Perfect Superstar - ตอนที่ 210 เดินพรมแดง
ตอนที่ 210 เดินพรมแดง
งานคอนเสิร์ตรวมศิลปินที่ลู่เฉินไปร่วมแสดง คืองานเฉลิมฉลองจัตุรัสวัฒนธรรมซีจื่อและพีธีเปิดเทศกาลวัฒนธรรมซีจื่อในเมืองหังโจว
จัตุรัสวัฒนธรรมซีจื่อเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญ ที่ปีนี้เทศบาลนครดำเนินการสร้างแล้วเสร็จ ทั้งยังดึงดูดกิจการภาคเอกชนเข้ามาร่วมสร้างด้วย ดังนั้นการเฉลิมฉลองดูจะยิ่งใหญ่มากกว่าปกติ แค่คอนเสิร์ตครั้งนี้ก็เชิญศิลปินมาร่วมงานตั้งยี่สิบกว่าคน เรียกได้ว่าแสงดาวเจิดจรัส
ศิลปินซูเปอร์สตาร์หนึ่งในนั้นคือหลีซิ่งซึ่งเป็นทั้งนักร้องดาราภาพยนตร์และดาราโทรทัศน์ ดาราสาวอายุสามสิบกว่าปีคนนี้เคยได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์ที่เธอแสดง เคยออกอัลบั้มส่วนตัวมาแล้วสองชุด ละครโทรทัศน์ที่แสดงล้วนมียอดเรตติ้งสูงเป็นหลักประกัน
เอ่ยถึงตำแหน่งในวงการ หลีซิ่งเหนือกว่าเฉินเฟยเอ๋อร์ไปอีกขั้น เป็นซูเปอร์สตาร์ระดับสูงสุดของประเทศคนหนึ่ง
คอนเสิร์ตครั้งนี้เชิญหลีซิ่งมาได้ เพราะหลีซิ่งเป็นคนหังโจว
นอกจากนี้ ยังมีหลิวจงฮั่นซึ่งเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับสูงที่มีชื่อเสียง เขามาจากฮ่องกง ตอนนี้เข้ามาแสวงหาความก้าวหน้าในหน้าที่การงานในประเทศจีน ถนัดการร้องเพลงรักและเพลง R&B ทั้งยังเขียนเพลงเองได้ด้วย เคยออกอัลบั้มขายดีมาแล้วมากมาย
นอกจากหลีซิ่งและหลิวจงฮั่นแล้ว ที่เหลือล้วนเป็นนักร้องระดับสองระดับสาม รวมทั้งลู่เฉินด้วย
พูดตามจริงพวกเขามาเพื่อให้ครบจำนวนคน ดังนั้นจึงเรียกว่าคอนเสิร์ตรวมศิลปิน
ในเมนูรวมจานใหญ่นี้มีหลีซิ่งและหลิวจงฮั่นเป็นเมนูหลักที่ดึงดูดผู้คนอย่างไม่ต้องสงสัย ว่ากันว่าเมื่อครึ่งเดือนก่อนก็เปิดจำหน่ายบัตรจนหมดเกลี้ยงแล้ว ค่าโฆษณาก็ได้มากมาย
แถมยังมีสถานีโทรทัศน์เจ้อตงมาถ่ายทอดสดด้วย
ปกติแล้วคอนเสิร์ตแบบนี้ ศิลปินหลายคนต่อให้ไม่ได้เงินก็อยากมาแสดง ลู่เฉินเข้ามาเป็นหนึ่งในนี้ได้ หลักๆ แล้วเป็นเพราะเขาเป็นคนมณฑลนี้
หลังจากลู่ซีได้รับคำเชิญแล้ว ก็รีบตกลงเซ็นสัญญาทันที
ตอนหกโมงเย็น ภายใต้การจัดการของคณะกรรมการจัดงาน ลู่เฉินได้นั่งรถรับรองมาถึงสนามกีฬา
คอนเสิร์ตนี้จัดขึ้นที่สนามกีฬาซีหู จัตุรัสวัฒนธรรมซีจื่ออยู่ทางทิศใต้ของสนามกีฬา ห่างจากทะเลสาบซีหูอันมีชื่อเสียงเพียงไม่กี่ร้อยเมตร
ฟ้าเพิ่งเริ่มมืดลง นอกสนามกีฬาซีหูมีผู้คนล้นหลาม เดินเบียดเสียดกันไปมาตามท้องถนน
แต่รถรับรองศิลปินย่อมไม่ถูกขัดขวาง
เพราะงานเฉลิมฉลองวันนี้ ทางคณะกรรมการจัดงานได้จัดให้ศิลปินเดินบนพรมแดง
เมื่อก่อน การเดินพรมแดงนั้นเป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่ มักใช้กับงานเทศกาลภาพยนตร์ขนาดใหญ่
แต่ต่อมาหลังจากอุตสาหกรรมบันเทิงในประเทศรุ่งเรือง การเดินพรมแดงก็ถูกลดค่าลงมาก
ขอแค่เชิญดารานักแสดงหรือคนดังมา แม้แต่บริษัทที่จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ยังปูพรมแดงไว้ เพื่อเชิญสื่อมวลชนมาถ่ายรูปช่วยโปรโมต จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
ทุกคนเห็นจนไม่รู้สึกแปลกอีกต่อไป
คอนเสิร์ตเทศกาลวัฒนธรรมซีจื่อก็ไม่ละเว้น มีดาราศิลปินเกือบสามสิบคนมาร่วมเดินพรมแดง
แน่นอนว่ามาตรฐานของการเดินพรมแดงนั้นลดลง แต่กฎเกณฑ์พื้นฐานไม่ได้ถูกเปลี่ยน
นั่นก็คือการเดินตามลำดับขั้นของความโด่งดัง คนที่โด่งดังกว่าได้เดินก่อน
ลู่เฉินถูกจัดให้อยู่ในรถคันที่สิบสอง คนที่เดินพรมแดงร่วมกับเขาคือนักแสดงสาวอีกคนชื่อไป๋เวย
ไป๋เวยเป็นนักแสดง เธอเข้าวงการมาได้ห้าหกปีแล้ว ได้เล่นละครโทรทัศน์มาหลายเรื่อง
ในความทรงจำของลู่เฉิน เธอเป็นนักแสดงตัวประกอบในละครเรื่องหนึ่ง หน้าตาเธอสะสวย ทักษะการแสดงก็ใช้ได้
เธอคนนี้แม้ชื่อเสียงไม่โด่งดังนัก แต่ค่อนข้างเย่อหยิ่งเย็นชา เมื่อเข้ามานั่งในรถเธอแค่พยักหน้าให้ลู่เฉินถือเป็นการทักทาย ไม่สนใจไยดีคำถามไถ่ด้วยมารยาทที่เป็นมิตรจากลู่เฉิน
เอาแต่ใช้นิ้วปัดหน้าจอมือถืออย่างเดียว
ในเมื่อฝ่ายนั้นเย็นชา ลู่เฉินก็ไม่อยากตีหน้าชื่นเข้าไปตีสนิทกับเธอ
เพียงแต่บรรยากาศในรถน่าอึดอัดนิดหน่อย
โชคดีที่ระยะทางจากโรงแรมมาถึงสนามกีฬานั้นใกล้มาก ไม่นานรถรับรองที่ลู่เฉินนั่งมาก็มาจอดตรงจุดเริ่มต้นของพรมแดงอย่างนิ่มนวล
พนักงานชายสวมชุดสูทสีดำช่วยเปิดประตูรถให้เขา ลู่เฉินมุดออกมาจากตัวรถทันที
แชะๆๆ!
แสงแฟลชสว่างรัวๆ ไปทั่ว ทำให้เขาตกใจ
คนเยอะเหลือเกิน!
ด้านหน้าลู่เฉินคือพรมแดงที่ทอดยาวไปถึงประตูสนามกีฬา ระยะทางประมาณห้าสิบเมตร ดูหรูหราอลังการ
สองด้านของทางเดินพรมแดงมีเชือกเซฟตี้คาดไว้ หลังเชือกนั้นมีคนมุงดูอยู่เป็นจำนวนมาก หัวดำๆ ของผู้คนเต็มไปหมด ยังมีป้ายไฟที่ถูกยกขึ้นสูง แสงไฟหลากสีเรียงเป็นตัวอักษรชื่อของศิลปินแต่ละคน
ฝูงชนที่มุงดูอยู่ย่อมมีนักข่าวและช่างภาพปะปนอยู่ด้วย กล้องถ่ายรูปทั้งแบบที่ใส่เลนส์สั้นและเลนส์ยาวเต็มไปหมด ยังไม่นับโทรศัพท์มือถือนับไม่ถ้วนที่กดถ่ายรูป การเดินบนพรมแดงช่างทำให้คนรู้สึกเลือดร้อนเดือดปุดๆ!
ราวกับเกียรติยศนับพันนับหมื่นรวมอยู่ที่ตัวเอง รู้สึกถึงความสำเร็จ
ตอนที่อยู่ในรถไป๋เวยเย็นชา แต่เมื่อเริ่มเดินบนพรมแดงเธอเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน รอยยิ้มเกลื่อนหน้าดูสดใส เดินไปไม่กี่ก้าวก็หยุดโพสท่า สะบัดกระโปรงยาวเฟื้อยยี่ห้อแอร์เมส
คืนนี้ลู่เฉินแต่งชุดเป็นทางการ สูทของอาร์มานี่ทำให้รูปร่างของเขายิ่งดูสมบูรณ์แบบ ยังมีท่าทางที่มั่นใจ ดึงดูดกล้องจำนวนนับไปถ้วนให้หันไปจับภาพ
สูทชุดนี้ลู่ซีเป็นคนเลือกให้เขาเมื่อคืน
รสนิยมของพี่สาวดีมาก
แม้จะร่วมเดินบนพรมแดงด้วยกัน แต่ลู่เฉินกับไป๋เวยต่างคนต่างเดิน ทั้งสองไม่ข้องเกี่ยวกัน
ทั้งสองเดินห่างกันเมตรกว่า ปลอดภัยจนไม่มีทางเป็นข่าวได้แน่นอน
“ลู่เฉิน!” “ลู่เฉิน!”
ตอนที่ลู่เฉินเดินไปถึงครึ่งทาง จู่ๆ ก็มีคนตะโกนเรียกชื่อเขา
เขาหันหลังกลับไปมอง เห็นว่าเป็นกลุ่มแฟนคลับเด็กสาวที่พยายามเบียดเสียดเข้ามาด้านหน้า โดยไม่สนใจการห้ามปรามของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พวกเธอร้องตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า “ลู่เฉิน ฉันรักคุณ!”
ตอนแรกลู่เฉินอึ้งไป แล้วตามมาด้วยความประทับใจ
แฟนคลับกลุ่มนี้ยังดูเด็ก น่าจะยังอยู่ในวัยเรียน พวกเธอเบียดเสียดกับผู้คนจนเสื้อผ้ายับไปหมด มองดูแล้วน่าอนาถใจนัก แต่ยังคงจับป้ายไฟในมือที่เขียนชื่อลู่เฉินแน่น
โบกป้ายไฟมาทางเขาอย่างกระตือรือร้น!
ลู่เฉินไม่ลังเล เดินเข้าไปทางนั้นยิ้มทักทาย “สวัสดีครับ!”
“กรี๊ด!”
เด็กสาวทั้งหลายกรีดร้องอย่างดีใจ ตื่นเต้นจนหน้าแดงไปหมด
หนึ่งในนั้นอึกอักถามว่า “ลู่…ลู่เฉิน ช่วยเซ็นชื่อให้ฉันได้ไหมคะ”
ลู่เฉินยิ้ม “ได้แน่นอนครับ มีปากกาไหม เซ็นตรงไหนดี”
เด็กสาวไม่คิดว่าการเรียกของพวกเธอจะทำให้ลู่เฉินเข้ามาหา และท่าทีของเขายังเป็นมิตรใจดีขนาดนี้
พวกเธอเตรียมมาแล้ว รีบหยิบปากกาออกมาทันที ยังดึงเอาเสื้อยืดของตัวเองยื่นให้
“เซ็นตรงนี้ เซ็นตรงนี้!”
ลู่เฉินกระอักกระอ่วน แต่ก็ทำตามความประสงค์ของพวกเธอ เซ็นชื่อของตัวเองลงไปบนเสื้อยืด
เซ็นชื่อเสร็จ เหล่าเด็กสาวยิ่งได้คืบจะเอาศอก ขอถ่ายรูปคู่อีก
“คุณลู่เฉิน…”
น่าเสียดายที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ล้อมอยู่ไม่เห็นด้วย เพราะยังมีอีกหลายคนที่กำลังเบียดตัวมุ่งเข้ามาทางนี้
ลู่เฉินรีบยกมือขึ้นขออภัย แล้วรีบเดินบนพรมแดงต่อ
ทำให้เด็กสาวเหล่านั้นผิดหวัง
สถานการณ์แบบนี้ ใกล้ชิดกับแฟนคลับได้บ้าง แต่ไม่ควรหยุดอยู่นานเกินไป
ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดความวุ่นวาย
เขายังไม่ดังมากจึงยังพอจะเข้าไปเซ็นชื่อได้ ถ้าเป็นหลีซิ่งคงจะวุ่นวายจนเกิดจลาจล
ดังนั้นบางครั้งไม่ใช่ว่าซูเปอร์สตาร์ตั้งใจทำตัวหยิ่ง แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย
หลังจากเดินพรมแดงเรียบร้อยแล้ว ลู่เฉินก็เดินขึ้นไปบนแท่นต้อนรับแขก เซ็นชื่อของตัวเองลงบนผนังบิลบอร์ด
จากนั้นก็เป็นการถ่ายรูปของนักข่าว ยังมีการสัมภาษณ์จากสถานีโทรทัศน์เจ้อตง
ผู้รับหน้าที่สัมภาษณ์ศิลปินเป็นพิธีกรรายการคนหนึ่งของสถานีโทรทัศน์เจ้อตง ชื่อเถียนเถียน
พิธีกรคนนี้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยการสื่อสารจงหวา ร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์ได้เพียงหนึ่งปี เพราะเป็นคนสวย เสียงเพราะ จึงเป็นผู้ประกาศหญิงที่มีชื่อเสียง เป็นพิธีกรในรายการอาหารและดนตรีของทางสถานีที่เรตติ้งค่อนข้างสูง ได้รับความนิยมในอินเทอร์เน็ตด้วย ได้รับการยกย่องว่าเป็นพิธีกรสาวสวยอันดับหนึ่งของสถานีโทรทัศน์เจ้อตง
เถียนเถียนยังสาวมาก ถ้าพูดถึงเรื่องบุคลิกหน้าตาเพียงอย่างเดียว เธอดูดีกว่าศิลปินหญิงระดับสองระดับสามที่มาในวันนี้หลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอยิ้มจะปรากฏลักยิ้มบนแก้มทั้งสองข้าง
พอถึงคิวลู่เฉิน เธอจับมือทักทายกับลู่เฉินอย่างเป็นทางการ แล้วถามว่า “ลู่เฉิน ทุกคนรู้ว่าคุณเป็นคนปินไห่ เรียนมหาวิทยาลัยที่หังโจว ขอถามว่าคุณคิดยังไงกับการกลับมาแสดงคอนเสิร์ตที่บ้านเกิดครั้งนี้คะ”
ลู่เฉินยิ้ม “ผมดีใจมากที่ได้กลับมาร้องเพลงให้คนบ้านเกิดฟัง คืนนี้ผมจะพยายามอย่างสุดกำลัง รับรองว่าจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังครับ!”
เดินพรมแดง ถ่ายรูป สัมภาษณ์ล้วนเป็นเนื้อหาที่คณะกรรมการจัดงานจัดเตรียม รวมถึงคำถามของพิธีกรด้วย
ลู่เฉินแค่เตรียมคำตอบไว้ก็พอแล้ว
เถียนเถียนยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นขอให้คุณประสบความสำเร็จในคอนเสิร์ตคืนนี้ หวังว่าในอนาคตจะได้ฟังเพลงในคอนเสิร์ตเดี่ยวของคุณที่นี่นะคะ!”
ลู่เฉินพยักหน้า “ขอบคุณครับ!”
สัมภาษณ์จบ ศิลปินดาราถ่ายภาพร่วมกัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ในงานก็เริ่มพาศิลปินทุกคนเดินไปตามทางเดินของเจ้าหน้าที่
ทางเดินของเจ้าหน้าที่ทอดยาวเข้าไปสู่ห้องแต่งหน้าหลังเวทีในสนามกีฬา การแสดงจริงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
พิธีกรเถียนเถียนกับเจ้าหน้าที่เดินนำอยู่ด้านหน้า ช่างภาพเดินตามอยู่หลังเธอ ถัดมาคือลู่เฉินและศิลปินอีกสองคน เดินกันเป็นขบวนลงบันไดจากแท่นรับรองแขก
ตอนนี้เอง ท่ามกลางฝูงชนที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าเมตร มีชายคนหนึ่งอาศัยจังหวะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ระวังตัว จู่ๆ ก็บุกข้ามเชือกกั้นเข้ามา กระโดดเข้ามาถึง ‘เขตต้องห้าม’ ด้านใน
ชายหนุ่มคนนี้สวมเสื้อแจ็กเก็ตสีน้ำตาลดำ สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า มือของเขาถือป้ายไฟที่ส่องแสงอยู่ แต่เมื่อข้ามเชือกกั้นเข้ามาได้ เขาก็ขว้างมันทิ้ง สาวเท้ามาด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
ขณะที่วิ่ง ชายหนุ่มหยิบขวดแก้วออกมาจากในเสื้อ เปิดฝาขวดออกอย่างคล่องแคล่ว
ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เถียนเถียน ฉายแววเต้นระริกบ้าคลั่ง!
เรื่องเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อชายหนุ่มบุกมาจนเหลือระยะห่างจากเถียนเถียนเพียงสี่ห้าเมตร ศิลปินที่เพิ่งเดินลงมาจากแท่นรับรองแขก ถึงได้รู้ตัว ต่างตกใจกรีดร้องเสียงแหลมออกมา
แม้แต่เจ้าหน้าที่ที่เดินนำอยู่หน้าสุดก็ตกใจ เขารีบถอยหลังไปทันที
ไปชนเข้ากับช่างกล้องพอดี
เกิดเป็นความอลหม่านขึ้นมา!
…………………………………………..