Perfect Superstar - ตอนที่ 285 อาจารย์เยี่ย
ตอนที่ 285 อาจารย์เยี่ย
ไม่ว่าจะทั้งการชนแก้วหรือการถ่ายรูปคู่ ลู่เฉินล้วนไม่ปฏิเสธ
ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นที่รู้จักกันมาหลายปี หรือไม่ก็ญาติและคนรักของพวกเขา จะใช่แฟนคลับตัวจริงหรือไม่ ลู่เฉินก็ไม่อยากเว้นระยะห่างจากพวกเขาอย่างถือตัว เพราะพวกเขาและพวกเธอไม่ได้มีความคิดที่จะมาหาผลประโยชน์
อีกหลายปีผ่านไปในงานลี้ยงรุ่น สภาพการณ์แบบนี้อาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่อย่างน้อยตอนนี้ลู่เฉินไม่ต้องการคิดอะไรให้มากเกินไป
ในบรรดาเพื่อนฝูงของเขา เพื่อนผู้ชายสงวนตัวหน่อย พวกเพื่อนผู้หญิงกลับใจกล้ามากกว่า มีบางคนถึงกับควงแขนลู่เฉิน กอดเอวเขา ถ่ายรูปด้านซ้ายรูปหนึ่งด้านขวารูปหนึ่ง ลู่เฉินยิ้มจนหน้าตึงไปหมด
ตอนที่ถ่ายรูปเสร็จ พนักงานหญิงวัยกลางคนสวมชุดเครื่องแบบพนักงานของโรงแรมเดินตามบริกรคนหนึ่งเข้ามาในห้องกุหลาบ เธอเดินเข้ามายิ้มให้กับลู่เฉิน แล้วพูดว่า “คุณลู่เฉินคะ สวัสดีค่ะ เป็นเกียรติมากที่คุณมาเยือนที่โรงแรมจิ่นหาวของเรา ฉันเป็นผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของโรงแรมจิ่นหาวค่ะ”
ลู่เฉินพยักหน้า “สวัสดีครับ”
หญิงวัยกลางคนพูดอย่างสุภาพว่า “พวกเราขอถือวิสาสะเชิญคุณลู่เฉินเซ็นลายเซ็นและถ่ายรูปของคุณเพื่อนำไปแขวนบนผนังที่เตรียมไว้สำหรับรูปภาพคนดังที่มาเยือนโรงแรมของเราได้ไหมคะ หากคุณตกลง ค่าใช้จ่ายในห้องกุหลาบคืนนี้ยกให้ฟรีเลยค่ะ”
ลู่เฉินยิ้ม
บริเวณเคาน์เตอร์ที่จ่ายเงินของสถานที่ขนาดใหญ่หรือสถานที่ที่มีชื่อเสียงมักจะติดรูปของคนที่มีชื่อเสียงไว้เพื่อเพิ่มความยิ่งใหญ่ การนำรูปภาพของคนมีชื่อเสียงที่มาเยือนใส่กรอบแขวนผนังนั้น แน่นอนว่าใช้เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ จึงจำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าตัว
คืนนี้งานเลี้ยงรุ่นสมัยมัธยมเปิดโต๊ะทั้งหมดสี่ตัว ตามมาตรฐานราคาของโรงแรมจิ่นหาวแล้ว น่าจะเริ่มที่ประมาณสองสามหมื่นหยวน ไม่นับว่าเป็นราคาที่สูงมากแต่ก็ไม่น้อย
สำหรับลู่เฉินในตอนนี้เงินจำนวนนี้ไม่มากมายนัก เขาไม่อยากเอาเปรียบทางโรงแรม ยิ่งไปกว่านั้นค่าใช้จ่ายในงานเลี้ยงรุ่นก็ต้องหารตามจำนวนคนอยู่แล้ว
แต่เพราะเป็นงานเลี้ยงรุ่น อีกทั้งเมื่อก่อนเขาเคยมาที่โรงแรมนี้หลายครั้ง ลู่เฉินจึงตกปากรับคำไป “ได้ครับ แต่แค่แขวนรูปเท่านั้น ห้ามนำไปใช้โฆษณาอย่างอื่น”
หญิงวัยกลางคนดีใจใหญ่ “ไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ ขอบคุณคุณมาก!”
เศรษฐกิจของเมืองปินไห่ก้าวหน้า พื้นที่อุดมสมบูรณ์ ตลาดผู้บริโภคมีขนาดใหญ่มาก หลายปีนี้โรงแรมห้าดาวผุดขึ้นมาหลายแห่ง โรงแรมจิ่นหาวเองกำลังเผชิญหน้ากับการแข่งขันอย่างเข้มข้น กำลังคิดหาทางดึงดูดลูกค้าอยู่พอดี
การดึงตัวลู่เฉินคนดังแห่งท้องถิ่นที่เป็นดาราใหญ่มาได้ แม้ไม่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาอย่างเป็นทางการ ก็ยังเป็นเรื่องน่ายินดีที่คาดไม่ถึงของโรงแรมจิ่นหาวอยู่ดี เทียบกับการไม่คิดค่าใช้จ่ายในคืนนี้นั้นคุ้มค่ามากเหลือเกิน
เพื่อนๆ ของลู่เฉินได้เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตา จึงรับรู้และสัมผัสได้ถึงอำนาจของการเป็นดารา
เพียงแค่เซ็นชื่อและถ่ายรูป บิลราคาหลายหมื่นก็ถูกยกให้ฟรีๆ เลย!
แน่นอนว่าเพื่อนๆ ต่างดีใจ…เพราะจะได้ประหยัดเงิน!
ผลลัพธ์ที่ลู่เฉินต้องการจริงๆ ก็คือสิ่งนี้ ทำให้ทุกคนดีใจถึงจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด!
บางคนหัวเราะ “โอ้โห ลู่เฉินนายแจกลายเซ็นให้ฉันเยอะๆ หน่อย ฉันจะเก็บเอาไว้ต้องเพิ่มมูลค่าได้แน่!”
ทุกคนหัวเราะชอบใจเสียงดัง
งานเลี้ยงรุ่นสิ้นสุดลงตอนสามทุ่ม รายการต่อไปเป็นการไปร้องเพลงที่คาราโอเกะ แต่ลู่เฉินไม่ไปแล้ว
แม้เป็นเพื่อนที่คุ้นเคยกัน แต่ระดับความห่างของทั้งสองฝ่ายก็ยังต่างกันมาก ตำแหน่งที่ลู่เฉินอยู่นั้นสูงกว่าจนต้องให้คนอื่นแหงนหน้ามอง มีเขาอยู่ด้วยยากที่จะทำให้ทุกคนปลดปล่อยตัวเองให้เพลิดเพลินไปกับความสนุกสนานได้อย่างแท้จริงได้
ลู่เฉินรู้ดีแก่ใจ เขาเห็นคุณค่าของมิตรภาพความเป็นเพื่อน จึงเลือกที่จะเดินทางกลับก่อน
ก่อนจากไป ทุกคนขึ้นไปถ่ายรูปหมู่กันบนเวทีเล็กๆ ในห้องกุหลาบ ให้บริกรช่วยถ่ายรูปให้
ถ่ายรูปเสร็จแล้ว มีเพื่อนสาวคนหนึ่งพูดกับเขาอย่างเสียดายว่า “ลู่เฉิน ร้องเพลงให้ทุกคนฟังสักเพลงเถอะ!
ทุกคนพากันเห็นด้วย “นั่นน่ะสิ ร้องสักเพลงค่อยกลับ!”
แม้แต่พวกบริกรที่อยู่ตรงนั้นก็มองด้วยสายตาคาดหวัง…นี่เป็นการร้องของนักร้องตัวจริงเสียงจริงเลยเชียวนะ!
ลู่เฉินยิ้ม “เอาเถอะ แล้วเธอยากฟังเพลงอะไรล่ะ”
เพื่อนสาวคนนั้นกัดริมฝีปาก พูดเสียงดังว่า “เพลงดอกไม้เหล่านั้น!”
เพลงนี้ลู่เฉินเคยร้องครั้งแรกในงานเลี้ยงฉลองจบการศึกษามหาวิทยาลัย ต่อมานำไปร้องในรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ มีอิทธิพลอย่างมากในหมู่นักเรียนนักศึกษา จนถูกยกย่องว่าเป็นเพลงแห่งการจบการศึกษา
ลู่เฉินตามใจ “ถ้าอย่างนั้นก็ร้องเพลงนี้แหละ”
ในห้องกุหลาบมีอุปกรณ์การแสดงเตรียมพร้อมให้ใช้ ในคลังเพลงคาราโอเกะมีเพลง ‘ดอกไม้เหล่านั้น’ อยู่ด้วย
ลู่เฉินไม่ถือสาที่บนหน้าจอฉายมิวสิควิดีโอที่เป็นแบบฉบับปลอมที่ทำขึ้นเอง เขาถือไมโครโฟน ฟังทำนองที่คุ้นเคย แล้วร้องเพลงนี้อีกครั้ง
“เสียงหัวเราะลอยมาทำให้ฉันคิดถึงดอกไม้เหล่านั้น ที่เบ่งบานในทุกมุมของช่วงชีวิตเพื่อตัวฉัน…”
“ฉันเคยคิดว่าฉันจะได้ดูแลอยู่ข้างกายเธอตลอดไป วันนี้เรากลับห่างหายท่ามกลางผู้คนมากมาย”
เพื่อนทุกคนมายืนออกันอยู่หน้าเวที ฟังเขาร้องเพลงอยู่เงียบๆ
เพื่อนสาวหลายคนอิงแอบซบกัน จับมือกัน ฮัมเพลงตามไปเบาๆ
“ลา…คิดถึงเธอ ลา…เธอยังเบ่งบานอยู่ไหม ลา…ไปเถิด!”
“พวกเธอถูกลมพัดปลิวไปไกลสุดขอบฟ้าแล้ว!”
ฮัมเพลงไปน้ำตาไหลไป
…
วันรุ่งขึ้นหลังจากงานเลี้ยงรุ่น เป็นวันที่สามหลังจากวันตรุษจีน
ตอนเช้าลู่เฉินรีบไปที่โรงพยาบาลประจำเมือง เพื่อไปเยี่ยมอาจารย์ประจำชั้นที่รักษาตัวอยู่ในหอผู้ป่วย
อาจารย์ประจำชั้นสมัยมัธยมปลายของลู่เฉินชื่อเยี่ยเสี่ยวเหลียน อายุใกล้วัยเกษียณแล้ว แม้จะไม่ใช่อาจารย์ที่มีชื่อเสียง แต่ประกอบอาชีพอาจารย์มาหลายสิบปีก็มีลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมืองแล้ว
ตอนที่ลู่เฉินเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายปินไห่แห่งที่สองนั้น ไม่ใช่นักเรียนที่ทำให้อาจารย์สบายใจเลย แต่อาจารย์เยี่ยสั่งสอนอบรมเขาด้วยความอดทนและละเอียดอ่อน ถ้าไม่ได้อาจารย์คนนี้อบมรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี สุดท้ายเขาอาจจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเจียงไห่ไม่ได้
บุญคุณของครูบาอาจารย์ยากจะลืมเลือน เมื่อรู้ว่าอาจารย์ป่วยอยู่โรงพยาบาล ลู่เฉินสมควรที่จะไปเยี่ยมเธอ
ลู่เฉินได้หมายเลขห้องพักในหอผู้ป่วยของอาจารย์เยี่ยมาจากหวงซาน ดังนั้นเขาจึงขึ้นลิฟต์ไปโดยตรง และหาห้องผู้ป่วยเจออย่างราบรื่น
ห้องพักของอาจารย์เยี่ยเป็นหอผู้ป่วยปกติ ในนั้นมีเตียงสามเตียง ทั้งหมดมีผู้ป่วยอยู่เต็ม
เตียงที่ติดประตูกับเตียงตรงกลางเป็นผู้ป่วยที่ลู่เฉินไม่รู้จัก เตียงด้านในสุดมีคนห้าหกคนห้อมล้อมอยู่ มีชายหญิงที่กำลังโต้เถียงกันอย่างรุนแรง
แม้พวกเขาจะพยายามกดเสียงให้ต่ำแล้ว แต่เมื่ออารมณ์พลุ่งพล่านขึ้น ก็ทำให้พยาบาลที่อยู่ในที่นั้นหันมาสนใจ แล้วมองด้วยสายตาตักเตือนและรังเกียจ
มองผ่านกลุ่มคนเข้าไปลู่เฉินมองเห็นใบหน้าของอาจารย์เยี่ย
เธอดูแก่ลงไปมาก ใบหน้าอ่อนล้าเหี่ยวย่น ผมขาวโพลน ดวงตาปิดสนิทราวกับกำลังหลับลึก
แต่สีหน้าของเธอมีแววเศร้าสร้อย บ่งบอกว่าตอนนี้จิตใจของเธอไม่สงบสุขนัก
ลู่เฉินไม่ได้เดินเข้าไปทันที กลับยืนรอฟังอยู่ที่หน้าประตู
จากคำพูดของคนที่มายืนล้อมเตียงคนป่วยพวกนั้น เขาได้ยินคำว่า ‘ค่าใช้จ่าย’ ‘ดูแล’ ‘แบ่งกันจ่าย’ ‘ตัดสิน’ เป็นต้น
ลู่เฉินนึกย้อนกลับไปถึงข่าวลือเกี่ยวกับอาจารย์เยี่ยที่เคยได้ยินมาในอดีต ถึงจะเข้าใจ
แล้วความโกรธก็พวยพุ่งขึ้นมาในใจ!
………………………………………………………………………………….