Perfect Superstar - ตอนที่ 158 รักครั้งแรก
ตอนที่ 158 รักครั้งแรก
ซูไต้หว่านก็ช่วยชีวิตของหลี่มู่ไป๋ไม่ได้
ความหมายของหลี่มู่หรงพูดอย่างชัดเจนแล้ว ตัวเขาเองไม่อยากลงทุนในเว็บไซต์ระดมทุนของลู่เฉิน แต่เขาอยากให้หลี่มู่ไป๋เป็นพันธมิตรทำงานร่วมกับลู่เฉิน จะได้ไม่ต้องเอาแต่เอ้อระเหยลอยชายไปวันๆ และทำลายชื่อเสียงของตระกูลหลี่
จะว่าไปแล้ว หลี่มู่ไป๋เอาตัวเข้ามาเอง ไม่อย่างนั้นหลี่มู่หรงก็คงไม่มีโอกาสที่เหมาะสม
นายมีคุณธรรมอยากช่วยเพื่อนไม่ใช่เหรอ ได้ งั้นก็ตั้งใจทำงานจริงจังสิ!
หลี่มู่หรงเป็นคนที่มีปณิธานแน่วแน่ เมื่อเขาตัดสินใจแล้ว หลี่มู่ไป๋ไปขอร้องใครก็ไม่มีประโยชน์ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงซูไต้หว่านเพราะเธอก็สนับสนุนความคิดของสามีเป็นอย่างมาก
ลู่เฉินรู้สึกละอายใจเล็กน้อย
หลี่มู่ไป๋เหมือนถูกตัวเองทำให้ลำบากไปด้วย แต่เขาคิดว่าวิธีของหลี่มู่หรงนั้นไม่มีปัญหา
หลี่มู่ไป๋นิสัยดี ไม่ได้เป็นลูกเศรษฐีโอหังฟุ่มเฟือยมีชีวิตสำมะเลเทเมา แต่จะนั่งเอ้อระเหยอยู่ในบ้านไม่ทำงานอะไรถลุงเงินเป็นเบี้ยแบบนี้ หากปล่อยระยะยาวก็จะทำให้เสียคนเหมือนกัน
ในฐานะเพื่อน ลู่เฉินดีใจมากที่จะได้ร่วมมือทำเว็บไซต์ระดมทุนกับหลี่มู่ไป๋
เพราะเขาออกความคิดนี้เพื่อบริการตัวเองเป็นอย่างแรก ไม่มีกำลังและจิตใจที่จะสร้างให้ใหญ่โตและแข็งแกร่ง
หลี่มู่ไป๋ไม่เหมือนกัน ดูจากท่าทางอากัปกิริยาพี่ใหญ่ของเขา มีเขาคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ขอเพียงได้บัตรคุ้มครองลิขสิทธิ์ ไม่แน่อาจจะได้ทำ ไอดีโฟโต้!
ไอดีโฟโต้ เป็นเว็บไซต์แบ่งปันรูปภาพที่มีชื่อเสียงของสหรัฐอเมริกา ผู้ก่อตั้งคือรอดนี่ (Rodney) หนุ่มไอทีติดบ้านคนหนึ่ง ในปี 2010 เขาก่อตั้งเว็บไซต์นี้ที่บ้านของเขา ดูแลและดำเนินกิจการด้วยตัวเองมาตลอด
พอถึงปี 2013 จำนวนผู้ใช้ ไอดีโฟโต้ ก็เพิ่มขึ้นถึงสามสิบล้านคน จากนั้นก็ถูกบริษัทวินโดว์ซื้อกิจการไปในราคาหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นตำนานของอุตสาหกรรมไอที!
ลู่เฉินคุ้นเคยกับเรื่องราวของ ไอดีโฟโต้ เป็นอย่างดี แต่แรงบันดาลใจของการระดมทุนในเว็บไซต์ก็ไม่เกี่ยวกับตำนานนี้ ถึงแม้เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นเหมือนกับรอดนี่ (Rodney) ก็ตาม แต่การอาศัยคาวด์ฟันดิง[1]ระดมทุนเพื่อหาเงินถุงเงินถังก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป
นอกจากการยื่นขอการคุ้มครองความคิดสร้างสรรค์จากสำนักงานลิขสิทธิ์แล้ว ลู่เฉินยังให้ลู่ซีส่งเอกสารลงทะเบียนฉบับเดียวกันยื่นขอไปยัง สำนักงาน FSK ในสหรัฐอเมริกาและ สำนักงาน OKI ในสหภาพยุโรป ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงการตรวจสอบ
สำนักงาน FSK คือสำนักงานคุ้มครองลิขสิทธิ์ความคิดสร้างสรรค์เชิงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา ขอบเขตการคุ้มครองครอบคลุมไปถึงประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
หลี่มู่หรงไม่สนใจเสียงร้องที่โศกเศร้าของน้องชาย เขาพูดกับลู่เฉินว่า “งั้นเรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้นะ!”
“ฉันก็ยังพูดเหมือนเดิม เรื่องรายละเอียดของหุ้นส่วนพวกนายสองคนเป็นเพื่อนกันก็ปรึกษากันเอาเอง ทางที่ดีที่สุดให้ตั้งเป็นบริษัทใหม่จัดการดำเนินงานโดยเฉพาะ เดี๋ยวฉันจะให้มู่ซือมาช่วยพวกนาย”
หลี่มู่หรงอธิบายเป็นพิเศษว่า “มู่ซือเป็นพี่สาวของมู่ไป๋ เพิ่งเรียนจบจากโรงเรียนธุรกิจวอร์ตัน (Wharton School)ในปีนี้”
โรงเรียนธุรกิจวอร์ตันเหรอ
ในหัวของลู่เฉินปรากฏใบหน้าที่ยิ้มแย้มของซูเซวียนขึ้นมา เธอกำลังไปเรียนที่โรงเรียนธุรกิจวอร์ตันไม่ใช่หรือ
หลี่มู่หรงพูดต่อ “ส่วนเรื่องการคุ้มครองความคิดสร้างสรรค์ ฉันจะเป็นคนจัดการเอง นายไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร เลือกเวลาแล้วเริ่มดำเนินการออนไลน์บนเว็บไซต์ได้เลย ถ้าหากแม้แต่ฉันยังขอไม่ได้…”
เขาไม่พูดคำพูดต่อจากนี้ ลู่เฉินก็เข้าใจความหมายทั้งหมด
ถ้าหากแม้แต่หลี่มู่หรงก็ยังขอไม่ได้ อย่างนั้นเขาก็ไม่ต้องหวังจะว่าได้บัตรรับรองที่สำคัญใบนั้น
แต่ถ้าหากเขาสามารถได้บัตรรับรองมา เช่นนั้นการดำเนินการเว็บไซต์ระดมทุนล่วงหน้าก็ไม่มีปัญหาอย่างสิ้นเชิง…เพราะใครจะให้ความสนใจเว็บไซต์เล็กๆ ที่เพิ่งออนไลน์ล่ะ และบนอินเทอร์เน็ต ทุกวันมีเว็บไซต์ที่เปิดและปิดตัวลงไม่รู้ตั้งเท่าไร!
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หลี่มู่หรงมีความมั่นใจเรื่องนี้มาก คาดว่าจะผ่านได้ไม่ยาก
ลู่เฉินพูดอย่างจริงใจ “ขอบคุณพี่หลี่ครับ!”
วิธีการแก้ไขที่หลี่มู่หรงเสนอมานั้นเหมาะสมที่สุดกับลู่เฉินอย่างไม่ต้องสงสัย แบบนี้เขาแค่สะบัดแขนก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเว็บไซต์ระดมทุน และตั้งหลักสำคัญของงานเน้นไปที่อาชีพการแสดงก็พอแล้ว
หลี่มู่หรงหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ฉันต้องขอบใจนายถึงจะถูก ที่ให้น้องชายของฉันได้มีงานทำเป็นชิ้นเป็นอัน”
ลู่เฉินกลั้นหัวเราะไม่อยู่
เวลานี้ ซูไต้หว่านจึงถามด้วยเสียงที่นุ่มนวล “พวกคุณคุยกันเสร็จแล้วใช่ไหมคะ”
หลี่มู่หรงมองภรรยาของตัวเองด้วยความประหลาดใจ และพยักหน้า “คุยเสร็จแล้ว”
ซูไต้หว่านยิ้มพราย แล้วเอ่ยว่า “อย่างนั้นฉันมีเรื่องอยากจะถามลู่เฉิน ลู่เฉินนายไม่ถือสาใช่ไหม”
ลู่เฉินรีบพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ไม่ถือสาครับ เชิญพี่สะใภ้พูดได้ครับ“
ซูไต้หว่านกระพริบตาแล้วถามว่า “ลู่เฉิน ตอนนี้นายมีแฟนไหม”
หลี่มู่หรงกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที เขาคิดว่าภรรยาของตัวเองจะมีเรื่องสำคัญอะไรถามลู่เฉิน
แต่ซูไต้หว่านมองว่าคำถามนี้มีความสำคัญมากอย่างเห็นได้ชัด เธอจริงจังมาก
คำถามนี้…
ลู่เฉินรู้สึกอายเล็กน้อย แต่ก็ยังตอบอย่างตรงไปตรงมา “ตอนนี้ไม่มีครับ”
ซูไต้หว่านถามว่า “ทำไมไม่มี เด็กหนุ่มหล่อมีความสามารถอย่างนาย จะต้องมีผู้หญิงตามจีบเยอะแน่นอนใช่ไหมล่ะ หรือว่าสเปคนายสูงเกินไป หรือเป็นเพราะตัวเองเป็นศิลปิน”
นัยน์ตาของเธอมีรอยยิ้มจางๆ เพิ่มขึ้นมา
ลู่เฉินรู้สึกมีแรงกดดันมาก
พูดตามจริง ถึงแม้การเผชิญหน้ากับหลี่มู่หรงเมื่อครู่ แรงกดดันของเขาก็ยังไม่เยอะขนาดนี้!
เมื่อคิดครู่หนึ่ง แล้วลู่เฉินจึงพูดตามความจริง “พี่สะใภ้ครับ ความจริงผมยังไม่คิดจะมีแฟนชั่วคราวครับ ตอนนี้ให้ความสำคัญกับหน้าที่การงานมากกว่า ผมอยากหาเงินเยอะๆ เพื่อช่วยเหลือครอบครัวครับ ดังนั้น…”
ลู่เฉินไม่ได้โง่ จะฟังไม่ออกถึงเจตนาที่อยากเป็นแม่สื่อของซูไต้หว่านได้อย่างไร
แต่ตอนนี้เขาไม่มีความคิดด้านนี้จริงๆ
หลี่มู่หรงเอ่ยว่า “อืม ผู้ชายต้องให้ความสำคัญกับหน้าที่การงานก่อน หน้าที่การงานประสบความสำเร็จแล้วยังจะกลัวไม่มีแฟนอีกเหรอ”
ซูไต้หว่านเหลือกตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์หนึ่งที แล้วถามต่อว่า “ฟังจากความหมายของนาย ฐานะครอบครัวของนายไม่ค่อยดีใช่ไหม”
หลังจากได้แชมป์ในรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ฐานะทางบ้านของลู่เฉินก็ถูกเปิดเผยนานแล้ว เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร แล้วจึงเล่าให้ซูไต้หว่านฟังอีกครั้ง
ซูไต้หว่านฟังแล้วรู้สึกประทับใจ เธอจึงถอนหายใจพูดว่า “คุณป้าเข้มแข็งมากจริงๆ ถ้าหากมีโอกาส ฉันอยากไปเยี่ยมที่บ้านสักครั้ง”
หลี่มู่หรงก็พยักหน้า “การรักษาสัจจะ ผู้หญิงก็ไม่ด้อยไปกว่าผู้ชาย คุณธรรมแบบนี้สามารถทำให้คนมากมายรู้สึกละอายใจเป็นอย่างยิ่ง!”
สามีตายไปครอบครัวตกต่ำ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากต้องยังชีพดำรงชีวิต แต่ก็ยังยืนหยัดที่จะชดใช้หนี้สินก้อนโต การรักษาคำมั่นสัญญาและรับผิดชอบแบบนี้ ใช่ว่าคนทั่วไปจะทำได้ทุกคน
สายตาของซูไต้หว่านเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน “อย่างนั้นนายกับพี่สาวจะต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม”
ลู่เฉินกล่าวว่า “สองสามปีก่อนลำบากมากครับ แต่ปีนี้ดีขึ้นเยอะ เพราะผมหาเงินได้ไม่น้อย”
เขามองไปที่หลี่มู่ไป๋ “ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากมู่ไป๋ครับ”
หลี่มู่ไป๋หัวเราะคิกคัก ยืดอกอย่างภาคภูมิใจ
ซูไต้หว่านเม้มปากยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ฉันรู้ว่าพวกนายมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ฉันยังรู้ว่านายเขียนเพลงให้เขาชื่อว่าหลี่ไป๋ ให้เขาเอาเพลงนี้ไปจีบสาวๆ ใช่ไหม”
หลี่มู่ไป๋เหมือนถูกฟ้าผ่าทันที พูดเสียงแหบแห้ง “พี่สะใภ้ พี่รู้ได้ยังไงครับ”
เขาคิดว่ามีตัวเองกับลู่เฉินเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
ซูไต้หว่านเหลือบตามองเขาหนึ่งที…นายอย่าดูถูกไอคิวของคนอื่นได้ไหม
หลี่มู่ไป๋หงอยอีกครั้ง
ซูไต้หว่านทำให้หลี่มู่ไป๋เศร้าซึมอีกรอบ แล้วถามลู่เฉินต่อ “ฉันชอบเพลงของนายมาก แล้วเพลงเธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน นายเขียนให้แฟนที่เป็นรักครั้งแรกของนายใช่ไหม”
แววตาของเธอเป็นประกายสวยน่าประทับใจ ดูเหมือนจะสนใจมากอย่างเห็นได้ชัด
ลู่เฉินยิ้มเจื่อนๆ แล้วพูดว่า “จะว่าใช่ก็ได้ครับ”
รักครั้งแรกเป็นความรู้สึกลึกซึ้งไม่มีวันลืม เป็นความรักที่ไร้เดียงสา เป็นความรักที่บริสุทธิ์
มีบางคนสู้เต็มที่กับความรักครั้งแรก มีบางคนที่ต้องบอกลาอย่างจำใจ แต่ทุกคนล้วนจดจำความรักครั้งแรกของตัวเองได้ตลอดไป เพราะมันคือความรู้สึกที่จริงใจอย่างแท้จริง ไม่มีความคิดที่ซับซ้อนใดๆ!
ตอนที่ลู่เฉินร้องเพลง ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน เขาก็มักจะย้อนคิดถึงแฟนที่เป็นรักครั้งแรกของตัวเองบ่อยๆ’
ซูไต้หว่านยิ้มพูดว่า “เธอเป็นแฟนคลับตัวยงของฉันใช่ไหม แล้วตอนนี้นายกับเธอยังติดต่อกันอยู่หรือเปล่า”
ลู่เฉินส่ายหน้า “ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วครับ ตอนเรียนอยู่ ม. 5 เธอกับครอบครัวย้ายไปอยู่ที่ฮ่องกงแล้วครับ”
พูดถึงตรงนี้ ลู่เฉินจึงอดพูดไม่ได้ “ความจริงเธอชอบไต้หวันมากกว่า มักจะพูดบ่อยๆ ว่าอยากไปอยู่ที่ไทเป”
“ไทเป…”
ซูไต้หว่านพูดซ้ำคำนี้อีกครั้งเบาๆ นัยน์ตาของเธอเผยความรู้สึกเศร้าใจจางๆ ออกมา “ฉันก็ไม่ได้กลับไปหลายปีแล้ว แต่มักจะนึกถึงฝนที่ไทเปกับหิมะที่หยางหมิงซานบ่อยๆ ”
ลู่เฉินหัวใจสั่น แล้วเอ่ยว่า “พี่สะใภ้ครับ ผมมาเยี่ยมครั้งนี้ ไม่ได้เอาของขวัญอะไรติดตัวมาด้วย ผมขอมอบเพลงให้พี่สักเพลงนะครับ”
ซูไต้หว่านตาเป็นประกายทันที “ได้สิๆ!”
แสงออร่าเปล่งประกายออกมาจากใบหน้าของเธอ สว่างจ้าตาทำให้หลี่มู่หรง หลี่มู่ไป๋และลู่เฉินตกตะลึงทันที
หลี่มู่หรงตอบสนองไวที่สุด รีบกุมมือของซูไต้หว่านไว้ ขึงตาใส่หลี่มู่ไป่กับลู่เฉินสองคนทันที
นี่คือพี่สะใภ้ของพวกนาย อย่าคิดอะไรเกินเลย!
ซูไต้หว่านลุกขึ้นยืนด้วยความเบิกบานใจแล้วเอ่ยว่า “ฉันไม่ได้ร้องเพลงนานแล้ว…”
“ลู่เฉิน ฉันขอรับของขวัญชิ้นนี้ก็แล้วกัน พวกเราไปที่ห้องเปียโนฟังนายร้องเพลงสักหนึ่งรอบกันดีไหม นายเล่นเปียโนเป็นหรือเปล่า”
เดิมทีลู่เฉินอยากจะกลับไปเขียนเพลงใส่ทำนองให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยฝากหลี่มู่ไป๋เอามาส่ง แต่คิดไม่ถึงว่าซูไต้หว่านจะอดทนรอไม่ไหวอยากฟังในตอนนี้
แน่นอนว่าเขาไม่อยากทำให้อีกฝ่ายต้องเสียอารมณ์ จึงพยักหน้าทันที
ถึงอย่างไรก็ตามนี่เป็นบ้านคนรวยมีตระกูล คฤหาสน์ที่หลี่มู่ไป๋อาศัยอยู่ไม่เพียงแต่มีห้องน้ำชาเดี่ยวๆ แล้ว ยังมีห้องเปียโนขนาดใหญ่อีกด้วย
ห้องเปียโนอยู่ข้างๆ ห้องน้ำชา ภายในสะอาดสะอ้านมาก เห็นเพียงแกรนด์เปียโนสีดำขนาดน่าตกใจวางอยู่บนพื้นไม้เชอร์รี่
ลู่เฉินสามารถวิเคราะห์โลโก้สีทองที่ประทับตราอยู่บนฝาครอบขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย…สไตน์เวย์แอนด์ซัน
สไตน์เวย์แอนด์ซันเป็นแบรนด์เปียโนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในโลก ราคาก็แพงจนน่าตกใจ สไตน์เวย์แอนด์ซันแต่ละตัวมักจะปรากฏในสถาบันดนตรีและวงดนตรีระดับไฮเอนด์บ่อยๆ
ราคาสองสามล้านต่อหนึ่งตัว ตอนที่ฐานะครอบครัวของลู่เฉินดีมากๆ ก็ยังซื้อไม่ไหว!
ซูไต้หว่านหัวเราะแล้วพูดกับลู่เฉินว่า “แต่ก่อนตอนที่อยู่ที่นี่กับพี่ชายของนาย ฉันจะเล่นเปียโนให้เขาฟังบ่อยๆ ไม่ได้แตะเปียโนตัวนี้มานานแล้ว”
เธอเดินไปอยู่ตรงหน้าเปียโน ยื่นนิ้วมือเรียวยาววาดผ่านคีย์บอร์ด
เสียงเปียโนไพเราะพลิ้วไหวราวกับสายน้ำไหล
ความทรงจำและความยินดีลอยขึ้นมาบนใบหน้าของซูไต้หว่าน เหมือนจะนึกถึงเรื่องราวที่ดีในอดีตมากมาย
มองดูภรรยาของตัวเอง ใบหน้าที่เด็ดเดี่ยวของหลี่มู่หรงจึงเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนมาก
ผ่านไปสักพักหนึ่ง ซูไต้หว่านจึงพูดว่า “ลู่เฉิน ตอนนี้อยากจะฟังเพลงของนายแล้ว!”
ลู่เฉินพยักหน้า นั่งลงบนเก้าอี้เปียโนที่อยู่ด้านหน้า
เขาสูดลมหายใจลึกๆ
…………………………………………………………………………
[1] การระดมทุนสาธารณะ (crowdfunding) หรือ คราวด์ฟันดิง คือการระดมทุนเพื่อทำโปรเจคหรือธุรกิจโดยการ การรวบรวมทุนจำนวนน้อยจากผู้คนจำนวนมากและส่วนใหญ่ผ่านอินเทอร์เน็ต โมเดลของคราวด์ฟันดิงประกอบไปด้วยสามส่วนด้วยกัน หนึ่ง ผู้เริ่มโครงการที่เสนอผลงานหรือความคิดที่ต้องการเงินทุน สองผู้คนหรือกลุ่มคนที่สนับสนุนความคิดนี้และสามองค์กรจัดการ (แพลทฟอร์ม) ที่พาทั้งสองกลุ่มมาเจอกันเพื่อทำให้ความคิดหรือโปรเจกต์นั้นเป็นจริง
ไอคอนเหรียญทอง