Perfect Superstar - ตอนที่ 314 ตัวอย่างโฆษณา
ตอนที่ 314 ตัวอย่างโฆษณา
ณ บริษัทโฆษณาม่ายซื่อ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจของเมืองหลวง
แสงแดดยามเช้าทะลุผ่านกระจกหน้าต่างบานใหญ่สาดส่องไปทั่วทั้งออฟฟิศ ทำให้ที่แห่งนี้สว่างไสวและอบอุ่น
ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของบริษัทโฆษณาม่ายซื่อกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นุ่ม ยกแก้วกาแฟที่เพิ่งชงใหม่ดื่มลงไปอึกหนึ่ง ทำให้เขาดูเป็นชายหนุ่มผู้อบอุ่น
แต่กลิ่นหอมของกาแฟไม่อาจขับไล่ความอึดอัดในใจของเขาได้ คิ้วที่ขมวดกันอยู่ไม่คลายออกเสียที
แม้แต่หนังสือพิมพ์ที่ต้องอ่านทุกวัน เขายังไม่มีแก่ใจจะยกมันขึ้นมา
ก๊อกๆ!
ประตูห้องทำงานถูกเคาะเบาๆ จวงจิงเหว่ยวางแก้วกาแฟลง พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เข้ามาได้”
ประตูเปิดออก ผู้ช่วยสาวสวยแทรกตัวเข้ามา “ผู้อำนวยการคะ คนของทางรถยนต์จงหวากับสตูดิโอลู่เฉินมาค่ะ ผู้จัดการใหญ่ให้ท่านไปเข้าร่วมประชุมด้วยค่ะ”
จวงจิงเหว่ยพยักหน้า “รู้แล้ว”
เขายกแก้วกาแฟขึ้นมาอีกครั้ง
ผู้ช่วยสาวลังเลเล็กน้อย แล้วเอ่ยเตือนว่า “ผู้อำนวยการคะ ผู้จัดการใหญ่ให้ท่านไปเดี๋ยวนี้ค่ะ!”
จวงจิงเหว่ยถลึงตาตอบ “ผมรู้แล้ว ตอนนี้ในสายตาคุณมีแค่ผู้จัดการใหญ่ ไม่เห็นผมอยู่ในสายตาเลยใช่ไหม”
ชายวัยสี่สิบเวลาดุขึ้นมาช่างน่าตกใจ แต่ผู้ช่วยสาวไม่ได้มีท่าทางหวาดกลัว เธอแลบลิ้นหัวเราะอิๆ “ฉันต้องเชื่อฟังท่าน แล้วก็ต้องฟังผู้จัดการใหญ่ด้วยนี่คะ ฉันจะไปเป็นเพื่อนท่านค่ะ ได้ยินว่าลู่เฉินตัวจริงก็มาด้วย…”
พอพูดถึงลู่เฉินประกายตาของเธอก็ลุกวาว “ไม่รู้ว่าตัวจริงจะหล่อเหมือนในทีวีไหม!”
ไม่ต้องถาม เธอเป็นแฟนละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ แน่นอน
จวงจิงเหว่ยนวดหัวคิ้วพูดไม่ออก ก่อนจะโบกมือไล่ “ไปๆๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
ผู้ช่วยสาวของจวงจิงเหว่ยเป็นหลานสาวของเขาเอง ตอนนี้เป็นนักศึกษาฝึกงานชั้นปีที่สี่ มาติดตามเขาก็เพื่อเรียนรู้งาน
หญิงสาวถูกตามใจจนเคยตัว และไม่เกรงกลัวเขา ต่อให้ทำหน้าเคร่งอบรมก็ไม่ช่วยอะไร
ดังนั้นจวงจิงเหว่ยจึงตัดสินใจว่าจะรอให้จบเวลาฝึกงานแล้วส่งเธอออกไป เพราะเขารับมือไม่ไหวจริงๆ!
พอได้ยินชื่อลู่เฉิน อารมณ์ของจวงจิงเหว่ยหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมอีก
ลู่เฉินเป็นใคร เมื่อก่อนเขาเพียงแต่เคยได้ยินชื่อ ตอนนี้ได้รู้ซึ้งแล้วว่าฝ่ายนั้นเป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านดนตรี เป็นนักร้องนักแต่งเพลงรุ่นใหม่ และยังเป็นพระเอกละครที่ดังเป็นพลุแตก ทำให้หลานสาวของเขาหลงใหลหัวปักหัวปำ
ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของบริษัทโฆษณาม่ายซื่อ จวงจิงเหว่ยรู้จักและเคยทำงานร่วมกับดารามาไม่น้อย แต่ไม่เคยเจอคนแบบลู่เฉิน…คนที่ไม่รู้จักประมาณตน!
เรื่องเกิดขึ้นเพราะบริษัทรถยนต์จงหวาทำสัญญาร่วมกับบริษัทโฆษณาม่ายซื่อ ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของประเทศกำลังจะทำโฆษณาเปิดตัวรถสเตชันแวกอนโดยมอบงานนี้ให้กับบริษัทโฆษณาม่ายซื่อ และเลือกลู่เฉินเป็นพรีเซ็นเตอร์
การเลือกดาราเป็นพรีเซ็นเตอร์เป็นเรื่องปกติ หลังจากบริษัทโฆษณาม่ายซื่อทำความเข้าใจเงื่อนไขของลูกค้าแล้ว ก็เริ่มลงมือวางแผนการทำโฆษณา จุดสำคัญอันดับแรกก็คือคลิปโฆษณารถสเตชันแวกอน R100 ของจงหวา
จวงจิงเหว่ยลงแรงลงความคิดเพื่อโฆษณาชุดนี้ แต่พอได้คอนเซปต์เบื้องต้นแล้ว อยู่ๆ ทางจงหวาก็ส่งข่าวมาว่าลู่เฉินจะเป็นคนจัดทำและตัดต่อตัวอย่างโฆษณา R100 ชิ้นนี้เองกับมือ!
หลังจากได้ยินข่าวนี้แล้ว จวงจิงเหว่ยคิดว่าตัวเองฟังผิดไป ดาราที่ร้องเพลงได้คนหนึ่ง แถมยังเป็นศิลปินที่เพิ่งเข้าวงการมาไม่นาน จะสามารถออกแบบโฆษณาให้ทางจงหวาได้จริงเหรอ
ไม่เพียงเท่านี้ ทางจงหวายังหวังว่าบริษัทโฆษณาม่ายซื่อจะปฏิบัติตามความคิดสร้างสรรค์ของลู่เฉินอย่างตั้งใจ และยังเปิดการประชุมร่วมกันทั้งสามฝ่าย โดยเลือกสถานที่เป็นบริษัทม่ายซื่อแห่งนี้
จวงจิงเหว่ยรู้สึกว่าความสามารถเฉพาะด้านของเขาถูกท้าทายอย่างหนัก มีหรือจะยอมทน!
ถ้าลู่เฉินเรียนจบด้านการออกแบบโฆษณามาก็ว่าไปอย่าง แต่เท่าที่จวงจิงเหว่ยรู้ ศิลปินหน้าใหม่คนนี้จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยสาขาคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์กับโฆษณา ทั้งสองอาจจะไม่ถึงกับไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่มันเป็นคนละเรื่อง!
ตอนนี้พวกเขานำสิ่งที่เรียกว่าตัวอย่างโฆษณามาให้บริษัทม่ายซื่อถึงที่อย่างเปิดเผยและเป็นทางการ ต่างอะไรกับการมาเยาะเย้ยถึงที่? ต่อให้คนในบีบจมูกยอมรับแบบขอไปที แต่คนนอก…
ที่สำคัญคือ ไอเดียที่จวงจิงเหว่ยทุ่มเทกายใจคิดสร้างสรรค์ออกมาอาจจะสูญเปล่าเพราะเหตุนี้ แล้วจะไม่ให้เขาเคืองแค้นได้อย่างไร
สิ่งที่คนทำโฆษณากลัวที่สุดก็คือลูกค้าที่ยืนหยัดในความคิดเห็นของตัวเองโดยไม่รู้จริง แทรกแซงชี้สั่งและออกไอเดียให้กับบริษัท สุดท้ายก็ทำผลงานออกมาได้ไม่ดี
แต่ความโกรธส่วนความโกรธ จวงจิงเหว่ยจะเอาแต่ใจไม่ได้ นอกเสียจากเขาละทิ้งงานนี้ไป ไม่เช่นนั้นก็ไม่อาจขัดคำสั่งของผู้จัดการใหญ่ได้
ระหว่างทางไปห้องประชุม เขาตัดสินใจเงียบๆ ว่าจะต้องส่งเสียงของตัวเองออกไปบ้าง!
ในห้องประชุมของบริษัทโฆษณาม่ายซื่อ มีคนนั่งอยู่เกือบเต็ม
จวงจิงเหว่ยมองเห็นผู้รับผิดชอบของทางรถยนต์จงหวา มองเห็นเพื่อนร่วมงานของตัวเอง และมองเห็นลู่เฉิน
ในบรรดาคนที่นั่นทั้งหมด ลู่เฉินโดดเด่นที่สุด เขาหนุ่มแน่นสูงใหญ่หล่อเหลา รอยยิ้มอบอุ่นชวนให้ใกล้ชิดสนิทสนม แม้ในใจยังมีอคติ แต่จวงจิงเหว่ยอดยอมรับไม่ได้ว่าเขาเป็นดาราที่มีเสน่ห์มากคนหนึ่ง
ดารานักแสดงมักเปล่งแสงออร่า ทำให้แฟนคลับหลงใหลได้ปลื้ม
เช่นเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างผู้จัดการใหญ่คนนั้น ดวงตาเป็นประกายแวววับ เกือบจะลุกไปขอถ่ายรูปขอลายเซ็นแล้ว!
“ผู้อำนวยการจวงมาแล้ว…”
พอเห็นว่าจวงจิงเหว่ยเข้ามา ไช่จิ่น ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทโฆษณาม่ายซื่อก็โบกมือเรียกเขา “เข้ามานั่งตรงนี้สิ”
ไช่จิ่นวัยสามสิบห้าปี เข้าร่วมงานกับบริษัทโฆษณาม่ายซื่อเมื่อเจ็ดปีก่อน เธอจบการศึกษากลับมาจากต่างประเทศ เก่งกาจจนสามารถไต่เต้าขึ้นมาเป็นผู้จัดการใหญ่ และทำให้บริษัทม่ายซื่อติดอันดับหนึ่งในสิบของบริษัทโฆษณาระดับสี่เอแห่งเมืองปักกิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์การบริหารหรือความสามารถ จวงจิงเหว่ยต่างนับถือเธอทั้งสองด้าน
เขาเข้านั่งประจำที่ของตัวเอง
ไช่จิ่นส่งสายตาอันซ่อนความนัยให้จวงจิงเหว่ย
จวงจิงเหว่ยเข้าใจความหมายของเธอ
ด้านการบริหารบริษัทม่ายซื่อ ไช่จิ่นยึดมั่นในหลักการทั่วไปของธุรกิจบริการอย่างเหนียวแน่นมาโดยตลอด นั่นก็คือตอบสนองความต้องการของลูกค้าสองเรื่อง หนึ่งคือ ‘ลูกค้าเป็นฝ่ายถูกเสมอ’ สองคือ ‘ถ้าลูกค้าผิดจริง ให้ย้อนกลับไปดูข้อหนึ่งใหม่’
นี่เป็นแนวคิดที่ขัดแย้งกับแนวทางการทำงานของจวงจิงเหว่ย แต่ในความจริงนั้นไช่จิ่นทำถูกต้องแล้ว การทำโฆษณาก็เหมือนการเต้นระบำติดห่วง ต้องหาวิธีการและดูแลความต้องการของลูกค้าที่เป็นเหมือนห่วงรัดรึงได้อย่างพอดี หาจุดกึ่งกลางของท่าเต้นที่จะทำให้ระบำแสดงออกมาได้สวยงาม
บริษัทรถยนต์จงหวามีความสำคัญต่อบริษัทโฆษณาม่ายซื่ออย่างไม่ต้องสงสัย ไช่จิ่นเกรงว่านิสัยดื้อดึงแข็งกร้าวของจวงจิงเหว่ยจะทำให้เกิดความขัดแย้งกับไอเดียของลูกค้าในการทำวิดีโอโฆษณา R100
เมื่อสมาชิกมาครบ ไช่จิ่นให้คนไปปิดประตูห้องประชุม แล้วเปิดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
เธอยืดลำตัวตรง ใบหน้าเปื้อนยิ้ม กล่าวว่า “วันนี้พวกเราบริษัทโฆษณาม่ายซื่อยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เปิดประชุมเรื่องการทำวิดีโอโฆษณารถสเตชันแวกอนรุ่น R100 ของบริษัทรถยนต์จงหวา อันดับแรกขอต้อนรับผู้จัดการเฉินหงจากแผนกโฆษณาของบริษัทรถยนต์จงหวา…”
ผู้จัดการใหญ่แห่งบริษัทโฆษณาม่ายซื่อเป็นหญิงงามสง่า พูดจาด้วยเสียงอ่อนนุ่ม ทำให้คนฟังรู้สึกสบายใจ แต่คนที่รู้จักเธอดีจะไม่กล้าประมาทความสามารถของเธอเลย
“ขอต้อนรับคุณลู่เฉิน เขาเป็นดาราพรีเซ็นเตอร์ให้กับโฆษณา R100 !“
ลู่เฉินลุกขึ้นยืน แล้วโค้งตัวเล็กน้อยแสดงความเคารพให้กับทุกคน
เขาจัดทำและตัดต่อมิวสิควิดีโอโฆษณารถสเตชันแวกอนที่ตัวเองเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่ไม่ถึงขั้นมาเยาะเย้ยเจ้าถิ่นอย่างที่จวงจิงเหว่ยเข้าใจ การประชุมครั้งนี้คนของบริษัทรถยนต์จงหวาได้ดูตัวอย่างโฆษณาแล้วถึงได้ให้นำมาเสนอ
เพราะเหตุนี้จึงเลือกสถานที่ประชุมเป็นที่บริษัทโฆษณาม่ายซื่อ เพราะงานด้านการทำโฆษณาทั้งหมดยกให้บริษัทโฆษณาระดับสี่เอแห่งนี้เป็นผู้ดำเนินการ ทางบริษัทรถยนต์จงหวาก็ต้องการคำแนะนำเฉพาะด้านจากบริษัทโฆษณาม่ายซื่อเช่นกัน
รอจนเสียงปรบมือตามธรรมเนียมสิ้นสุดลง ลู่เฉินกล่าวต่อว่า “ตามความต้องการของทางจงหวา ผมได้แต่งเพลงประกอบโฆษณา R100 ขึ้นมาเพลงหนึ่ง นอกจากนี้ผมยังใช้วัตถุดิบบนอินเทอร์เน็ตมาตัดต่อเป็นมิวสิควิดีโอเพลงนี้…”
เขายิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า “ด้านโฆษณานั้นผมไม่ใช่คนในวงการ มิวสิควิดีโอชุดนี้ทำออกมาหยาบๆ เพียงเพื่อแสดงออกถึงความคิดส่วนตัวของผมเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องรบกวนขอคำแนะนำจากทางม่ายซื่อที่เป็นมืออาชีพ มาร่วมแรงร่วมใจกันทำงานนี้ให้สำเร็จ!”
“ขอบคุณครับ!”
ครั้งนี้เสียงปรบมือที่ดังขึ้นในห้องประชุมดูเต็มใจขึ้นไม่น้อย แม้แต่จวงจิงเหว่ยยังปรบมือให้หลายที
คำพูดของลู่เฉินทำให้เขามองลู่เฉินดีขึ้น อย่างน้อยก็มีมารยาท แม้การกระทำจะเกินไปหน่อยก็ตาม แต่ท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ได้ยกตนให้อยู่ในตำแหน่งผู้นำ
นี่ถึงจะเหมาะกับสถานภาพของเขา…เป็นพรีเซ็นเตอร์ของผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่คนวางแผน!
หลังจากลู่เฉินกล่าวจบ ไช่จิ่นให้ผู้ช่วยปิดไฟในห้องประชุม ก่อนจะฉายตัวอย่างโฆษณาขึ้นบนจอใหญ่
ผู้จัดการใหญ่แห่งบริษัทโฆษณาม่ายซื่อสงสัยมาก ไม่รู้ว่าลู่เฉินจะนำผลงานแบบไหนออกมา ทำอย่างไรถึงทำให้บริษัทจงหวายกเลิกไอเดียของทางบริษัทตน แล้วเลือกไอเดียของคนนอกวงการแทนได้
ชั่วเวลาถัดมา บนหน้าจอโปรเจกเตอร์ปรากฏภาพหลากสีขึ้น
ภาพทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไพศาลและเวิ้งว้างนั้นปรากฏสู่สายตา มีเพียงถนนหลวงทอดยาวออกไปไกลสุดขอบฟ้า ทำให้คนดูรู้สึกหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก
คนที่ชอบท่องเที่ยวหรือคนที่ชอบดูวิว แค่มองก็รู้ว่านี่คือถนนชิงฉางเทียนอันเลื่องชื่อ
จากนั้นกล้องค่อยๆ แหงนขึ้นสูง รถตะลุยป่าคันหนึ่งปรากฏขึ้นมา วิ่งไปข้างหน้าอย่างโดดเดี่ยว ตามด้วยดนตรีท่อนแรกที่ดังขึ้นเบาๆ และยังมีเสียงร้องเพลงของลู่เฉิน
เมฆหมอกเหมือนลอยมาจากฟากฟ้า
“ม้วนตัวอยู่กลางถนน
เธอจะไปไหม via via
เปราะบาง ภาคภูมิ
ฉันเคยเป็นแบบนั้นมาก่อน
บุกตะลุย ไม่หยุดนิ่ง
เธอจะไปไหน via via
หลงใหล เงียบงัน
เธอยังฟังเรื่องราวอยู่บ้างไหม
…”
ภาพบนหน้าจอเปลี่ยนผันไปเรื่อยๆ ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมถูกเสียงเพลงดึงให้ตกลงสู่ภวังค์แห่งบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่มิวสิควิดีโอสร้างขึ้น
เพลงนี้มีชื่อว่า ‘เส้นทางธรรมดา’!
……………………………………….
หมายเหตุ : เพลง ‘เส้นทางธรรมดา’ (平凡之路) เนื้อร้อง: หานหานและเผียวซู่ ทำนอง: เผียวซู่