Perfect Superstar - ตอนที่ 311 เจรจา
ตอนที่ 311 เจรจา
ปาร์คชงโฮมาอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
ตัวแทนบริษัทเอสพีจีเอนเตอร์เทนเมนต์ของเกาหลีคนนี้พาผู้ช่วยมาเพียงคนเดียว ทั้งยังมาเยี่ยมเยือนถึงที่
เขาอายุราวสี่สิบปี รูปร่างผอม สีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาเรียวแคบนั้นถูกแว่นกันแดดบดบังอยู่เบื้องหลัง เวลากะพริบตาราวกับมีประกายแสงสาดส่อง ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นรู้สึกถึงความแข็งแกร่งเก่งกล้า
เป็นคนที่คุยยากคนหนึ่ง!
เมื่อนำมาเชื่อมโยงกับเรื่องราวที่ได้ฟังจากเฉินเฟยเอ๋อร์เมื่อคืน ลู่เฉินก็วิเคราะห์ออกมาได้เช่นนี้
แน่นอนว่าภายนอก ท่าทางของเขาดูอบอุ่นเป็นมิตรมาก “คุณปาร์คสวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่สตูดิโอของผมครับ”
ปาร์คชงโฮจับมือกับลู่เฉิน ใบหน้าอันเคร่งขรึมเผยรอยยิ้มออกมา “ได้ยินชื่อเสียงของคุณมานานแล้วครับ ถือวิสาสะมารบกวน ขออภัยจริงๆ ครับ!”
สำเนียงภาษาจีนของเขาพูดได้ชัดเจนถูกต้อง นอกจากความแข็งทื่อเล็กน้อย แทบจะฟังไม่ออกเลยว่าเขาเป็นคนเกาหลี
ลู่ซีหัวเราะ “คุณปาร์คเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ เชิญเข้ามาคุยด้านในก่อนค่ะ”
“ท่านนี้คือ”
ปาร์คชงโฮตะลึง สายตาจับจ้องอยู่ที่ลู่ซี
ลู่เฉินแนะนำ “คนนี้คือผู้จัดการส่วนตัวของผม และเป็นพี่สาวของผมด้วย ชื่อลู่ซีครับ”
“ที่แท้ก็เป็นคุณลู่ซีนี่เอง!”
ปาร์คชงโฮนึกขึ้นได้ เขาหันไปโบกมือเรียกผู้ช่วย ฝ่ายหลังรีบนำกล่องสวยหรูใบหนึ่งเข้ามายื่นให้
“พบกันครั้งแรก นี่เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ขอให้คุณลู่ซีรับไว้ด้วยครับ”
ลู่ซีอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยื่นมือไปรับของขวัญ “ขอบคุณค่ะ!”
ทั้งสองฝ่ายนั่งลงในห้องรับแขก เสี่ยวเหม่ยยกน้ำชาเข้ามาเสิร์ฟให้แขก
ปาร์คชงโฮไม่ได้รีบเริ่มการเจรจา แต่กลับพูดคุยกับทั้งลู่เฉินและลู่ซี
นี่เป็นเทคนิคการเจรจาอย่างหนึ่ง หลังจากพูดคุยเรื่องสัพเพเหระแล้วคนจะลดความระมัดระวังตัวลง จากนั้นก็วิเคราะห์บุคลิกนิสัยหรือแม้กระทั่งงานอดิเรกของฝ่ายตรงข้าม แล้วค่อยวางแผนเจรจาแบบเฉพาะเจาะจง
อย่ามองว่าตอนที่ปาร์คชงโฮเข้ามาหน้าตาของเขาเคร่งขรึม เวลาพูดคุยถึงเรื่องน่าสนใจในวงการบันเทิงกลับพูดได้อย่างตรงประเด็นมีเหตุผล นอกจากนี้เขายังชื่นชมความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานของลู่เฉิน คิดว่ารางวัล ‘เอเชี่ยนไชนีสซองโกลเด้นอวอร์ดส์’ สาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมกับสาขานักประพันธ์ทำนองยอดเยี่ยมนั้นสมควรแล้วที่ลู่เฉินจะได้รับมัน
งานมอบรางวัล ‘เอเชี่ยนไชนีสซองโกลเด้นอวอร์ดส์’ ปาร์คชงโฮก็ไปร่วมงานด้วย ได้เห็นลู่เฉินขึ้นไปรับรางวัลกับตา
หลังจากพูดคุยเรื่อยเปื่อย ทั้งสองฝ่ายคุ้นเคยกันมากขึ้น บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปอย่างอบอุ่นสบายๆ
แม้ลู่เฉินจะมีใจระแวดระวังปาร์คชงโฮตั้งแต่แรก และอดยอมรับไม่ได้ว่าคนเกาหลีคนนี้เก่งจริง คำพูดทุกคำไม่มีจุดบกพร่องเลย
คุยเรื่องงานมอบรางวัลเสร็จ ปาร์คชงโฮเริ่มพูดถึงเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’
“นี่เป็นละครที่ดีที่สุดที่ผมได้ดูในปีนี้เลยทีเดียว!”
ตัวแทนจากบริษัทเอสพีจีเอนเตอร์เทนเมนท์เอ่ยคำยกยอชมเชยไม่ขาดปาก “ทั้งพล็อตเรื่อง ภาพ ดนตรีประกอบสุดยอดทั้งนั้น ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะนำละครเรื่องนี้ไปฉายที่ประเทศเกาหลี ให้ผู้ชมของประเทศบ้านเกิดผมได้ดูกัน”
“ผมมาที่นี่ด้วยเหตุนี้!”
ถึงตรงนี้ ปาร์คชงโฮกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “บริษัทเอสพีจีของพวกเรากับเคบีเอสและเอ็มบีซี มีความร่วมมือที่ดีต่อกัน”
สถานีโทรทัศน์ระบบการกระจายเสียงเกาหลีหรือเคบีเอสกับสถานีโทรทัศน์มูนหวาหรือเอ็มบีซี เป็นสถานีโทรทัศน์อันดับหนึ่งและสองของประเทศเกาหลี ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ไม่ว่าจะได้ออกอากาศทางช่องไหนล้วนต้องประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง
แตกต่างจากประเทศจีน ผู้ชมของเกาหลีชอบดูรายการวาไรตี้และละครโทรทัศน์มาก นอกจากนี้วัยรุ่นเกาหลีก็เคยชินกับการดูรายการเหล่านี้ผ่านทางโทรทัศน์ ไม่เหมือนประเทศจีนที่แบ่งไปตามเว็บไซต์และหน้าจอโทรทัศน์เป็นสองกลุ่มตลาดใหญ่
ละครแห่งชาติของเกาหลีหรือก็คือละครระดับปรากฏการณ์ ได้เรตติ้งสูงมากกระทั่งเกิน 50% ขึ้นไป นี่เป็นตัวเลขที่คิดไม่ถึงสำหรับประเทศจีนในตอนนี้ หากเป็นยี่สิบสามสิบปีก่อนก็ว่าไปอย่าง
พูดตามตรง ท่าทีของปาร์คชงโฮทำให้ลู่เฉินและลู่ซีคิดไม่ถึง
ดังคำกล่าวที่ว่าตำหนิสินค้าถึงจะเป็นคนซื้อสินค้า ในการเจรจา การประเมิน ‘สินค้า’ ของฝ่ายตรงข้ามให้ต่ำเข้าไว้เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยที่สุด น้อยมากที่จะมีคนชมเชยสินค้าขึ้นมาก่อน
แต่เมื่อเข้าสู่การเจรจาเงื่อนไข ทั้งสองคนถึงได้รู้ว่าตัวเองใสซื่อเกินไปแล้ว
ปาร์คชงโฮเสนอราคาลิขสิทธิ์เรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ที่แปดร้อยล้านวอน ฟังดูเป็นเงินจำนวนมาก แต่ความจริงเมื่อคิดตามอัตราแลกเปลี่ยนแล้วยังได้เงินไม่ถึงห้าล้านหยวนด้วยซ้ำ
ในเรื่องการนำเข้าละคร บริษัทเอสพีจีเอนเตอร์เทนเมนต์เป็นพ่อค้าคนกลาง พวกเขาค่อยนำไปเสนอขายให้กับสถานีโทรทัศน์แลกกับเงินก้อนใหญ่อีกที เมื่อคิดถึงความยากเย็นในการตีตลาดเกาหลี ราคาเท่านี้ถือว่าไม่เลวเลย
เมื่อก่อนเคยมีบริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งลงทุนมากกว่าร้อยล้านหยวนสร้างละครประวัติศาสตร์ความยาวสี่สิบห้าตอน แต่ขายให้ทางเกาหลีเพียงห้าร้อยล้านวอน ต่อมายังถูกเปิดโปงว่าระหว่างการซื้อขายถูกพ่อค้าคนกลางหักไปอีกสองร้อยล้านวอน เกือบจะให้ฟรีอยู่แล้ว
ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ มีความยาวเพียงยี่สิบตอน ต่อให้โด่งดังในประเทศจีนอย่างถล่มทลาย ขายต่อให้ทางเกาหลีในราคาเท่านี้ได้ ก็สมควรให้ป่าวประกาศออกไปแล้ว
แต่มีเงื่อนไขนี่สิ!
ปาร์คชงโฮจับจ้องอยู่ที่ละครเรื่องใหม่ของลู่เฉินในปีนี้ และเสนอการร่วมทุนอย่างใจกล้า ความกระหายอยากไม่น้อยเลย
ตามหลักแล้วการร่วมลงทุนเป็นเรื่องดี แต่ก็ต้องแยกแยะสถานการณ์ด้วย
เรตติ้งอันสูงลิ่วของละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ และอิทธิพลต่อตลาดละครโทรทัศน์ในประเทศ ทำให้ละครเรื่องต่อไปของลู่เฉินเป็นที่ต้องตาของคนมากมาย จนรีบส่งเงินเป็นกอบเป็นกำมาให้ถึงที่ ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะไม่มีคนร่วมลงทุน
มีเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เป็นพื้นฐาน ละครเรื่องใหม่ขอเพียงถ่ายทำไม่ย่ำแย่เกินไป แค่มีลู่เฉินเป็นพระเอก ผลกำไรก็เป็นสิ่งที่แน่นอนแล้ว ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะขาดทุน
และถ้าหากได้เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น ก็มีสิทธิ์มีเสียงในการคัดเลือกนักแสดง ซึ่งเป็นผลประโยชน์ชิ้นใหญ่ด้วย
บริษัทเอสพีจีเอนเตอร์เทนเมนต์มีการฝึกหัดศิลปินในประเทศจีน ทั้งยังเคยร่วมผลิตละครและรายการวาไรตี้อีกมากมาย เข้าใจลู่ทางอย่างลึกซึ้ง วันนี้ส่งปาร์คชงโฮมาเป็นตัวแทนเจรจาเรื่องนำเข้าละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ กับสตูดิโอลู่เฉิน แต่จุดประสงค์ของคนเมาไม่ได้อยู่ที่สุรา!
สำหรับเงื่อนไขที่ปาร์คชงโฮเสนอ ลู่เฉินกับลู่ซีมองหน้ากันไปมา
เงื่อนไขเช่นนี้จะตกลงไม่ได้!
มีความสำเร็จจากเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เป็นต้นแบบ วันนี้ลู่เฉินมีรากฐานมั่นคง เขาไม่รังเกียจหากละครเรื่องใหม่จะมีผู้ร่วมลงทุน แต่ทางเอสพีจีเอนเตอร์เทนเมนท์ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี
ลู่เฉินรู้ดีว่า หากเทียบกับบริษัทใหญ่อย่างเอสพีจีเอนเตอร์เทนเมนต์ แม้จะเป็นสาขาในต่างประเทศ สตูดิโอของตัวเองก็ยังเป็นรองกว่า หากชักนำการลงทุนจากฝ่ายนั้นเข้ามา เป็นไปได้มากว่าอาจจะถูกแทรกแซงการทำงาน
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ตอนนี้เขาเติบโตมั่นคงในประเทศ หากเปิดตลาดเกาหลีได้ย่อมเป็นเรื่องดี แต่ถ้าต้องเสียผลประโยชน์ของตัวเองเพราะเหตุนี้ นั่นก็เป็นเรื่องที่โง่เขลามาก
คิดแล้วลู่เฉินพูดกับปาร์คชงโฮว่า “คุณปาร์คครับ เงื่อนไขนี้ต้องขออภัยจริงๆ ที่ผมไม่อาจตอบรับได้!”
ลู่เฉินปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา ทำให้ปาร์คชงโฮตกตะลึง
เขามาพร้อมกับความมั่นใจเต็มเปี่ยม เชื่อว่าจะโน้มน้าวลู่เฉินได้…การร่วมทุนของเอสพีจีกับข้อเสนอเย้ายวนใจในการเข้าสู่ตลาดเกาหลี…
ใครจะต้านทานได้
สุดท้ายคิดไม่ถึงว่า ลู่เฉินจะปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
………………………………………