Perfect Superstar - ตอนที่ 143 แย่มากใช่ไหม
ตอนที่ 143 แย่มากใช่ไหม
“เพลงนี้แต่เดิมผมเขียนให้เฉินเฟยเอ๋อร์ครับ…”
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่เพิ่งเข้าวงการ พูดจาแบบนี้เกรงว่าคนจะหัวเราะจนฟันร่วง
แต่ลู่เฉินไม่เหมือนคนอื่น
เฉินเฟยเอ๋อร์ชื่นชอบลู่เฉิน เธอแสดงออกอย่างเต็มที่ในการแข่งขันรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ เธอไม่เพียงให้คะแนนเต็มกับลู่เฉินมากถึงห้าครั้ง ซึ่งเกินกว่าคนที่ชอบช่วยเหลือเด็กใหม่อย่างถานหงเสียอีก
ช่องรายการบันเทิงแห่งหนึ่ง กระทั่งเอาไปทำข่าวเล็กๆ ว่า ‘เฉินเฟยเอ๋อร์ถูกใจหนุ่มวัยละอ่อน’ ด้วยสาเหตุนี้
ลู่เฉินไม่เห็นข่าวซุบซิบพวกนี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะกระอักเลือด…เพราะเขาเป็นผู้ชายแท้ๆ
ตอนนี้เวินจื้อหย่วน หลี่จื้อเกาและถังเฉียวเฉี่ยวรู้สึกประหลาดใจมาก แต่ทั้งสามคนกลับไม่สงสัย
ความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานของลู่เฉิน ทุกคนประจักษ์แก่ตาโดยไม่อาศัยการอุ้มชูสนับสนุนหรือคำโม้โอ้อวดจากคนอื่น!
เฉินเฟยเอ๋อร์ขอให้เขาแต่งเพลงให้จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าเหลือเชื่อ
เวินจื้อหย่วนได้สติกลับมา กล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า “ที่แท้อาจารย์ลู่เฉินก็เขียนเพลงให้คุณเฉินราชินีเสียงหวานเหรอครับ…”
“เธอไม่อยากได้แล้วเหรอ”
เขายังพูดไม่จบ ก็ถูกลู่เฉินตัดบทเสียก่อน
“ผมยังไม่รับปากเธอครับ”
ลู่เฉินเข้าใจความคิดของเขาเวินจื้อหย่วน สำหรับนักร้องใหม่ในวงการ นี่คือกลไกสร้างกระแสที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ลู่เฉินก็ต้องให้ความร่วมมือก่อน ถ้าหากลู่เฉินไม่ยอมรับ ต่อให้บริษัทแผ่นเสียงอีเอ็มไอสร้างกระแสขึ้นมาแค่ไหน ผลลัพธ์ก็ไม่มีทางได้ดี และเกรงว่าเขาจะต้องผิดใจกับเฉินเฟยเอ๋อร์ไปด้วย จึงได้ไม่คุ้มเสีย
เวินจื้อหย่วนคิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะฉลาดถึงเพียงนี้ มองปราดเดียวก็รู้ความคิดที่อยู่ในใจของตัวเองแล้ว
รอยยิ้มของเขาจึงดูเขินอายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ลู่เฉินยิ้มพูด “พวกคุณเอาชื่อของผมไปเขียนสร้างกระแสได้ไม่เป็นไร แต่อย่าดึงอาจารย์เฉินเฟยเอ๋อร์เข้าไปเกี่ยวข้องเลย”
แม้ว่าเมื่อครู่เขาจะไม่พูดถึง แต่ก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยกลัวจะดึงเฉินเฟยเอ๋อร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ควรทราบว่าบริษัทบันเทิงมากมายที่อยากสร้างกระแส ชอบดึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยสักนิดเข้ามา และหาความจริงแทบไม่ค่อยได้
เพราะฉะนั้นลู่เฉินจึงเคาะเวินจื้อหย่วนเบาๆ หลีกเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายเกิดความคิดที่ไม่มีมูลความจริง
เขายินดีขายผลงานให้บริษัทแผ่นเสียงอีเอ็มไป และไม่ถือสาหากอีกฝ่ายจะใช้ชื่อของตัวเองทำการโปรโมท แต่ห้ามเกี่ยวข้องกับบุคคลที่สาม ไม่อย่างนั้นทุกคนคงต้องโบกมือแยกย้ายจากกัน!
หากเป็นเด็กใหม่คนอื่นคงไม่มีสิทธิ์พูดจาแบบนี้ แต่ถ้าเป็นลู่เฉิน เวินจื้อหย่วนรู้สึกยอมด้วยความสมัครใจ
กระทั่งเขารู้สึกซาบซึ้งด้วยซ้ำ
ลู่เฉินหยิบผลงานออกมา ซึ่งเดิมทีเตรียมไว้ให้เฉินเฟยเอ๋อร์!
“ครับๆ!”
เวินจื้อหย่วนรีบตอบรับทันที “อาจารย์ลู่เฉินวางใจได้ครับ พวกเรารู้จักขอบเขตดี อย่างนั้นทางผมก็จะเตรียมสัญญาให้เรียบร้อย แล้วจะรอคุณที่บริษัทวันมะรืนนี้นะครับ”
ลู่เฉินเป็นฝ่ายยื่นมือออกไปหาเขาก่อน
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ!”
เวินจื้อหย่วนหัวเราะฮ่าๆ “ยินดีที่ได้ร่วมงานกันครับ!”
เขาจับมือของลู่เฉินอย่างแรง รู้สึกมีความสุขมาก
หัวหน้าบริษัทแผ่นเสียงอีเอ็มไอคนนี้แอบตัดสินใจว่า เขาจะต้องยื่นขอเงินทุนซื้อเพลงให้ได้
เดิมทีเวลาแค่สองวันไม่พออยู่แล้ว ขั้นตอนของบริษัทไม่เร็วขนาดนั้น แต่ถ้าใช้เส้นสายพิเศษล่ะก็ เวินจื้อหย่วนยังพอมีความมั่นใจอยู่ ถึงอย่างไรเงินก้อนนี้ก็ไม่ได้มากอะไร
ถ้าไม่ได้จริงๆ เขาจะควักเงินของตัวเองสำรองไปก่อน!
เวินจื้อหย่วนขอสู้เต็มที่เพื่อข่มความหยิ่งผยองลำพองใจของจางฉง
…
เมื่อปฏิเสธการรับประทานอาหารมื้อกลางวันที่แสนจริงใจของเวินจื้อหย่วนและคนอื่นแล้ว ลู่เฉินก็กลับมาที่สตูดิโอของตัวเอง
เวลาบ่ายสองโมง เขาต้องให้สัมภาษณ์กับนักข่าวของเฟยซวิ่นมิวสิคที่นี่
ระหว่างการเข้าร่วมแข่งขันในรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ และหลังจากการแข่งขันสิ้นสุดลง ลู่เฉินถูกสัมภาษณ์บ่อยมาก มีทั้งสัมภาษณ์กลุ่มและสัมภาษณ์เดี่ยว
แต่การขอนัดสัมภาษณ์พิเศษแบบนี้เพิ่งจะมีเป็นครั้งแรก
ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่นักข่าวนิตยสารชื่อดังหรือสถานีโทรทัศน์อะไร แต่เฟยซวิ่นมิวสิคก็เป็นเว็บไซต์ที่มีโมเดลขนาดใหญ่ที่สุดและมีศักยภาพมากที่สุด สามารถได้รับการสัมภาษณ์พิเศษจากพวกเขา สำหรับเด็กใหม่คนไหน ล้วนเป็นเรื่องที่เหมาะแก่การเฉลิมฉลอง
กระทั่งยังต้องใช้เงินในการประชาสัมพันธ์
สาเหตุที่ลู่เฉินได้รับโอกาสนี้ ก็เพราะว่าผลงานเพลงสองสามเพลงของเขาได้รับความนิยมมากในเฟยซวิ่นมิวสิค
สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งจัดรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ด้านเฟยซวิ่นมิวสิคก็เป็นพันธมิตรที่สำคัญ เพลงที่ร้องสดในการแข่งขันของนักร้องทุกคน ล้วนถูกวางบนเว็บไซต์และเล่นฟรีตามคำเรียกร้องของชาวเน็ต
แม้แต่ผลงานต้นฉบับของลู่เฉินก็ไม่ยกเว้น
ผลงานของเขาติดชาร์ตยอดนิยมหน้าแรกของเฟยซวิ่นมิวสิคหลายครั้ง
จนกระทั่งตอนนี้ ผลงานเพลงต้นฉบับสามเพลงแรกคือ ‘วิ่งตามความฝันด้วยใจอันบริสุทธิ์’ ‘ดวงดาวที่สุกสกาวที่สุดบนฟากฟ้าราตรี’ ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ มีจำนวนการคลิกเข้าชมมากกว่าหนึ่งร้อยล้านครั้ง และเพลง ‘วิ่งตามความฝันด้วยใจอันบริสุทธิ์’ ก็ยังติดชาร์ตอันดับหนึ่งเจ็ดวันติดต่อกัน จนกระทั่งถูกเพลง ‘ดวงดาวที่สุกสกาวที่สุดบนฟากฟ้าราตรี’ เบียดตกลงมา
ส่วนเพลงอื่นๆ เช่น ‘บินให้สูงขึ้น’ ‘วัยเจิดจรัส’ ‘ดอกไม้เหล่านั้น’ และอื่นๆ ล้วนมีการแสดงที่ยอดเยี่ยม
เพลงของลู่เฉินถึงขั้นอยู่ในสถานการณ์ครองอันดับชาร์ตอยู่ช่วงหนึ่ง
สถานการณ์แบบนี้เห็นได้น้อยมากจริงๆ ฝ่ายรายการของเฟยซวิ่นมิวสิคจึงต้องใช้ ‘เทคนิคพิเศษ’ อย่างช่วยไม่ได้ จัดอันดับชาร์ตใหม่อีกครั้ง เพื่อให้เพลงสองสามเพลงหลุดออกจากรายการชาร์ต
เนื่องจากเพลงของลู่เฉินทยอยกันติดอันดับ จึงมีผลกระทบรุนแรงมากต่อพันธมิตรของเว็บไซต์ที่กำลังรีโพสต์แชร์เพลง โปรโมทและจัดจำหน่ายเพลง นายทุนที่เสียเงินเหล่านั้นก็ไม่ค่อยพอใจ…เพราะว่าเงินของพวกเขาจะโยนทิ้งลงแม่น้ำไม่ได้!
กฎเกณฑ์ในที่ลับแบบนี้ไม่ใช่ความลับในวงการอีกต่อไป โดยเฉพาะช่องบันเทิงของเว็บท่าหรือพอร์ทัล ถ้าอยากจะโผล่หน้าติดพาดหัวข่าว เว้นเสียแต่ว่าคุณเป็นคนดังเบอร์ใหญ่ของจริง ไม่อย่างนั้นถ้าไม่ควักเงินซื้อตำแหน่งก็อย่าหวังว่าจะมีโอกาสเลย
เฟยซวิ่นมิวสิคก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ในฐานะเว็บไซต์เพลงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีผู้ใช้ลงทะเบียนมากกว่าหนึ่งร้อยล้านคน ช่องทางทำกำไรของมันนอกจากส่วนแบ่งทางการขายแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือโฆษณาและผลประโยชน์จากการรีโพสต์แชร์เพลง
ดังนั้นการกระทบกับผลประโยชน์ของเจ้าของเงินทุน เพลงของลู่เฉินจึงถูกเบียดออกเป็นธรรมดา
แต่ตัวของลู่เฉินก็ไม่สนใจ เพราะบรรลุเป้าหมายในการโฆษณาผลงานเพลงแล้ว นอกจากนี้เขายังอยากร่วมงานกับเฟยซวิ่นมิวสิคในภายหลังเพื่อขายอัลบั้มแรกในเวอร์ชั่นออนไลน์ของตัวเอง
ถึงตอนนั้นขอเพียงทำผลงานที่โดดเด่น เฟยซวิ่นมิวสิคก็จะมาสนับสนุนด้วยตัวเอง ช่วยอุ้มชูจนขึ้นสวรรค์ก็ไม่มีปัญหา!
แต่การนัดสัมภาษณ์พิเศษครั้งนี้เหมือนเป็นการชดเชยเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
งานส่วนใหญ่ด้านบนล้วนเป็นลู่ซีที่ช่วยวิเคราะห์ให้ลู่เฉิน เธอคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวบนอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา
อย่างเช่นบล็อกของลู่เฉิน พี่สาวก็เป็นคนจัดการด้วยตัวเองทุกอย่าง
นอกจากการนัดสัมภาษณ์พิเศษของเฟยซวิ่นมิวสิคแล้ว ลู่ซียังมีงานอื่นรายงานกับลู่เฉิน ซึ่งเขาต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง
“ช่วงนี้มีบริษัทเสื้อผ้าอยากให้แกไปเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณา ฉันได้คุยกับพวกเขาเรียบร้อยแล้ว”
“เหมาะสมหรือไม่ แกต้องตัดสินใจเอาเอง!”
นี่คือข้อดีของการมีชื่อเสียง แค่นั่งอยู่ในบ้านก็มีคนจ้องตาเป็นมันเอาเงินมาส่งถึงที่
ลู่เฉินอดตาเป็นประกายไม่ได้ แล้วรีบถามว่า “พรีเซ็นเตอร์เสื้อผ้าอะไร ราคาเท่าไร”
แค่คิดว่าตัวเองได้ถ่ายโฆษณา เขาก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กๆ
ลู่ซียิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ก็น่าจะเป็นเสื้อผ้าอยู่นะ กางเกงในผู้ชาย ค่าพรีเซ็นเตอร์หนึ่งแสนตลอดหนึ่งปี!”
กางเกงในผู้ชาย?
ลู่เฉินเหมือนถูกฟ้าผ่าทันที เดิมทีเขาคิดว่าจะได้ใส่สูทกางเกงขายาวอะไรพวกนั้น แต่ผลลัพธ์กลับเกินสิ่งที่คาดไว้
กางเกงในใครๆ ก็ต้องใส่ แต่พอนึกถึงเวลาที่ตัวเองสวมกางเกงในตัวเดียวอยู่หน้ากล้อง ถูกถ่ายเป็นอัลบั้ม ใบปลิวโฆษณาหรือไม่ก็แทรกอยู่ในหน้านิตยสาร ลู่เฉินรู้สึกว่าภาพเหล่านั้นมันสวยงามจริงๆ
เขาอดตัวสั่นสะท้านไม่ได้ ขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัว “ช่างเถอะ พี่ช่วยผมปฏิเสธกลับไปเถอะ”
ใช่ว่าลู่เฉินไม่อยากได้เงิน แต่เงินแบบนี้เขาทนรับไม่ได้จริงๆ
ประเด็นคือเงินน้อยเกินไป ไม่คุ้มกับราคาที่เขาต้อง ‘โชว์เนื้อหนัง’ หนึ่งแสนคือราคาไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเพลงด้วยซ้ำ
คำตอบของลู่เฉิน ลู่ซีไม่รู้สึกแปลกใจอะไร
“ได้”
ลู่เฉินถามว่า “ยังมีอย่างอื่นอีกไหมครับ”
ลู่ซีเปิดสมุดโน้ตในมือ แล้วพูดต่อ “ยังมีเชิญไปออกรายการสองสามรายการ ฉันช่วยแกตอบกลับไปแล้ว”
การเชิญไปออกรายการในวงการบันเทิง หมายถึงศิลปินที่ไปร่วมรายการและกิจกรรมต่างๆ อย่างเช่นงานแจกลายเซ็น รายการทอล์คโชว์ งานโฆษณา งานแถลงข่าวเป็นต้น ตามจุดประสงค์ของบริษัทบันเทิงหรือบริษัทจัดหานักแสดง มักจะหาช่วงเวลาพิเศษเปิดเผยตัวตนเพื่อเพิ่มความนิยมของตัวเองโดยเฉพาะ
การขอไปออกรายการส่วนใหญ่ล้วนมีค่าออกรายการ ราคากำหนดจากระดับที่อยู่ในวงการ น้อยสุดก็อยู่ที่สองสามพันกว่าหรือหลักหมื่นกระทั่งหลายแสน มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นการออกรายการฟรีเพื่อโฆษณาโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามนี่คือเส้นทางเดียวที่เด็กใหม่จะต้องผ่าน
กระทั่งมีการขอไปออกรายการสำหรับศิลปินดาราโดยเฉพาะ
การขอไปออกรายการของศิลปินดารามักจะมีตำแหน่งต่ำมากในวงการบันเทิง เป็นนักร้องไอดอลที่ไม่ค่อยดังหรือได้รับความนิยมไม่พอ ไม่มีบริษัทเซ็นสัญญา โดยเฉพาะไม่มีรายการสามารถทำเป็นดาราดังระดับแถวหน้าได้
คนประเภทนี้ไม่เหมือนกับดาราที่ต้องถ่ายทำในสตูดิโอหลักหรือทำงานในห้องอัดเสียงโดยทั่วไป แต่ต้องวิ่งเต้นไปออกรายการต่างๆ คุยเรื่องสัพเพเหระหรือไม่ก็ข่าวฮิตรวมทั้งความลับเล็กๆ ของตัวเองและศิลปินดาราคนอื่นเป็นต้น ก็เล่นเกมในรายการบันเทิงบางอย่างเพื่อสร้างความสนุกสนานให้ทุกคน
ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็คือมีระดับต่ำมาก!
ลู่เฉินในฐานะศิลปินอิสระไม่มีเบื้องบนของบริษัทเซ็นสัญญาคอยกดทับ ดังนั้นเขาจึงมีตัวเลือกในด้านนี้อย่างอิสระมาก
มีบริษัทจัดหานักแสดงบางแห่งบังคับศิลปินให้ไปร่วมรายการต่างๆ
แน่นอนว่าหากไม่มีเส้นสายสัมพันธ์ของบริษัท รายการที่ขอไปออกมากมายก็จะไม่เป็นฝ่ายเข้าหาเขาอยู่แล้ว
แต่ตัวของลู่เฉินกลับไม่สนใจเรื่องพวกนี้
เพราะเขาไม่มีเวลามากมายมาเสียพลังเพื่อหาเงินเล็กๆ น้อยๆ กับการร่วมรายการเหล่านี้
ลู่ซีเข้าใจความคิดของลู่เฉิน ดังนั้นจึงปฏิเสธกลับไปแล้ว
ในขณะเดียวกันก็เตือนเขาว่า “ถ้าหากสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งมาเชิญ ไม่ว่ายังไงแกก็ต้องไป”
ลู่เฉินพยักหน้า เขาจำเป็นต้องรักษาความสัมพันธ์ของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งเอาไว้ให้ดี ต่อให้ทำเงินไม่ได้ก็ต้องให้เกียรติเขา
ไม่อย่างนั้นความอิสระที่มากเกินไป คงจะอยู่ในวงการบันเทิงได้ไม่นาน
“สุดท้ายก็คือราคาเสนองานโชว์ตัวของสองบริษัท…”
ลู่ซีกล่าวว่า “รวมค่าอาหาร ค่าที่พักค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับหรือไม่ก็ค่าตั๋วรถไฟความเร็วสูง สามหมื่นต่อหนึ่งเพลง ถ้าแกตกลง ก็เซ็นสัญญาหนึ่งปีก่อนได้”
การตะลอนโชว์ตัวคือประเด็นสำคัญในการหาเงินของศิลปินเช่นกัน แต่ราคาที่อีกฝ่ายเสนอมาทำให้ลู่เฉินเสียใจเล็กน้อย
ใครใช้ให้เขาเป็นเด็กใหม่ล่ะ แถมยังไม่มีการสนับสนุนของบริษัทเซ็นสัญญาอีก!
เขาเกาศีรษะแกรกๆ แล้วถามพี่สาวว่า “พี่ครับ พี่คิดว่าอันนั้นผมก็ไม่คุย อันนี้ผมก็ไม่เซ็น แบบนี้ดูแย่มากใช่ไหมครับ”
ลู่ซียิ้มพราย “แกรู้ตัวก็ดีแล้ว”
…………………………………………………………………………