Perfect Superstar - ตอนที่ 325 อิสระเหมือนสายลม
ตอนที่ 325 อิสระเหมือนสายลม
มองดูผู้ชมนับไม่ถ้วนที่ตะโกนร้องชื่นชม สือกังนักร้องนำวงเวนส์เดย์รู้สึกหัวใจพองโต
สิบกว่าปีมานี้โชคชะตาของเขากับวงเวนส์เดย์เรียกได้ว่าขึ้นๆ ลงๆ ในปีนั้นที่โด่งดังจากเทศกาลดนตรี 72H พวกเขาได้จับมือกับเป่าสือเรคคอร์ด เคยก้าวสู่เส้นทางแห่งดวงดาวมาก่อน
แต่ความขัดแย้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เกิดขึ้นระหว่างบริษัทที่เซ็นสัญญาด้วยกับภายในวงดนตรี ได้บั่นทอนแรงกายแรงใจของสือกังลงไปมาก ทำให้เขาต้องพาสมาชิกวงเดินทางสู่ภาคใต้ อยู่ให้ห่างจากวงการเพลงกระแสหลักตั้งแต่นั้นมา
แต่ความคิดที่จะหวนคืนสู่ปักกิ่งอีกครั้งนั้นมีอยู่ในใจสือกังมาตลอด
เพียงแค่กลับมาขึ้นเวทีอีกครั้ง เขาต้องหวนกลับมาได้อย่างเต็มภาคภูมิ ทำให้ชื่อเสียงของวงเวนส์เดย์ผงาดขึ้นในวงการเพลงป็อปอีกครั้ง!
ตอนนี้จุดมุ่งหมายของสือกังบรรลุไปครึ่งหนึ่งแล้ว เพลงใหม่ทั้งสองเพลงได้รับความนิยมจากผู้ชมตามคาด เสียงปรบมือของพวกเขาเป็นสิ่งยืนยันที่ดีที่สุด
เขาอดกำหมัดแน่นไม่ได้ ก้มโค้งลงขอบคุณแล้วพาสมาชิกลงจากเวที
แต่สือกังยังไม่ไปไหนไกล เขายืนอยู่ตรงบันไดชั้นล่าง
เพราะเขารู้ว่า คนที่จะแสดงเป็นคนต่อไปคือลู่เฉิน ดาราที่กำลังโด่งดังที่สุดในวงการตอนนี้!
สือกังได้ยินชื่อเสียงของลู่เฉินเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคมของปีที่แล้ว ตอนนั้นบาร์ที่เขาร้องเพลงอยู่มีนักร้องมาใหม่ เพลงที่เขาคนนั้นเลือกร้องเป็นเพลงแรกคือเพลงที่ชื่อว่า ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’
สือกังจำได้ว่าตอนที่ได้ยินเพลง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ เป็นครั้งแรกนั้น เขารู้สึกชาไปทั้งตัว เลือดในร่างกายทะยานขึ้นหัว ซาบซึ้งจนอยากร้องไห้
เพลงนี้เขียนได้ดีมากเลย!
ผู้ประพันธ์เพลงนี้คือลู่เฉิน เป็นนักร้องที่ยังเด็กมากคนหนึ่ง
ต่อมาเขาทำความเข้าใจผลงานเพลงของลู่เฉินหลายเพลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งอัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’
สือกังเลื่อมใสในความสามารถทางความคิดสร้างสรรค์ของลู่เฉินเป็นพิเศษ พอรู้ว่าลู่เฉินจะมาร่วมงานเทศกาลดนตรี 72H ทั้งยังแสดงต่อจากตัวเอง เขายิ่งตื่นเต้น!
นักร้องคนหนึ่งต้องท้าประลองกับคู่แข่งและแข่งขันกับตัวเอง ถึงจะก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
ข้อสำคัญคือสือกังมั่นใจในเพลงของตัวเองมาก เขาเชื่อว่าวงเวนส์เดย์ที่เขาสร้างขึ้นใหม่นั้นต้องไม่แพ้ใคร
เขารอคอยการขึ้นเวทีของลู่เฉิน อยากรู้ว่าฝ่ายหลังจะเอาผลงานเพลงใหม่แบบไหนออกมาแสดงจนแทบทนไม่ไหว
เพลงบัลลาด? เพลงซอฟต์ร็อก? หรืออย่างอื่น?
ถ้าเอาชนะลู่เฉินบนเวทีนี้ได้ วงเวนส์เดย์ก็จะหวนคืนสู่วงการได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
ตอนที่สือกังกำลังคิดสับสนอยู่นั้น ลู่เฉินนำวงนิพพานขึ้นสู่เวที
สายตาทุกคู่จับจ้องอยู่ที่ตัวเขา
วันแรกของเทศกาลดนตรี 72H มีการจัดการที่พิเศษเล็กน้อย ช่วงเวลานี้จัดให้เลี่ยวเจี่ย วงเวนส์เดย์ และลู่เฉินแสดงต่อเนื่องกัน นอกจากสร้างบรรยากาศให้เข้าสู่ช่วงไคลแม็กซ์แล้ว ยังทำให้ผู้ชมเปรียบเทียบศิลปินทั้งสามไปในขณะเดียวกัน
เลี่ยวเจี่ยร้องเพลงได้สุดยอด เก่งกาจสมชื่อ
วงเวนส์เดย์นำเอาความเซอร์ไพรส์มามอบให้ การแสดงในวันแรกโดดเด่นมาก คุณภาพของผลงานเพลงก็สูง
แล้วลู่เฉินที่เพิ่งปรากฏตัวล่ะ จะนำสิ่งใดมาฝากให้ผู้ชมบ้าง
ตอนนี้รสนิยมความชอบของผู้ชมยกระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ลู่เฉินแม้จะโด่งดังมีชื่อเสียง มีฉายาว่าอัจฉริยะทางดนตรี กลับไม่แน่ว่าจะแสดงได้อย่างน่าประทับใจ
ในงานเทศกาลดนตรี 72H มีนักร้องระดับซูเปอร์สตาร์ที่ขายหน้าในงานไม่ใช่แค่คนสองคน!
ความคาดหวังและความสงสัยของผู้ชมก่อตัวกลายเป็นความกดดันก้อนใหญ่ให้กับลู่เฉิน
แฟนเพลงที่มาในงานเทศกาลดนตรี 72H มีหลายคนที่เกิดในยุค 60-70 พวกเขามีบางคนที่ไม่ชอบลู่เฉิน คิดว่าลู่เฉินไม่แตกต่างจากพวกหนุ่มน้อยหน้ามนในวงการบันเทิง
จะว่าไปความคิดเช่นนี้ส่วนใหญ่เกิดจากละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ คนที่ไม่ได้ดูละครโทรทัศน์อันโด่งดังเรื่องนี้ ก็ยังเคยเห็นชื่อของลู่เฉินผ่านทางเว็บไซต์และข่าวบันเทิง
อีกทั้งข่าวที่ลู่เฉินคบหาดูใจกับเฉินเฟยเอ๋อร์เป็นความรักต่างวัยนั้นถูกลือไปทั่ว จึงทำให้บางคนเชื่อมโยงข่าวนี้กับเรื่องของดาราไอดอลเข้าด้วยกัน จนลืมไปว่าเขาเป็นคนแต่งผลงานเพลงอย่าง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ และ ‘บินให้สูงขึ้น’
ดังนั้นถ้าเกิดลู่เฉินแสดงได้ไม่ดี จะต้องมีคนยินดีที่เขาพบเจอความโชคร้ายแน่ๆ!
เทศกาลดนตรี 72H เป็นโลกที่วัดกันที่ความสามารถ
ลู่เฉินรู้สึกกดดันจากคนที่มาท้าทายเขาและจากผู้ชม แต่เขาก็ไม่กลัว
วันนี้ลู่เฉินมายืนอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่เพื่อยืนยันหรือโอ้อวดอะไร แต่เพื่อทำความฝันให้เป็นความจริง เขาไม่ได้อยากได้ชื่อเสียง และไม่อยากท้าทายใคร ไม่มีแรงกดดันจริงๆ
“สวัสดีครับทุกคน ผมคือลู่เฉิน…”
ลู่เฉินกล่าวแนะนำตัวเองกับไมโครโฟน “และที่มากับผมในวันนี้ คือวงนิพพาน”
พวกหวังจิ้งลุกขึ้นยืนแล้วโค้งตัวแสดงความเคารพ ด้านล่างเวทีมีเสียงปรบมือเบาบาง
ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อวงนี้มาก่อน การปรบมือนั้นเป็นไปตามมารยาท
บางคนกรี๊ดออกมา…นั่นคือแฟนคลับของลู่เฉิน
ลู่เฉินไม่สนใจ เอ่ยต่อว่า “วันนี้ผลงานเพลงแรกที่ผมจะนำมาให้ทุกคนรับฟัง ชื่อว่า…”
“อิสระเหมือนสายลม!”
เสียงของเขาสิ้นสุดลง พร้อมกับเสียงเบสที่ดังขึ้น ผ่านลำโพงคุณภาพดีที่ตั้งอยู่โดยรอบเข้าสู่โสตประสาทของทุกคนในที่นั้น
ถัดมา เสียงกลองอันดุเดือดกระหน่ำใส่แก้วหู ทำให้คนเลือดร้อน!
“ฉันอิสระเหมือนสายลม
เหมือนความอ่อนโยนของเธอที่ไม่อาจฉุดรั้ง
เธอผลักมือสองข้างที่ฉันยื่นออกไป
เธอไปเถอะแล้วอย่าหันกลับมา
ความหวังในอิสระล่องลอยไร้ที่สิ้นสุด
ความแปรปรวนฉันจะรับไว้เอง
ฉันให้ความอ่อนโยนแต่เธอปฏิเสธที่จะรับมัน
ฉันให้มือคู่นี้แก่เธอด้วยความจริงใจ
ฉันให้อิสระแก่เธอเพื่อที่จะได้เป็นความทรงจำที่ยาวนาน
ฉันให้เธอทุกอย่างแต่ก็ไม่อาจเหนี่ยวรั้ง
ฉันอิสระเหมือนสายลม!
…”
ในฐานะนักร้องที่ถูกจับตามองมากที่สุดในเทศกาลดนตรี 72H ลู่เฉินจะนำผลงานเพลงอะไรออกมาก็กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการเล็กๆ นี้ หลายคนคิดว่าเขาจะมาร้องเพลงเก่าที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขาเสียอีก
นี่เป็นวิธีการที่ดีที่สุด เพราะแรงบันดาลใจของคนเรามีจำกัด ไม่ว่านักร้องนักแต่งเพลงคนใดก็ไม่มีทางรับรองได้ว่าผลงานเพลงของตัวเองจะกลายเป็นดาวเด่นทุกเพลง ถ้านำผลงานเพลงใหม่ออกมาแสดงบนเวทีแต่กลับไม่ได้รับความชื่นชอบจากแฟนเพลง สำหรับลู่เฉินจะเป็นการโจมตีชื่อเสียงของตัวเอง
ร้องผลงานเก่าของตัวเองนั้นไม่ขายหน้า และปลอดภัยพอ ต้องรู้ว่าแฟนเพลงของเทศกาลดนตรี 72H นั้นเรื่องมากแค่ไหน
ลู่เฉินใช้ผลงานเพลงใหม่ขจัดความข้องใจของคนมากมาย!
เพลงนี้มีชื่อว่า ‘อิสระเหมือนสายลม’
เนื้อร้องเรียบง่ายตรงไปตรงมา ไม่ได้แอบแฝงความซับซ้อนลึกลับอะไร แม้ไม่มีเนื้อร้องปรากฏขึ้นบนหน้าจอฉากหลัง ใครก็ฟังเข้าใจได้ง่ายๆ เป็นจุดเด่นที่ลู่เฉินใส่เข้าไปในผลงานเพลงซอฟต์ร็อกเสมอมา
ส่วนทำนอง ยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิม!
เพียงแต่สไตล์เพลง ‘อิสระเหมือนสายลม’ ไม่ได้มีกลิ่นอายของการผ่านชีวิตมาโชกโชนเหมือนเพลง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ ไม่เหมือนกับเพลง ‘บินให้สูงขึ้น’ ที่ฟังแล้วเลือดร้อน และไม่เหมือนเพลง ‘เดอะบลูโลตัส’ ที่โดดเดี่ยวเดียวดาย
เพลงนี้ไม่มีความบีบคั้น ลึกซึ้งถึงแก่นแต่ไม่บีบคั้น!
…………………………………………
หมายเหตุ: เพลง ‘อิสระเหมือนสายลม’ (像风一样自由) เนื้อร้อง/ทำนอง: สวี่เวย