Perfect Superstar - ตอนที่ 171 อิจฉา
ตอนที่ 171 อิจฉา
ด้านหลังเวทีห้องถ่ายทำรายการอาคาร T1
มู่เสี่ยวชูมองไปที่ทางเข้าออกอยู่บ่อยครั้ง นัยน์ตาเผยอารมณ์ของความร้อนใจออกมา
ลู่เฉินถูกคนเรียกไปเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ป่านนี้ก็ยังไม่ปรากฏตัว ราวกับหายไปในอากาศ และการร้องเพลงประสานเสียงของนักร้องแข็งแกร่งทั้งห้าคนของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ กำลังจะขึ้นไปซ้อมร้องเพลง ‘เดินไปร้องไป’บนเวทีแล้ว!
เธอไม่รู้ว่าลู่เฉินเกิดเรื่องอะไร และเมื่อครู่ทีมงานของสถานีโทรทัศน์ก็เข้ามาถาม
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร
มู่เสี่ยวชูเป็นห่วงว่าความล่าช้าของลู่เฉินจะมีผลกระทบต่อการจัดการของรายการ และจะต้องผิดใจกับทางสถานีโทรทัศน์อย่างแน่นอน
เช่นนั้นหน้าที่การงานของลู่เฉินในอนาคตก็จะได้รับผลกระทบใหญ่มาก
แต่ทั้งๆ ที่คนของสถานีโทรทัศน์เป็นคนเรียกเขาไปแท้ๆ ตามหลักแล้วไม่น่าจะมีปัญหา แต่ทำไมถึงยังไม่กลับมาล่ะ
ในใจของมู่เสี่ยวชูวุ่นวายสับสนไปหมด
จางเฮ่าไห่ที่อยู่ข้างๆ ก็เห็น เขารู้ดีว่ามู่เสี่ยวชูกำลังเป็นห่วงอะไร ในใจจึงเกิดหึงขึ้นมา
“เสี่ยวชู เธอไม่ต้องสนใจคนอื่นหรอก…”
จางเฮ่าไห่อดพูดออกมาไม่ได้ “พวกเราเตรียมขึ้นไปบนเวทีกันเถอะ ถึงยังไงก็เป็นแค่การซ้อม ขาดคนเดียวก็ไม่เป็นไร”
ขณะที่พูด สีหน้าเยาะเย้ยก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา
จางเฮ่าไห่แทบไม่อยากจะให้ลู่เฉินขึ้นเวที ทางที่ดีขอให้สถานีโทรทัศน์ปัดตกไปเลย
เขาคิดว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าตาหรือความสามารถก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าลู่เฉิน แต่คนหลังดันประสบความสำเร็จมากกว่า
แม้แต่มู่เสี่ยวชูก็ยังทึ่งในตัวของลู่เฉิน แต่ไม่ไว้หน้าตัวเองเลยสักนิด
มู่เสี่ยวชูเม้มปาก เธอชายตามองจางเฮ่าไห่หนึ่งที แล้วกล่าวอย่างราบเรียบว่า “รุ่นพี่ลู่เฉินเป็นคนแต่งเพลงนี้ และเขาได้รับรางวัลชนะเลิศในรายการขับร้องให้ก้องจีน ไม่มีเขาก็ไม่มีรายการนี้”
มู่เสี่ยวชูเป็นคนจิตใจดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่มีอารมณ์โกรธ
เธอเตือนจางเฮ่าไห่ว่า ลู่เฉินคือหัวใจหลักของการร้องเพลงประสานเสียงนี้ เป็นคนอย่าลืมตน!
และอย่าคิดว่าตัวเองเก่งเสมอไป!
สีหน้าของจางเฮ่าไห่แดงขึ้นมาทันที
เขาเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง ทนไม่ได้ที่ถูกคนอื่นเหยียดหยาม จึงรีบพูดเสียดสีโต้กลับทันที
ผลสรุปคือมู่เสี่ยวชูไม่สนใจเขาเลยสักนิด และทันใดนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมา ลุกขึ้นโบกมือแล้วพูดเสียงดังว่า “รุ่นพี่ลู่เฉิน รีบมาเร็วๆ ค่ะ!”
ที่แท้ลู่เฉินก็ปรากฏตัวในเวลานี้!
จางเฮ่าไห่กำลังอยากจะพูด แต่ก็ต้องกลืนคำพูดกลับไป สีหน้าดูไม่ได้สุดๆ
ลู่เฉินไม่รู้ว่าเมื่อครู่เกิดการทะเลาะกันเพราะตัวเอง เขาเดินกลับไปที่ตำแหน่งของเขา แล้วยิ้มถามมู่เสี่ยวชูว่า“ทำไมเหรอ”
มู่เสี่ยวชูยิ้มกริ่มแล้วเอ่ยว่า “พวกเราใกล้จะขึ้นเวทีแล้ว รุ่นพี่เตรียมพร้อมหรือยังคะ”
รอยยิ้มของเธอช่างสวยหวาน ทำให้ลู่เฉินหัวใจเต้นเล็กน้อย
เขาพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “เตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว!”
และในเวลานี้ ลู่เฉินก็รู้สึกถึงบรรยากาศรอบตัวที่แปลกไปกะทันหัน เขาจึงเงียบลงทันที
มู่เสี่ยวชูก็รู้สึกเหมือนกัน เธอกับลู่เฉินหันหน้าไปมองพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
เกิดเรื่องอะไรขึ้น
และเห็นเพียงผู้หญิงแต่งตัวสวยราวกับนางฟ้าคนหนึ่ง เดินมาท่ามกลางการคุ้มกันของผู้ช่วยสองสามคนดุจดังดาวล้อมเดือน และเดินมาอยู่ตรงหน้าทั้งสองคน
เธอยิ้มหวานๆ แล้วเป็นฝ่ายทักทายก่อน “ลู่เฉิน เสี่ยวชู ไม่เจอกันนานเลยนะ!”
สาวสวยในชุดจีนโบราณคนนี้ก็คือเฉินเฟยเอ๋อร์ ราชินีเสียงหวานแห่งวงการเพลงป็อป คนดังในวงการบันเทิง
วันนี้มีดาราศิลปินมาร่วมการซ้อมงานเลี้ยงวันชาติจีนเป็นจำนวนมาก แต่พูดถึงตำแหน่งใหญ่ ไม่มีใครสูงกว่าเธอแล้ว
ถ้าหากหวังปินยังอยู่ บางทีอาจจะต้องตั้งป้อมสู้กับเธอ
น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาถูกจับกุมไปแล้ว
เฉินเฟยเอ๋อร์เข้าวงการมาสิบกว่าปีแล้ว ปีนี้อายุสามสิบปี แต่เธอที่เกิดมาสวยบวกกับการดูแลร่างกายที่เหมาะสมจึงดูเหมือนผู้หญิงอายุยี่สิบต้นๆ และมาดที่น่าตื่นตะลึงของเธอ จึงทำให้ทุกอย่างสงบลง
ตรงนี้ไม่มีใครกล้าพูดเสียงดังต่อหน้าเธอ และมีหลายคนที่เผยสีหน้าเคารพกระทั่งเลื่อมใสออกมา
“สวัสดีอาจารย์เฉิน!”
ลู่เฉินและมู่เสี่ยวชูรีบตอบพร้อมกัน
เฉินเฟยเอ๋อร์เป็นหนึ่งในกรรมการของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ เธอชื่นชมลู่เฉินเป็นอย่างมาก และก็ชอบมู่เสี่ยวชูอีกด้วย
“สวัสดีอาจารย์เฉิน…”
เหล่าศิลปินที่อยู่รอบๆ ทั้งสองคน รวมทั้งนักร้องแข็งแกร่งที่เหลืออีกสามคนต่างก็ลุกขึ้นแล้วทักทายด้วยความเคารพ
“สวัสดีทุกคน”
ราชินีเสียงหวานคนนี้กล่าวว่า “เรียกฉันว่าพี่ก็พอแล้ว เรียกอาจารย์ดูแก่จัง!”
มู่เสี่ยวชูรีบพูดอย่างเชื่อฟัง “พี่เฟยเอ๋อร์”
“อืม!”
เฉินเฟยเอ๋อร์พยักหน้า เดินมาข้างหน้าจับมือของมู่เสี่ยวชูไว้แล้วถามว่า “รายการของพวกเธอคืออะไร”
ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของทุกคน มู่เสี่ยวชูได้รับความสนิทสนมของเธอทำให้หน้าแดง แล้วตอบอย่างเขินอายว่า “พี่เฟยเอ๋อร์ รายกายของพวกเราคือร้องเพลงประสานเสียงค่ะ ร้องเพลงเดินไปร้องไปของรุ่นพี่ลู่เฉินค่ะ”
เฉินเฟยเอ๋อร์พูดทันที “งั้นรายการต่อไปก็เป็นของพวกเธอแล้ว…”
เธอเอียงหน้าเข้ามา แล้วถามลู่เฉินว่า “ลู่เฉิน ฉันจำได้ว่านายรับปากจะแต่งเพลงให้ฉันใช่ไหม นายเขียนเสร็จหรือยัง หรือว่าลืมไปแล้ว”
ราชินีเสียงหวานคนนี้ ดวงตาสดใสดั่งสายน้ำ พูดจาน่าประทับใจ กระทั่งมีความสวยน่ารักของหญิงสาววัยรุ่น ทำให้ทุกคนลืมอายุที่แท้จริงของเธอ
ลู่เฉินแทบจะเป็นลม โชคดีที่เขามีสมาธิมากพอ จึงรีบตอบว่า “เขียนเสร็จแล้วครับ พี่เฟยเอ๋อร์ต้องการเมื่อไหร่เดี๋ยวผมจะส่งไปให้ครับ”
เฉินเฟยเอ๋อร์เคยขอให้เขาแต่งเพลงให้ แต่นั่นอยู่ในรายการ
ดังนั้นลู่เฉินจึงไม่ได้จริงจัง รวมทั้งเฉินเฟยเอ๋อร์ที่เคยบอกว่าจะเชิญเขาไปเป็นนักร้องรับเชิญในงานคอนเสิร์ต ถึงอย่างไรฐานะระหว่างทั้งสองคนก็แตกต่างกันมาก จึงไม่อยากให้ใครเข้าใจผิดว่าเขาจงใจคบอีกฝ่ายที่มีฐานะสูงกว่า
ไม่คิดว่าเฉินเฟยเอ๋อร์จะยังจำเรื่องนี้ได้ และดูเหมือนจะจริงจังมาก
เช่นนั้นเขาจึงไม่โง่ที่จะพูดว่ายังไม่ได้เตรียม
เฉินเฟยเอ๋อร์ตกใจ “จริงเหรอ อย่างนั้นก็ดีเลย ขอบใจนะ เดี๋ยวจะให้ผู้ช่วยของฉันติดต่อนาย”
ลู่เฉินเอ่ยว่า “ได้ครับ”
คนที่อยู่รอบๆ ต่างก็ได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสองคน จึงไม่มีใครที่จะไม่มองมาด้วยสายตาที่อิจฉา
ในสายตาของพวกเขา ลู่เฉินโชคดีมากจริงๆ นอกจากจะได้คุยกับเฉินเฟยเอ๋อร์แล้ว ก็ยังได้เขียนเพลงให้เธอด้วย
ควรทราบว่าคนที่มีคุณสมบัติได้ร่วมงานกับเฉินเฟยเอ๋อร์ ล้วนเป็นคนดังในวงการทั้งสิ้น ลู่เฉินเป็นแค่ศิลปินเดบิวต์หน้าใหม่ แต่กลับได้รับการโปรดปรานจากเธอ
หากไม่โชคดีแล้วจะเรียกว่าอะไร
เฉินเฟยเอ๋อร์สังเกตเห็นสายตาที่ผิดปกติรอบๆ ตัว แต่เธอไม่สนใจ แล้วยิ้มพรายกล่าวว่า “พวกเธอทำงานต่อกันเถอะ”
พูดจบ เธอกับผู้ช่วยก็เดินไปที่ห้องวีไอพี
หลังจากเฉินเฟยเอ๋อร์ออกไปแล้ว บรรยากาศด้านหลังเวทีจึงกลับมาเหมือนเดิมในไม่ช้า
จากนั้นทีมงานของสถานีโทรทัศน์ก็ปราฏตัว มือถือไมค์เพื่อเตือนผู้แสดงในรายการต่อไปให้เตรียมตัวขึ้นเวที
ซึ่งก็เป็นการร้องเพลงประสานเสียงของลู่เฉินกับมู่เสี่ยวชูและคนอื่นๆ
นักร้องผู้แข็งแกร่งทั้งห้าคนของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ มารออยู่ตรงบริเวณนั่งรอ จากนั้นก็ขึ้นเวทีร้องเพลงโชว์พร้อมกัน
ตามตารางของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง วันนี้เป็นการซ้อมครั้งแรกของงานเลี้ยงวันชาติจีน วันที่ 21 ต้องซ้อมอีกครั้งวันที่ 25 เป็นการซ้อมใหญ่ วันที่ 29 เป็นการบันทึกสด และออกอากาศในคืนวันที่ 1 เดือนตุลาคม
ตารางจัดเวลาแน่นมาก ถ้าหากรายการเกิดมีปัญหา ก็จะต้องเพิ่มการซ้อม
งานเลี้ยงใหญ่ทั้งสี่ของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง นอกจากงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้ว อย่างอื่นเป็นการบันทึกออกอากาศทั้งสิ้น
การซ้อมในวันแรกมีความสำคัญมากสำหรับเหล่าศิลปินที่มาร่วมงาน เพราะถ้าหากพวกเขาแสดงไม่ดีพอ ก็อาจจะถูกคัดออกไป ใช่ว่าจะได้เข้าบันทึกอย่างเป็นทางการแน่นอน
ดังนั้นไม่ว่าลู่เฉิน มู่เสี่ยวชูหรือจางเฮ่าไห่ ทุกคนล้วนจริงจังเป็นอย่างมาก ถึงแม้นักร้องแข็งแกร่งทั้งห้าคนจะเพิ่งร่วมงานกันเป็นครั้งแรก นอกจากการรู้ใจกัน ที่ยังไม่พร้อมเพรียงกันแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร
ถึงอย่างไรเพลงนี้ก็ร้องไม่ยาก ไม่ว่านักร้องคนไหนก็สามารถร้องได้สบายๆ
ห้องถ่ายทำรายการอาคาร T1 ของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งสามารถบรรจุผู้ชมได้สามพันคน แต่วันนี้เป็นการซ้อม จึงไม่มีผู้ชมมากนัก และคนที่อยู่ในงานส่วนใหญ่ก็คือทีมงานของสถานีโทรทัศน์รวมทั้งหัวหน้าที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบของทีมรายการงานเลี้ยง
หลังจากร้องเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ตรวจสอบของสถานีโทรทัศน์ก็แสดงความคิดเห็นเล็กน้อย จากนั้นก็ให้ทุกคนลงเวที
วันนี้การซ้อมของพวกเขาถือว่าสิ้นสุดแล้ว
ตอนที่กลับไปด้านหลังเวที มู่เสี่ยวชูถามว่า “รุ่นพี่ลู่เฉิน พี่จะกลับตอนนี้เลยหรือเปล่าคะ”
เวลาของศิลปินนั้นมีค่ามาก โดยเฉพาะพวกที่ต้องไปออกรายการ ถึงแม้พวกเขาจะยินดีเจียดเวลามาเพื่อร่วมการซ้อมของงานเลี้ยง แต่ทางสถานีโทรทัศน์ก็ยังเข้าใจและมีเหตุผล
เพราะฉะนั้นพอซ้อมเสร็จแล้วก็สามารถกลับได้เลย รอวันที่ 25 ค่อยมาซ้อมใหญ่อีกที
ลู่เฉินส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “เธอกลับไปก่อน พี่ยังต้องซ้อมร้องเดี่ยวอีกหนึ่งรายการ”
ยังมีรายการร้องเดี่ยวอีก?
นักร้องคนอื่นอีกสองสามคนได้ยินแล้วก็ตกตะลึง แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง
โดยเฉพาะจางเฮ่าไห่ ที่ตกใจจนกรามแทบร่วง
พวกเขาทั้งสามคนรู้ดี เดิมทีรายการนี้ลู่เฉินต้องร้องคนเดียว ต่อมาบริษัทที่พวกเขาเซ็นสัญญาหลังจากที่ได้ร่วมการประชาสัมพันธ์กับสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งแล้ว จึงเปลี่ยนเป็นร้องประสานเสียงห้าคน
มีคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องนี้ คาดว่าน่าจะเป็นมู่เสี่ยวชู
ทั้งสามคนรู้สึกดีใจที่ลู่เฉินต้องเจอเรื่องลำบาก ไม่ว่าใครที่ได้เจอเรื่องแบบนี้ ก็ต้องหงุดหงิดด้วยกันทั้งนั้น!
แต่ใครจะคาดคิดว่า สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งกลับให้ลู่เฉินร้องเดี่ยวอีกหนึ่งรายการ
แบบนี้มันเกินไปหน่อยมั้ง!
ศิลปินดาราคนอื่นมีแค่รายการเดียว ลู่เฉินกลับมีสองรายการ ด้วยเหตุผลที่เขาได้รางวัลชนะเลิศเหรอ
พวกเขาโกรธฟึดฟัด พวกเขาอิจฉา พวกเขาพูดไม่ออก…
มีเพียงมู่เสี่ยวชูที่ดีใจแทนลู่เฉินด้วยความจริงใจ “รุ่นพี่ลู่เฉิน พี่เก่งมากจริงๆ ค่ะ!”
ลู่เฉินยิ้มพูดว่า “โชคดีมากกว่า”
จางเฮ่าไห่และคนอื่นๆ แอบก่นด่าอยู่ในใจ “อย่าเสแสร้งนักเลย!”
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะอิจฉาตาร้อนอย่างไร ก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับลู่เฉินเลยสักนิด
หลังจากบอกลากับมู่เสี่ยวชูแล้ว ลู่เฉินก็รออยู่ที่หลังเวทีเกือบครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ขึ้นเวทีอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาขึ้นเวทีร้องเพลงคนเดียว
เวลานี้รายการซ้อมก็ผ่านไปเกือบครึ่งแล้ว ผู้ชมในห้องถ่ายทำรายการกลับมากขึ้นกว่าเดิม กลุ่มคนที่นั่งอยู่สองแถวหน้าสุดนั้นสะดุดตามาก
ลู่เฉินรู้ว่าสิบกว่าคนนี้เป็นผู้บริหารระดับสูงของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง แล้วก็ยังมีหัวหน้าของสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีนอีกสองคน
สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่ตัวของเขา
เมื่อเทียบกับการร้องเพลงประสานเสียงก่อนหน้านี้ เขาต้องแบกรับแรงกดดันจากการร้องเดี่ยวเพิ่มอีกเท่าตัว!
ยืนตรงกลางเวที ยืนอยู่ตรงหน้าไมค์ เผชิญหน้ากับสายตาแต่ละคู่ของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ…
จิตใจของลู่เฉินสงบนิ่งดั่งสายน้ำ
…………………………………………………………………………
ไอคอนเหรียญทอง