Perfect Superstar - ตอนที่ 349 ไปวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่ง
ตอนที่ 349 ไปวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่ง
วิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งแต่เดิมคือสถาบันภาพยนตร์โทรทัศน์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1946 จนถึงตอนนี้ก็หกสิบปีพอดี
ที่นี่คือวิทยาลัยเฉพาะทางด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนและเอเชียอีกด้วย เป็นการก่อตั้งร่วมกันโดยรัฐบาลเทศบาลกรุงปักกิ่ง สำนักบริหารสื่อสิ่งพิมพ์ กิจการวิทยุกระจายเสียง ภาพยนตร์และโทรทัศน์แห่งชาติ และกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับการขนานนามว่า ‘แหล่งกำเนิดบุคคลมีความสามารถพิเศษทางภาพยนตร์ของจีน’ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
วิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งมีสาขาวิชาระดับปริญญาตรีทั้งหมดสิบเอ็ดสาขา สอนเกี่ยวกับการเขียนบท การกำกับการแสดง การแสดง การถ่ายภาพ การบันทึกเสียง วิจิตรศิลป์ การบริหาร การผลิตการ์ตูนแอนิเมชัน ทฤษฎีภาพยนตร์ และเทคโนโลยีภาพยนตร์ ครอบคลุมทุกสาขาอาชีพในการสร้างภาพยนตร์และโทรทัศน์ มีนักศึกษาและอาจารย์มากกว่าสี่หมื่นคน
หกสิบปีที่ผ่านมา คนเก่งมีพรสวรรค์ด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่เดินออกจากวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งมีมากมายนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ นักแสดง ช่างภาพ…งานเลี้ยงวันสถาปนาสถาบันทุกปี จึงมีดาราดังในวงการบันเทิงมากกว่าครึ่งมาร่วมงาน!
แน่นอนว่าการบริหารจัดการของวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งเข้มงวดมาก ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเข้าไปได้ ต่อให้เป็นการเข้าไปคัดเลือกนักแสดงก็ต้องผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการเช่นกัน หรือจะพูดอีกอย่างก็คือต้องมีเส้นสายถึงจะเข้าได้
สายสัมพันธ์ของพี่หลีกว้างขวางมาก และไม่ได้มาวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งเป็นครั้งแรก เธอสนิทกับผู้บริหารของสถาบัน ดังนั้นจึงไม่ต้องใช้แรงมากก็ได้รับอนุญาตแล้ว
คนในวงการต่างรู้ดี นักศึกษาของวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งล้วน ‘เป็นที่หมายปอง’ โดยเฉพาะสาขาการแสดง อัตราการรับนักศึกษาในแต่ละปีต่ำมากจนน่าตกใจ มักจะเห็นแค่หนึ่งในร้อย สามารถเรียกได้ว่าหนึ่งพันลี้เลือกเพียงหนึ่งอย่างแท้จริง!
คนเก่งย่อมหายาก บริษัทเอเจนซี่บันเทิงและบริษัทภาพยนตร์โทรทัศน์จึงจับตามองวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งอยู่ไม่น้อย แต่ประตูของวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งก็สูงมาก บริษัทหรือหน่วยงานเล็กๆ ต่อให้มีสายสัมพันธ์ นักศึกษาสาขาการแสดงก็ใช่ว่าจะสนใจ
แต่ลู่เฉินออกมาคัดเลือกด้วยตัวเอง เชื่อว่ามีหลายคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก อันที่จริงทางสถาบันก็พยายามผลักดันให้นักศึกษาเข้าไปอยู่ในวงการตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะการเรียนรู้งานจากของจริงมีความแข็งแกร่งกว่าทฤษฎีในสถาบัน
ผู้ที่รับผิดชอบคอยต้อนรับลู่เฉินและคนอื่นๆ คืออาจารย์เฉินจากฝ่ายวิชาการของวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่ง อายุประมาณสามสิบปียังหนุ่มมาก
เขามองลู่เฉินปราดเดียวก็จำได้ และยังรู้จักฟางฮุ่ยอีกด้วย
เขาเดินนำลู่เฉินและคนอื่นๆ เข้าไปในวิทยาลัย อาจารย์เฉินถามด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ลู่ คุณอยากเลือกนักแสดงเพื่อละครเรื่องใหม่ใช่ไหมครับ จะว่าไปโปรเจกต์ของคุณไม่น่าขาดแคลนคนนะครับ เรื่องที่แล้วก็ขายดีมาก…”
อาจารย์เฉินคนนี้เป็นชาวปักกิ่ง รับรู้ข้อมูลข่าวสารไวและคุยเก่งมาก พูดคุยกันสองสามประโยคก็เริ่มสนิทกันแล้ว
ลู่เฉินยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เรียกผมว่าลู่เฉินก็พอครับ อยู่ที่นี่ผมไม่กล้าเป็นอาจารย์หรอก ที่สำคัญคือมีสองสามตัวละครที่ยังหาคนเหมาะสมไม่เจอครับ ดังนั้นจึงอยากลองมาดูที่นี่”
เมื่อเขาประกาศแผนงานการถ่ายทำละครเรื่องใหม่ บริษัทเอเจนซี่บันเทิงก็มาหาเขามากมาย คนที่แนะนำมาก็เยอะมาก นอกจากตัวละครบางส่วนที่กำหนดตัวนักแสดงได้แล้ว ก็ยังมีอีกสองสามตัวละครสำคัญที่ยังว่างอยู่
ละครใหม่เรื่องนี้ลงทุนมากกว่าเดิมสองสามเท่า ลู่เฉินจึงพยายามกลั่นกรองให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นการคัดเลือกนักแสดงเขาจะทำแบบขอไปทีไม่ได้ จะไม่ยอมประจบคนอื่นเพื่อลดความต้องการของตัวเอง
นักแสดงจำเป็นต้องเหมาะสมกับภาพลักษณ์ของตัวละครในเรื่อง นี่คือความต้องการขั้นพื้นฐาน ปัจจุบันละครที่ผลิตในประเทศโดยเฉพาะละครที่ดัดแปลงมาจากนิยายลิขสิทธิ์ที่โด่งดังมักจะปรากฏปัญหาพวกนี้บ่อยครั้ง นักแสดงกับบทไม่ตรงกัน จากนั้นก็แก้โครงเรื่องซี้ซั้ว เวลาถ่ายออกมาจึงถูกคนดูด่ายับเยิน
ลู่เฉินคิดไว้แล้ว ถ้าหากหาคนที่เหมาะสมจากวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งไม่ได้ ก็จะไปดูที่วิทยาลัยการแสดงแห่งชาติจีนและมหาวิทยาลัยการสื่อสารมวลชนแห่งประเทศจีน
ถ้าหากหาคนในอุดมคติไม่เจอจริงๆ เช่นนั้นก็เปิดออดิชันไปเลย!
อาจารย์เฉินยิ้มพลางกล่าวว่า “วิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งของพวกเรามีคนที่มีพรสวรรค์เยอะมากมาย รับรองว่าไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังครับ…”
เขาพาพวกลู่เฉินทั้งสี่คนเดินมาที่หอประชุมเล็กของวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่ง
ในวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งมีหอประชุมใหญ่และหอประชุมเล็ก หอประชุมใหญ่จะเอาไว้ใช้ประชุมรวมทั้งจัดการแสดงละคร ส่วนหอประชุมเล็กจะเอาไว้ใช้สอนวิชาการแสดง วิชาการแสดงส่วนหนึ่งของทุกระดับชั้นในสาขาการแสดงล้วนต้องมาเรียนที่นี่
ในประวัติศาสตร์ของวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่ง ผู้กำกับมากมายก็เลือกนักศึกษาที่ถูกใจจากหอประชุมเล็กแห่งนี้ จากนั้นก็พานักศึกษาเหล่านั้นก้าวเข้าสู่เส้นทางที่เจิดจรัสแสง
ตอนที่ลู่เฉินและคนอื่นๆ เดินเข้ามา บนเวทีของหอประชุมเล็กมีนักศึกษาชายหญิงสี่ห้าคนกำลังแสดงอยู่ บนที่นั่งที่สามารถรองรับผู้ชมได้ถึงสองร้อยคนก็มีคนนั่งอยู่ราวๆ สามสิบถึงสี่สิบคน มีทั้งนักเรียนและอาจารย์
หนึ่งในนั้นมีอาจารย์คนหนึ่งที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดถือไมค์อยู่ในมือ เห็นได้ชัดว่ากำลังให้คำแนะนำอยู่
“พวกเรานั่งตรงนี้ครับ…”
ภายใต้การนำของอาจารย์เฉิน ลู่เฉินและคนอื่นๆ นั่งลงพร้อมกันตรงแถวที่สามด้านขวามือ
อาจารย์เฉินแนะนำกับลู่เฉิน “นี่คือชั่วโมงเรียนของสาขาการแสดงระดับที่สิบห้าครับ”
สาขาการแสดงของวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งโดยทั่วไปคือหนึ่งระดับต่อหนึ่งห้อง และหนึ่งห้องจะรับนักศึกษาประมาณสามสิบถึงสี่สิบคน เป็นคนเก่งในหมู่คนเก่งอย่างแท้จริง เวลาที่เรียนจบแล้วไม่รู้ว่าถูกแย่งตัวตั้งเท่าไร เกิดมามีพรสวรรค์จึงมีภาษีสูงกว่าศิลปินคนอื่นเป็นธรรมดา
แต่จะว่าไปแล้ว นักศึกษาที่เรียนจบแต่ละรุ่นอาจจะมีคนเก่งเยอะแยะ มีความเป็นไปได้ที่จะไม่มีคนรู้จักอย่างสิ้นเชิงเช่นกัน โดยเฉพาะวงการบันเทิงในตอนนี้ที่แข่งขันกันดุเดือดมาก ใช่ว่าคุณจบจากสาขาการแสดงของวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งแล้วจะกลายเป็นดาราเสมอไป
ความจริงนักศึกษาที่เรียนจบสาขาการแสดงของวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นก็เยอะ
โดยพื้นฐานแล้ว ความพยายามหลังจากเรียนจบและความโชคดีคือสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน
ในหอประชุมแห่งนี้ ลู่เฉิน ฟางฮุ่ย และพี่หลีไม่กล้าส่งเสียงดัง เดินย่องเข้ามานั่งเพราะกลัวว่าจะรบกวนการเรียนของคนอื่น แต่การปรากฏตัวของพวกเขาทำให้อาจารย์และนักศึกษาตกใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อาจารย์เฉินโบกมือทักทายอาจารย์ผู้สอนที่อยู่ข้างหน้า คนหลังก็พยักหน้าให้โดยไม่ได้สังเกตอะไร
จากนั้นก็มีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่อยู่นิ่งไม่ไหวแล้ว เพระพวกเขาและพวกเธอจำลู่เฉินได้ ทั้งตกใจ สงสัย และตื่นเต้นดีใจ…เสียงวิจารณ์กระซิบกระซาบแผ่ขยายไปทั่วหอประชุมเล็ก
แต่ความสนใจของลู่เฉินกลับอยู่บนเวที
บนนั้นมีนักศึกษาชายสามคนและนักศึกษาหญิงสองคนรวมเป็นห้าคน กำลังแสดงละครเวทีพาร์ทหนึ่ง ถ้าหากพิจารณาจากรูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียว ผู้ชายหล่อ ผู้หญิงสวย มีเอกลักษณ์แตกต่างกัน โดยทั่วไปถือว่าไร้ที่ติ
หนุ่มหล่อสาวสวยในวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งเป็นที่ยอมรับต่อสาธารณชน ยังไม่พูดถึงสาขาการแสดงที่มีคุณสมบัติที่ดีที่สุด หน้าตาโดยเฉลี่ยของคณะอื่นก็ยังสูงกว่าสถาบันทั่วไป แค่ได้มองก็ชื่นใจแล้ว
ลู่เฉินมองนักศึกษาทุกคนอย่างละเอียด ละครใหม่ที่เขาต้องถ่ายทำเป็นละครตลกโรแมนติกเบาสมอง และสามารถจัดเป็นละครไอดอลวัยรุ่นได้ ดังนั้นหน้าตาของนักแสดงที่มารับบทในละครเรื่องนี้จึงต้องดีมากเช่นกัน
แต่หน้าตาดีนั้นยังไม่พอ จะต้องมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร สามารถสร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งแก่ผู้คนหรือให้ความรู้สึกดึงดูดด้วย
จากนั้นถึงจะเป็นฝีมือการแสดง
ละครไอดอลวัยรุ่นมีความต้องการทักษะการแสดงค่อนข้างต่ำ ดังนั้นถึงแม้จะเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งของวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่ง แค่เอามาขัดเกลาเพิ่มนิดหน่อยก็สามารถเอาชนะได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้รับบทแสดงนำอยู่แล้ว
สำหรับเสียงวิจารณ์ของพวกนักศึกษา กับการเฝ้าดูอย่างตั้งใจของลู่เฉินและคนอื่นๆ เห็นได้ชัดว่านำความกดดันเล็กๆ มาให้เหล่านักแสดงวัยรุ่นที่อยู่บนเวที ความผิดพลาดจึงมากตามไปด้วย
พวกเขาตระหนักว่าโอกาสมาถึงแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ประสบการณ์ของพวกเขายังไม่ชำนาญพอที่จะรับสถานการณ์แบบนี้ได้ ทำให้อาจารย์ผู้สอนต้องลุกขึ้นแล้วสั่งหยุดการแสดงของพวกเขา
นักศึกษาสี่ห้าคนเดินลงจากเวทีด้วยสีหน้าที่ท้อแท้สิ้นหวัง
…………………………………………………………………………