Parallel World Pharmacy – ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 67.5
นที่ 67.5 ปัญหาของตระกูลดยุก 2
「โย้ว ฟาร์มา ขอรบกวนหน่อยนะ」
เมื่อพนักงานร้านขายยาสวมเสื้อแขนสั้นและอากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ปัลลจึงมาบนหลังม้าที่ร้านขายยาโดยไม่คาดคิด หลังจากอธิบายเรื่องยาให้คนไข้ฟังแล้ว ฟาร์มาซึ่งกำลังจะปิดร้านช่วงพักเที่ยงก็หยุด
ปัจจุบันพนักงานของทางร้านได้เปลี่ยนมาใส่ยูนิฟอร์มแขนสั้นแทนเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ
ปาลเล่ได้เดินทางมาที่ร้านขายยาต่างโลกอย่างกะทันหัน หลังจากที่ฟาร์มาได้อธิบายการใช้ยาให้กับคนไข้เสร็จก็เป็นเวลาพักเที่ยงพอดี
「ท่านพี่มีอะไรหรือเปล่าครับ? 」
「อ้าว นี่มันปาลเล่นี่นา นายมาทำอะไรในที่แบบนี้กันล่ะ หรืออยากจะจัดกันอีกสักยกหนึ่งล่ะ ช่วยไม่ได้สิน้า!! 」
เอเลนพูดขึ้นมาพร้อมกับถือคทาของตนไว้ในมือ บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องเดียวที่เธอกับพี่ชายของเขาจะสามารถพูดคุยกันได้ แน่นอนว่าการกระทำแบบนั้นย่อมดึงดูดความสนใจจากลูกค้าที่อยู่ภายในร้าน กระทั่งลอตเต้ที่ได้ยินว่าปาลเล่
มาที่ร้านก็ตกใจจนเผลอทำเอกสารหลุดมือ ดูเหมือนเธอจะมีความหลังไม่ค่อยดีกับปาลเล่ตั้งแต่ตอนที่เขาจับเธอยกกลับหัวเพื่อหยุดอาการสะอึกของเธอ
「แหม่ นั่นพี่ชายของคุณเจ้าของร้านสินะ? เป็นหนุ่มน้อยน่ารักเสียจริงน้อ」
「บรรยากาศดูแตกต่างจากคุณเจ้าของร้านจริงๆ 」
หูของฟาร์มาไม่พ้นต้องมาได้ยินเสียงของเหล่าลูกค้าชื่นชมปาลเล่ ด้วยน้ำเสียงอันไพเราะ ดูท่าเขาจะเป็นที่นิยมจริงๆ กระทั่งสถานที่แบบนี้
ปาลเล่ก็ได้แต่ถอนหายใจก่อนจะไปเอาน้ำจากตู้มาดื่มโดยไม่สนใจเสียงรอบๆ แล้วเดินตรงเข้าไปคุยกับฟาร์มาตรงเคาน์เตอร์ โดยไม่เหลียวมองกระทั่งเอเลนและพนักงานร้าน
「ดูนายยุ่งๆ อยู่เสมอเลยนะฟาร์มา」
「กิจการกำลังรุ่งๆ ก็งี้แหละน่า」
เอเลนเป็นคนตอบแทนด้วยท่าทีประชดประชัน
「ไม่ได้ยินอะไรแบบนี้จากเธอมาสักพักแล้วนะเนี่ย」
「อุ๊ยตาย ถ้าแบบนั้นก็ขอโทษด้วยนะยะ」
「ก่อนอื่นขอโทษทีละกันนะ แต่นายช่วยรับผู้ป่วยของพี่ไปดูแลแทนได้ไหม เหมือนว่าพี่จะหมดหนทางซะแล้วสิ」
ฟาร์มาสงสัยขึ้นมา ถึงแม้จะมีบางครั้งที่เขามาขอยาสำหรับผู้ป่วย แต่ก็หายากที่เขาจะทอดทิ้งผู้ป่วยมาแบบนี้ นั่นมันหมายถึงการปล่อยการสูญเสียแหล่งรายได้ไปอีกด้วย และเพราะเขาเป็นแพทย์โอสถขั้นหนึ่งที่กำลังเข้ามาสู่วงการนี้ได้ไม่นานจำนวนผู้ป่วยที่เขารับผิดชอบต่อมาจากบรูโนนั้นจึงมีไม่มากเท่าไรนัก บางทีอาจจะเป็นเรื่องของเงินที่ต้องใช้ในการซื้อตัวยาก็ได้ ทำให้ปาลเล่ต้องส่งต่อผู้ป่วยมาให้กับเขาแทนเพราะไม่อยากทอดทิ้งผู้ขัดสน
「เอาเป็นว่าผู้ป่วยเป็นโรคอะไรเหรอครับ เดี๋ยวผมจะฝากยาไปให้」
ฟาร์มาพาปาลเล่ไปที่ห้องจ่ายยา เขาคิดว่าความสามารถของปาลเล่ในการวินิจฉัยโรคนั้นไม่น่าจะมีปัญหากระทั่งเรื่องจ่ายยาก็ด้วย จึงเหลือเพียงแค่เรื่องที่ฟาร์มาคิดเท่านั้น เพราะแบบนี้หากเขาให้ยาไปแล้วก็น่าจะจบปัญหาได้โดยไม่ต้องส่งต่อผู้ป่วยให้เขา
「ไม่ๆ คือคนไข้ของฉันมันได้ป่วยหรอก เพราะถ้าเป็นแบบนั้นฉันคงจัดการเองไปนานแล้ว」
「แล้วเรื่องมันเป็นมายังไงกันล่ะ」
เอเลนถามแทรกขึ้นมาราวกับหมดความอดทนที่ต้องมาเห็นปาลเล่แอบอวดความสามารถตัวเองระหว่างขอคำปรึกษาไปด้วย
「คือมันเป็นปัญหาภายในครอบครัวน่ะ」
ว่าแล้วปาลเล่ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้า
「เรื่องแบบนั้น ถ้าท่านพี่ปล่อยให้ผมจัดการจะไม่แย่เอาเหรอครับ ผมพึ่งจะอายุไป 12 ปีเองนะ เรื่องอย่างพวกการหย่าร้างอะไรแบบ….หือ? 」
พอสังเกตดูก็เห็นว่าเหล่าผู้ป่วยและลูกค้าภายในร้านต่างเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วราวกับกำลังหลบทางให้บางสิ่ง ฟาร์มาถึงได้หันไปมองตามทางบริเวณหน้าทางเข้าของร้านแล้วพบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินมาพร้อมกับสาวใช้ของเธอ
「อ๊ะ ท่านหญิงผู้นั้น….ฉันรู้จักนางนะ นางเป็นดัสเชสที่มีชื่อเสียงมากเลยนี่นา!」
เอเลนบอกว่าเคยพบเธอที่ซาลอนอยู่บ่อยๆ
「ท่านหญิง ทำไมถึงมาที่นี่ได้กัน」
ปาลเล่รีบลุกขึ้นยืนแล้วทำความเคารพเธอ ก่อนจะเธอหญิงสาวผู้นั้นไปที่เคาน์เตอร์ของร้าน
「คนไข้คนนั้นเหรอ?」
ฟาร์มาเหลือบตามอง ก่อนปาลเล่จะส่งสายตามาบอกเหมือนเป็นการยืนยัน
「ฉันได้ยินว่าท่านเดินทางไปแถวนี้พอดี…..เพราะเรื่องนี้ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วจริงๆ จึงได้ตามท่านมาเพื่อหาทางออกค่ะ」
「ผมเข้าใจความรู้สึกของท่านนะครับ อย่างที่ท่านเห็น น้องชายของผมนั้นเป็นแพทย์โอสถหลวงที่ยอดเยี่ยม ผมเชื่อว่าเขาจะต้องจัดการความกังวลของมาดามได้อย่างแน่นอนครับ」
ดูเหมือนตัวปาลเล่ในตอนนี้จะเปลี่ยนไปเป็นโหมดแพทย์โอสถที่รับผิดชอบในการดูแลหญิงสาวผู้นั้นแล้ว
(ว่าแต่ เดี๋ยวนะ นั่นเขากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่น่ะ)
ว่าแล้วฟาร์มาก็ต้องตามปาลเล่ไปที่มุมให้คำปรึกษาอย่างไม่เต็มใจนัก เพราะการกระทำของปาลเล่ที่บอกกับหญิงสาวผู้นั้นมันเป็นไปแบบนี้เสียแล้ว
ตามข้อมูลที่เอเลนบอก ดัชเชสผู้นี้เป็นคุณแม่ตั้งแต่ยังสาว ซึ่งมีอาการของโรคโลหิตจางรุนแรงไม่นานนักหลังจากให้กำเนิดบุตรชายคนโตของเธอ แน่นอนว่าโรคดังกล่าวนั้นก็ได้รับการรักษาจากปาลเล่เป็นอย่างดี แต่ปัญหาตอนนี้อยู่ที่ตัวเด็กคนนั้นซึ่งเกิดมาไม่มีลักษณะเหมือนพ่อของเขาเลยไม่ว่าจะสีตาหรือสีผม ยิ่งไปกว่านั้นขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรชายของชนชั้นสูงแต่กลับไม่มีพลังแห่งเทพติดตัวมาด้วยเลยแต่เกิด ดัชเชสกล่าวว่านั่นถือเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากมากในสังคมชนชั้นสูง
สาวใช้ได้พาบุตรชายของดัชเชสมาให้ฟาร์มาดู แล้วก็พบว่าตัวดัชเชสนั้นมีผมสีน้ำเงินและสามีของเธอมีผมสีแดง แต่บุตรของเธอกลับมีผมสีดำ
「เด็กก็ดูน่ารักดีนี่ครับ เท่านั้นก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่หรือไงกัน…..」
ฟาร์มาพูดพร้อมกับแสดงสีหน้าที่เศร้าสร้อยออกมา
「แต่ฉันคิดว่าหน้าของลูกชายท่านก็เหมือนท่านดยุกออกนะคะ」
เอเลนซึ่งรู้จักกับตัวดยุกผู้นั้นอยู่แล้วก็กล่าวความเห็นของเธอออกมา
「ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่สามีของฉันกลับไม่ยอมรับแล้วบอกว่าลูกของเขากับฉันมันจะไม่มีพลังแห่งเทพได้อย่างไร หากปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไปฉันคงไม่พ้นต้องถูกไล่ออกจากคฤหาสน์นั้นเป็นแน่……」
ดูท่าเธอจะถูกสงสัยว่านอกใจสามี แล้วเธอกับลูกก็กำลังจะถูกไล่ออกจากบ้าน
「ฉันรู้สึกเสียใจแล้วก็ผิดหวังกับเหตุการณ์นี้จริงๆ ค่ะ แต่ฉันขอสาบานต่อหน้าเทพแห่งวายุเลยนะคะ ว่าลูกชายของฉันนั้นเกิดมาจากท่านดยุกค่ะ แม้ว่าตัวเขาจะไม่มีพลังแห่งเทพ สีผมหรือตาที่ไม่เหมือนใครเลยก็ตามทีเถอะ….มันไม่มีวิธีที่จะพิสูจน์ได้บ้างเลยหรือไงกันนะ…」
「ผมเข้าใจแล้วครับ」
ฟาร์มพยักหน้ารับคำของเธอ คำพูดของเธอนั้นมันแฝงไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายใน เขาจึงตัดสินใจที่จะเชื่อคำของเธอ
「ไม่ว่าหน้าตาจะเหมือนหรือไม่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดสักหน่อยที่จะพิสูจน์ถึงสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูกสักหน่อยนี่คะ」
หากเด็กคนนี้ถูกตัดสินว่าเขาเป็นลูกนอกสมรสจากการที่ไม่มีพลังแห่งเทพแล้วด้วย ก็มีโอกาสสูงที่เขาจะถูกทอดทิ้งไว้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องทำให้ท่านดยุกยอมรับเด็กคนนี้ในฐานะลูกของเขาให้ได้
「งั้นเรามาเริ่มทำแบบทดสอบกันดีกว่าครับ เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นพ่อของเด็กคนนี้ ซึ่งเราจะตัดสินกันจากผลลัพธ์ที่เป็นกลางให้เองครับ」
「ต้องขอความกรุณาด้วยจริงๆ นะคะ」
ดัชเชสจับมือของฟาร์มาเอาไว้ทั้งน้ำตา
ก่อนที่ฟาร์มาจะมองไปยังทารกคนนั้นอีกที
(หือ……?)
「ดูเหมือนว่าเส้นชีพจรแห่งเทพจะมีการอุดตันนะครับ」
ฟาร์มามองหาชีพจรแห่งเทพในตัวทารกเหมือนที่เขาเคยทำก่อนหน้านี้ ซึ่งมันอยู่ในสถานะที่เกิดการอุดตันขึ้นภายใน แต่นั่นก็สามารถยืนยันได้ว่าทารกคนนี้มีชีพจรแห่งเทพอยู่ภายในร่างกาย
「เอ๋ จริงเหรอคะ?」
「ถ้าเป็นแบบนี้ ผมคงต้องขอให้เด็กคนนี้อยู่ที่นี่สักพักหนึ่งนะครับ แล้วก็ขอชั่งน้ำหนักตัวด้วยครับ」
พอพูดจบฟาร์มาก็อุ้มทารกคนนั้นไปที่ห้องรักษา ก่อนจะนำคทาแห่งเทพชี้ไปที่หัวใจของทารกแล้วร่ายศาสตร์แห่งเทพสำหรับการเปิดชีพจรแห่งเทพ ทันใดนั้นพลังแห่งเทพของทารกก็พวยพุ่งออกมา
「ดูเหมือน เส้นชีพจรแห่งเทพจะดูเล็กไปหน่อยนะครับ」
ในฐานะบุตรของดยุกแล้ว ตัวของเด็กคนนี้ถือว่ามีพลังแห่งเทพที่ไม่มากเท่าใดนัก แต่ก็เพียงพอให้ยืนยันได้แล้วว่าเป็นชนชั้นสูง
ทารกกำลังนอนหลับอย่างสบายตัวโดยไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดอะไรออกมา พอฟาร์มาชั่งน้ำหนักตัวเสร็จเขาก็เรียกเอเลน
「เอเลน ผมขอมาตราวัดพลังแห่งเทพหน่อย」
「โอเค รอเดี๋ยวนะ」
เอเลนได้นำมาตรวัดพลังแห่งเทพไปสัมผัสกับตัวของทารกอย่างนุ่มนวล
「มันมีอยู่จริงๆ ด้วย…พลังแห่งเทพ… ทั้งที่ตอนที่ฉันนำเด็กคนนี้ไปที่วิหารเทพผู้พิทักษ์พวกเขาได้บอกกับฉันว่า พวกเขาไม่พบชีพจรแห่งเทพของเด็กคนนี้แท้ๆ 」
ดัชเชสแสดงอาการโล่งใจและยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เข้าร้านขายยามา
「พอดีผมใช้ศาสตร์แห่งเทพในการจัดการนิดหน่อยนะครับ บางทีเพื่อป้องกันความผิดพลาด ไว้ลองพาเด็กคนนี้ไปให้ทางวิหารเทพผู้พิทักษ์ประเมินคุณลักษณะอีกครั้งก็แล้วกันนะครับ」
ขอแค่มีพลังแห่งเทพ ก็จะได้รับการยอมรับว่าเป็นชนชั้นสูงแล้ว มันไม่เกี่ยวหรอกว่าพลังนั้นจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ
ขอแค่ลูกของเธอปลอดภัยเธอก็รู้สึกยินดีมากแล้ว
「เอาละ ทีนี้ก็เหลือแค่การพิสูจน์ว่าใครเป็นพ่อของเด็กแล้วครับ ยังไงรบกวนคุณช่วยพาท่านดยุกมาที่ร้านหน่อยนะครับ แล้วก็หาพยานซึ่งเป็นบุคคลที่สามมายืนยันด้วย」
「ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่า สามีของฉันเขาจะมาหรือเปล่า….เพราะเขาบอกว่าไม่อยากจะเห็นหน้าของฉันอีกต่อไปแล้วด้วยสิ」
การจะทดสอบว่าใครเป็นพ่อของเด็ก จะเป็นโมฆะทันทีไม่มี ผู้ปกครองของเด็ก ตัวเด็ก และพยาน
ถึงจะมีหลายกรณีที่มีการพิสูจน์ความเป็นพ่อของเด็กโดยไม่มีพยานครบทั้งสามฝ่าย แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็มักจะลงเอยด้วยการหย่าร้าง เพราะผลDNAที่ออกมานั้นมันสามารถดัดแปลงและเอาจากคนอื่นมาใส่ได้ด้วย การปลอมแปลงจึงทำได้ง่ายมาก
「บอกเขาว่าถ้าเขาไม่มา ผลลัพธ์ที่ได้มาความน่าเชื่อถือมันจะต่ำครับ แถมเขายังสามารถแย้งผมได้ด้วยหากคิดว่ามันไม่ถูกต้อง」
「เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะลองดูนะคะ」
ดัชเชสพยักหน้าให้กับเขาและจากไป
「ฟาร์มาคุงนี่นายจะวิเคราะห์ DNAผู้ป่วยเหรอ? ไม่ใช่ว่ามันกำลังอยู่ในขั้นตอนการทดลองเหรอ เรายังไม่เคยใช้มันกับผู้ป่วยมาก่อนเลยนะ」
เอเลนถามฟาร์มาด้วยความเป็นห่วง แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ในการตรวจDNAของผู้ป่วยมาก่อน แต่ชะตากรรมของครอบครัวหนึ่งก็อยู่ในมือของเขาแล้ว
「ก็มีแต่ต้องทำแล้วล่ะครับ เพราะคำตอบของเรื่องราวทั้งหมดมันอยู่ภายในนั้น」
———-
Note 1 : งานงอกครับเว็บแปลอิ้งระเบิดไปละ ทำให้ผมต้องเอาจากดิบมาทั้งหมด ไม่มีศัพท์เฉพาะให้อ้างอิงแล้ว ตายๆๆ
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913