Perfect Superstar - ตอนที่ 202 หลายใจ
ตอนที่ 202 หลายใจ
“พี่เฉิน พี่ต้องสอนผมนะ!”
ในสายโทรศัพท์ เสียงของหลี่มู่ไป๋ฟังดูเกินจริง ราวกับเกิดเรื่องอะไรร้ายแรง
ลู่เฉินที่เพิ่งเดินออกมาจากวิทยาลัยดนตรีแห่งปักกิ่งรู้สึกเหมือนมีหมอกปกคลุมเต็มศีรษะ “นายว่าอะไรนะ? สอนอะไรนาย?”
หรือว่าเจ้าหนุ่มคนนี้คิดอยากจะเรียนดนตรีอย่างจริงจัง?
ถ้าอย่างนั้นลู่เฉินยิ่งไม่มีอะไรจะสอนเขา ตัวเองยังต้องมาเพิ่มพูนความรู้ที่วิทยาลัยดนตรีแห่งปักกิ่งอยู่เลย!
วันนี้เป็นวันแรกที่ลู่เฉินมาเข้าชั้นเรียนวิชาดนตรี
ภาคเรียนใหม่นี้เริ่มเปิดไปได้สัปดาห์กว่าแล้ว แต่นักเรียนใหม่เพิ่งเริ่มเรียนวันนี้เป็นครั้งแรก
ตามกฎหมายของประเทศ นักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งจะต้องเข้าร่วมการฝึกแบบทหารเป็นเวลาหนึ่งเดือน จากนั้นค่อยเริ่มเรียนหลังจากวันหยุดยาววันชาติจีนเจ็ดวัน
ลู่เฉินเดินบนเส้นทางดนตรียิ่งเดินยิ่งไกล ยิ่งรู้สึกว่าความรู้ของตัวเองยังไม่พอ
แม้จะมีความทรงจำของชีวิตคนสามคน ทางด้านประสบการณ์และการเผชิญอุปสรรคนั้นเขาไม่หวั่น แต่ความรู้ทางทฤษฏีดนตรีที่มีอยู่น้อยเกินไป ทำให้ผลงานเพลงที่แต่งออกมายังต้องพึ่งคนอื่นเรียบเรียงเสียงประสานให้
สาเหตุที่ลู่เฉินมาฟังคลาสเรียนของวิทยาลัยดนตรีแห่งปักกิ่ง หลักๆ ก็เพื่อเพิ่มพูนความรู้ที่มีไม่พอ
เขาสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้เพราะเขาไม่ได้เซ็นสัญญากับบริษัทเอเจนซี่ไหน และไม่ต้องวิ่งรับงานโชว์ตัวเพื่อทำให้คนคุ้นหน้าและจดจำได้ ดังนั้นจึงมีอิสระสามารถจัดการเวลาของตัวเองได้
ที่สำคัญที่สุดคือ ลู่เฉินรู้จักศาสตราจารย์เกาเยว่ที่สอนสาขาวิชาการประพันธ์เพลง มีอาจารย์ที่ปรึกษาดีคอยให้คำแนะนำ
อีกทั้งนักศึกษาในวิทยาลัยดนตรีแห่งปักกิ่งยังนิสัยดีมาก ครั้งก่อนที่ลู่เฉินมาเข้าเรียนถูกคนจำได้ ก็ไม่มีใครเข้ามารุมล้อมหรือมาขอถ่ายรูปขอลายเซ็นจากเขา ดังนั้นเขาจึงมีอิสระมาก
รากฐานของวิทยาลัยดนตรีแห่งปักกิ่งลึกล้ำมั่นคง สมกับเป็นหนึ่งในสามวิทยาลัยดนตรีที่มีชื่อเสียง!
ถ้าหลี่มู่ไป๋อยากเรียนดนตรีจริง ลากเข้ามานั่งเรียนด้วยกันก็ไม่เลว
หลี่มู่ไป๋หัวเราะอย่างดีใจ “สอนผมหน่อยว่าสั่งสอนแม่มดน้อยเฉินเชี่ยนยังไง เมื่อวานเธอกลับมาถึงบ้านร้องไห้อยู่ครึ่งค่อนคืน ตอนแรกพี่สะใภ้จะเอาเรื่องพี่แล้ว แต่ถูกเธอห้ามเอาไว้ก่อน”
“ร้องไห้จนตาบวมเป็นลูกท้อเลย ผมรู้จักเธอมาตั้งนาน ไม่เคยเห็นเธอร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อนเลย ฮ่าๆ!”
คุณชายหลี่ดีอกดีใจ ไม่มีความสงสารเลยสักนิด ยิ่งรู้สึกสะใจอย่างผิดปกติ
เรื่องนี้นี่เอง!
ลู่เฉินเข้าใจความรู้สึกของเขาดีมากทีเดียว
แม้จะบอกว่าเป็นญาติกัน หลี่มู่ไป๋กลับถูกเฉินเชี่ยนแกล้งมานักต่อนัก พูดถึงเรื่องเก่าแล้วก็ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
เขากลัวพี่ชายหลี่มู่หรงอย่างกับกลัวเสือ ยิ่งเคารพยกย่องพี่สะใภ้ซูไต้หว่าน ดังนั้นถึงถูกกลั่นแกล้งก็ได้แต่อดทนเอาไว้
ตอนนี้ลู่เฉินเหมือนช่วยล้างแค้นให้เขา แน่นอนว่าเขาต้องปลาบปลื้มปีติเป็นธรรมดา
รายละเอียดเบื้องลึกของเฉินเชี่ยน หลี่มู่ไป๋นี่แหละที่เป็นคนบอกลู่เฉิน ไม่เช่นนั้นลู่เฉินจะรู้ทันและเปิดโปงความเสแสร้งของเธอได้ยังไง
ไม่แคล้วต้องตกเป็นเบี้ยล่างของเธอเหมือนหลี่มู่ไป๋อีกคน
ลู่เฉินหัวเราะ “ความจริงก็ไม่มีอะไร แค่ทำให้เธอรู้ถึงความผิดของตัวเองเท่านั้น”
หลี่มู่ไป๋ถามอย่างสงสัย “จริงหรือเปล่า? แค่นั้นเองเหรอ? สาวน้อยจอมแสบคนนี้หาเรื่องไม่ได้ง่ายๆ นะ เธอร้ายกาจที่สุด!”
เขาเสียเปรียบให้เธอมาหลายครั้ง ปมในใจของเขาที่มีต่อเฉินเชี่ยนนั้นใหญ่โตมาก
ลู่เฉินบอกว่า “ต่อให้เธอเก่งแค่ไหนก็ไม่มีทางมาหาฉันแล้ว แต่นายต้องระวังการแก้แค้นของเธอ”
หลี่มู่ไป๋ตกใจ “พี่เฉิน พี่ไม่ได้ขายผมใช่ไหม”
ลู่เฉินถอนใจ “ฉันจะขายนายได้ยังไง แต่เธอร้ายกาจขนาดนี้ คงเดาได้ว่าที่เมื่อวานฉันรู้ว่าเธอแกล้งทำเป็นสาวเรียบร้อยนั้นเป็นเพราะใคร ใครเป็นคนขายเธอ เธอก็ต้องไปหาคนนั้นสิ”
หลี่มู่ไป๋เข่าแทบทรุด “พี่เฉิน พี่ไม่ต้องพูดแล้ว ผมจะจองตั๋วเครื่องบินเดี๋ยวนี้เลย!”
ลู่เฉินหัวเราะฮ่าๆๆ
เขาล้อเล่นกับหลี่มู่ไป๋อีกสองสามประโยคแล้วจึงค่อยวางสาย
ตอนที่เดินมุ่งไปยังที่จอดรถ จู่ๆ ลู่เฉินรู้สึกเหมือนมีคนกำลังจ้องมองเขา จึงหันหลังกลับไปมองตามสัญชาตญาณ
เห็นหญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวยืนห่างออกไปสิบกว่าเมตร ทั้งสองสบตากัน
เธอสวยงามจับใจ ดวงตาเปล่งประกายเหมือนดาวตอนใกล้รุ่ง ดูสง่างามโดดเด่น
ในวิทยาลัยดนตรีแห่งปักกิ่งมีคนสวยไม่น้อย แต่ไม่มีใครเทียบเท่าเธอได้ สายตาจากรอบข้างมองมา บอกได้ถึงความนิยมและเสน่ห์ของตัวเธอ
ฉินชิง?
ลู่เฉินจำเธอได้ เธอคือคนที่เคยเจอกันเพียงครั้งเดียวที่โรงน้ำชาอวี่หมิงฉาย่วน ชื่อว่าฉินชิง
ฉินชิงเป็นนักศึกษาของที่นี่ เรียนด้านดนตรีพื้นบ้านโดยตรง
เขาพยักหน้าให้ฝ่ายนั้น
ในบรรดาหญิงสาวที่ลู่เฉินรู้จัก ฉินชิงไม่ว่าจะทั้งหน้าตาหรือบุคลิกนับว่าเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด แถมยังมีฐานะทางบ้านไม่ธรรมดา เรียกได้ว่าเธอเป็นนางฟ้าตัวจริง
แต่ด้วยเหตุนี้ ทำให้ลู่เฉินไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอนัก เพียงแค่ชื่นชม แต่ไม่ได้ชื่นชอบ
ไม่ใช่ว่าลู่เฉินไม่มั่นใจในตัวเองหรือดูถูกตัวเอง แต่ในความคิดของเขา หญิงสาวแบบฉินชิงเป็นเพื่อนที่รู้ใจกันน่าจะดีกว่า ถ้าเป็นแฟนสาวหรือภรรยาละก็…
คงจะต้องอายุสั้น!
บนโลกนี้ยังมีสิ่งของที่สวยงามอยู่อีกมาก บางสิ่งอยู่ห่างๆ ไว้ดีกว่า
แต่ลู่เฉินคิดไม่ถึง เขาไม่ได้เข้าไปทักทาย กลายเป็นฝ่ายฉินชิงที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเลือกเดินเข้ามาหาลู่เฉินก่อน
“รุ่นพี่ลู่เฉิน…”
ลู่เฉินตกตะลึง “สวัสดี ฉินชิง”
ฉินชิงถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย “รุ่นพี่ขับรถมาเองหรือเปล่าคะ”
ลู่เฉินพยักหน้า “เธอจะกลับบ้านเหรอ พี่ไปส่งไหม”
ครั้งก่อนฉินชิงพาเขามาทำเรื่องขออนุญาตเข้าฟังในชั้นเรียน ดังนั้นถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือ เขาไม่มีทางผลักภาระไปให้คนอื่นแน่นอน
ฉินชิงตอบ “รบกวนรุ่นพี่แล้ว ฉันมีพิณตัวหนึ่งที่ต้องเอากลับไปที่โรงน้ำชา”
ลู่เฉินยิ้ม “ไม่รบกวนหรอก”
ลู่เฉินสังเกตเห็นในมือของฉินชิงถือกล่องพิณทรงยาวอยู่
เขาสงสัยเล็กน้อย…ทำไมฉินชิงไม่ขับรถเอง ทำไมต้องให้เขาช่วยเหลือ
เพียงแค่เธอเอ่ยปาก ย่อมต้องมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่หลายคนยินดีรับใช้เธอ
ความสงสัยส่วนความสงสัย ลู่เฉินไม่อยากถาม
เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ
ตอนนั้นเอง ชายหนุ่มรูปร่างผอมวิ่งตรงมาทางทั้งสองคน ในมือถือช่อดอกไม้ไว้
ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความกล้าหาญ มองฉินชิงด้วยสายตาร้อนแรง ใช้สองมือยื่นช่อกุหลาบให้เธอ ทั้งยังพูดเสียงดังว่า “รุ่นน้องฉินชิง ผมชอบคุณ!”
ชายหนุ่มคนนี้รอฉินชิงอยู่หน้าวิทยาลัยมานานแล้ว เมื่อครู่เขายังลังเลเล็กน้อย จนเห็นว่าฉินชิงเข้าไปพูดคุยกับลู่เฉิน เห็นท่าทางของทั้งคู่กำลังจะออกไปด้วยกันจึงร้อนรน ไม่สนใจอย่างอื่นแล้วรีบเข้ามาสารภาพรักกับเธอก่อน
ฉินชิงไม่ได้รับช่อดอกไม้จากเขา ถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วพูดอย่างเฉยชาว่า “ขอโทษด้วย ฉันไม่ได้ชอบคุณ”
เธอบอกกับลู่เฉินว่า “พวกเราไปกันเถอะ”
ลู่เฉินพลันเข้าใจ
ที่แท้ฉินชิงมาขออาศัยรถของเขา น่าจะเพราะสังเกตเห็นชายหนุ่มคนนี้แล้ว กลัวว่าเขาจะเข้ามาติดพันเธอ
ผู้คนหลายคนมุงล้อมเข้ามาดู
ชายหนุ่มหน้าแดง แต่ท่าทางของเขาแสดงถึงความไม่ยอมแพ้
ลู่เฉินรับกล่องพิณมาจากฉินชิง แล้วหันไปยิ้มให้ฝ่ายตรงข้าม
ขอโทษด้วยน้องชาย ไม่ใช่ฉันไม่ช่วยนาย แต่นายไม่น่าเอ็นดูเลยจริงๆ!
เจ้าหนุ่มคนนั้นห่อเหี่ยวขายหน้า
ทั้งความสูงและรูปร่างหน้าตา เขาแตกต่างจากลู่เฉินไม่น้อย จึงรู้สึกหมดแรงท้อใจ
ลู่เฉินพาฉินชิงเดินไปทางที่รถของตัวเองจอดอยู่
ในใจของเขาแอบคิดว่า หญิงสาวแบบฉินชิง ใช้ชีวิตยากลำบากเหมือนกัน นอกเสียจากจะหลบอยู่แต่ในบ้าน ไม่เช่นนั้นก็มักจะเจอคนหลากหลายประเภทมาตามจีบตามราวีเธอไม่เลิก
ขณะที่ลู่เฉินกำลังคิดอยู่นั้น รถยนต์ปอร์เช่สีขาวคันหนึ่งแล่นมาหยุดอยู่ตรงหน้า ขวางทางของทั้งคู่เอาไว้ สัญลักษณ์ยี่ห้อรถสีทองสะท้อนกับแสงแดดต้องตา
“คนสวย…”
หน้าต่างรถเลื่อนลงอย่างเงียบเชียบ ผู้ที่นั่งตำแหน่งคนขับยื่นหน้าออกมาเป่าปากให้ฉินชิงแล้วพูดว่า “มานั่งรถของพี่ดีกว่า นั่งรถของเขาคันนั้นไม่สมกับฐานะและหน้าตาสวยๆ ของเธอเลย!”
เมื่อเห็นหน้าของคนที่ขับรถปอร์เช่คันนี้แล้ว ลู่เฉินทำหน้าแปลกๆ
แต่ฉินชิงไม่เพียงไม่โกรธ กลับเผยรอยยิ้มน่าประทับใจอีกต่างหาก “พี่มู่ซือ!”
คนที่เกี้ยวฉินชิง ที่แท้คือหลี่มู่ซือนี่เอง!
เธอขับรถปอร์เช่เอฟ 17 ที่เดิมทีเป็นของหลี่มู่ไป๋ ลู่เฉินเคยนั่งมาแล้วหลายครั้ง
ลู่เฉินไม่คิดว่าหลี่มู่ซือจะมาปรากฏตัวที่นี่ ทั้งยังรู้จักกับฉินชิง
หลี่มู่ซือยิ้มตาหยีถามว่า “น้องสาว พวกเธอสองคนเป็นอะไรกัน”
ฉินชิงหน้าแดงรีบอธิบาย “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่ขอให้รุ่นพี่ไปส่งหน่อยเท่านั้นเอง”
“รุ่นพี่คนนี้เหรอ”
หลี่มู่ซือหัวเราะเหอะๆ “รุ่นพี่ของเธอคนนี้เป็นเจ้านายของฉันเชียวนะ เป็นประธานบริษัทของฉัน!”
“หา?”
ฉินชิงตะลึง มองลู่เฉินด้วยสายตาคาดไม่ถึง
ฉินชิงรู้ว่าลู่เฉินเป็นศิลปินในวงการคนหนึ่ง และมีชื่อเสียงมาก กลับไม่รู้มาก่อนว่าเขากับหลี่มู่ซือมีความสัมพันธ์แบบเจ้านายกับลูกน้อง เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อจริงๆ
ฝ่ายหลังเป็นใคร ฉินชิงรู้ดีที่สุด!
หลี่มู่ซือบอกว่า “ฉันมาหาเขา พวกเธอทั้งสองคนขึ้นรถฉันมาเลย เดี๋ยวฉันไปส่งเธอก่อน”
ฉินชิงกลับมาสงบนิ่งอย่างรวดเร็ว เอ่ยพลางแย้มยิ้มน้อยๆ “ขอบคุณพี่มู่ซือค่ะ!”
เธอเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งที่ตำแหน่งข้างคนขับ
หลี่มู่ซือโบกมือ “เราเป็นพี่น้องกันขอบคุณทำไม แต่เธอต้องระวังเจ้านั่นให้ดีนะ หมอนั่นหลายใจ อย่าไปให้เขาหลอกได้!”
ลู่เฉินเพิ่งหย่อนก้นลงนั่งในรถก็ได้ยินฝ่ายนั้นนินทาเข้า เขายิ้มแห้ง “พี่มู่ซือ ผมหลายใจที่ไหนกัน”
เขาถูกใส่ความชัดๆ
ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยได้รู้จักและคบหากับหวังอิ๋งแล้ว เขาก็ไม่เคยจีบผู้หญิงคนอื่นอีกเลย จนถึงตอนนี้ แม้จะรู้จักผู้หญิงดีๆ หลายคน แต่ไม่เคยไปตามจีบใครก่อนเลย
เช่นเยี่ยจื่อถง มู่เสี่ยวชู หรือแม้กระทั่งเฉินเฟยเอ๋อร์
เพราะความสนใจทั้งหมดของลู่เฉินในตอนนี้อยู่ที่งานของตัวเองทั้งหมด
ถ้ายังไม่ประสบความสำเร็จ หนี้สินของที่บ้านยังใช้ไม่หมด เขาจะไม่คิดเรื่องความรักส่วนตัวเป็นอันขาด
หลี่มู่ซือหันหลังกลับมามองเขา ดวงตาของเธอราวกับกำลังพูดว่า ‘ฉันรู้ไส้รู้พุงนายตั้งนานแล้ว!’
ลู่เฉินพูดไม่ออก
ฉินชิงเม้มปากยิ้ม “ฉันรู้แล้วค่ะ ฉันจะระวังตัว”
เห็นได้ชัดว่าเธอสนิทสนมกับหลี่มู่ซือ พูดคุยหัวเราะกันจนแทบไม่เหลือความเย็นชาอย่างในตอนแรก
หลี่มู่ซือขับรถที่เดิมทีเป็นของหลี่มู่ไป๋คันนี้ไปส่งฉินชิงที่โรงน้ำชาอวี่หมิงฉาย่วนก่อน
แล้วเธอค่อยพาลู่เฉินไปที่สโมสรส่วนตัวแห่งหนึ่ง
…………………………………………………………………………………….