Perfect Superstar - ตอนที่ 366 เปิดเผยความจริง
ตอนที่ 366 เปิดเผยความจริง
ในฐานะที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในเกาะเชจู นักท่องเที่ยวที่จุดชมวิวทะเลจึงเยอะมาก ดังนั้นตอนที่เกิดการปะทะกัน นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยจึงมามุงดูและใช้โทรศัพท์หรือไม่ก็กล้องถ่ายรูปบันทึกเหตุการณ์ในตอนนั้น
ยามที่ลู่เฉินและคนอื่นๆ เข้ารับการตรวจสอบที่สถานีตำรวจ ตำรวจของเกาหลีก็ได้ดำเนินการเก็บหลักฐานที่จุดเกิดเหตุ
มีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีคนหนึ่งในนั้นมอบคลิปวิดีโอที่มีความยาวประมาณหนึ่งให้กับตำรวจ
ตอนนั้นนักท่องเที่ยวสาวคนนี้อยู่ที่ลานเล็กๆ ด้านล่างของจุดชมวิวทะเลพอดี ตอนแรกเธอเห็นคนญี่ปุ่นกลุ่มนี้มีคนคุ้มกันหน้าหลังขณะที่เดินขึ้นบันได ก็รู้สึกว่าชายหนุ่มผอมเพรียวสวมแว่นกันแดดคนนั้นน่าจะเป็นดาราดังอะไรสักอย่าง ดังนั้นจึงแอบใช้โทรศัพท์บันทึกวิดีโอเอาไว้
ผลสรุปคือได้บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ!
ในวิดีโอที่มีความยามสิบนาทีกว่านี้ เริ่มจากเจียงฟางถูกคนผลักล้มลง จนถึงทีมงานกองถ่ายมาทวงถามคำอธิบายกับบอดี้การ์ดและเกิดการปะทะกัน ไล่ไปจนถึงฉากที่ลู่เฉินลงมือพลิกสถานการณ์กลับมา จนกระทั่งสุดท้ายตำรวจปรากฏตัวและจับตัวบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่มีช่องโหว่เลยสักนิด
และที่หายากที่สุดคือ นักท่องเที่ยวสาวคนนี้น่าจะมีประสบการณ์การถ่ายวิดีโอมาก บวกกับโทรศัพท์ที่เป็นสินค้าระดับพรีเมี่ยม ภาพที่ถ่ายได้ไม่เพียงแต่ชัดเจน ยังให้ความรู้สึกเหมือนภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่
แต่นี่ไม่สำคัญนัก ที่สำคัญคือวิดีโอตัวนี้ได้พิสูจน์คำให้การของลู่เฉินอย่างชัดเจน และยังตบหน้าคนญี่ปุ่นอย่างแรง…ใครกำลังพูดโกหกอยู่มองแวบเดียวก็รู้แล้ว!
ความจริงวิดีโอและภาพถ่ายที่นักท่องเที่ยวแถวนั้นถ่ายเอาไว้ยังมีอีกเยอะ แต่วิดีโอตัวนี้สุดยอดที่สุด สามารถเรียกได้ว่าเป็นหลักฐานมัดตัวอย่างแท้จริง หลังจากที่ตำรวจเกาหลีตรวจสอบพบหลักฐานและนำมันแสดงออกมา แม้แต่ทนายของคนญี่ปุ่นก็เงียบเป็นใบ้กิน
ไม่เพียงแต่คนญี่ปุ่นที่ดูเท่านั้น คนของฝั่งลู่เฉินก็ยังดูอีกรอบ
ทีมงานกองถ่ายเดือดพล่านขึ้นมาทันที
“เชอะ คราวนี้พวกเขายังจะมีอะไรพูดอีกไหม”
“งงเลยละสิ คิดว่าจะพูดมั่วๆ ได้จริงๆ เหรอ หลักฐานอยู่นี่ไง!”
“ชดใช้เงิน! เอาของขวัญมาขอโทษ!”
“ทำเกินไปแล้ว ให้อภัยพวกเขาไม่ได้เด็ดขาด!”
เมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มคนจีนที่อารมณ์เดือดพลุ่งพล่าน คนญี่ปุ่นจึงหมดคำพูด ไอ้หนุ่มที่โอหังอวดดีอยู่เมื่อครู่คนนั้นก็หุบปากแกล้งเป็นหมาตาย…คนที่ผลักเจียงฟางก็คือเขานั่นเอง!
มีเพียงทนายคนนั้นที่หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรออกสองสามสาย ไม่รู้ว่าคุยกับใครนานมาก
สุดท้าย เขาจึงออกข้อเสนอและเงื่อนไขการปรองดองใหม่
เมื่อเจอหลักฐานอยู่ตรงหน้าก็ไม่อาจหน้าด้านได้อีก คนญี่ปุ่นจึงเลือกประนีประนอม พวกเขาขอโทษฝ่ายลู่เฉินและจ่ายเงินค่าชดเชยให้กับเจียงฟางและทีมงานกองถ่ายที่ถูกต่อย รวมเป็นเงินทั้งสิ้นสิบสองล้านวอน ซึ่งเท่ากับเจ็ดหมื่นหยวน
สุดท้ายภายใต้การควบคุมของตำรวจเกาหลี ทั้งสองฝ่ายจึงเซ็นชื่อลงในบันทึกข้อตกลงการไกล่เกลี่ย
ตอนที่รอให้ลู่เฉินและคนอื่นออกมา เฉินเฟยเอ๋อร์ที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขกของสถานีตำรวจและคนอื่นๆ ก็มารวมตัวกันอีกครั้ง และฟ้าก็มืดลงแล้ว
“พวกนายไม่เป็นไรใช่ไหม”
เฉินเฟยเอ๋อร์ที่รออยู่ข้างนอกหลายชั่วโมงถามด้วยความห่วงใย “พวกเขาไม่ได้ทำให้นายลำบากใจใช่ไหม”
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร คนญี่ปุ่นชดใช้เงินและขอโทษแล้ว”
“งั้นก็ดี…”
เฉินเฟยเอ๋อร์โล่งอกทันที “ฉันเป็นห่วงแทบแย่ ที่จีนโทรมาตั้งหลายสาย ลู่ซีก็โทรมาสองสามครั้ง ทุกคนเป็นห่วงนายมากๆ ตอนนี้ในอินเทอร์เน็ตก็วิจารณ์กันยกใหญ่!”
“พวกเรารีบโพสต์คำแถลงการณ์กันเถอะ!”
ลู่เฉินฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยว่า “อย่าเพิ่งรีบร้อน…”
เขาดึงคนของเอสพีจีเข้ามา แล้วถามว่า “คุณชุยครับ คุณสามารถขอก็อปปี้วิดีโอจากสถานีตำรวจได้ไหมครับ”
ทางเอสพีจีส่งคนแซ่ชุยมาเป็นตัวแทนประจำการในกองถ่าย ‘ฟูลเฮ้าส์’ เขาเป็นผู้จัดการในสังกัดของเอสพีจี และเป็นชาวเกาะเชจูโดยแท้ รับผิดชอบงานติดต่อที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทำในท้องถิ่นของกองถ่าย
ผู้จัดการชุยคนนี้อายุสี่สิบกว่าปี ไม่เพียงแต่เป็นคนที่เข้าใจโลก ยังพูดภาษาจีนได้ด้วย เขาฟังคำพูดของลู่เฉินก็เข้าใจทันที จึงตอบตกลงทันใด “ผมจะลองดูครับ…”
ถ้าหากเป็นคดีอาญา แล้วไปขอหลักฐานจากตำรวจนั่นจะต้องกลายเป็นคดีความ แต่ในฐานะข้อพิพาทเล็กน้อยทางแพ่งที่ไกล่เกลี่ยสำเร็จแล้ว การก็อปปี้วิดีโอนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
ในฐานะตัวแทนของเอสพีจี ถ้าหากเขาทำเรื่องแค่นี้ไม่ได้ อย่างนั้นก็คงต้องกลับบ้านไปแทะกิมจิแล้ว
ผู้จัดการชุยดึงทนายไปเจรจากับคนของสถานีตำรวจสองสามนาที แล้วจึงได้วิดีโอกลับมาสมใจปรารถนา
เมื่อหลักฐานอยู่ในมือแล้ว ลู่เฉินจึงโทรหาพี่สาวที่ประเทศจีนทันที ขณะเดียวกันก็ก็อปปี้วิดีโอตัวนี้ลงในโทรศัพท์ของตัวเองและส่งไปให้ด้วย
ตอนแรกลู่เฉินก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่า เรื่องนี้จะแพร่กระจายไปถึงสื่อออนไลน์ของประเทศจีนอย่างรวดเร็ว แต่เขารู้ดีว่าต้องมีคนคอยจ้องจังหวะนี้เพื่อยุยงและบ่อนทำลายอยู่แน่นอน
เดบิวต์มาหนึ่งปี ลู่เฉินเจออุปสรรคมาหลายครั้ง จึงเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความซับซ้อนของวงการบันเทิง
คนที่รอคอยให้เขาเกิดเรื่อง คนที่รอซ้ำเติมเขาในวงการ ไม่ได้มีแค่คนสองคนเท่านั้น ดังนั้นการเปิดเผยความจริงอย่างกระจ่างและการปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก
แต่ลู่เฉินตัดสินใจที่จะยังไม่แถลงไขตอนนี้ เพราะเขามีตัวเลือกที่ดีกว่า
คลื่นลมที่ปะทะกันโดยไม่ตั้งใจนี้ถึงแม้จะสงบลงแล้ว แต่กองถ่ายก็เสียเวลาช่วงบ่ายไปด้วยเช่นกัน ฉากที่เดิมทีจะถ่ายเสร็จวันนี้จึงต้องเลื่อนไปถ่ายวันพรุ่งนี้แทน
ทุกคนกลับมาที่โรงแรมในเมืองเชจูพร้อมกัน ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ตั้งใจจัดงานเลี้ยงอาหารและเครื่องดื่มเพื่อปลอบขวัญทีมงานโดยเฉพาะ ถึงแม้พวกหนุ่มๆ จะเสียเปรียบไปบ้าง แต่ความกล้าหาญของพวกเขาก็คุ้มค่าที่จะส่งเสริม ชมเชย และให้รางวัล
แล้วก็ยังมีเจียงฟาง นอกจากการปลอบใจแล้ว ทางกองถ่ายก็ยังจ่ายเงินให้เธอต่างหากถือว่าเป็นค่าบาดเจ็บจากการทำงาน
เวลาหนึ่งทุ่มครึ่งกว่าๆ เรื่อง ‘ลู่เฉินถูกจับที่เกาหลี’ ในบล็อกล่างฉาวก็ยังร้อนระอุต่อไป ตอนที่สตูดิโอลู่เฉินกับสตูดิโอเฉินเฟยเอ๋อร์ยังคงรักษาความเงียบอยู่นั้น ‘แมวร่อนเร่’ ซึ่งเป็นบล็อกเกอร์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งได้โพสต์ข้อความในบล็อก
‘ความจริงที่ลู่เฉิน ‘ต่อยตี’ ในเกาหลี!’
ในบล็อกโพสต์นี้ ‘แมวร่อนเร่’ ได้เผยแพร่วิดีโอที่อ้างว่ามาจากเว็บไซต์ชุมชนที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี…ไซเวิลด์ เพื่อเปิดเผยความจริงของเรื่องนี้
ลู่เฉินตั้งใจทำร้ายใครหรือไม่ ร่วมตีกันหรือเปล่า สาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นคืออะไร วิดีโอที่มีความยาวเจ็ดนาทีนี้มีคำตอบทั้งหมด!
‘แมวร่อนเร่’ มีแฟนคลับในบล็อกประมาณหนึ่งถึงสองล้านคน บวกกับเนื้อหาของบล็อกโพสต์เกี่ยวข้องกับประเด็นสุดฮอต และยังมีพลังสนับสนุนจากเบื้องหลัง ดังนั้นบล็อกโพสต์กับวิดีโอนี้จึงถูกแชร์ต่ออย่างรวดเร็ว
เวลาสองทุ่มครึ่ง สตูดิโอลู่เฉิน สตูดิโอเฉินเฟยเอ๋อร์ เดอะคราวน์พิคเจอร์ส และบล็อกทางการภาษาจีนของเอสพีจีลงคำแถลงการณ์อย่างเป็นทางการพร้อมกัน อธิบายต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ต่อสาธารณชนอย่างละเอียด รวมทั้งผลสรุปการไกล่เกลี่ยของตำรวจเกาหลี
เนื่องจากมีวิดีโอเป็นหลักฐานที่แน่นหนา ดังนั้นคำแถลงการณ์เหล่านี้จึงมีความน่าเชื่อถืออย่างไม่ต้องสงสัยกระแสการแสดงความคิดเห็นออนไลน์เอนเอียงมาทางฝั่งลู่เฉินทั้งหมดทันที
‘สรรพสิ่งล้วนมีสามอย่าง’ ที่โจมตีลู่เฉินเต็มที่ก่อนหน้านี้ก็เงียบกริบ เมื่อเผชิญกับการเสียดสีเหน็บแนมจากชาวเน็ตมากมายนับไม่ถ้วน เขาจึงลบโพสต์ก่อนหน้าและปิดการแสดงความคิดเห็น แล้วหดหัวเหมือนเต่า
ส่วนพวกที่คอยโห่ร้องสนับสนุนตามกระแสเหล่านั้น…ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย!
…………………………………………………………………………