Perfect Superstar - ตอนที่ 299 ช่วยเหลือ
ตอนที่ 299 ช่วยเหลือ
กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียวฉันใด ห้องอัดก็ไม่ได้สำเร็จในวันเดียวฉันนั้น
เรื่องย้ายสตูดิโอยิ่งไม่ต้องพูดถึง เมืองหลวงแม้จะใหญ่โต แต่ถ้าอยากหาพื้นที่ที่เหมาะสมนั้นไม่ง่ายเลย
แน่นอนว่าลู่เฉินยังคงตบอกรับประกันกับหวังฮุย ให้เขาไปเลือกอุปกรณ์และเครื่องมืออย่างสบายๆ ไปก่อน
ความจริงสำหรับลู่เฉินแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่การขายลิขสิทธิ์เรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ และไม่ใช่การย้ายสตูดิโอสร้างห้องอัด หรือจัดตั้งมูลนิธิกองทุนการกุศล แต่เป็นงานมอบรางวัล ‘เอเชี่ยนไชนีสซองโกลเด้นอวอร์ดส์’ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้
รางวัล ‘เอเชี่ยนไชนีสซองโกลเด้นอวอร์ดส์’ ก่อตั้งขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน สถานีวิทยุกระจายเสียงประชาชนกลางแห่งประเทศจีน ร่วมกับสถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุใหญ่ๆ ทั่วประเทศ ปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 15 แล้ว เป็นรางวัลที่มีอิทธิพลและอำนาจอย่างสูงต่อวงการเพลงป็อบในประเทศรางวัลหนึ่ง
สิ่งสำคัญคือ ตอนนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่า รางวัล ‘เอเชี่ยนไชนีสซองโกลเด้นอวอร์ดส์’ จะจัดขึ้นเป็นปีสุดท้าย มันจะรวมเข้ากับรางวัล ‘ไชนีสออริจินัลมิวสิคอวอร์ดส์’ กลายเป็นรางวัล ‘โกลบอลไชนีสมิวสิคโกลเด้นอวอร์ดส์’
เมื่อถึงเวลานั้นรางวัล ‘โกลบอลไชนีสมิวสิคโกลเด้นอวอร์ดส์’ ที่เป็นรางวัลใหม่ จะต้องกลายเป็นพิธีมอบรางวัลชั้นสูงสุดของวงการเพลงป็อบในประเทศจีน เหนือกว่ารางวัล ‘ท็อปไชนีสมิวสิคอวอร์ดส์’ ของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานเป็นไหนๆ กลายเป็นตัวชี้วัดทิศทางของวงการเพลงป็อบไปโดยปริยาย!
ส่วนรางวัล ‘เอเชี่ยนไชนีสซองโกลเด้นอวอร์ดส์’ ครั้งสุดท้ายนี้ เป็นที่จับตามองของคนทั้งในและนอกวงการ นักร้อง ศิลปิน และคนดนตรีชื่อดังทั้งหลายรวมทั้งคนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้ล้วนได้รับเชิญให้มาร่วมงาน รายชื่อแขกผู้มีเกียรติถูกพิมพ์ออกมายาวเป็นหางว่าว
ลู่เฉินอยู่ในรายชื่อแขกที่ถูกเชิญเช่นกัน เขายังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ทำนองยอดเยี่ยม เนื้อร้องยอดเยี่ยม และอัลบั้มยอดเยี่ยม รวมทั้งหมดสี่รางวัล
รางวัลศิลปินขับร้องเพลงจีนหน้าใหม่ยอดเยี่ยมประจำปี 2015 (เสนอชื่อ) รางวัลทำนองยอดเยี่ยมจากเพลง ‘ฉันรักคุณประเทศจีน’ (เสนอชื่อ) รางวัลเนื้อร้องยอดเยี่ยมจากเพลง ‘ฉันรักคุณประเทศจีน’ รางวัลอัลบั้มยอดเยี่ยมจากอัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ (เสนอชื่อ)!
คณะกรรมการผู้ตัดสินรางวัล ‘เอเชี่ยนไชนีสซองโกลเด้นอวอร์ดส์’ ทั้งหมดเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ในบรรดากรรมการมีสมาชิกสมาคมนักดนตรีแห่งประเทศจีน มีคนเก่าคนแก่ที่มีชื่อเสียงในวงการ มีศาสตราจารย์จากวิทยาลัยดนตรี นักวิจารณ์ดนตรีที่มีชื่อเสียง เป็นต้น ทั้งหมดรวมแล้วเกินร้อยคน
ไม่มีการให้ผู้ชมโหวตลงคะแนนที่สามารถโกงได้ง่ายๆ อีกทั้งทางผู้จัดงานยังเป็นองค์กรที่ทรงอิทธิพล ดังนั้นรางวัล ‘เอเชี่ยนไชนีสซองโกลเด้นอวอร์ดส์’ จึงทรงคุณค่าอย่างแท้จริง รายชื่อที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงทั้งหมดยี่สิบเอ็ดรางวัลนั้นล้วนถูกจับตามอง
ลู่เฉินได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลใหญ่ถึงสี่รางวัล ตำแหน่งในวงการของเขาจึงสูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ผลกระทบในทางลบจากการพลาดรางวัล ‘ท็อปไชนีสมิวสิคอวอร์ดส์’ ของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานพลันถูกลบทิ้งไปในทันที และเหมือนตบหน้าฝ่ายนั้นกลับไปด้วย
แต่เฉินเฟยเอ๋อร์วิเคราะห์แจกแจงให้ลู่เฉินฟังว่า เขามีโอกาสได้รางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมมากที่สุด ส่วนรางวัลที่ไม่น่าคาดหวังที่สุดคือรางวัลอัลบั้มยอดเยี่ยม ส่วนรางวัลทำนองยอดเยี่ยมกับเนื้อร้องยอดเยี่ยม…
วิถีแห่งการจัดอันดับตามลำดับอาวุโสของรางวัล ‘เอเชี่ยนไชนีสซองโกลเด้นอวอร์ดส์’ ยังคงอยู่
ลู่เฉินยังหนุ่มเกินไป
สำหลับลู่เฉินแล้วไม่มีอะไรต้องโกรธเคือง ช่วงวัยรุ่นคึกคะนองของเขาได้ผ่านไปแล้ว รู้ดีว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรมที่แท้จริง กรรมการที่ตัดสินรางวัล ‘เอเชี่ยนไชนีสซองโกลเด้นอวอร์ดส์’ ไม่ใช่หุ่นยนต์สักหน่อย
เป็นคนมีเลือดเนื้อเหมือนกัน ย่อมต้องมีความเห็นแก่ตัว มีความคิดซับซ้อน และมีความเห็นเอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง
แค่ได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ลู่เฉินก็พอใจมากแล้ว
จัดการงานที่คั่งค้างเสร็จ เขาโทรศัพท์หาหลี่มู่ไป๋ ถามอีกฝ่ายว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน
หลื่มู่ไป๋อยู่ที่บริษัทระดมทุนมู่เฉินชั้นบนนี่เอง
นี่ทำให้ลู่เฉินประหลาดใจมาก เพราะตามปกติบริษัทเอกชนส่วนใหญ่จะเริ่มทำงานในวันที่แปดของเดือนแรกตามปฏิทินจันทรคติจีน แต่หลี่มู่ไป๋กลับมาปรากฏตัวที่บริษัทตั้งแต่วันทำงานวันแรก ขยันขันแข็งจนรับไม่ได้
ไม่ได้ถามมาก ลู่เฉินวิ่งขึ้นไปหาคุณชายสามแห่งตระกูลหลี่ทันที
หลังจากเทขายหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทระดมทุนมู่เฉินให้หลี่มู่ซือไปแล้ว เขาก็ไม่ค่อยได้ไปที่บริษัทระดมทุนมู่เฉินอีก และไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับงานในบริษัทด้วย เป็นเพียงผู้ถือหุ้นบุกเบิกที่หลบซ่อนตัว
ไม่ได้พบกับหลี่มู่ไป๋มาระยะเวลาหนึ่งแล้ว
“ไอ้หยา มิน่าเล่าเมื่อเช้าได้ยินเสียงนกกางเขนร้อง…”
เมื่อเห็นลู่เฉิน หลี่มู่ไป๋โชว์ลูกคอตะโกนทักทาย “มีเรื่องมงคลเกิดจริงๆ ดาราใหญ่มาหาถึงที่ เป็นเกียรติแก่บริษัทเล็กๆ ของผมยิ่งนัก!”
ไม่เจอกันพักใหญ่ คุณชายคนนี้ไม่เปลี่ยนไปสักนิด
ลู่เฉินนั่งลงตรงข้ามเขา แล้วเอ่ยกลั้วหัวเราะ “อย่าเหลวไหล มาหานายเพราะมีธุระน่ะสิ”
หลี่มู่ไป๋หัวเราะ นั่งหลังตรงถามว่า “มีอะไรเหรอ”
ลู่เฉินเข้าเรื่อง “ฉันอยากจะจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิกองทุนการกุศล อยากให้นายช่วย”
ถ้าเป็นหลายปีก่อน มูลนิธิการกุศลในประเทศหรือองค์กรที่คล้ายกันนี้มีอยู่มาก เกิดปัญหาไม่น้อย ทำให้ส่งผลกระทบเชิงลบกับภาพรวมทั้งหมด ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลจึงเข้ามาจัดการ โดยเฉพาะทางด้านการตรวจสอบและการอนุมัติยิ่งควบคุมอย่างเคร่งครัด การขอใบอนุญาตนั้นต้องทำเรื่องอย่างยาวนาน
ดังนั้นเมื่อลู่เฉินตัดสินใจแล้ว คนแรกที่คิดอยากให้ช่วยคือหลี่มู่ไป๋
มีคำที่ว่าในราชการหากมีเส้นสายก็จะเดินเรื่องง่ายขึ้น ถ้าได้ตระกูลหลี่ออกหน้า เรื่องนี้จะง่ายกว่าเดิมมาก
ลู่เฉินไม่มีข้อบกพร่องทางด้านจิตใจและศีลธรรม อีกทั้งสิ่งที่เขาต้องการทำก็เป็นเรื่องดีอย่างการทำบุญทำกุศลมูลนิธิกองทุนการกุศลสามารถตั้งขึ้นได้เร็วเท่าไร ไม่แน่อาจจะช่วยคนป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนได้อีกหลายคน
เขารู้นิสัยของหลี่มู่ไป๋ รู้ว่าถ้าพูดกับอีกฝ่ายด้วยมารยาทด้วยความเกรงใจ จะเป็นการทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่ายมากกว่า
สำหรับคุณชายสามแห่งตระกูลหลี่คนนี้ พูดอย่างเกรงใจแสดงว่าไม่ใช่พี่น้องกัน!
หลี่มู่ไป๋ชอบแบบนี้ ตอบอย่างไม่ลังเลว่า “เรื่องของนายก็เป็นเรื่องของฉัน ฉันไปถามพี่ใหญ่ก่อนว่าต้องทำเรื่องอะไรบ้างแล้วค่อยบอกนาย ถ้ายุ่งยากนักฉันจะออกหน้าจัดการให้เอง!”
ลู่เฉินหัวเราะ “ขอบใจนะ อีกสองวันฉันจะเลี้ยงเหล้านาย”
“กินเหล้าได้ แต่ฉันก็มีเรื่องหนึ่งเหมือนกัน…”
หลี่มู่ไป๋ทำหน้ากระอักกระอ่วน “ต้องให้นายช่วย”
ลู่เฉินแปลกใจ “เรื่องอะไร เขียนเพลงเหรอ ง่ายมาก”
หลี่มู่ไป๋ก็เป็นแฟนเพลงป็อบ ทั้งยังมีวงดนตรีของตัวเอง เล่นได้เข้าท่าไม่เลว
ลู่เฉินเคยมอบผลงานเพลงให้เขาสองเพลง ผ่านไปนานมากแล้ว เขาคิดว่าหลี่มู่ไป๋อยากได้เพลงใหม่มาร้องเล่นอีก หรืออยากออกอัลบั้มหรือเปล่า
คิดไม่ถึงว่าหลี่มู่ไป๋จะส่ายหัว อธิบายต่อว่า “เฟนนี่ เธอชอบละครที่นายเล่นมาก ถ้านายจะถ่ายละครเรื่องใหม่ละก็ ช่วยหาบทให้เธอเล่นสักบทได้ไหม”
เฟนนี่?
ลู่เฉินจำได้แล้ว เธอไม่ใช่เด็กสาวที่หลี่มู่ไป๋ตามจีบอยู่หรอกหรือ
เขาจำได้ว่าตัวเองเคยเจอเฟนนี่ครั้งหนึ่ง ทั้งสวยทั้งสง่า ได้ยินว่ากลับมาจากต่างประเทศ
หลี่มู่ไป๋คิดจะอาศัยจุดนี้มาใช้เข้าหาเธอแน่นอน
ลู่เฉินอดขำไม่ได้ “ไม่มีปัญหา!”
แค่บทเดียวไม่ใช่เหรอ ไม่ได้เป็นเรื่องหนักหนาอะไร
แต่หลี่มู่ไป๋ยังเรียกร้องอีกว่า “บทนั้นจะต้องไม่มีฉากบนเตียง ฉากจูบเล่นไม่ได้ หรือจะให้ดีฉากจูงมือก็ห้ามมี…”
ลู่เฉินยอมใจเขาเลย
……………………………………….