Perfect Superstar - ตอนที่ 208 ฟ้าหลังฝน
ตอนที่ 208 ฟ้าหลังฝน
มิวสิควิดีโอเพลง ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ ใช้เวลาถ่ายทำที่ราชวิทยาลัยดนตรีภาคเหนือสองวัน
เดิมทีสามารถถ่ายเนื้อหาทั้งหมดให้เสร็จภายในวันเดียว แต่ฟางฮุ่ยรู้สึกดีกับการถ่ายทำครั้งนี้มาก จึงเพิ่มเติมรายละเอียดเข้าไปอีก ผลลัพธ์คือต้องถ่ายเพิ่มอีกหลายฉาก จนถึงตอนสุดท้ายเธอก็ยังรู้สึกอารมณ์ค้าง ไม่อยากจะเลิกถ่าย เสียดายที่ครั้งนี้เตรียมตัวมาไม่ดีพอ
ลู่เฉินยังไงก็ได้ สำหรับลู่เฉินการถ่ายมิวสิควิดีโอเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ แม้แต่ในความฝันของโม่หรานก็ยังไม่เคยถ่ายทำมิวสิควิดีโอเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวเขา เขารู้สึกว่ามันน่าสนใจมาก
สิ่งที่เขาได้รับมากที่สุดในครั้งนี้ไม่ใช่การได้สัมผัสความรู้สึกของการถ่ายทำ แต่เป็นการได้รู้จักกับฟางฮุ่ย
ฟางฮุ่ยเป็นผู้กำกับหญิงที่พิเศษคนหนึ่ง เธออายุสี่สิบกว่าปีแล้ว หน้าตาธรรมดาค่อนไปทางขี้เหร่ แต่กลับทำงานละเอียดลออ เข้าใจความรักของวัยรุ่นที่ไม่ชัดเจนเป็นอย่างดี
เนื้อหาของมิวสิควิดีโอมีไม่มาก ฟางฮุ่ยทำความเข้าใจและเข้าถึงเนื้อหาได้ดีที่สุด
ชื่อเสียงของเธอในวงการไม่ค่อยโด่งดัง แต่ความสามารถและพรสวรรค์ในการกำกับการแสดงของเธอเป็นที่ประจักษ์ ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัย!
บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดเชิญเธอมาเป็นผู้กำกับมิวสิควิดีโอเพลงหลักในอัลบั้มชุดแรกของวงเอ็มเอสเอ็น เลือกไม่ผิดแน่นอน
ระหว่างการถ่ายทำ ลู่เฉินได้พูดคุยกับฟางฮุ่ยแล้วรู้สึกเคารพนับถือเธอเป็นอย่างยิ่ง
ฟางฮุ่ยก็รู้สึกดีกับลู่เฉิน ความรู้สึกดีแบบนี้เหมือนป๋อเล่อที่ได้พบกับม้าชั้นดี[1] นักแกะสลักเจอหยกชั้นยอด อดไม่ได้ที่คิดอยากจะได้มาครอบครอง
ตอนนี้ตลาดภาพยนตร์ในประเทศกำลังมีการเปลี่ยนแปลงทิศทาง หลังจากถูกลบล้างและโจมตีจากธุรกิจภาพยนตร์ขนาดใหญ่จากต่างประเทศมาสิบกว่าปี ผู้ชมในประเทศเริ่มเบื่อหน่ายการดูภาพยนตร์ที่ใช้เทคนิคพิเศษและภาพที่สร้างจากคอมพิวเตอร์กราฟิกเต็มทีแล้ว
เศรษฐกิจที่พัฒนาขึ้นทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนสุขสบาย และเริ่มค้นหาสิ่งที่จะมาจรรโลงใจมากขึ้น เมื่อคำว่า ‘ความสุขทางสายตา’ มาแทนที่คำว่าน่าเบื่อ ผู้คนก็ยิ่งไขว่คว้าหาความสุขในระดับที่สูงขึ้น
ดังนั้นภาพยนตร์ที่แอบแฝงด้วยลักษณะพิเศษและความนัยมากมาย ทั้งหนังย้อนยุค หนังชีวิตวัยรุ่น หนังตลกคอมเมดี้จึงค่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่ตลาด แล้วยิ่งเจริญเติบโตมากขึ้น
ฟางฮุ่ยเพ่งเล็งที่ตลาดภาพยนตร์วัยรุ่น
เธอคิดอยากจะกำกับหนังชีวิตวัยรุ่นต้นทุนต่ำในปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า เพื่อให้ทันเทศกาลแห่งความรักในปี 2016
แต่ปัญหาอยู่ที่แม้ฟางฮุ่ยจะหาทีมงานและหาเงินลงทุนมาได้จากหลายแหล่ง แต่กลับยังไม่มีเรื่องราวที่เหมาะสม
หรือถ้าจะพูดให้ชัดเจนยิ่งขึ้นก็คือ ยังไม่เจอเรื่องราวที่ทำให้เธอตะลึงพรึงเพริดได้!
ฟางฮุ่ยคิดว่าถ้าตัวเองเลือกเรื่องได้แล้ว ลู่เฉินจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกพระเอกของเธอ
ทั้งรูปลักษณ์และทักษะการแสดงของลู่เฉิน ทำให้ฟางฮุ่ยพอใจ
แน่นอน ตอนนี้เธอต้องเก็บพับความคิดนี้ลงไปก่อน บางทีอาจมีเหตุผลอย่างนั้นอย่างนี้มาทำให้เธอล้มเลิกความตั้งใจ หรือบางทีเมื่อหาเรื่องที่เหมาะสมได้แล้ว ลู่เฉินอาจจะไม่เหมาะกับบทพระเอก
ฟางฮุ่ยไม่ได้ยื่นข้อเสนอหรือให้สัญญาอะไรกับลู่เฉิน ทั้งสองเพียงแลกช่องทางการติดต่อให้กันอย่างยินดี
ลู่เฉินจดจำเรื่องนี้เอาไว้ในใจ
สำหรับลู่เฉินในตอนนี้ ถ่ายภาพยนตร์หรืออะไรก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือเขาต้องกลับบ้าน!
หลังจากถ่ายทำมิวสิควิดีโอเพลง ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ เสร็จสิ้น ลู่เฉินกับลู่ซีก็เดินทางกลับปินไห่ด้วยกัน
กลับมาถึงบ้านที่แท้จริงของตัวเองแล้ว
“หา!”
ฟางอวิ๋นที่กำลังหั่นผักอยู่ในครัวได้ยินเสียงเปิดประตูก็หันหลังกลับมามอง ครั้นเห็นลู่เฉินกับลู่ซีเดินเข้ามาในบ้าน ก็ตกใจจนร้องออกมา “พวกลูกกลับมาได้ยังไง”
มีดเกือบบาดถูกนิ้วของเธอ
ลู่เฉินที่เดินนำเข้าประตูมาก่อนยิ้มพลางพูดว่า “แม่ ผมกับพี่กลับมาเซอร์ไพรส์แม่ไงครับ!”
ไม่ใช่แค่มาเซอร์ไพรส์เฉยๆ วันที่ 18 ตุลาคม เมืองหังโจวมีงานแสดงคอนเสิร์ตรวมศิลปิน เขาเป็นนักร้องรับเชิญต้องขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีสองเพลง สัญญางานนี้เพิ่งเซ็นไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สิ่งที่เรียกว่าคอนเสิร์ตรวมศิลปินคือศิลปินนักร้องหลายคนถูกบริษัทรับจัดงานแสดงหรือบริษัทเอเจนซี่นำมารวมตัวกันเพื่อจัดแสดงคอนเสิร์ต ค่าจ้างขึ้นอยู่กับระดับความโด่งดัง
เมื่อเทียบกับคอนเสิร์ตเดี่ยวที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ คอนเสิร์ตรวมศิลปินมีความเสี่ยงต่ำกว่ามาก และยิ่งเป็นที่ยอมรับของผู้ชม
ตอนนี้เป็นเค้กก้อนใหญ่ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงมาก นักร้องส่วนใหญ่มักเคยร่วมงานแสดงคอนเสิร์ตรวมศิลปินมาแล้วหนึ่งครั้งหรืออาจมากกว่านั้น ศิลปินบางคนถึงกับแย่งกันไปร่วมงานคอนเสิร์ตรวมศิลปินโดยเฉพาะ จนหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ
ลู่ซีตกลงเซ็นสัญญาให้ลู่เฉินในอัตราค่าจ้างที่ไม่สูง เพียงแค่หนึ่งแสนห้าหมื่นเท่านั้น แต่ก็นับว่าค่อนข้างเหมาะสมกับสถานะของเขาในวงการ ณ ขณะนี้ ราคาต่ำไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่เพราะสถานที่จัดแสดงอยู่ที่เมืองหังโจว ลู่เฉินนับว่าเป็นคนในพื้นที่ ยิ่งไปกว่านั้นสถานีโทรทัศน์เจ้อตงยังเป็นหนึ่งในผู้จัดงานนี้ ดังนั้นลู่ซีจึงตัดสินใจตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
ความจริงช่วงนี้ผู้ที่มาติดต่องานกับสตูดิโอลู่เฉินมีไม่น้อย ลู่ซีเพียงแค่ไม่ได้รับมั่วซั่วเท่านั้นเอง
ระดับของลู่เฉินไม่ใช่แค่นักร้องขั้นสองดาวหรือสามดาวหรอกนะ
เมื่อต้องมาเล่นคอนเสิร์ตที่เมืองหังโจว ก็ต้องกลับมาเยี่ยมบ้านด้วย ดังนั้นจึงเกิดเซอร์ไพรส์ในวันนี้!
“พี่ชาย!”
ลู่เสวี่ยพุ่งออกมาจากห้อง ร้องเสียงแหลมวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของลู่เฉิน
ตอนนี้เธอรู้สึกรักลู่เฉินมากกว่าแต่ก่อนมาก
เพราะลู่เฉินแอบส่งเงินให้ลู่เสวี่ยใช้ไม่น้อย อีกทั้งหลังจากที่ลู่เฉินมีชื่อเสียงมากขึ้น กอปรกับเธอเป็นคนสวย เธอยังกลายเป็นคนดังในโรงเรียน แม้แต่คุณครูยังต้องมองเธอใหม่เลย
‘นี่เธอดูสิ นี่ไงน้องสาวของลู่เฉิน!’
‘ใครคือลู่เฉิน’
‘ลู่เฉิน เธอไม่รู้จักเหรอ คนที่ร้องเพลง ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ เพลง ‘ดอกไม้เหล่านั้น’ เพลง ‘ดวงดาวส่อง…’
‘หา เธอเป็นน้องสาวของลู่เฉินเหรอ!’
คำวิจารณ์เหล่านี้ทำให้สาวน้อยหัวใจพองโตอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
พักหลังนี้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มีรอยยิ้มและหัวเราะได้ทุกวัน
ลู่เสวี่ยไม่ใช่เด็กสาวที่ตื้นเขิน เธอเคยผ่านความยากลำบากเมื่อครั้งครอบครัวล้มละลาย เธอเข้าใจดีว่าชีวิตอันแสนสุขของเธอในตอนนี้ได้มาได้อย่างไร
เธอกอดลู่เฉินแน่นราวกับปลาหมึกยักษ์ เหมือนกับกอดโลกใบนี้เอาไว้ทั้งใบ
ลู่ซีที่ยืนอยู่ข้างหลังเหลือกตามองบน
ลู่เสวี่ยทำหน้าทะเล้นแลบลิ้นใส่พี่สาว
ลู่เฉินกอดน้องสาว “อืม อ้วนขึ้นตั้งเยอะ”
“ที่ไหนกันเล่า!”
ได้ยินคำนี้ ลู่เสวี่ยเหมือนลูกแมวที่ขนพองฟูเพราะโดนเหยียบหาง รีบขู่ฟ่อทันที “ที่ไหนเล่า!”
ลู่เฉินหัวเราะเหอะๆๆ
ลู่เสวี่ยพูดแก้เก้อ “หนูก็แค่…อ้วนขึ้นอย่างมากแค่โลเดียวเอง เยอะที่ไหนกัน!”
เธองอนตุ๊บป่องยื่นมือไปหาลู่เฉิน “ไหนล่ะของขวัญของหนู”
ขณะที่พี่ชายน้องสาวกำลังหยอกล้อกันอยู่ทางนี้ ฟางอวิ๋นที่อยู่ทางนั้นรีบถอดผ้ากันเปื้อนออก แล้วพูดว่า “แม่จะไปซูเปอร์มาร์เก็ตซื้อกับข้าวเพิ่ม พวกลูกนี่จริงๆ เลย จะกลับมาก็ไม่โทรมาบอกก่อน!”
ลู่เฉินกับลู่ซีมองหน้ากันแล้วยิ้ม
ตอนแรกลู่ซีคิดอยากจะโทรศัพท์มาบอก แต่ถูกลู่เฉินห้ามไว้
เพราะลู่เฉินอยากจะเซอร์ไพรส์แม่ของเขา เซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่!
ลู่ซีบอกว่า “แม่ เดี๋ยวหนูไปเป็นเพื่อน”
สำหรับลู่เฉิน ไม่มีเรื่องใดที่จะมีความสุขมากไปกว่าการได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้า ได้รับประทานอาหารฝีมือแม่
ลู่ซีเป็นลูกมือคอยช่วย ฟางอวิ๋นทำอาหารเต็มโต๊ะ
ตอนเริ่มรับประทาน ฟ้ามืดสนิทแล้ว
ลู่ซีเปิดไวน์ที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต รินให้ฟางอวิ๋น ลู่เฉิน และตัวเอง แม้แต่ลู่เสวี่ยเธอก็ยังรินให้ครึ่งแก้ว
ขอบตาของฟางอวิ๋นแดงเรื่อ
ต้องเคยสูญเสียถึงจะรู้คุณค่า เมื่อก่อนการรับประทานอาหารพร้อมหน้าเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ทุกวันนี้ลู่เฉินกับลู่ซีไปทำงานในเมืองหลวง เดาได้เลยว่าในอนาคต วันเวลาแบบนี้คงจะหาได้ยาก
บรรยากาศในห้องรับแขกเงียบลง
ลู่เสวี่ยฉลาดมากรีบพูดทำลายความเงียบขึ้นว่า “พี่ชาย พี่ต้องให้ลายเซ็นหนูหลายๆ ใบนะ เพื่อนๆ หนูอยากได้!”
ลู่เฉินยิ้ม “เธอบอกพี่เป็นสิบรอบแล้ว ครั้งนี้พี่เอาซีดีกลับมาตั้งเยอะ ให้เป็นซีดีไปเลยก็แล้วกัน!”
การจัดทำและผลิตซีดีอัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ลู่เฉินมอบให้เป็นบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดจัดการ ก่อนที่เขาจะมาปินไห่ แผ่นซีดีเพลงทั้งหมดผลิตเสร็จแล้ว ของที่ระลึกกำลังเร่งผลิต
ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงนำกลับมาด้วยหลายสิบแผ่น
ลู่เสวี่ยร้องตะโกนด้วยความดีใจ “เยี่ยมไปเลย!”
เธอยื่นหน้าเข้ามาจุ๊บแก้มลู่เฉินหนึ่งที “พี่ชายดีที่สุดเลย!”
ลู่เฉินทำท่ารังเกียจ “มีแต่น้ำมัน!”
ฟางอวิ๋นกับลู่ซีหัวเราะ บรรยากาศกดดันเมื่อครู่หายไปหมดสิ้น
ลู่เสวี่ยหันไปถลึงตาใส่พี่ชาย แล้วถามอย่างสงสัยว่า “พี่ชาย เรื่องของพี่กับเฉินเฟยเอ๋อร์จริงหรือเปล่า”
ข่าวของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ช่วงนั้นเป็นข่าวพาดหัวของวงการบันเทิง ฟางอวิ๋นกับลู่เสวี่ยต้องรู้แน่นอน
ฟางอวิ๋นดีใจมาก แต่สุดท้ายก็ดีใจเปล่า
ลู่เสวี่ยกลับไม่ยอมตัดใจ คิดว่าถ้ามีพี่สะใภ้เป็นซูเปอร์สตาร์ละก็…เป็นเรื่องที่เท่สุดๆ ไปเลย!
ลู่เฉินทำหน้าไม่ถูก “ไม่ใช่ว่าเป็นข่าวโคมลอยไปแล้วเหรอ พี่กับเฉินเฟยเอ๋อร์แค่ร่วมงานกันเท่านั้น เด็กน้อยอย่างเธอตั้งใจเรียนอย่างเดียวก็พอแล้ว เรื่องของผู้ใหญ่ไม่ต้องถาม!”
ลู่เสวี่ยเบะปาก “หนูอายุสิบแปดเต็มแล้วนะ…”
ลู่เฉินกลัวว่าเธอจะบ่นต่อ หันไปพูดกับฟางอวิ๋นว่า “แม่ครับ ผมขายหุ้นได้เงินมาก้อนหนึ่ง กลับมาครั้งนี้ผมจะคืนหนี้ของบ้านเราให้หมดเลย”
แป้ก!
ตะเกียบในมือของฟางอวิ๋นร่วงลงบนโต๊ะอาหาร เธอถามอย่างตกใจ “ลูกว่าอะไรนะ”
เธอไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง!
ลู่ซีเอ่ยปลอบประโลมว่า “แม่คะ เป็นเรื่องจริง ลู่เฉินเปิดบริษัทร่วมกับคนอื่น ตอนนี้บริษัทมีมูลค่าสูงขึ้นเลยขายหุ้นไป เงินที่ได้มาไม่เพียงแต่ใช้หนี้ได้หมด ยังเหลือไปไถ่ถอนวิลล่าของเราออกมาได้ด้วย”
ฟางอวิ๋นพูดไม่ออก
เดิมทีลู่ชิ่งเซิงประสบปัญหาทางธุรกิจ ได้ขอยืมเงินจากเพื่อนทั้งหมดสิบห้าล้าน ภายหลังล้มละลายชดใช้หนี้ไปได้เพียงห้าล้านกว่า ยังเหลือหนี้อีกสิบกว่าล้านที่ทิ้งไว้ให้เธอและลูกอีกสามคนรับผิดชอบ
หนี้สินก้อนนี้ฟางอวิ๋นกัดฟันแบกรับมันไว้
เธอเคยคิดว่าหนี้ของครอบครัวชาตินี้คงจะใช้ไม่หมด คิดไม่ถึงว่าลู่เฉินไปอยู่ปักกิ่งได้แค่ปีเดียว อยู่ๆ ก็ได้เข้าสู่วงการบันเทิง หาเงินมาได้สองล้านกว่า
ตอนนี้ยังเหลือหนี้อยู่อีกเจ็ดล้าน ลู่ซีรู้เรื่องราวเหล่านี้ดี
ในเมื่อลู่ซีบอกว่าสามารถใช้หนี้ได้หมด แล้วยังเหลือเงินไปไถ่ถอนบ้านวิลล่าที่ถูกธนาคารยึดไปคืนมา…
ลู่เฉินหาเงินได้เท่าไร
ฟางอวิ๋นไม่อยากจะเชื่อ รู้สึกเหมือนเป็นความฝันไม่ใช่ความจริง
ลู่เสวี่ยยังใสซื่อ เธอกระโดดโลดเต้น “จริงหรือเปล่า พวกเราจะได้ย้ายกลับไปแล้ว?”
บ้านวิลล่าหลังนั้นมีความทรงจำที่สวยงามที่สุดในชีวิตของเธออยู่
ลู่เฉินลูบศีรษะน้องสาวอย่างทะนุถนอม “จริงสิ พวกเราจะได้กลับบ้านแล้ว!”
นี่เป็นความฝันของเขาตลอดมา
จากเดิมที่คิดว่าฝันไม่มีทางเป็นจริง จนกระทั่งเชื่อว่าความฝันนี้จะสมปรารถนาในอีกสองสามปี จนตอนนี้…
กลายเป็นฟ้าหลังฝนที่สวยงาม!
…………………………………………………………………………………..
[1] ป๋อเล่อ เป็นตำแหน่งของผู้ดูแลม้า และเสาะหาม้ามาให้ราชสำนักใช้งานในสมัยโบราณ เนื่องจากม้ามีความสำคัญมากต่อกองทัพและการสงคราม