Perfect Superstar - ตอนที่ 347 ไล่ออกแล้ว
ตอนที่ 347 ไล่ออกแล้ว
ก่อนหน้าที่ ‘เส้นทางธรรมดา’ จะเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ หนึ่งวัน วันที่ 24 เมษายน เวลาสองทุ่ม การจัดอันดับเพลงฮิตของจีนได้ประกาศอันดับประจำสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายนตรงตามเวลา
มีเจ็ดเพลงในอัลบั้มใหม่ของเฉินเฟยเอ๋อร์ขึ้นติดชาร์ตพร้อมกัน นับรวมเพลงที่แต่งโดยลู่เฉินทั้งหกเพลงแล้ว ซึ่งได้แก่ ‘บุปผานารี’ ‘ดวงตาของคุณ’ ‘ข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาเธอ’ ‘สวัสดีวันพรุ่งนี้’ ‘พบเจอ’ และ ‘ฝูงชน’
หนึ่งในนั้นมีเพลงหลักคือ ‘บุปผานารี’ ที่ขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ตโดยตรง นอกจากนี้ ‘ข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาเธอ’ ที่ได้รับคำวิจารณ์เชิงบวกในวงกว้างก็จัดอยู่อันดับที่สาม
อัลบั้ม ‘บุปผานารี’ ทำยอดขายทะลุหลักล้านในเวลาสั้นๆ แค่หนึ่งสัปดาห์ ผลงานในอัลบั้มขึ้นติดชาร์ตเพลงฮิตเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก แต่เพลงหลักที่ขึ้นอันดับหนึ่ง ยังคงสั่นสะเทือนวงการอยู่ไม่น้อย
สิ่งที่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้าก็คือ การที่อัลบั้มของเธอชุดนี้จะได้ติดชาร์ตเพลงฮิตครบทั้งสิบเพลงนั้นเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น และนอกจากเพลงหลักแล้ว อันดับของผลงานเพลงอื่นก็กำลังไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ
‘ราชินีเพลงรัก’ กำลังจะกลายเป็น ‘ราชินีแห่งชาร์ตเพลง’ แล้ว!
สิ่งนี้ทำให้บุคคลในวงการต้องทบทวนผู้ชายที่ยืนอยู่เบื้องหลังราชินีคนนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง…พลังของลู่เฉิน
อัลบั้มแรกของลู่เฉิน ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ผลงานเพลงทั้งหมดก็เคยติดชาร์ตพร้อมกันอย่างงามสง่าเพลงที่เขาเคยแต่งให้วงเฮสิเทชั่น วงเอ็มเอสเอ็นก็เคยติดชาร์ตทั้งหมดเหมือนกัน ซ้ำยังเข้ายึดครองชาร์ตอันดับต้นๆ เป็นประจำ ตอนนี้ยังมีอัลบั้มใหม่ของเฉินเฟยเอ๋อร์เพิ่มเข้ามาอีก
พรสวรรค์พิเศษเช่นนี้ คนอื่นหมดแรงอิจฉาจริงๆ
ดังนั้นจึงเกิดเสียงบางส่วนในวงการ เรียกร้องให้ดำเนินการแก้ไขกฎเกณฑ์การจัดอันดับเพลงฮิตโดยเฉพาะ
หัวใจหลักของการแก้ไขอยู่ที่การจำกัดการเกิดเหตุการณ์ ‘ยึดชาร์ต’ อัลบั้มเดียวกันมากสุดมีแค่สามเพลงเท่านั้นที่จะขึ้นชาร์ตพร้อมกันได้ โดยที่ทั้งสามเพลงนั้นจะต้องเป็นผลงานที่ดีที่สุด เพื่อให้นักร้องต้นฉบับคนอื่นได้มีพื้นที่ที่เพียงพอ
อันที่จริงเสียงเรียกร้องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ใช่นักร้องคนแรกที่มีเพลงติดชาร์ตทั้งอัลบั้ม เมื่อก่อนก็มีอัลบั้มดังๆ ในวงการเพลงที่ได้รับความสำเร็จเช่นนี้เหมือนกัน
ทว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พลังสร้างสรรค์ในประเทศมีความอ่อนแอ ในอัลบั้มเดียวกันมีสองสามเพลงขึ้นติดชาร์ตก็มีอยู่ไม่น้อย แต่ติดชาร์ตทั้งอัลบั้มนั้นยังไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้นเสียงเรียกร้องแบบนี้จึงหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ลู่เฉินโผล่ขึ้นมาในวงการเพลงป็อปราวกับปาฏิหาริย์ จึงสะกิดเส้นประสาทของใครหลายคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความมีหน้ามีตาของเขามันมากเกินไปจริงๆ
และเสียงเรียกร้องที่ออกมาจากปากของคนเหล่านี้ ก็เข้าหูของลู่เฉินอย่างรวดเร็ว
ลู่เฉินได้แต่หัวเราะ
ชาร์ตเพลงฮิตคือชาร์ตเพลงเกียรติยศของวงการเพลงป็อป เป็นกำลังใจสนับสนุนการสร้างสรรค์ การที่เพลงติดชาร์ตนั้นมีความหมายในด้านบวก นอกจากจะยกระดับอิทธิพลของนักร้องและนักแต่งเพลงให้สูงขึ้น ยังทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ติดชาร์ตทั้งอัลบั้มเป็นเรื่องที่ดี ทว่าการแก้ไขกฎเกณฑ์ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ชาร์ตเพลงฮิตสำคัญมาก แต่ไม่ได้สำคัญมากขนาดนั้น ตำแหน่งของเขาในวงการเพลงขณะนี้ ไม่จำเป็นต้องผ่านชาร์ตเพลง
การยอมรับจากแฟนเพลงถึงจะสำคัญที่สุด
ดังนั้นแม้มีคนอยากจะเปลี่ยนกฎเกณฑ์ ไม่ว่าเป้าหมายจะเป็นเขาหรือไม่ เขาก็ไม่สนใจ อย่างมากวันหลังเวลาทำอัลบั้มให้คนอื่นก็แต่งเพลงแค่สามเพลงก็พอ
ดังคำกล่าวที่ว่าของที่หายากย่อมมีราคาแพง หนึ่งอัลบั้มมีเพลงดีๆ เยอะไปใช่ว่าจะเหมาะสม
แม้ว่าลู่เฉินจะไม่สนใจ แต่กลับมีบางคนโกรธมาก
“พวกเขาจะต้องอิจฉาตาร้อนแน่นอน!”
เฉินเฟยเอ๋อร์โทรหาลู่เฉินและกำลังพูดอยู่ “ต้องมีพวกที่เห็นคนอื่นได้ดีไม่ได้ เลยชอบหาเรื่องนิดๆ หน่อยๆ”
ทว่ากล่าวถึงใครเธอไม่ได้พูด แต่คนที่อิจฉามีเยอะจริงๆ ในวงการบันเทิงมักจะเป็นเช่นนี้ เวลาเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จแล้วไม่สบายใจ ต่อให้แทรกแซงทางตรงไม่ได้ แต่ขอใช้ลูกเล่นชั่วๆ นิดหน่อยก็ยังดี
ข่าวลือที่ปล่อยเข้ามาในวงการครั้งนี้ ดูเหมือนจะชี้เป้ามาที่เฉินเฟยเอ๋อร์ แต่ความจริงแล้วเล็งมาที่ลู่เฉินต่างหาก!
เฉินเฟยเอ๋อร์เต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม “ติดไม่ติดชาร์ตดูที่ความสามารถ เปลี่ยนกฎแล้วยังไง”
ลู่เฉินปลอบใจเธอ “อย่าไปสนใจคนอื่นเลยครับ พวกเราทำเรื่องของตัวเองให้ดีก็พอ”
ในวงการบันเทิงมีหลายเรื่องที่ยากจะคิดเล็กคิดน้อยได้จริงๆ ไม่อย่างนั้นตัวเองก็จะติดกับดักเอง อย่างข่าวลือที่มีมูลพวกนี้ หากมัวแต่เถียงเพื่อเอาชนะก็จะยุ่งยากเปล่าๆ มองข้ามไปเลยถึงจะดีที่สุด
แม้ว่าจะเปลี่ยนกฎเกณฑ์จริงๆ แล้วจะทำอย่างไรได้
แน่นอนว่าเฉินเฟยเอ๋อร์ก็ไม่ได้ติดใจปัญหาติดชาร์ตหรือไม่ติดชาร์ต เธอไม่สนใจเกียรติยศเหล่านี้ด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือข่าวลือที่คนอื่นเพ่งเล็งมาที่ลู่เฉินนั้นทำให้เธอโกรธ
“อย่าโกรธเลย ให้ผมไปหาคุณที่กว่างโจวไหม”
ตอนนี้เฉินเฟยเอ๋อร์กำลังโปรโมตอัลบั้มใหม่ที่กว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง และยังมีงานพรีเซ็นเตอร์อย่างอื่นอีก
“มาหาฉันที่กว่างโจว?”
ความสนใจของเฉินเฟยเอ๋อร์ถูกดึงดูดไปที่อื่น “จริงเหรอ ฮิๆ นายไม่ยุ่งเหรอ”
ถึงแม้เธอจะรู้ว่าลู่เฉินกำลังเอาใจเธออยู่ แต่เธอก็มีความสุขมาก
“ยุ่งครับ!”
ลู่เฉินเอ่ยอย่างกลุ้มใจ “ละครใหม่ใกล้จะถ่ายทำแล้ว ทางผมยังรวบรวมคนไม่ครบเลย!”
การถ่ายทำ ‘ฟูลเฮ้าส์’ ครั้งนี้มีความซับซ้อนยุ่งยากกว่าตอนที่ถ่ายทำ ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เยอะมาก หน่วยงานที่เข้าร่วมมากขึ้น การประสานงานต่างๆ จึงมีปัญหาเยอะตาม โดยเฉพาะการหาโลเคชั่นที่เกาหลี มีงานมากมายจำเป็นต้องเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างดี ไม่อย่างนั้นจะส่งผลเสียได้ง่าย
เฉินเฟยเอ๋อร์พูดอย่างไม่พอใจ “นายช่วยพูดว่าต่อให้ยุ่งก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนฉันได้ไหม”
ลู่เฉินตบปากตัวเองหนึ่งที
เฉินเฟยเอ๋อร์ฮึดฮัดสองทีแล้วถามว่า “ฉันได้ยินว่านายไม่อยากร่วมงานกับพี่ฟางฮุ่ยแล้วใช่ไหม”
ลู่เฉินถอนหายใจ “ผมกำลังจะพูดเรื่องนี้กับคุณพอดี”
เฉินเฟยเอ๋อร์กับฟางฮุ่ยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ครั้งนี้เป็นเพราะเรื่องของสัญญาที่มีความเห็นต่างกับทางนี้ ลู่เฉินจึงยังไม่บอกเฉินเฟยเอ๋อร์ชั่วคราว เพราะไม่อยากให้เธอเสียสมาธิ
เฉินเฟยเอ๋อร์คงจะได้ยินข่าวลืออะไรมา ดังนั้นถึงได้ถาม
เขาจึงเล่าความเป็นมาของเรื่องราวให้เฉินเฟยเอ๋อร์ฟังอย่างไม่ผิดเพี้ยน
เฉินเฟยเอ๋อร์ฟังจบแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่ฟางฮุ่ยไม่น่าจะเป็นคนโลภแบบนั้น อาจจะเป็นผู้จัดการของเขาหรือเปล่า”
ลู่เฉินกล่าวว่า “ผมไม่รู้…”
ถึงแม้เขาจะวิเคราะห์ว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นกลอุบายของผู้จัดการฟางฮุ่ย แต่เขาไม่ได้โทรไปถามความเป็นจริงกับฟางฮุ่ยโดยตรง…มันไม่เหมาะสม รวมทั้งให้ลู่ซีโทรไปถามก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน
เพราะถ้าหากเป็นความคิดของฟางฮุ่ยจริงๆ แล้วไปถามเธอแบบนี้ เช่นนั้นก็คงเป็นเพื่อนกันไม่ได้อีก
ลู่เฉินเป็นคนที่ไม่ลืมมิตรภาพเก่าๆ เขาไม่อยากให้ถึงขั้นนั้น
เฉินเฟยเอ๋อร์เข้าใจแล้ว “ฉันเข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันจะโทรหาพี่ฟางฮุ่ยเอง”
ลู่เฉินโทรไปจะดูไม่งาม แต่ถ้าเป็นเฉินเฟยเอ๋อร์ก็ไม่มีปัญหา
ดังนั้นหลังจากลู่เฉินครุ่นคิดดูแล้ว จึงไม่ได้ห้ามปรามเธอ ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร ก็ต้องสะสาง
ผลปรากฏว่าตอนกลางวันเขาคุยโทรศัพท์กับเฉินเฟยเอ๋อร์ ตอนบ่ายฟางฮุ่ยก็รีบวิ่งมาที่สตูดิโอ
เมื่อเจอลู่เฉิน สิ่งที่เธอพูดเป็นประโยคแรกก็คือ “ลู่เฉิน ฉันไล่ผู้จัดการของฉันออกแล้ว!”
…………………………………………………………………………