Perfect Superstar - ตอนที่ 280 เจนนิเฟอร์
ตอนที่ 280 เจนนิเฟอร์
หลังจากแสดงเพลง ‘เจ้าผีเสื้อจงบินไป’ จบ เด็กหนุ่มทั้งสามคนเหน็ดเหนื่อยจนแทบหมดแรง
แต่พวกเขายังคงยืนตรงเหมือนปากกา แม้ร่างทั้งร่างจะสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ก็ยังพยายามยืดหลังให้ตรง ราวกับนักรบที่กำลังรอการตรวจแถว สายตาทั้งหมดจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของลู่เฉิน
ถ้าไม่ได้รับการฝึกหนักอย่างเข้มงวด คงทำไม่ได้ขนาดนี้
จินอันกั๋วกับครูหมิ่นก็มองไปที่ลู่เฉินด้วย รอคำวิจารณ์จากเขาอยู่เช่นกัน
ท่ามกลางการจับจ้องของทุกคน ลู่เฉินพยักหน้าพูดว่า “ดีมาก!”
ภายในเวลาสั้นๆ แค่สองเดือน สามารถฝึกจนได้ระดับนี้ไม่ง่ายเลย ท่าเต้นของเพลง ‘เจ้าผีเสื้อจงบินไป’ นั้นมีมาตรฐานดี คำนึงถึงจุดเด่นด้านระดับอายุของสมาชิกวงเสียวหู่ถวน ออกแบบท่าเต้นไม่เกินตัว จังหวะและการเคลื่อนไหวดูเข้มแข็ง
เด็กหนุ่มทั้งสามเต้นไปร้องไป เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าขนาดนี้ยังเต้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ เข้าขากันเป็นอย่างดีโดยไม่ต้องบอกกล่าว เสียงร้องไม่มีผิดเพี้ยน ช่างเป็นสิ่งที่ทำได้ยากจริงๆ
ดังนั้นลู่เฉินให้คำวิจารณ์ว่า ‘ดีมาก’ ไม่ได้พูดตามมารยาทจอมปลอม แต่ชื่นชมออกมาจากใจจริง
ใบหน้าผอมยาวของจินอันกั๋วเผยรอยยิ้ม เห็นสามหนุ่มยังอึ้งอยู่ ก็ขมวดคิ้วตำหนิพวกเขา “พวกนายยืนบื้ออยู่ทำไม”
พวกจางจวิ้นจื้อตื่นตัวขึ้นมาก แสดงความเคารพลู่เฉินอย่างพร้อมเพรียง “ขอบคุณอาจารย์ลู่ครับ!”
ลู่เฉินยิ้ม “ไม่ต้องเกรงใจ จางจวิ้นจื้อฉันรู้จัก อีกสองคนแนะนำตัวหน่อย”
เด็กหนุ่มสองคนมองหน้ากันไปมา คนที่ยืนอยู่ทางซ้ายของจางจวิ้นจื้อเริ่มแนะนำตัวเองก่อน “อาจารย์ลู่สวัสดีครับ ผมคือเสือบินหูอี้หรานแห่งวงเสียวหู่ถวน ขอคำชี้แนะด้วยครับ!”
พูดจบก็ก้มโค้งให้ลู่เฉิน ท่าทางแสดงความเคารพนี้ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี เป็นท่าที่ถูกต้องตามมาตรฐาน
“อาจารย์ลู่สวัสดีครับ ผมคือเสือเชื่อฟังเยวี่ยหยางแห่งวงเสียวหู่ถวน ขอคำชี้แนะด้วยครับ!”
สมาชิกอีกสองคนของวงเสียวหู่ถวน แน่นอนว่าต้องถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นส่วนสูง รูปร่าง หรืออายุ ล้วนใกล้เคียงกับจางจวิ้นจื้อ หูอี้หรานดูเป็นคนเข้มแข็งอดทน เหลี่ยมมุมบนใบหน้าชัดเจน โครงหน้าของจางจวิ้นจื้อกลับดูอ่อนโยนกว่ามาก ทำให้คนอื่นรู้สึกถึงคำว่า ‘น่าเอ็นดู’
เสือหล่อ เสือบิน และเสือเชื่อฟัง วงเสียวหู่ถวนทั้งสามคนแม้จะเป็นวงบอยแบนด์วงหนึ่ง แต่สมาชิกแต่ละคนจำเป็นต้องมีบุคลิกและจุดเด่นของตัวเอง แบบนี้พวกเขาแต่ละคนก็จะมีกลุ่มแฟนคลับเป็นของตัวเองตั้งแต่เริ่มเลย ต่อให้การแข่งขันกันเองจะร้อนแรงก็ยังเป็นเรื่องที่ดี ทำให้มีหัวข้อให้พูดคุยและการติดตามเพิ่มมากขึ้น
เด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีทั้งสามคนมีความเท่เฉพาะตัว เมื่อรวมกันเป็นวงเสียวหู่ถวน ทำให้คนดูรู้สึกตื่นตาตื่นใจ เชื่อว่าถ้าได้เดบิวต์เข้าสู่วงการบันเทิงจะต้องมีแฟนคลับวัยรุ่นมากมาย โดยเฉพาะแฟนคลับสาวๆ
ที่จริงแล้วตอนนี้จางจวิ้นจื้อที่ได้เล่นละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ได้รับความนิยมในอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างสูง ปัจจุบันนี้เขามีแฟนคลับติดตามในบล็อกล่างฉาวห้าแสนกว่าคนแล้ว เป็นการปูทางไปสู่การเดบิวต์อย่างเป็นทางการในปีหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย
ลู่เฉินพยักหน้า
เขามาที่ศูนย์ฝึกศิลปะซิงหยวนในครั้งนี้ หลักๆ แล้วเพื่อดูการฝึกซ้อมของวงเสียวหู่ถวน
ตามที่พี่หลีว่าไว้ ถ้าเด็กๆ เหล่านี้ทำได้ตามข้อเรียกร้อง ก็อาจจะได้เข้าวงการก่อนเวลา ถ้าไม่สามารถทำให้ลู่เฉินพอใจ ก็จะต้องฝึกซ้อมต่อไปอีกปีครึ่งถึงจะสมควร
แน่นอนว่าลู่เฉินไม่ได้มาช่วยฟรี แม้พี่หลีกับเฉินเฟยเอ๋อร์จะสนิทสนมกันมากก็ตาม เขามาเพราะได้ครอบครองหุ้นส่วนหนึ่งด้วย
การก่อตั้งวงเสียวหู่ถวนเป็นข้อเสนอแนะของลู่เฉิน และพี่หลีก็ตั้งใจจะนำมันไปสร้างเป็นแบรนด์บันเทิง การส่งสมาชิกของวงเข้าไปฝึกในศูนย์ฝึกศิลปะซิงหยวนเป็นเพียงด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งเธอนำชื่อ ‘เสียวหู่ถวน’ ‘เสือหล่อ’ ‘เสือบิน’ ‘เสือเชื่อฟัง’ ไปขึ้นทะเบียน ทั้งยังให้มืออาชีพออกแบบโลโก้บริษัทเป็นตัวการ์ตูน
ตามแผนของพี่หลี แบรนด์ ‘เสียวหู่ถวน’ หลังจากมีชื่อเสียงแล้วจะมอบลิขสิทธิ์ออกไป ให้นำไปใช้กับเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์กีฬา เครื่องเขียน ของเล่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
แล้วพี่หลีจะตั้งบริษัทเอกเทศ เพื่อรับผิดชอบจัดการและดำเนินกิจการทั้งหมดของแบรนด์นี้
ดังคำกล่าวที่ว่า เมื่อดื่มน้ำจะได้คิดถึงต้นน้ำ พี่หลีเตรียมหุ้นของบริษัทที่กำลังจะจดทะเบียนนี้ไว้ให้ลู่เฉินเป็นจำนวนไม่น้อยด้วย
ไม่ต้องให้เขาลงทุนสักหยวน และไม่ต้องเข้ามาจัดการ แค่รอส่วนแบ่งกำไรก็พอ!
ช่วงก่อนหน้านี้หลังจากดูแผนการของพี่หลีแล้ว ลู่เฉินอดไม่ได้ที่จะชื่นชมพี่หลีที่มีหัวธุรกิจ ความสำเร็จของเธอไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย
แน่นอนว่าบนโลกนี้ไม่มีข้าวให้กินฟรี แค่ความคิดและการสร้างสรรค์ไม่เพียงพอที่จะได้รับหุ้นเปล่าอย่างมากมายเช่นนี้ ลู่เฉินต้องรับผิดชอบเรื่องแต่งเพลงให้วงเสียวหู่ถวน และคอยให้คำปรึกษาแนะนำ
ความจริงเส้นทางที่ลู่เฉินเดิน ไม่เพียงแต่เป็นเส้นทางสู่จุดสูงสุดของศิลปิน ยังก้าวเข้าสู่การเป็น ‘พ่อทูนหัวแห่งดนตรี’ ด้วย เช่นวงเอ็มเอสเอ็น วงเสียวหู่ถวน ในอนาคตยังมีอีกมาก!
ในเมื่อวงเสียวหู่ถวนดูท่าทางไม่เลว ลู่เฉินก็ไม่อยากรบกวนการฝึกซ้อมอันขะมักเขม้นของหนุ่มๆ อีกต่อไป หลังจากพูดคุยกับพวกจินอันกั๋วอีกสองสามประโยคก็คิดจะจากไป
“พวกนายมาอยู่ตรงนี้ทำอะไรกัน”
ตอนนั้นเอง หน้าประตูห้องซ้อมมีหญิงสาวอายุยี่สิบกว่าปีรูปร่างสูงกำลังตำหนิเด็กหนุ่มเด็กสาวที่ล้อมอยู่หน้าประตู “กลับห้องซ้อมของตัวเองไป เวลาพักอย่าออกมาเพ่นพ่าน!”
วัยรุ่นอายุสิบกว่าปีกลุ่มนี้เหมือนนกแตกรังทันที
หลังจากตำหนิเสร็จ เธอหันไปยิ้มทักทายพี่หลี “พี่หลี มาหาจวิ้นจื้อเหรอคะ”
พี่หลียิ้ม “ใช่แล้ว เจนนิเฟอร์ ฉันขอแนะนำหน่อย คนนี้คืออาจารย์ลู่ ลู่เฉิน!”
“อิ่นจวิ้นซี!”
สาวที่ชื่อเจนนิเฟอร์เห็นลู่เฉินแล้วตาลุกวาว ยิ้มแย้มพลางเอ่ยว่า “เป็นคุณจริงๆ ด้วย!”
เธอสวมชุดออกกำลังกายแนบเนื้อ ทรวดทรงองค์เอวมีโค้งมีเว้าดูงดงาม โดยเฉพาะเรียวขายาวคู่นั้นช่างดึงดูดสายตา หน้าตาไม่ได้สวยจับจิต แต่ดั้งจมูกโด่งกับเบ้าตาลึกบ่งบอกถึงชาติพันธุ์ที่แตกต่าง น่าจะเป็นสาวลูกครึ่ง
พี่หลีแนะนำให้ลู่เฉินรู้จักกับสาวสวยหุ่นดีคนนี้ “คนนี้คือผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของศูนย์ฝึกศิลปะซิงหยวน เจนนิเฟอร์ มีชื่อภาษาจีนว่าเหอหวั่นจวิน มาจากมาเก๊า”
ลู่เฉินจับมือกับเธอ “สวัสดีครับ ผู้อำนวยการเหอ”
เจนนิเฟอร์ใช้สายตาร้อนแรงมองลู่เฉิน พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มหัวเราะ “เรียกฉันว่าเจนนิเฟอร์ดีกว่า ฉันชอบบทที่คุณแสดงในเรื่องรักนี้ชั่วนิรันดร์มาก คุณแสดงได้ดีมาก ขอถ่ายรูปคู่กับคุณได้ไหม”
หลังจากมีชื่อเสียง ลู่เฉินถูกขอลายเซ็นและถ่ายรูปคู่เยอะมาก คิดไม่ถึงว่าเธอคนนี้ก็เป็นแฟนคลับของเขาเหมือนกัน
เขายิ้ม “ไม่มีปัญหาแน่นอน”
เจนนิเฟอร์รีบเข้าไปกอดแขนลู่เฉิน ทั้งยังนำแขนของเขาไปวางไว้ตรงกลางเนื้ออกอวบแน่นของตัวเอง แล้วหันมายิ้มให้พี่หลีอย่างดีใจ “พี่หลี รบกวนหน่อยค่ะ”
พี่หลีหัวเราะแหะๆ ใช้มือถือของตัวเองถ่ายรูปไปสองสามใบ
ถ่ายเสร็จ เจนนิเฟอร์ปล่อยมือจากลู่เฉินอย่างเสียดาย แล้วพูดว่า “พี่หลี พวกพี่เตรียมจะกลับแล้วเหรอคะ ให้ฉันไปส่งนะ!”
เธอตรงไปตรงมามากเกินไป
สิ่งที่คิดไม่ถึงคือตอนที่พวกลู่เฉินเพิ่งจะเดินออกจากห้องซ้อมมาถึงทางเดิน จู่ๆ ก็มีเงาร่างของคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาขวางทางพวกเขา!
…………………………………………………………………………………..