Perfect Superstar - ตอนที่ 283 ขึ้นปีใหม่
ตอนที่ 283 ขึ้นปีใหม่
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ คืนวันส่งท้ายปีเก่าก่อนตรุษจีน
วันสุดท้ายของปีมะแม เป็นวันสำคัญที่สุดวันหนึ่งของคนจีน หิมะปุยขาวละเอียดมาเยือนเมืองปินไห่อย่างคาดไม่ถึง ทำให้ทุกคนรู้สึกเซอร์ไพรส์
นี่เป็นหิมะแรกของเมืองปินไห่ตั้งแต่เข้าฤดูหนาวมา แม้หิมะจะตกไม่หนัก แต่เด็กๆ ชอบใจเหมือนได้ของขวัญ หัวเราะพลางกระโดดโลดเต้นออกไปนอกบ้าน เล่นดอกไม้ไฟท่ามกลางสายลมอ่อนพัดปุยหิมะให้ลอยฟุ้ง ในเขตชุมชนจิ่งเซิ่งมีเสียงประทัดเป๊าะแป๊ะดังไปทั่ว ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าบรรยากาศแห่งวันปีใหม่ได้มาถึงแล้วจริงๆ
ณ ห้องอาหารในวิลล่าของตระกูลลู่ ฟางอวิ๋น ลู่เฉิน ลู่ซี และลู่เสวี่ยนั่งล้อมวงรับประทานอาหารในคืนวันส่งท้ายปีเก่า
เดิมทีลู่เฉินตั้งใจจะสั่งจองอาหารจากโรงแรม ตอนนี้สภาพครอบครัวของเขาไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว จะจ่ายเงินให้กับโรงแรมหรูห้าดาวที่ไหนก็ได้ไม่มีปัญหา แต่ฟางอวิ๋นยืนยันที่จะทำอาหารเอง
เธอคิดว่าการรับประทานอาหารในวันส่งท้ายปีเก่าที่บ้าน ถึงจะได้รสชาติแบบต้นตำรับที่สุด!
ในวิลล่าแสงจากดวงไฟส่องสว่าง เปิดเครื่องทำความร้อนทำให้อากาศในห้องรับแขกอบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิ ทั้งครอบครัวสุขสันต์
กริ๊งๆ
ตอนที่กำลังรับประทานอาหารกันอยู่ จู่ๆ เสียงมือถือก็ดังขึ้น
ฟางอวิ๋นกวาดตามอง ลู่เสวี่ยแลบลิ้น รีบควักโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าของตัวเองแล้วยกขึ้นมารับสาย
“ฮัลโหล”
ฟังอยู่พักหนึ่ง เธอทำสีหน้าแปลกใจ จากนั้นยื่นโทรศัพท์ส่งให้ลู่เฉิน “พี่ ของพี่”
ลู่เฉินอึ้ง “ของฉันเหรอ”
เขารับโทรศัพท์มือถือของลู่เสวี่ยมา รับสายด้วยความสงสัย “สวัสดีครับ”
“ดาราใหญ่ ฉันหวงซานเองนะ!”
ปลายสายเป็นเสียงทุ้มหนักของผู้ชายคนหนึ่ง “สวัสดีปีใหม่!”
“หัวหน้าห้อง สวัสดี!”
ลู่เฉินหัวเราะ แล้วถามว่า “ทำไมถึงโทรหาฉันตอนนี้เล่า นายอยู่ที่ไหน”
หวงซานเป็นเพื่อนสมัยมัธยมปลาย และเป็นหัวหน้าชั้น เมื่อก่อนสมัยเรียนลู่เฉินสนิทสนมกับเขาอยู่ไม่น้อย ต่อมาหลังจากย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยที่หังโจว ก็ติดต่อกันน้อยลงเรื่อยๆ
หวงซานสบถบ่นยาวเหยียด “ติดต่อนายไม่ได้เลย เฟยซวิ่นไปก็ไม่ตอบ เพิ่งได้เบอร์น้องสาวนายมาจากคนอื่น คิดว่าตอนนี้นายน่าจะอยู่ปินไห่ ตอนนี้ฉันกินข้าวอยู่ที่โรงแรม!”
ลู่เฉินรู้สึกผิด “ขอโทษด้วย เบอร์เดิมไม่ได้ใช้แล้ว…”
ปีก่อนที่เขาไปอยู่ปักกิ่งได้เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ มีแค่ญาติและเพื่อนสนิทเท่านั้นที่รู้ หวงซานไม่รู้
ส่วนเรื่องเฟยซวิ่น แม้แต่บล็อกของตัวเองลู่เฉินยังยกให้ทางสตูดิโอเป็นคนจัดการ แทบไม่ได้เข้าไปดูเลย
ความจริงปีใหม่ครั้งนี้ เขาได้ปฏิเสธงานแสดงไปหลายงาน ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้กลับบ้าน
หวงซานพูด “พวกเราจัดงานเลี้ยงรุ่นในวันที่สอง ที่โรงแรมจิ่นหาว เพื่อนนักเรียนส่วนใหญ่จะมากัน ทุกคนอยากเจอนายนะดาราใหญ่”
“เพื่อนนักเรียนหญิงหลายคนบอกว่าถ้าเชิญนายมาไม่ได้ พวกเธอก็ไม่มา นายคิดดูเอาเองแล้วกันว่าจะทำยังไง!”
ลู่เฉินหัวเราะ “ฉันเป็นดาราใหญ่ที่ไหนกัน ก็แค่หากินไปวันๆ ในเมื่อนายออกปากถึงขนาดนี้ ฉันไม่ไปคงจะรู้สึกผิดมาก โรงแรมจิ่นหาวห้องไหนล่ะ”
โรงแรมจิ่นหาวเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองปินไห่ เมื่อก่อนไปกินข้าวที่นั่นกับพ่อของเขาอยู่บ่อยครั้ง
จะว่าไป เขาจบมัธยมปลายมาสี่ปีกว่าแล้ว เพราะทางบ้านเกิดการเปลี่ยนแปลง จึงมีเพียงตอนปีที่สองหลังจากเรียนจบเท่านั้นที่เขาได้ไปร่วมงานเลี้ยงรุ่น
ตอนลู่เฉินเรียนมัธยมปลาย ถือได้ว่าเป็นคนดังของโรงเรียน มีเพื่อนมากมาย
หวงซานดีใจ “ห้องกุหลาบ จะไปถึงตอนเย็นประมาณห้าโมงครึ่ง อาจารย์เยี่ยที่เป็นอาจารย์ประจำชั้นก็จะมาด้วย ยังมีแฟนสาวของฉัน…ฉันบอกว่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับนาย เธอยังไม่เชื่อเลย!”
“ต่อมาฉันให้เธอดูรูปถ่ายถึงจะยอมเชื่อ ครั้งนี้จะเป็นจะตายยังไงก็จะตามมาเจอตัวจริงให้ได้!”
ลู่เฉินยิ้ม “ฉันไม่ได้มีสามหัวหกแขนนะ เอาไว้เจอกันในงานแล้วกัน”
หวงซานตื่นเต้น “ดีสิ ฉันจะรีบบอกทุกคน ไว้เจอกันวันมะรืน!”
ลู่เฉินวางสาย แล้วส่งมือถือคืนให้ลู่เสวี่ย
ลู่เสวี่ยถามอย่างสงสัยว่า “พี่ พี่จะไปงานเลี้ยงรุ่นสมัยมัธยมปลายเหรอ”
ลู่เฉินพยักหน้า
ลู่เสวี่ยพูดอย่างจริงจัง “ที่นั่นต้องมีเพื่อนผู้หญิงที่ชอบพี่อยู่หลายคนแน่ๆ จำไว้นะว่าอย่าดื่มจนเมา ไม่อย่างนั้นจะเสียเปรียบคนอื่น…โอ๊ย!”
กลับถูกลู่ซีใช้ตะเกียบเคาะหัวเธอ พี่สาวทำหน้าดุ “เธอพูดอะไรซี้ซั้ว!”
ลู่เสวี่ยใช้มือกุมหัวด้วยท่าทางน่าสงสาร “แม่ พี่สาวตีหนูอีกแล้ว เจ็บ!”
ฟางอวิ๋นไม่เข้าข้าง “น่าโดนตี เป็นเด็กเป็นเล็กพูดจาต้องระวัง อย่าไปเลียนแบบละครในอินเทอร์เน็ตพวกนั้น ลู่เฉินลูกอย่าตามใจน้องมากเกินไป”
ลู่เสวี่ยทำหน้ายู่เหมือนมะเขือบุบ
ลู่เฉินหัวเราะพลางลูบหัวเธอตรงตำแหน่งที่โดนตี “รีบกินเถอะ กินเสร็จแล้วเราไปเล่นดอกไม้ไฟกัน”
ดอกไม้ไฟซื้อเตรียมไว้นานแล้ว รับประทานอาหารเสร็จ เขาพาน้องสาวไปที่ริมสระน้ำตรงสวนหน้าบ้าน
ตามธรรมเนียม เขาเล่นพลุที่พุ่งขึ้นฟ้าก่อนสามอันดังสิบหกครั้ง เพื่อเริ่มปีใหม่ให้ปีหน้ามีแต่ความเจริญรุ่งเรือง จากนั้นค่อยเล่นพลุเจ็ดสีที่เป็นตัวแทนของความสุขและสิริมงคล
พลุดอกไม้ไฟลูกแล้วลูกเล่าพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในยามค่ำคืน ละแวกบ้านก็มีคนเล่นพลุเล่นดอกไม้ไฟเพื่อเฉลิมฉลองเช่นเดียวกัน ร่วมกันแต่งแต้มแสงสีจนสว่างไสวไปทั้งชุมชนจิ่งเซิ่ง แสงจากพลุไฟส่องบ้านวิลล่าให้สว่างเป็นพักๆ และสาดส่องต้องโดนใบหน้าของสมาชิกครอบครัวลู่ที่กำลังชื่นชมดอกไม้ไฟอยู่
ฟางอวิ๋นยืนอยู่หน้าประตู น้ำตาไหลอย่างเงียบๆ เป็นน้ำตาแห่งความสุข
ตั้งแต่ที่บ้านเกิดเรื่อง เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าภาพแห่งความสุขเช่นนี้จะปรากฏขึ้นอีกครั้งตรงหน้า!
หลังจากเล่นดอกไม้ไฟเสร็จ ลู่เฉินหาจังหวะยัดซองอั่งเปาให้ลู่เสวี่ย และแอบกระซิบบอกว่า “พี่ให้เธอ อย่าไปบอกแม่ล่ะ เก็บเอาไว้ใช้เอง แต่อย่าใช้เงินซี้ซั้ว”
ลู่เสวี่ยหนีบซองอั่งเปาหนาๆ ดีใจจนยิ้มแก้มปริไม่เห็นลูกตา เธอกอดลู่เฉินแล้วจุ๊บที่ใบหน้าพี่ชายทีหนึ่ง “ขอบคุณค่ะพี่ พี่ชายน่ารักที่สุดเลย!”
ลู่เฉินหัวเราะคิกคัก แล้วกลับเข้าห้องนอนของตัวเอง
หลังจากปิดประตู เขามานอนเอนกายอยู่บนเตียงโทรศัพท์หาเฉินเฟยเอ๋อร์
ครู่ต่อมา เสียงกังวานเหมือนเสียงสวรรค์ของเฉินเฟยเอ๋อร์ดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือ “สวัสดีปีใหม่”
ลู่เฉิน “สวัสดีปีใหม่ กินข้าวมื้อส่งท้ายปีเก่าหรือยัง”
เฉินเฟยเอ๋อร์ “อืม เพิ่งกินเสร็จ กินอิ่มเกินไปหน่อย กำลังดื่มชาช่วยย่อยอยู่ กลับบ้านนี่รู้สึกดีจังเลย ฉันไม่ได้กลับบ้านมาขึ้นปีใหม่หลายปีแล้ว ครั้งนี้เตรียมจะพักผ่อนสักหลายๆ วัน…”
ซูเปอร์สตาร์อย่างเฉินเฟยเอ๋อร์ ส่วนใหญ่แล้วแทบไม่มีวันหยุดพัก โดยเฉพาะในงานวันเทศกาลสำคัญยิ่งงานยุ่งกว่าปกติเสียอีก
ปีที่แล้วเธอได้เข้าร่วมแสดงในงานกาล่าวันขึ้นปีใหม่ของสถานีโทรทัศน์กลางแห่งชาติ ถึงแม้ปีนี้ไม่ได้ไปร่วมรายการ แต่ยังมีคำเชิญนับไม่ถ้วน
หลายคำเชิญยากจะปฏิเสธ ดังนั้นครั้งนี้ที่เธอกลับบ้านมาในวันปีใหม่ สำหรับเฉินเฟยเอ๋อร์แล้วเป็นสิ่งที่หาได้ยาก ลู่เฉินโทรศัพท์มาเป็นโอกาสให้เธอได้ระบายความในใจ
ลู่เฉินไม่ได้จะบอกอะไรเธอ เพียงแต่ฟังเธออยู่เงียบๆ ในใจรู้สึกถึงความอบอุ่นอิ่มเอมเต็มเปี่ยม จนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผ่อนคลาย หวังว่าเวลาจะค่อยๆ เดินไปช้าๆ
สุดท้าย ไม่รู้ตัวเลยว่าเขานอนหลับไปได้อย่างไร
นอกหน้าต่างยังมีแสงดอกไม้ไฟอยู่
………………………………………………………………………….