Perfect Superstar - ตอนที่ 361 ปีศาจ
ตอนที่ 361 ปีศาจ
เกาะเชจูเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ อยู่ภายใต้การปกครองของเขตปกครองตนเองพิเศษเชจู มีพื้นที่เกือบสองพันตารางกิโลเมตร มีจำนวนประชากรมากกว่าหนึ่งล้านคน อาศัยรวมตัวอยู่ในเมืองเชจูเป็นส่วนใหญ่
เกาะภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์แห่งนี้มีสภาพภูมิอากาศอบอุ่นและทิวทัศน์สวยงาม นอกจากนี้เกาะภูเขาไฟเชจูและอุโมงค์ลาวาก็ได้ถูกองค์การยูเนสโกยกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกทางธรรมชาติ และเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลกอีกด้วย
เกาะเชจูไม่เพียงแต่มีทิวทัศน์ของเกาะที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวเท่านั้น แต่ยังสืบทอดวัฒนธรรมพื้นบ้านอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของอาณาจักรทัมราโบราณอีกด้วย และยังได้ชื่อว่าเป็น ‘ฮาวายของเกาหลี’ กิจการการท่องเที่ยวและธุรกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของเกาะแห่งนี้เป็นตัวแปรสำคัญต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเกาหลีใต้
นอกจากนี้มันยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ รายการเรียลลิตี้ และวาไรตี้โชว์ของเกาหลีอีกมากมาย และเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางแรกของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปเกาหลี
ละครเกาหลีเรื่อง ‘ฟูลเฮ้าส์’ ส่วนใหญ่ถ่ายทำเสร็จที่เกาะเชจู มีเพียงส่วนน้อยที่ถ่ายทำในโซล
เมื่อเทียบกับต้นฉบับที่อยู่ในโลกของความฝัน ลู่เฉินเพิ่มสีสันลงไปในละครใหม่เรื่องนี้เป็นอย่างมาก ขยายความยาวของเรื่อง เพิ่มตัวละคร และเพิ่มบทในต่างประเทศให้เยอะขึ้น
การถ่ายทำละครในต่างประเทศแท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากๆ เพราะเกี่ยวข้องกับกฎหมายท้องถิ่น ไม่ใช่ว่าแค่แบกกล้องไปหาที่ถ่ายก็สามารถเริ่มถ่ายได้เลย จำเป็นต้องประสานงานกับหลายฝ่าย
โชคดีที่กองถ่ายได้รับการช่วยเหลือและประสานงานเป็นอย่างดีจากบริษัทเอสพีจีของเกาหลี ดังนั้นขั้นตอนการถ่ายทำจึงราบรื่นมาก ยกเว้นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนตอนที่เพิ่งมาถึงเกาะเชจู หลังๆ ก็ไม่ค่อยเจออุปสรรคอะไรอีก
ละครเรื่องใหม่นี้ไม่ได้ใช้วิธีถ่ายทำไปพร้อมกับการออกอากาศ แต่ถ่ายทำให้เสร็จรวดเดียว และออกอากาศพร้อมกันทั้งในประเทศจีนและเกาหลีใต้ ลู่เฉินกะเวลาการถ่ายทำและการผลิตอยู่ที่ประมาณสองเดือนครึ่ง
ดังนั้นจึงสามารถออกอากาศทันในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน แย่งชิงเรตติ้งจากกลุ่มวัยรุ่นและหนุ่มสาว
สำหรับละครโทรทัศน์ยี่สิบห้าตอนเรื่องหนึ่ง รอบการผลิตเช่นนี้ถือว่าไม่สั้นมาก แต่เมื่อพิจารณาถึงเนื้อหาที่ต้องถ่ายทำในต่างประเทศจำนวนไม่น้อย ภารกิจจึงดูตึงเครียดมาก
“คัต!”
ฟางฮุ่ยตะโกนหนึ่งที ก่อนจะลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ของผู้กำกับ แล้วรีบเดินไปอยู่ตรงหน้าลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์
เธอขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “เฟยเอ๋อร์ การขยับร่างกายของเธอแข็งทื่อเกินไป เขินอายน่ะถูกแล้ว แต่จะตื่นเต้นเกินไปไม่ได้ ต้องเป็นธรรมชาติหน่อย พยายามให้เป็นธรรมชาติหน่อยนะ”
เฉินเฟยเอ๋อร์พูดด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “ฉันรู้ค่ะผู้กำกับ ฉันจะลองอีกทีค่ะ”
ฟางฮุ่ยยิ้มพลางเอ่ยว่า “ไม่ต้องตื่นเต้น ก็เหมือนกับที่พวกเธอ…พวกเธอทำกันเป็นปกตินั่นแหละ ลู่เฉินทำดีแล้ว”
ลู่เฉินหัวเราะเหอะๆ เฉินเฟยเอ๋อร์จึงจิกตาใส่อย่างไม่สบอารมณ์
ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ที่จุดชมวิวที่มีชื่อเสียงของเกาะเชจู…ถ่ายทำที่จุดชมวิวทะเล ถ่ายฉากจูบสุดโรแมนติก
และยังเป็นจูบแรกในละครของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์
เรื่องที่แล้ว ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ จนถึงนางเอกเสียชีวิต ความสนิทสนมของทั้งสองคนอยู่แค่การจับมือกันเท่านั้นหลังจากออกอากาศไปแล้วจึงถูกผู้ชมเรียกว่าเป็นละครรักที่บริสุทธิ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เป็นละครดราม่า ส่วน ‘ฟูลเฮ้าส์’ เป็นละครตลกอบอุ่น ดังนั้นฉากรักจึงมีมากกว่า
ถึงแม้เฉินเฟยเอ๋อร์กับลู่เฉินจะอาศัยอยู่ด้วยกันแล้วก็จริง ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนสนิทชิดใกล้ยากที่จะหาสิ่งใดมาเทียบได้ แต่ฉากจูบครั้งแรก เฉินเฟยเอ๋อร์ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ดี ทำให้ถ่ายไม่ผ่านสามครั้งติดต่อกัน
ส่วนสาเหตุที่ตื่นเต้นนั้น ประเด็นหลักคือนักท่องเที่ยวตรงจุดชมวิวทะเลมีเยอะมาก ขอบเขตการเคลียร์พื้นที่ก็จำกัดมากเช่นกัน แม้ว่าทีมงานหลายคนจะรักษาความสงบเรียบร้อยของสถานที่ถ่ายทำแล้ว แต่ก็ยังถูกคนโอบล้อมอยู่มากมาย
ต้องถ่ายฉากจูบท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของผู้คนเยอะแยะ เฉินเฟยเอ๋อร์ยากที่จะปล่อยตัวตามสบาย
เธอขาดประสบการณ์จริงๆ
และฟางฮุ่ยก็ต้องการความละเอียดสูงมาก หากรู้สึกว่ายังไม่ได้ก็ให้เริ่มใหม่ ไม่ปล่อยผ่านแบบขอไปที
ในจุดนี้ ลู่เฉินสนับสนุนฟางฮุ่ยมาก
เขาพูดกับเฉินเฟยเอ๋อร์ “คุณหลับตา แล้วค่อยลืมตา ไม่ต้องมองคนอื่น มองแค่ผมเท่านั้น…”
ถ้าหากพูดถึงเรื่องร้องเพลง ความสามารถของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์สูสีพอๆ กัน ทว่าในด้านการแสดง ลู่เฉินที่ครอบครองความทรงจำของโม่หรานสามารถเป็นอาจารย์แนะแนวของเฉินเฟยเอ๋อร์ได้อย่างสิ้นเชิง
ก่อนที่เฉินเฟยเอ๋อร์จะถ่ายละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เธอเคยรับบทนักแสดงรับเชิญในภาพยนตร์สองสามเรื่อง นับว่าเป็นแค่มือสมัครเล่นเท่านั้น
ตอนที่ถ่ายทำ ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ บทที่ต้องแสดงร่วมกันระหว่างทั้งสองคน ส่วนใหญ่แล้วลู่เฉินเป็นคนนำเธอ
ฉะนั้นเฉินเฟยเอ๋อร์จึงเชื่อใจลู่เฉินมาก เธอหลับตาอย่างเชื่อฟัง หลังจากทำอารมณ์พักหนึ่งแล้วจึงลืมตาอีกครั้งภายในนัยน์ตาเหลือเพียงเงาร่างของลู่เฉิน
“ทุกฝ่ายพร้อม!”
“กล้องพร้อม!”
“แอกชัน!”
แววตาที่ลู่เฉินจ้องมองเฉินเฟยเอ๋อร์แปรเปลี่ยนเป็นความรักที่ลึกซึ้งในฉับพลัน เขายื่นมือไปแตะใบหน้าของเฉินเฟยเอ๋อร์ ปลายนิ้วโป้งลูบมุมปากของคนหลังอย่างแผ่วเบา
ลู่เฉินแสดงบทพระเอกเป็นซูเปอร์สตาร์ดังคนหนึ่ง ภายในจิตใจดีแต่ก็มีความหัวแข็งดื้อรั้น ตอนที่เขาตระหนักได้ว่าตัวเองรักนางเอกเข้าแล้ว เขาจึงแสดงด้านที่แข็งกร้าวออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
เขาใช้สายตาลวนลามจ้องมองเธอ เฉินเฟยเอ๋อร์เหมือนเจ้ากระต่ายน้อยที่ถูกนกอินทรีตัวผู้จับตามองเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย เธอเขินอายไม่กล้าสบตากับเขา อยากจะหันหน้าหลบโดยสัญชาตญาณ
ทว่าลู่เฉินกลับไม่ให้โอกาสเธอได้หลบหนี ก้มหน้าจูบริมฝีปากของเธอทันควัน
เมื่อเจอการโจมตีเช่นนี้ เฉินเฟยเอ๋อร์พลันลืมตา ราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อความจริงที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ภายใต้การลุกล้ำอย่างเผด็จการของลู่เฉิน เธอหลับตายอมแพ้ สองมือกอดเอวของลู่เฉินแน่น ให้ความร่วมมือกับคนหลังอย่างตะกุกตะกัก
ทั้งสองคนจูบกันโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด ฉากหลังคือทะเลกว้างใหญ่สีฟ้าครามสดใส มีเพียงนกนางนวลบินฉวัดเฉวียนอยู่บนท้องฟ้า เกิดเป็นภาพที่สวยงามเป็นที่สุด
“คัต!”
ฟางฮุ่ยพลันตบมือหนึ่งที แล้วยิ้มเอ่ยว่า “ดีมาก ผ่านแล้ว!”
สำหรับซีนที่เพิ่งถ่ายทำเสร็จไป เธอพอใจเป็นอย่างมาก เฉินเฟยเอ๋อร์ถึงแม้จะไม่ใช่นักแสดงมืออาชีพ เดิมทีก็ไม่เคยเรียนวิชาการแสดงมาก่อน แต่เธอมีพัฒนาการด้านการแสดงที่รวดเร็วมากอย่างเห็นได้ชัด
ที่สำคัญที่สุดคือ เฉินเฟยเอ๋อร์มีความเข้าใจและตระหนักรู้ด้านการแสดงอย่างดีเยี่ยม หลังจากได้รับการชี้แนะจากฟางฮุ่ยหรือลู่เฉิน ก็สามารถจับเทคนิคการแสดงได้อย่างเข้าใจและลึกซึ้ง แก้ไขข้อบกพร่องของตัวเองได้ในไม่ช้า
หากเป็นภาษาของคนในวงการ เธอคือคนที่เกิดมาเพื่อกินข้าวชามนี้!
แต่ที่ฟางฮุ่ยนับถือมากที่สุด ก็ยังเป็นลู่เฉิน
ถ้าหากพูดถึงด้านการแสดง เฉินเฟยเอ๋อร์ได้เรียนรู้และพัฒนามาตลอด เช่นนั้นการแสดงของลู่เฉินก็เหมือนกับนักแสดงรุ่นใหญ่ทักษะสูงที่แสดงมามากกว่าสิบปี สีหน้าและการกระทำที่แสดงออกมาเล็กๆ น้อยๆ ดีไร้ที่ติ มีความเข้าใจบทบาทและอารมณ์ของตัวละครอย่างแตกฉาน แม้แต่บทพูดก็อ่านผิดน้อยมาก
ถ่ายทำฉากของลู่เฉินสบายมากที่สุด ผิดพลาดน้อยมาก ประหยัดเวลาประหยัดกำลังประหยัดเงิน!
นักแสดงแบบนี้ ไม่มีผู้กำกับคนไหนที่จะไม่ชอบ
แน่นอนว่าฟางฮุ่ยก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน ทว่าที่เธอคิดไม่ออกก็คือ ลู่เฉินก็ไม่ได้เรียนวิชาการแสดงเหมือนกัน และเวลาที่เดบิวต์ก็ไม่อาจเทียบกับเฉินเฟยเอ๋อร์ได้ แล้วเขาไปเรียนทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมนี้มาจากไหน
ฟางฮุ่ยคิดแล้วก็ไม่เข้าใจจริงๆ จึงได้แต่จัดลู่เฉินอยู่ในกลุ่มของ ‘ปีศาจ’
แต่แม้ว่าจะเป็นปีศาจ ก็ไม่เหมือนเขาแบบนี้ เพิ่งเดบิวต์แค่หนึ่งปีเท่านั้น ก็ออกอัลบั้มเปิดสตูดิโอ แถมยังเขียนบทละครและถ่ายทำละครอีกต่างหาก หนำซ้ำยังประสบความสำเร็จทุกอย่าง!
หรืออาจจะมีบางคนที่เกิดมาเพื่อให้คนอื่นแหงนหน้ามอง
ฟางฮุ่ยถอนหายใจอยู่ในใจ พลางตบมือแล้วเอ่ยว่า “พักก่อนสิบนาที แล้วเตรียมฉากต่อไป!”
ทีมงานกองถ่ายที่อยู่หน้าเซตรู้สึกเหมือนกับเส้นประสาทที่ตึงเครียดได้ผ่อนคลายลง แต่ทีมสวัสดิการ ทีมกล้อง ทีมบันทึกเสียง เป็นต้น ยังต้องเตรียมย้ายฉากต่อไปอย่างวุ่นวาย
ลู่เฉินไม่อยากปล่อยเฉินเฟยเอ๋อร์ ทั้งสองคนมองตากันและยิ้ม มองเห็นความหวานชื่นที่อยู่ในนัยน์ตาของกันและกัน
แม้ว่าจะถ่ายละคร เมื่อครู่ทั้งสองคนเล่นละครตามบทแต่ก็รักกันจริงๆ รู้สึกแปลกและดีมาก
“ลู่เฉินๆ!”
และในยามนี้ ก็ได้ยินเสียงตะโกนเป็นพักๆ จากไม่ไกล
ที่แท้ก็เป็นนักท่องเที่ยวสาวๆ สองสามคนกำลังตะโกนเรียกชื่อของลู่เฉินอยู่นอกโซนรักษาความปลอดภัย ถ้าหากไม่ถูกทีมงานหน้าเซตขวางไว้ เกรงว่าด้วยความกระตือรือร้นของพวกเธอคงจะพุ่งเข้ามาโดยตรง
เฉินเฟยเอ๋อร์เม้มปากหัวเราะ “รีบไปทักทายแฟนคลับสาวๆ ของนายเถอะ ฉันไปเติมหน้าก่อน”
พูดจบเธอก็เดินออกไป ลู่เฉินส่ายหน้าอย่างกระอักกระอ่วนใจ แล้วจึงได้แต่เดินไปทางแฟนคลับสองสามคนนั้น
นักท่องเที่ยวจีนที่เกาะเชจูมีเยอะมาก ในนั้นมีแฟนคลับของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์รวมอยู่ด้วย นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยเห็นเขาสองคนถ่ายละคร จึงอดไม่ได้ที่จะเข้ามาโอบล้อมและถ่ายรูปกันยกใหญ่ จากนั้นก็ขอถ่ายรูปกับลายเซ็น
ถ้าหากสถานการณ์เอื้ออำนวย ปกติลู่เฉินจะตอบสนองความต้องการของแฟนๆ เหล่านี้
และที่น่าสนใจก็คือ เขามีแฟนคลับที่เกาหลีใต้เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงวัยรุ่นชาวเกาหลี
ลู่เฉินเพิ่งจะเดินไปหาแฟนคลับ หัวหน้าของทีมสวัสดิการก็กำชับกับผู้ช่วยของตัวเอง “คุณรีบไปหยิบน้ำในรถมาสองสามขวด เร็วหน่อยนะ!”
ผู้ช่วยขานรับ แล้วรีบก้าวขาวิ่งไปที่ลานจดรถ
…………………………………………………………………………