม่ได้เลยด้วย
“เอ๋นี่ จัดเต็มกันมากกว่าท่านฟาร์มาอีกไม่ใช่เหรอคะ?”
ลอตเต้เบิกตากว้าง
“ฉันละรู้สึกผิดหวังกับการปลอมตัวพื้นๆ ของนายจริงๆ”
เอเลนแสดงสีหน้าไม่พอใจขึ้น เพราะคนอื่นต่างจัดเต็มกันต่างจากฟาร์มาที่ใส่เพียงชุดคลุมกับฮูด
“ที่ผมใส่แบบนี้ก็เพราะจะได้ถอดง่ายหากจำเป็นไงล่ะ”
เขาเน้นความสมเหตุสมผลตามหลักพื้นฐาน
“หืมมม แบบนั้นจะไหวเหรอ ทำไมนายไม่ลองใส่ชุดนี้ออกไปเดินตามถนนแล้วดูว่ามีใครจำนายได้บ้างล่ะ ถ้าเกิดว่าไม่มีใครรู้ ฉันถึงจะยอมให้ไปทั้งแบบนี้”
แล้วฟาร์มาก็ออกจากร้านไปก่อนจะกลับเข้ามาหลักผ่านไปพักหนึ่ง เขาถอดหมวกและแสดงสีหน้าลำบากใจออกมา
“นายโดนจับได้หรือเปล่า”
“โดนทักบ้างไหมครับ?”
“ก็ราวๆ สิบกว่าคนที่จำผมได้”
พอมองไปที่กระจกเขาก็ยิ่งรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก
“การปลอมตัวมันยากจังเลย…ทั้งที่ผมก็พยายามทำตัวไม่เด่นแล้วแท้ๆ”
เอเลนตกใจจนหมดคำพูดไปขณะมองไปที่เขา
“ช่วยไม่ได้นะ ฟาร์มาคุง ฉันน่ะรู้ดีถึงสาเหตุนั้นอยู่แล้วดังนั้น ลอตเต้จังช่วยเอาชุดของเธอให้เขายืมหน่อยสิ?”
“เอ๋?! น-นั่นหมายความว่าผมต้องแต่งหญิงงั้นเหรอ?”
ลอตเต้ถึงกับตกใจไม่แพ้ฟาร์มา เพราะภาพแห่งความสยองกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
“เกี่ยวกับการปลอมตัว ดิฉันอยากจะเอาชุดที่คฤหาสน์มาให้นะคะ แต่คงจะเสียเวลามากเกินไปดังนั้นคงต้องเอาเท่าที่มีตอนนี้นะคะ”
ลอตเต้กับเอเลนจับไหล่ของฟาร์มาเอาไว้ ความสูงของเขากับลอตเต้นั้นมีความต่างกันมากขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถสวมชุดของกันได้เลยเสียทีเดียว
“งั้นเอาตัวใหญ่ๆ หน่อยให้ท่านยืมแล้วกันนะคะ!”
ลอตเต้ทรยศต่อทางออกสุดท้ายของฟาร์มา
“หยุดนะ!”
“มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่คะ ท่านฟาร์มาเดี๋ยวฉันช่วยท่านแต่งตัวเองนะคะ!”
ฟาร์มาที่ขัดขืนได้อยู่พักหนึ่งก็ต้องจำใจไปเปลี่ยนชุดที่ยืมมาจากลอตเต้
ลอตเต้มักจะช่วยแต่งตัวให้ฟาร์มาเป็นประจำในฐานะคนรับใช้อยู่แล้ว จึงทำให้เธอรู้ขนาดตัวของเขาดี แล้วสุดท้ายเขาก็ได้ผ้ากันเปื้อนสาวใช้มาสวมด้วย
“ผมไม่มีวันจะออกไปเดินข้างนอกด้วยชุดแบบนี้แน่ๆ”
พอเขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้แบบนั้น แค่พริบตาชุดของลอตเต้ก็ถูกสวมให้แล้ว และการเตรียมการจากเอเลนเขาจึงได้สวมวิกผมยาวก่อนจะให้พนักงานของร้านแต่งหน้าให้ปิดท้าย
“ไม่จริงน่า ฟาร์มาคุง น่ารักเกินไปแล้ว นี่มันเรียกว่าสาวงามได้เลยไม่ใช่หรือไงกัน?”
ลอตเต้พยักหน้าเห็นด้วย แต่ฟาร์มากลับผิดหวัง
“นี่มันแย่สุดๆ ไปเลย ปกติลูกศิษย์ของพวกนักเล่นแร่แปรธาตุเข้าใส่ชุดแบบนี้กันเหรอ ไหนจะกระโปรงแบบนี้อีกมันจะไม่ทำให้ดูเป็นคนใหญ่คนโตเอาเหรอ”
ฟาร์มารู้สึกได้ว่าตัวเองคงจะกล้ามากที่สามารถสวมกระโปรงเพื่อปลอมตัวเข้าไปชุมนุม เพราะอย่างแรกเขาคงเป็นเพียงคนเดียวในงานที่สวมกระโปรง เพราะตามหลักแล้วไม่ว่าจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุหรือนักเคมีต่างก็ต้องปกป้องตัวเองจากสารอันตรายที่จะโดนผิวหนังโดยการสวมชุดที่เหมาะสมในการทำงาน
“ไหนๆ ก็แต่งเสร็จแล้วนายไม่ลองส่องกระจกดูหน่อยเหรอ?”
“ไม่เอาด้วยหรอก”
ฟาร์มาส่ายหัวอย่างแรง ก่อนลอตเต้จะหยิบกล้องมาถ่ายเขาทันที
“อย่าถ่ายนะ!”
“โทษทีนะครับ ท่านฟาร์มา …”
ปีแอร์ได้แต่หัวเราะด้วยความขมขื่นและสงสารจับใจ
“อ่ะ แค่นี้คงพอละมั้งรีบไปกันเถอะ”
ฟาร์มาดูเหนื่อยเป็นอย่างมากก่อนจะเดินตามไป
ขณะที่ปีแอร์ขี่เกวียนโดยนำทั้งสองไปยังที่ชุมนุมซึ่งตั้งอยู่บริเวณชานเมืองของเมืองหลวงโดยเป็นตึกขนาดใหญ่ จากระยะนี้ฟาร์มาได้เห็นว่ามีทั้งเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุและแพทย์โอสถอยู่รอบๆ ตึกนั้นมีทางเข้าที่ชุมนุมอยู่ตรงทางลงชั้นใต้ดินของตึกโดยมีการเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าด้วย
“งานดูเฟื่องฟูมากเลยนะครับ แล้วค่าเข้านี้เท่าไหร่เหรอครับ?”
ฟาร์มากระซิบถามปีแอร์ก่อนเขาจะยกนิ้วมาบอกถึงจำนวนเงินนั้น
“จริงเหรอครับมันไม่มากเกินไปหน่อยหรือเปล่า…แต่ก็มีคนเข้าอยู่ดีสินะ…”
“นี่เป็นเพียงส่วนค่าเข้าเท่านั้นนะครับ ยังไม่รวมไปถึงการขายสูตรการวิจัยต่างๆ ที่ราคาสูงกว่านี้อีก แต่ไม่ต้องห่วงนะครับผมถอนเงินมาพอสำหรับเราทั้งสามคนแล้วเรื่องนี้ให้ผมจัดการเอง”
คำพูดของปีแอร์นั้นมีน้ำตาซ่อนอยู่จากค่าเข้าแสนแพง
ปีแอร์ยังเสริมว่าหากมองในมุมการศึกษาแล้วค่าเข้าประมาณนี้ก็ถือว่าเหมาะสมอยู่ แต่ก็ดูเหมือนจะมีเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุและแพทย์โอสถประสบปัญหาการเงินจากการเข้าชมเหมือนกัน
แต่พอมีข่าวลือว่านักเล่นแร่แปรธาตุชั้นนำได้เข้าถึงการสังเคราะห์ศิลานักปราชญ์สำเร็จ ทำให้การลงทุนด้วยเงินจำนวนมากย่อมคุ้มค่าหากสามารถฟันกำไรก้อนโตกลับมาได้ในทีเดียว
“เดี๋ยวผมเป็นคนจ่ายให้เองนะครับ”
ฟาร์มาให้เงินสำหรับสามคนแก่ปีแอร์ แน่นอนว่าเขาจ่ายให้เอเลนด้วย
“ไม่เป็นไรหรอกครับท่านฟาร์มา ผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินด้วย”
“ผมเข้าใจดีครับ แต่นี่ถือเป็นค่าที่คุณชวนพวกเรามาเถอะนะครับ”
ฟาร์มาแสดงถึงด้านของสุภาพบุรุษออกมาอย่างประหลาด (แม้เขาจะแต่งหญิงอยู่ก็เถอะ)
“จริงเหรอครับ ขอบพระคุณมากครับ งั้นไม่เกรงใจแล้วนะครับ”
“ไม่หรอกครับทางผมเองก็เช่นกัน”
ปีแอร์รับถุงเงินมาก่อนรัดไว้แน่น ด้วยสีหน้าที่ดูโล่งใจ
“เรามาถึงแล้วครับ”
ปีแอร์หันหน้ามาบอกพวกเขา
“สายัณห์สวัสดิ์น่อ พวกเรายังเข้ากันไปได้อยู่หรือเปล่า?”
ปีแอร์โค้งคำนับก่อนกล่าวทักทายเจ้าหน้าที่หน้าประตู
“ก็เกือบจะเต็มแล้วล่ะนะ ไหนแสดงตราหน่อยซิ”
เหมือนกับนักเล่นแร่แปรธาตุคนอื่น ๆ ปีแอร์หยิบตราจากกระเป๋าหน้าอกขึ้นมาและแสดงให้กับเจ้าหน้าที่เก็บค่าธรรมเนียมดู แน่นอนว่าเป็นของจริงมีเลขทะเบียน
“พวกนี้ไม่มีป้ายหรอก แต่เขาเป็นลูกศิษย์ของข้า ดังนั้นได้โปรดให้พวกเขาเข้าไปเพื่อเรียนรู้ด้วยเถิด เดี๋ยวข้าจะจ่ายเงินส่วนพวกเขาให้เอง”
ปีแอร์พูดด้วยท่าทางไร้เดียงสา ก่อนจะจ่ายค่าธรรมเนียมที่ฟาร์มามอบให้ ทางด้านของเอเลนกับฟาร์มาก็พยักหน้าให้เพื่อเป็นการยืนยันสิ่งที่ปีแอร์พูด โดยไม่กล่าวอะไรอีกเพื่อเลี่ยงการเป็นจุดสนใจ
(ชุดของเอเลนเหมือนจะเด่นสุดในกลุ่มจนทำให้คนหันมามองเลย ต่างกับชุดผู้หญิงของเราจริงๆ)
แล้วทางเจ้าหน้าที่ก็ขอตรวจสอบใบหน้าของทั้งสอง จนสุดท้ายก็ปล่อยให้เข้าไป
แถมยังผ่านมาได้อย่างปลอดภัย ไม่มีใครสังเกตถึงการปลอมตัวนี้ออกได้
“อ่ะ?”
“เห็นไหมล่ะฉันปลอมตัวได้เนียนเลยทีเดียว”
เอเลนบอกกับฟาร์มาถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของพวกเธอที่สามารถเข้ามาได้ เธอปลอมตัวได้เนียนจนแม้แต่หมวกก็ยังไม่จำเป็นต้องขอให้ถอดออกระหว่างการตรวจ
สถานที่จัดงานนั้นเป็นส่วนใต้ดินของสถานบันเทิงขนาดใหญ่ และแม้จะมีเทียนถูกจุดขึ้นทั่วบริเวณ แต่ความสว่างนั้นก็คงบอกได้แค่ว่าสลัวๆ แน่นอนว่าที่แห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยนักเล่นแร่แปรธาตุ
ทางพวกแพทย์โอสถนั้นก็มีอยู่บ้างแม้ไม่มาก ซึ่งภายในนั้นก็มีคนรู้จักของฟาร์มาอยู่ด้วยแต่พวกเขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นฟาร์มาแต่อย่างใด ทั้งหมดนี้ต้องยกให้กับผลลัพธ์ของการปลอมตัว ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงโห่ร้องออกมาจากบริเวณรอบๆ
“คุณเฮอร์เมสนี่สุดยอดไปเลยนะ สามารถขายผลงานของตัวเองได้อีกแล้ว”
จากคำพูดดังกล่าวคนที่ชื่อเฮอร์เมสเหมือนจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ แม้ตัวฟาร์มาจะฟังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นัก
“และเห็นว่านักเล่นแร่แปรธาตุบางคนจะประสบความสำเร็จในการทำงานจากการซื้อสูตรผลงานของมาสเตอร์เฮอร์เมสด้วยนะ”
ฟาร์มายังคงแอบฟังต่อไปเรื่อยๆ
(ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกคลาสสิกสำหรับพวกนักเล่นแร่แปรธาตุที่ต้องชอบความมืดสลัวเพื่อความขลังของผลงานแทนที่จะเป็นกลางวันสินะ)
บางทีอาจจะเป็นการใช้วิธีฉายแสงทำให้ปรอทดูเหมือนเป็นทองก็ได้ หากมีใครตรวจสอบประวัติศาสตร์ได้อดีตก็จะพบว่ามีคนใช้วิธีนี้จริงๆ ขณะที่ฟังบทสนทนาไปเรื่อยๆ เขาก็ยิ่งได้กลิ่นของการหลอกลวงมากขึ้น แต่เขาก็ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นจริงหรือไม่ เพราะโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าศาสตร์แห่งเทพอยู่ด้วย เช่นเดียวกับตัวตนของฟาร์มา เขาจะไม่แปลกใจเลยหากมีนักเล่นแร่แปรธาตุบางคนมีความสามารถในการสร้างสสารเช่นเขา
ในที่สุดนักเล่นแร่แปรธาตุที่ถูกกล่าวถึงก็ปรากฏตัวออกมาตามกำหนดการ
เขาเป็นชายสวมหน้ากากสีขาว เสื้อคลุมสีแดงเดินมาในห้องโถงก่อนจะแนะนำตัวเอง ตามมาด้วยนักเล่นแร่แปรธาตุหญิงฝึกหัด
“ทำไมมาสเตอร์ผู้นั้นต้องสวมหน้ากากด้วยล่ะ?”
ปีแอร์ถามนักเล่นแร่แปรธาตุคนข้าง
“เพราะนักเล่นแร่แปรธาตุตัวจริงซึ่งสามารถสร้างทองคำขึ้นมาได้โดยใช้เพียงน้ำร้อนน่ะยอมต้องตกอยู่ในอันตรายจากพวกโจรทั่วประเทศอยู่แล้วหากพวกนั้นรู้ตัวจริงของเขาขึ้นมาคงจะแย่ ไม่น่าจะเป็นเหตุผลอย่างพวกที่ต้องซ่อนไว้เพราะกลัวคนรู้ตัวจริงแล้วความแตกเรื่องที่ว่าตัวเองเป็นของปลอมหรอก”
“อย่างงี้นี่เอง” เหตุผลดังกล่าวทำให้เอเลนสงสัย
ไม่ใช่แค่เป็นพวกลวงโลกแต่ยังไม่แสดงหน้าให้เห็นสินะ เอเลนเริ่มสงสัยมากยิ่งขึ้น
“มาสเตอร์เฮอร์มิส เชิญค่ะ”
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่กลุ่มการเรียนรู้ของเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุ การเดินทางของพวกเราก็ได้มาถึงครั้งที่ 8 แล้วเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เห็นเหล่าแร่แปรธาตุจำนวนมากมารวมตัวกันในคืนนี้”
เขาแสดงท่าทางเยี่ยงสุภาพบุรุษ แต่พอฟาร์มาได้ยินเสียงนั้นเขาก็รู้สึกได้เหมือนกับว่าเสียงนั้นมัน…..
(หืมมม …? เหมือนเราเคยได้ยินเสียงแบบนี้มาก่อนนะ … เป็นที่ไหนกันนะ?)
แต่เขาก็นึกไม่ออกว่าตนเคยได้ยินมาจากที่ไหน บางทีอาจจะเป็นลูกค้าที่เข้ามาในร้านขายยาก็ได้
“เขาเป็นสามัญชนหรือเปล่านะ แต่น้ำเสียงนั้นก็เหมือนจะเป็นชนชั้นสูงด้วยสินะครับ”
ปีแอร์ถามกับเอเลน
“คงจะแบบนั้น ดูเหมือนเขาจะเป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพอีกด้วย…แต่ฉันก็ไม่ได้มั่นใจอะไรมากนักหรอก น้ำเสียงของเขาก็ดูท่าจะเป็นชนชั้นสูงจากเมืองหลวงเรานี่แหละ โดยเฉพาะสำเนียงการพูดของเขา แต่ก็ไม่น่าจะใช่พวกระดับสูงหรอกจากการที่มาหมกมุ่นกับเรื่องเงินๆ ทองๆ แบบนี้”
เหล่าชนชั้นสูงนั้นไม่ได้ให้ความสำคัญกับเงินเท่าไหร่นักแต่พวกเขามักต้องการขยายดินแดนของตนมากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงสรุปไปว่าเขาต้องเป็นพวก
ระดับล่างๆ แน่
“งั้นพวกเราก็อยู่กันเงียบๆ จนกว่าจะถึงเวลาแสดงกันเถอะ”
“ฉันละสงสัยจริงๆ ว่าหากนั่นไม่ใช่ของปลอม ทำไมถึงไม่นำความสามารถนี้ไปเสนอแก่องค์จักรพรรดินี แค่นั้นเขาก็จะกลายเป็นคนที่ได้รับการปกป้องมากที่สุดจากจักรพรรดินีเป็นแน่?”
“และขณะนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะทำการสาธิตการแปรธาตุโดยใช้ศิลานักปราชญ์ให้ทุกท่านได้ชมกัน”
การแสดงได้เริ่มขึ้น เฮอร์เมสได้ให้ผู้ช่วยของเขานำแร่สีแดงขนาดเท่ากำปั้นซึ่งถูกเรียกกันว่าศิลานักปราชญ์ เมื่อพวกเขาทุบมันก็เห็นว่าภายในนั้นส่องสว่างออกมาเหมือนเปลวเทียนลึกลับประกายเป็นเหมือนทับทิม
ฝูงชนต่างหลงใหลไปกับทุกการเคลื่อนไหวของสิ่งที่เฮอร์เมสทำ
“ผมเชื่อว่าทุกท่านสามารถเห็นได้ชัดว่าเมื่อผมทุบหินนี้มันก็ได้ปรากฏเมล็ดสีแดงอยู่ตรงใจกลาง และเมื่อศิลานักปราชญ์นั้นได้ถูกหลอมละลายมันจะทำการตอบสนองต่อตะกั่วที่จะถูกผสมเข้าไปด้วย”
สิ้นคำพูดของเขา เฮอร์เมสก็ได้ให้ความร้อนกับแร่ที่อยู่ภายในเบ้าหลอมแก้วซึ่งมีศิลานักปราชญ์อยู่ภายในและปล่อยของเหลวไอเย็นลงไประบายความร้อนจนเกิดเป็นไอขึ้นมาในขณะที่เปลี่ยนรูปร่างเป็นของเหลว
ขณะกำลังดูการสาธิตนั้น ฟาร์มาก็ได้กลิ่นกำมะถันกำลังโชยมาจางๆ
(นั่นมันไม่ใช่ศิลานักปราชญ์ สิ่งที่เฮอร์เมสคนนั้นกำลังใช้คือซินนาบาร์ไม่ใช่
เหรอไงกัน?)
ฟาร์มาแทบจะมั่นใจเลยว่าในนั้นมันคือซินนาบาร์ ซึ่งเป็นแร่ปรอทซัลไฟท์ (HgS) โดยสามารถสกัดกำมะถันและปรอทผ่านกระบวนการให้ความร้อนได้ หากสิ่งที่เขาคิดถูกต้องความร้อนดังกล่าวจะสร้างปรอทขึ้นมา
“นั่นไม่ใช่ศิลานักปราชญ์ แต่เป็นซินนาบาร์ไม่ใช่เหรอ?”
ฟาร์มาแอบถามปรีแอร์ แต่เขาเหมือนจะไม่เข้าใจ
“มันคืออะไรหรอกครับ?”
“มันเป็นสารที่ถูกสกัดออกมาเป็นกำมะถันกับปรอทครับ หากสังเกตดีๆ คุณจะเห็นปรอทอยู่ภายในนั้นครับ”
จากนั้นเอเลนก็หัวเราะออกมาเบาๆ กับคำอธิบายของฟาร์มา
“ก็เข้าใจที่สารปรอทสามารถสกัดมาเป็นของเหลวได้ก็จริง แต่จากผลึกสีแดงแบบนั้นน่ะเหรอ ของเหลวสีเงินจะไหลออกจากผลึกสีแดงแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?”
เอเลนกำลังคิดอยู่ว่า ปรอทที่แสดงออกมานั้นมันเกิดจากการหลอมจนได้เป็นปรอทออกมาหรือมันเป็นปรอทเหลวที่มีอยู่ตามธรรมชาติแต่แรกแล้ว
“ถูกต้องแล้วครับ…”
(มีหลายกรณีเหมือนกันที่เราสามารถขุดเจาะมันขึ้นมาโดยมีสถานะเป็นของเหลวได้ แต่โลกใบนี้ก็มีวิธีเก็บแบบนั้นด้วยเหรอ ไม่สินั่นอาจจะต่างจากโลกของเราก็ได้)
“ตรงจุดนี้ ศิลานักปราชญ์ได้ถูกหลอมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในที่นี้ใครพกวัตถุดิบพวกตะกั่วมาบ้างหรือเปล่าครับ?”
ดูเหมือนจะมีคนอยู่ไม่น้อยในที่นี้ ที่ตั้งใจดูการเปลี่ยนตะกั่วเป็นทองคำ
“นั่นเป็นไปไม่ได้แน่ๆ เอานี่ลองตะกั่วของข้าสิ ดูว่ามันจะกลายเป็นทองได้ไหม?”
“แน่นอนครับ เราจะมาลองดูกัน”
แล้วเฮอร์เมสก็ทำการเทของเหลวบางอย่างที่หลอมมาได้จากศิลานักปราชญ์ลงบนตะกั่วภายในเบ้าหลอมอีกอัน
“แสดงสิ่งที่อยู่ภายในเบ้าหลอมให้พวกเราเห็นหน่อย”
เสียงนั้นดังขึ้นก้องภายในที่ชุมนุม
“ได้สิครับ”
แล้วก็มีเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุบริเวณด้านหน้าเข้าไปตรวจสอบอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรอื่นภายในเบ้าหลอมนั้น
“ข้างในนั้นไม่มีอะไร…”
“ทีนี้ก็สามารถนำศิลานักปราชญ์กับตะกั่วเข้าไปหลอมได้แล้วสินะครับ”
จากนั้นโถงก็กลับมาเงียบอีกครั้งแล้ว เฮอร์เมสก็วางส่วนผสมต่างๆ ลงในเบ้าหลอม
“ผมจะทำการนำทองออกมาหลังจากที่เสร็จครับ แน่นอนว่าระหว่างนั้นผมจะไม่ใช้นิ้วแตะต้องเบ้าหลอมเลยเพื่อไม่ให้คนเข้าใจผิดว่าผมเอาของไปสลับเปลี่ยน”
เฮอร์เมสวางเบ้าหลอมไว้ในกองไฟและเริ่มเดินเครื่อง ก่อนเขาจะทำการร่ายมนตร์ที่ชวนให้หลงใหล
(เขาก็แค่ร่ายอะไรไปเรื่อย ไม่มีร่องรอยการใช้ศาสตร์แห่งเทพเกิดขึ้นเลยด้วย)
เท่าที่ฟาร์มาเห็นการร่ายอันแสนยืดยาวของเฮอร์เมสนั้นไม่ใช้ศาสตร์แห่งเทพในการกระตุ้นหรือพลังอื่นใด เขาอาจจะเป็นผู้ศาสตร์แห่งเทพก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้มันในตอนนี้ เสียงร่ายมนตร์ของเขายังดำเนินต่อไป ในขณะที่เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุเฝ้าดูเขาด้วยลมหายใจอันแสนร้อนแรง
แล้วเวลาก็ผ่านไปสักพักขณะทำการแสดงสาธิต
“คุณที่อยู่ตรงนั้นช่วยผมหน่อยได้หรือเปล่าครับ”
เฮอร์เมสได้ชี้ไปยังชายชราคนหนึ่งซึ่งอยู่ข้างหน้า ให้ช่วยเอียงเบ้าหลอมด้วยคีมหนีบ หันไปหาผู้ชม ตามคำแนะนำของเฮอร์เมส
“เอ๋ แบบนี้เหรอครับ?”
“ครับเอียงไปจนกว่าผู้คนจะเห็นข้างในได้ชัดๆ เลย”
เมื่อเปลวไฟดับลง ก็พบว่าภายในเบ้าหลอมนั้นมีทองวางซ้อนกันเต็มไปหมด
“ด้วยวิธีการนี้เองครับทำให้เราประสบความสำเร็จในการสร้างทองคำขึ้นมา”
เฮอร์เมสบอกกับผู้ชมอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะได้รับเสียงปรบมือดังจากทุกสารทิศ
“ช่างอัจฉริยะยิ่งนักท่านเฮอร์เมส เขาคือจอมปราชญ์!”
“นี่แหละนักเล่นแร่แปรธาตุตัวจริง! ดูทองนั่นสิมันมากกว่าที่ข้านำตะกั่วเข้าไปใส่เสียอีก”
เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุยังคงมีอาการงุนงงอยู่บ้างแต่ก็ไม่วายจะยกย่องและปรบมือให้กับเขา เพราะในอดีตไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จเช่นนี้เลยมาจนถึงตอนนี้ นั่นจึงทำให้ห้องโถงในตอนนี้เต็มไปด้วยความหลงใหลมากมายจากผู้คน
“ท่านฟาร์มาคิดว่าอย่างไรบ้างครับ?”
ปีแอร์ถามฟาร์มาก่อนที่เขาจะตอบกลับไป
“ปรอทนั้นสามารถระเหยไปได้จากความร้อนตามธรรมชาติแต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมแค่ทำให้ปรอทร้อนมากๆ ถึงสามารถสร้างทองคำขึ้นมาได้…”
เขาสงสัยว่าอาจจะมีส่วนผสมอื่นๆ อยู่ภายในปรอทนี้อีกหรือเปล่า แต่ปรอทนั่นมันก็มาจากการหลอมซินนาบาร์อย่างที่เราเห็นดังนั้นความบริสุทธิ์ของมันย่อมชัดเจน
เนื่องจากเขาได้วางของเข้าไปข้างในเบ้าหลอมหมดแล้วจึงไม่น่าจะเอาทองเข้าไปใส่เพิ่มด้วยได้ เว้นแต่จะทำอะไรบางอย่างไว้ในเบ้าหลอมเพื่อหลอกตา อันที่จริงหากมีสารอะไรเพิ่มเติมนอกจากนั้นก็น่าจะต้องเหลือหลักฐานการเผาไหม้ในเบ้าหลอมบ้าง
แต่กระนั้นก็ดันไม่เหลืออะไรเลยนอกจากทองอยู่ภายในเบ้าหลอมนั้น
(หืม…ไม่ใช่ของปลอมที่เข้ามาใส่แทนด้วย แถมก็ยังไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ กับเบ้าหลอมอีก)
ฟาร์มากอดอกพึมพำ เขาไม่ได้เห็นถึงการใช้ศาสตร์แห่งเทพด้วย บางทีอาจจะเป็นการใช้ภาพลวงตาไม่ก็กลอะไรบางอย่างแทน
แทนที่จะหาทางเผยกลของเขาว่าเป็นยังไง หากเขาใช้ศาสตร์แห่งเทพมันคงง่ายกว่านี้มากเพราะฟาร์มาจะได้จับอุบายของศาสตร์แห่งเทพนั้นด้วยพลังของเขาเสียเอง
“ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ใช่ว่าศิลานักปราชญ์นั่นสามารถสร้างทองคำขึ้นมาได้จริง
เหรอ?”
เอเลนถามราวกับเธอก็ไม่อยากจะเชื่อ
“ผมก็ไม่เห็นว่านั่นจะเป็นของปลอมนะครับ …”
ปีแอร์พยักหน้าเห็นด้วย
“เกี่ยวกับเรื่องนั้น ผมคิดว่าตัวของศิลานักปราชญ์คือซินนาบาร์ครับ”
ในที่สุดทั้งสองก็อาจจะเชื่อถึงการมีอยู่ของศิลานักปราชญ์ แต่ฟาร์มาไม่เห็นด้วย
(แม้จะไม่เห็นในตอนแรก แต่ปริมาณของทองที่เกิดขึ้นมานั้นมันคือทองที่ผ่านการหลอมเพียงครั้งเดียวงั้นหรือ บางทีอาจจะมีการสะสมมาก่อนแล้วก็ได้ โดยที่มันน่าจะหลงเหลือไว้หลังจากที่ปรอทระเหยไปแล้ว)
การหลอมละลายทองคำที่มีความส่วนผสมของปรอทอยู่นั้น เราเรียกกันว่า
อะมัลกัม (amalgam) เมื่อมันได้รับความร้อนก็จะระเหยปรอทออกไปจนทิ้งไว้เหลือเพียงทองคำ ด้วยขั้นตอนนี้เขาคิดว่าปรอทจำนวนมากน่าจะระเหยออกมา
[สลายสารปรอท]
ฟาร์มาได้ทำการลบล้างมลพิษที่กระจายอยู่ทั่วห้องโถง ซึ่งเกิดจากการสาธิตของเฮอร์เมส แน่นอนว่าเขาไม่รู้ถึงสิ่งที่ฟาร์มากำลังทำ
“พวกคุณบางคนอาจจะคิดก็ได้ว่านี่เป็นของปลอมหรือเปล่า”
ด้วยรอยยิ้มที่ไร้ซึ่งความกลัวใดๆ เฮอร์เมสได้พูดถึงสิ่งที่อาจจะอยู่ในใจหลายๆ คน และคนที่ไม่คิดเชื่อฟัง
“มีใครต้องการจะตรวจสอบสิ่งนี้บ้างหรือเปล่าครับ หากต้องการสามารถทำได้เลย”
เมื่อเขามองไปรอบๆ ปีแอร์ก็ได้ยกมือขึ้น
“ถ้าใช้หินสบู่จะได้หรือเปล่า?”
ปีแอร์นั้นเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุและเขาก็มีหินสบู่ไว้อยู่แล้ว โดยหินสบู่เป็นแร่ที่สามารถวัดความบริสุทธิ์ของทองคำได้เมื่อนำมันไปถูกกับแร่สบู่สีของมันก็จะเปลี่ยนไปตามความบริสุทธิ์ หากมันเป็นของปลอมก็เรียกได้ว่าการหลอกลวง
“แน่นอนครับ”
เฮอร์เมสค่อนข้างจะใจกว้าง ปีแอร์นั้นได้ทำการใช้หินนั้นขัดไปยังเครื่องประดับทองคำของเขา ก่อนจะนำหินก้อนเดียวกันนั้นไปขัดทองที่สร้างขึ้นมาใหม่ แล้วเทียบกันสามารถเห็นได้ว่ามันเป็นทองคำอย่างแน่นอน แม้ความบริสุทธิ์จะไม่สูงแต่นั่นก็เป็นเพียงขั้นตอนการรอปรับแต่ง
นั่นหมายความว่าสิ่งนี้สามารถนำไปทำเงินได้
“บางทีมันอาจจะเป็นแค่ผิวก็ได้ ข้าสามารถลองทุบมันได้หรือไม่?”
เมื่อปีแอร์ถอยออกไปก็มีอีกคนขึ้นมาข้างหน้า เพื่อยืนยันว่านั่นไม่ใช่ทองชุบ
“ไม่สำคัญหรอกครับว่าจะทำเช่นไร แต่ถ้า่ทำเช่นนั้นแล้วมันเห็นได้ชัดก็เชิญ”
พอชายคนนั้นผ่าก้อนทองออกด้วยมีด ก็พบว่ามีสีทองสุกใสปรากฏขึ้นภายในด้วย
“นี่มันทองจริงๆ …!”
“ทองที่สร้างขึ้นมาด้วยศิลานักปราชญ์จากตะกั่ว…! ขายสูตรมาให้ข้าที!”
แทบไม่เหลือข้อกังขาใดๆ
“หากพวกท่านเห็นแล้วว่าศิลานักปราชญ์เป็นของจริงและต้องการจะซื้อกรรมวิธีในการสังเคราะห์มัน ได้โปรดติดต่อกับเหล่าลูกศิษย์ผมได้ภายหลัง และหากคุณเข้าร่วมกับทางเราในคืนนี้ จะได้รับส่วนลดอีกเล็กน้อยด้วยนะครับ”
เฮอร์เมสได้เข้าสู่ช่วงขายของแล้ว
“ข้าจะซื้อมัน”
“ศิลานักปราชญ์มีอยู่จริง!”
โดยคนที่พูดนั้นก็คือคนเดียวกันกับที่ยืนยันว่าทองคำเหล่านี้เป็นของจริง บางทีอาจจะเป็นคนในก็ได้
“เป็นอะไรไปฟาร์มาคุง นี่มันของจริงเลยไม่ใช่เหรอ?”
เอเลนไม่สามารถหักล้างสิ่งที่เธอเห็นได้
เหยื่อจำนวนมากกำลังจะเกิดขึ้น แต่ฟาร์มาก็ขาดปัจจัยที่จะชี้ขาดได้
“มีหลายอย่างที่ผมอยากจะเห็น ดังนั้นต้องรีบไปดูก่อนที่หลักฐานจะหายไปเสียก่อน”
ฟาร์มาบอกกับเอเลน และปีแอร์ จากนั้นเขาก็เดินผ่านฝูงชนเพื่อไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้านหน้า
ขณะที่ผู้ช่วยกำลังเก็บอุปกรณ์ที่ใช้ในการสาธิต ฟาร์มาซึ่งแต่งตัวเป็นหญิงงามในแบบสาวใช้ก็เข้าไปหาเธอ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ คุณผู้หญิง?”
เฮอร์เมสสังเกตเห็นก่อนจะหันไปมองฟาร์มา
“ช่วยแสดงเบ้าหลอมให้ฉันเห็นอีกครั้งได้หรือเปล่า?”
ฟาร์มาพูดกับเฮอร์เมสโดยใช้เสียงทุ้มสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เสียงของเขานั้นไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้กระทั่งจะอายุ 12 ปีแล้ว แม้จะพูดไปแบบนี้ในแบบของผู้หญิงก็ไม่มีใครสงสัยแต่อย่างใด เพราะคนที่ฟังก็ไม่ได้คิดว่าเขาเป็นเด็กผู้ชาย ปีแอร์กับเอเลนที่ได้ยินก็ไม่รู้สึกแปลกอะไร
“อ้า ได้สิ”
(ผิวของเบ้าหลอมมีรูพรุน)
ฟาร์มามองดูรายละเอียดอย่างใกล้ชิดและแตะเบ้าหลอมด้วยคีบหนีบ โดยผลที่ได้คือเสียงที่กระทบนั้นมันเปลี่ยนไปตามตำแหน่งของเบ้าหลอม ซึ่งก็เป็นไปตามที่ฟาร์มาคาดไว้
(แบบนี้นี่เอง เข้าใจแล้ว)
“มีอะไรกังวลเกี่ยวกับการออกแบบหรือเปล่าครับ? สำหรับเบ้าหลอมนี้มันถูกสร้างขึ้นโดยนักเล่นแร่แปรธาตุคนอื่นนะครับ”
ในขณะที่สังเกตเฮอร์เมสไปด้วยซึ่งเขาดูเหมือนพยายามจะแทรกคำพูดของเขาอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้ฟาร์มาสงสัยมากขึ้น
“ก็จริงค่ะ บางทีมันก็คงจะมีตำหนิอยู่บ้าง อ่ะดูเหมือนว่ายังจะมีโลหะเหลวที่เหลือจากการสกัดของศิลานักปราชญ์อยู่นะคะ เป็นไปได้ช่วยแสดงได้ฉันดูอีกสักครั้งได้ไหมคะ?”
ฟาร์มาพูดเชิงอ้อนให้เฮอร์เมสทำการสาธิตอีกครั้ง
“ไม่ว่าจะลองสักกี่ครั้งก็ได้เหมือนเดิมแหละครับ ผมจะแสดงให้ดูอีกก็ได้นะครับ แต่เรามาเปลี่ยนเบ้าหลอมเป็นอันใหม่จะดีกว่า”
เฮอร์เมสหัวเราะเบาๆ ให้กับฟาร์มา…ฟาร์มาอาจจะเป็นเพียงแค่เด็กน้อยที่กำลังฝึกเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุในสายตาเขา แต่ฟาร์มาก็ไม่ได้ยิ้มกลับไปแต่อย่างใด
“ไม่ค่ะ อันนี้ก็ยังใช้ได้นี่คะ”
สายตาของเฮอร์เมสเหมือนจะเลี่ยงไปทางอื่นด้วยความกลัว แน่นอนว่าฟาร์มาไม่พลาด เขาคงจะไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ด้วยเบ้าหลอมเดิม นั่นคือสิ่งที่ฟาร์มาคิด
“ตามความคิดเห็นของฉัน ฉันคิดว่าคุณไม่น่าจะสร้างทองขึ้นมาจากเบ้าหลอมนี้ได้อีกค่ะ”
“นี่คุณหนู เธอกำลังขวางทางพวกเราอยู่นะ รีบๆลงมาได้แล้วมันเกะกะ”
แล้วเสียงโห่ดังจากผู้คนก็ส่งไปหาฟาร์มา
“เด็กๆ ไม่ควรมาเล่นบนนี้นะ ยังไงผลออกมามันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละหากทำแบบเด็ก รีบๆ แสดงเทคนิคใหม่ๆ นอกจากนี้แทนได้แล้ว”
“ดะ เดี๋ยวก่อนสิ!”
ฟาร์มาถูกจับที่คอเสื้อก่อนจะถูกลากกลับไปโดยใครบางคนช่วงที่ขัดขืนอยู่นั้นเขาได้แอบเอากิ๊บติดผมขูดส่วนภายในของเบ้าหลอมออกมาด้วยแล้วกลับไปยังจุดที่เอเลนกับพวกของเขาอยู่
“นั่นสินะครับ เวลาของเราก็มีจำกัดด้วย งั้นไปที่ส่วนถัดไปกันเลย ตรงนี้ผมจะแสดงถึงโฮมุนคลุสที่เราสร้างขึ้นมาครับ”
เฮอร์เมสกระแอมออกมาก่อนจะเริ่มแสดงส่วนต่อไป ท่าทางของเขาเหมือนจะโล่งใจและความกลัวก็บรรเทาลง แน่นอนว่าโฮมุนคลุสก็เป็นดาวเด่นของงานนี้
“กลับมาแล้วครับ”
“นายได้อะไรมาบ้างหรือเปล่า?”
เอเลนถาม
[สลายสารตะกั่ว]
ฟาร์มายืนยันสภาพของสิ่งตกค้างที่อยู่ภายในกิ๊บและ เขาก็หัวเราให้กับตัวเอง
“ฮ่ะๆ เกือบแล้วเชียว”
“หืม!? นายช่วยอธิบายให้ละเอียดหน่อยได้ไหม?”
เขาอธิบายว่าด้านล่างของเบ้าหลอมมันมีรู และทองคำก็ไหลออกมาจากจุดนั้น
ในกรณีนี้ ปรอทนั้นจะมีแรงตึงผิวที่สูงเอามากๆ ดังนั้นไม่ว่าจะถูกนำไปใส่ไว้ในเบ้าหลอมที่มีรูพรุน มันก็จะไม่ไหลเข้าไปภายในรูนั้นและถึงจะไม่เป็นแบบนั้น โลหะที่มีความหนาแน่นสูงเช่นผงทองคำหรือตะกั่วถูกอุดเข้าไปอยู่ในรูนั้นปรอทย่อมไม่สามารถผ่านไปได้อยู่แล้ว โดยกลดังกล่าวน่าจะเป็นการอัดทองคำเข้าไปใส่ในรูนั้นและให้มันไหลออกมาได้ด้วยการให้ความร้อนระหว่างปรอทระเหยออกไป
เบ้าหลอมถูกใส่ผงทองคำและโลหะอื่นๆ ไว้ล่วงหน้า เมื่อเติมปรอทเข้าไปโลหะเหลวที่ร้อนจะทำการหลอมละลายโลหะที่ถูกบีบอัดเอาไว้บริเวณด้านล่างและค่อยดึงโลหะที่หลอมละลายนั้นเข้าไปในโพรงที่เจาะไว้ ส่งผลให้เกิดการผสมกันของอมัลกัม จากตะกั่ว ทองคำ และปรอท จากนั้นความร้อนที่เกิดจากกระบวนการ อมัลกัมจะหลอมทองทำให้ออกมา ละสร้างรูปขึ้นมาใหม่ด้วยอุณหภูมิที่ต่ำลงจากการเอียงของเบ้าหลอมซึ่งมันยังอยู่ในสถานะของเหลว ตะกั่วจะถูกเปลี่ยนให้เป็นตะกั่วออกไซด์โดยความร้อนก็จะถูกซึมซับไปบริเวณผิวของเบ้าหลอมจากปรากฏการณ์นั้น ส่วนทองคำนั้นยังคงอยู่ภายในนั้นจากกระบวนการให้ความร้อน ทางด้านปรอทก็กลายไปไอและระเหยออกไปแทน
“… นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เราเห็นแต่ทองคำอยู่ในนั้นสินะ”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง …! ถึงผมจะไม่เข้าใจมันสักนิดเลยก็เถอะ!”
ก่อนหน้านี้ฟาร์มาได้ใช้คีมคีบ พร้อมกับการขูดด้านในด้วยกิ๊บ ทำให้เห็นว่าด้านล่างของรูยังคงเหลือตะกั่วที่ไหลลงไปอยู่บ้าง
“แม้จะยังเป็นเพียงสมมติฐาน แต่ผมคงจะบอกได้ชัดขึ้นหากเห็นมันอีกครั้งครับ”
ฟาร์มาคิดว่าคงจะเป็นการดีหากเฮอร์เมสไม่ได้หยุดการสาธิตไว้แต่เพียงครั้งนี้และปล่อยให้เขาได้รอเห็นมันอีกจนถึงครั้งถัดไป
“งั้นเราจะเอายังไงกันต่อล่ะ?”
ครั้งต่อไปฟาร์มาเห็นว่าคงจะเป็นการดีหากเตรียมเบ้าหลอมที่ใช้ในการสาธิตใหม่ด้วยตัวเขาเองแล้วให้คนพวกนี้ใช้ในการแสดง เพราะตอนนี้คงไม่มีหลักฐานอะไรไปชี้ให้ชัดได้ขนาดที่ทำให้ดิ้นไม่หลุด
(เป็นการกลลวงที่เตรียมการมาอย่างดี)
ฟาร์มาประทับใจแต่เขาก็ไม่ได้จะปล่อยทิ้งไว้ เพราะนั่นจะเป็นการสร้างผู้โชคร้ายให้มากยิ่งขึ้น
“ถ้าอย่างงั้นเรามาดูเรื่องของโฮมุนคลุสก่อนกลับกันเถอะครับ”
———
Note : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913