Perfect Superstar - ตอนที่ 359 ทักษะที่ต้องชำนาญ
ตอนที่ 359 ทักษะที่ต้องชำนาญ
วันที่ 8 พฤษภาคม การจัดอันดับเพลงฮิตของจีนประจำสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคมได้ประกาศอย่างตรงเวลา
และไม่ต้องเป็นที่กังวลใดๆ เลย อัลบั้มใหม่ของเฉินเฟยเอ๋อร์ ‘บุปผานารี’ ติดชาร์ตอันดับหนึ่ง สิบผลงานเพลงในอัลบั้มติดชาร์ตทั้งหมด นอกจากนี้เพลงหลัก ‘บุปผานารี’ เพลงหลักอันดับที่สอง ‘ข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาเธอ’ รวมถึงเพลง ‘สวัสดีวันพรุ่งนี้’ และ ‘พบเจอ’ ต่างก็ติดชาร์ตอันดับที่หนึ่งถึงสี่
ราชินีสวมมงกุฎ!
หลังจากอัปเดตการจัดอันดับใหม่แล้ว เว็บไซต์บันเทิงที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งก็ออกข่าวใหม่ทันที
อัลบั้มใหม่ของเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่เพียงแต่สร้างยอดขายสูงสุดในประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ยังได้รับคำวิจารณ์ที่ดีจากทั้งในและนอกวงการอย่างมาก การเปลี่ยนแนวของเธอประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้อาชีพทางดนตรีของเธอไต่ขึ้นไปสู่ยอดสูงสุดอีกครั้ง
ในบล็อกมีคนมั่นใจว่า ด้วยอัลบั้มชุดนี้ เฉินเฟยเอ๋อร์สามารถรุ่งโรจน์อยู่ในวงการเพลงป็อปได้อีกสิบปี!
ตอนเย็นวันเดียวกัน ภายในห้องจัดเลี้ยงใหญ่ของโรงแรมลี่จิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองหลวง นักข่าวและสื่อจำนวนไม่น้อยต่างห้อมล้อมเฉินเฟยเอ๋อร์ หนึ่งในนั้นยังมีนักข่าวที่ได้รับข่าวและถามเกี่ยวกับอัลบั้มของเธอ
เย็นนี้เฉินเฟยเอ๋อร์มาเป็นเพื่อนลู่เฉินเพื่อร่วมพิธีเปิดกล้องละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’
ตอนแรกที่ถ่ายทำ ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เพื่อประหยัดงบบวกกับมีคนสนใจโปรเจกต์นี้น้อยมาก ดังนั้นทางกองถ่ายจึงไม่ได้จัดพิธีเปิดกล้องที่ยิ่งใหญ่อลังการ แค่ทำพิธีอย่างเรียบง่ายเท่านั้น
ตอนนั้น ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เหมือนกับลูกเป็ดขี้เหร่ตัวหนึ่ง แม้ว่าเฉินเฟยเอ๋อร์จะมาร่วมทัพก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของคนมากมายนัก
ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ทำให้ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์กลายเป็นคู่รักที่ดีที่สุดบนจอแก้วในประเทศจีน และการเริ่มถ่ายทำละครใหม่ ‘ฟูลเฮ้าส์’ ก็เรียกได้ว่าเป็นที่จับตามอง
ภายใต้เหตุการณ์เช่นนี้ ถ้าหากไม่จัดพิธีเปิดกล้องอย่างอึกทึกครึกโครม ไม่เชิญสื่อต่างๆ มาร่วมสัมภาษณ์ ไม่เพียงแต่พวกนักลงทุนจะไม่เห็นด้วย คนอื่นๆ ก็จะคลางแคลงใจว่า…มีปัญหาอะไรหรือเปล่า
อันที่จริงพิธีเปิดกล้องภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ก็เป็นกลยุทธ์สำคัญอย่างหนึ่งในการโปรโมตล่วงหน้า
เมื่อก่อนการถ่ายทำละครและภาพยนตร์ในประเทศไม่ทำอะไรแบบนี้ แต่เมื่อเข้าสู่ยุคใหม่ ศิลปินและผู้กำกับของฮ่องกงที่ทยอยเข้ามาในเมืองหลวงได้นำประเพณีนี้เข้ามาด้วย
ผลสรุปจนถึงตอนนี้ หากก่อนเปิดกล้องไม่มีการวางหัวหมูจุดธูปเทียนละก็ นักธุรกิจในประเทศที่เกี่ยวข้องจำนวนไม่น้อยจะรู้สึกไม่สบายใจ ถ้าหากตอนที่ถ่ายทำเกิดเรื่องอะไร เช่นนั้นก็จะคิดว่าสาเหตุมาจากทำพิธีไม่ดี…เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ ไม่เชื่อว่าจะไม่เป็นจริง!
ปัจจุบันการทำพิธีแบบนี้ในประเทศมีความคล่องตัวมาก สถานที่จัดงานพิธีเปิดกล้อง ถ้าไม่ใช่โรงถ่ายก็เป็นโลเคชั่นที่ถ่ายทำ ไม่อย่างนั้นก็จัดในโรงแรม
ละครเรื่อง ‘ฟูลเฮ้าส์’ มีนักลงทุนหลายฝ่าย ประกอบด้วยสตูดิโอลู่เฉิน สตูดิโอเฉินเฟยเอ๋อร์ สถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง สถานีโทรทัศน์เจ้อตง เอสพีจี คราวน์พิคเจอร์ส์ เฟยสือเรคคอร์ด กานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์ส เรนโบว์เอเจนซี่ เป็นต้น ส่วนสถานที่ถ่ายทำก็มีหลายแห่ง ดังนั้นจึงจัดพิธีเปิดกล้องที่โรงแรมในเมืองหลวง
เหตุผลที่เลือกเปิดกล้องตอนเย็น ก็เพราะว่ามีฉากกลางคืนที่ต้องถ่ายทำในโรงแรมลี่จิงแห่งนี้
นอกจากนี้การเลือกจัดพิธีเปิดกล้องที่เมืองหลวง เวลาเชิญนักข่าวและสื่อต่างๆ ก็สะดวกมาก สื่อที่มาร่วมงานเย็นนี้มีมากกว่าสามสิบแห่ง ครอบคลุมไปถึงสถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุ เว็บไซต์ หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร อีกทั้งนักแสดงนำ ผู้กำกับ และโปรดิวเซอร์ก็มากันครบครัน เรียกได้ว่ามารวมตัวกันในนี้หมดแล้ว
และในบรรดาคนเหล่านั้นผู้ที่ได้รับความสนใจจากสื่อมากที่สุด แน่นอนว่าคือลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์นักแสดงนำทั้งสองคน!
“คุณเฉินเฟยเอ๋อร์ ขอแสดงความยินดีกับอัลบั้มใหม่ของคุณที่ผลงานเพลงทั้งหมดติดชาร์ตเพลงฮิตประจำสัปดาห์ล่าสุด!”
นักข่าวคนหนึ่งยกไมค์ที่ติดโลโก้ ‘อี้หว่างเอนเตอร์เทนเมนท์’ ขึ้นมา และรีบพูดอย่างอดใจไม่ไหว “สี่เพลงแรกติดอันดับหนึ่งถึงสี่ของชาร์ต ไม่ทราบว่าคุณมีความรู้สึกยังไงบ้างคะ”
เฉินเฟยเอ๋อร์ตกตะลึง จากนั้นรีบยิ้มแล้วตอบว่า “ฉันยังไม่รู้เลยค่ะ ขอบคุณที่คุณบอกข่าวนี้กับฉันนะคะ ส่วนความรู้สึกเหรอคะ ฉันก็ต้องดีใจอยู่แล้วค่ะ เพราะนี่เป็นเกียรติที่สูงมาก”
นักข่าวของอี้หว่างเอนเตอร์เทนเมนท์ถามต่อ “ได้ยินข่าวมาว่า ชาร์ตเพลงฮิตกำลังเตรียมจะแก้ไขกฎระเบียบใหม่ ต่อไปหนึ่งอัลบั้มสามารถติดชาร์ตเพลงพร้อมกันได้สามเพลงเท่านั้น ไม่ทราบว่าคุณมีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้คะ”
เฉินเฟยเอ๋อร์คิดครู่หนึ่ง แล้วตอบอย่างจริงจัง “ฉันเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ!”
“เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง?”
พวกนักข่าวที่อยู่ในงานต่างนิ่งอึ้ง หลายคนสงสัยว่าตัวเองฟังผิดหรือเปล่า
เฉินเฟยเอ๋อร์จะเห็นด้วยได้อย่างไร
เพราะข่าวนี้ถูกแพร่ออกมาพร้อมกับที่อัลบั้มใหม่ของเธอทำสถิติยอดขายสูงสุด เห็นได้ชัดว่าพุ่งเป้าตรงมาทางเธอ และถึงแม้จะไม่ได้พุ่งเป้ามาที่เฉินเฟยเอ๋อร์ แต่ก็พุ่งเป้าไปยังลู่เฉินที่ยืนอยู่ข้างหลังเธออยู่ดี!
นี่คือเรื่องที่ชัดเจนมาก หลายปีที่ผ่านมานี้ นักร้องนักแต่งเพลงที่มีหน้ามีตามากที่สุดในวงการเพลงป็อปของประเทศจีนคือลู่เฉินอย่างแน่นอน ผลงานที่เขาเขียนและร้องทั้งหมดล้วนติดชาร์ตเพลงฮิตของจีน แค่เริ่มลงมือก็กวาดชาร์ตไปทั้งหมดไม่มีใครเทียบเทียมได้
พรสวรรค์และความสามารถเช่นนี้ ทำให้คนรู้สึกอิจฉาหมั่นไส้ถึงขั้นหมดเรี่ยวแรง
ข่าวการแก้ไขกฎระเบียบของชาร์ตเพลงฮิตนั้น ยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้คนได้กลิ่นจางๆ ของ ‘การกดขี่’
สำหรับคำถามที่แฝงไปด้วยกับดักอย่างชัดเจนเช่นนี้ คำตอบของเฉินเฟยเอ๋อร์เป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายมาก จากประสบการณ์ของพวกนักข่าว หากเธอหลีกเลี่ยงคำถามหรือไม่วิจารณ์ถึงจะเป็นเรื่องที่ปกติ กระทั่งแสดงความไม่พอใจเล็กๆ น้อยๆ ก็ถือว่าสมเหตุสมผล…เฉินเฟยเอ๋อร์มีคุณสมบัติที่จะทำแบบนี้ได้อย่างสิ้นเชิง!
แต่ ‘เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง’ คืออะไรของมัน
เสียดสีเหรอ
สำหรับความตกตะลึงของพวกนักข่าว เฉินเฟยเอ๋อร์เพียงยิ้มพรายแล้วเอ่ยว่า “สำหรับตัวของฉัน สิบกว่าปีที่ผ่านมาฉันได้รับเกียรติและชื่อเสียงมากพอแล้วค่ะ ดังนั้นฉันอยากจะมอบโอกาสให้พวกคนทำดนตรีที่พยายามทำงานอย่างหนักบ้าง ขณะเดียวกันก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพลังของการรังสรรค์ในประเทศจะผงาดขึ้นมาอีกครั้ง สร้างสรรค์ผลงานที่ดียิ่งขึ้นให้กับพวกแฟนเพลงและวงการเพลงค่ะ…”
“สมมติว่าสมาคมดนตรีจีนแก้ไขกฎระเบียบชาร์ตเพลงฮิตแล้วอยากจะขอความคิดเห็นจากฉัน เช่นนั้นฉันก็จะโหวตให้หนึ่งคะแนนค่ะ!”
พวกนักข่าวตระหนักได้ว่า เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้พูดจาสวยหรูปากไม่ตรงกับใจ แต่เธอพูดจากใจจริง!
นักข่าวคนหนึ่งไม่ยอมแพ้ ถามต่อว่า “ถ้างั้นคุณลู่เฉินก็คิดแบบนี้ด้วยใช่ไหมคะ”
ถึงแม้จะพูดว่าเย็นนี้มารับอั่งเปา แต่ถ้าไม่ได้ขุดคุ้ยข่าวอะไรเลยก็ไม่สบายใจจริงๆ!
พวกนักข่าวอยากเห็นมากที่สุดก็คือเฉินเฟยเอ๋อร์ต่อว่าสมาคมดนตรีจีน
น่าเสียดายตัวของเฉินเฟยเอ๋อร์เองก็เป็นสมาชิกของสมาคนดนตรีจีนเช่นกัน เธอจึงยิ้มและกล่าวว่า “ใช่ค่ะ!”
พวกนักข่าวพูดไม่ออก คิดไม่ถึงว่าเฉินเฟยเอ๋อร์จะเป็นโฆษกของลู่เฉิน
พวกเขาไม่รู้ว่า ตอนที่เฉินเฟยเอ๋อร์ได้ยินข่าวลือนี้ได้พูดกับลู่เฉินแล้ว และท่าทีของลู่เฉินก็ไม่สนใจว่าจะแก้ไขหรือไม่ ถึงแม้ผลงานจะไม่ได้ติดชาร์ตครบทุกเพลง ก็ไม่เห็นเกี่ยวข้องอะไรกันเลย
ขอเพียงแค่เพลงของเขาเป็นที่ชื่นชอบของแฟนเพลงอย่างกว้างขวาง ก็พอแล้ว!
หากคิดเล็กคิดน้อยกับชื่อเสียงจอมปลอม รังแต่จะลดระดับของตัวเองให้ต่ำลง เฉินเฟยเอ๋อร์จึงยิ่งไม่สนใจ
บางทีอาจจะมีคนพูดว่าชาร์ตเพลงฮิตของจีนมีผลกระทบต่อยอดขายแผ่นเสียง สามารถยกระดับความนิยมของนักร้องได้ แต่ในความเป็นจริงข้อมูลของสื่อสมัยนี้พัฒนารวดเร็วมาก ช่องทางการทำตลาดโปรโมตมีมากมาย อิทธิพลของชาร์ตเพลงฮิตนั้นลดลงเรื่อยๆ
ดังนั้นนักข่าวอยากจะหาประเด็นทำข่าวจากเรื่องนี้ ถือว่าเป็นความคิดเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ
เฉินเฟยเอ๋อร์กล่าวว่า “ทุกคนคะ เย็นนี้เป็นการเปิดกล้องละครเรื่องใหม่ พวกเราเปลี่ยนเรื่องกันดีไหมคะ”
พวกนักข่าวกลับไม่ตอบ และมีคนถามว่า “คุณเฉินเฟยเอ๋อร์ ไม่ทราบว่าคุณจะแต่งงานกับลู่เฉินเมื่อไรคะ ฉันคิดว่าแฟนคลับมากมายก็สนใจคำถามนี้แน่นอนค่ะ”
เฉินเฟยเอ๋อร์กระอักกระอ่วน จะหลีกเลี่ยงไม่ตอบก็ยาก “คำถามนี้ ฉันกับคุณลู่เฉินยังไม่ได้คิดเลยค่ะ เพราะตอนนี้เราสองคนกำลังทุ่มเทให้กับงานค่ะ”
“ส่วนเรื่องอื่น ฉันคิดว่าพวกคุณไปถามคุณลู่เฉินเองจะดีกว่าค่ะ!”
เธอเตะลูกบอลส่งไปให้ลู่เฉินแล้ว
ลู่เฉินที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว ก็ถูกกลุ่มนักข่าวห้อมล้อมถามคำถามเช่นกัน
เย็นนี้นักข่าวจากสื่อต่างๆ มาเยอะมาก ทุกคนอยากจะสัมภาษณ์นักแสดงนำทั้งสองคน ดังนั้นจึงได้แต่แยกกันรับมือ
ส่วนคำถามที่นักข่าวถามลู่เฉินกลับไม่ได้หลุดประเด็นไปมากเหมือนเฉินเฟยเอ๋อร์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคำถามของพวกเขาจะตอบง่ายนัก
อย่างเช่นนักข่าวของ ‘นิตยสารเอนเตอร์เทนเมนต์วีกลี’ คนนี้ “คุณลู่เฉิน สถานีโทรทัศน์เซียงหนานเพิ่งจะประกาศละครเรื่องใหม่ ‘ห้วงทะเลแห่งรัก’ ได้ยินว่าพล็อตเรื่องมีหลายส่วนที่คล้ายกับ ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ไม่ทราบว่าคุณมีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้ครับ”
คำถามแบบนี้เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาที่ไม่ดีแอบแฝงอยู่
แต่ความเก่งกาจของนักข่าวบันเทิงก็เป็นเช่นนี้ ไม่ชักนำ ไม่สร้างประเด็น แล้วจะดึงดูดสายตาของนักอ่านได้อย่างไร
ดังนั้นจะรับมือกับนักข่าวบันเทิงอย่างไร เป็นทักษะอย่างหนึ่งที่ดาราคนหนึ่งต้องฝึกให้ชำนาญ
…………………………………………………………………………