Perfect Superstar - ตอนที่ 373 อาจารย์ลู่เฉิน
ตอนที่ 373 อาจารย์ลู่เฉิน
“ยินดีต้อนรับลู่เฉิน!”
มู่ตานพิธีกรรายการ ‘นิวสตาร์โชว์’ และสมาชิกวงเสียวหู่ถวนลุกขึ้นยืน ปรบมือต้อนรับลู่เฉินพร้อมกัน
“สวัสดีครับมู่ตาน สวัสดีจวิ้นจื้อ อี้หราน เสี่ยวหยาง สวัสดีตอนเย็นครับทุกคน…”
ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อยให้มู่ตานพิธีกรรายการ ‘นิวสตาร์โชว์’ และพยักหน้าให้กับพวกจางจวิ้นจื้อทั้งสามคน จากนั้นก็โบกมือทักทายไปยังผู้ชมในห้องส่ง เกิดเสียงโห่ร้องดีใจขึ้นมาอย่างฉับไว
‘นิวสตาร์โชว์’ กับ ‘สัมภาษณ์คนดัง’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรายการทอล์กโชว์ของช่องวาไรตี้สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งมีความแตกต่างกัน ผู้ที่เชิญมาเป็นศิลปินหน้าใหม่ที่เพิ่งแสดงความสามารถในวงการ ดังนั้นคนดังตัวจริงโดยทั่วไปแล้วจะไม่ปรากฏตัวที่นี่
ลู่เฉินเคยไปออกรายการ ‘สัมภาษณ์คนดัง’ มาแล้ว และมาปรากฏตัวในรายการ ‘นิวสตาร์โชว์’ อีกครั้ง ถือว่าเป็นคนแรกเลย
เขานั่งลงในตำแหน่งที่เหลือไว้ให้ตัวเอง
มู่ตานอธิบายให้ผู้ชมฟังอย่างตั้งใจเป็นพิเศษ “วันนี้สามารถเชิญลู่เฉินมาร่วมรายการ ‘นิวสตาร์โชว์’ ได้ ถือว่าไม่ง่ายเลย เพราะตอนนี้เขากำลังถ่ายทำละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ อยู่ งานจึงยุ่งมากๆ ค่ะ…”
เธอถามลู่เฉิน “คุณเพิ่งมาถึงวันนี้ใช่ไหมคะ”
ลู่เฉินพยักหน้า “ใช่ครับ ละครเรื่องใหม่กำลังถ่ายทำอยู่ที่จินหลิง ตอนเช้าผมนั่งรถไฟความเร็วสูงมาด้วยตัวเองครับ”
เสียงปรบมือในห้องส่งดังขึ้น…นั่นคือการให้เกียรติมากจริงๆ
มู่ตานแนะนำกับทุกคน “ ‘ฟูลเฮ้าส์’ เป็นละครที่อาจารย์ลู่เฉินแสดงนำ และจะออกอากาศครั้งแรกที่สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งของพวกเราในช่วงฤดูร้อนนี้ ถึงตอนนั้นทุกคนอย่าลืมมาช่วยกันสนับสนุนนะคะ!”
ละครเรื่องใหม่ของลู่เฉินไม่เพียงแต่ออกอากาศครั้งแรกที่สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งเท่านั้น ทางสถานียังร่วมผลิตด้วย ดังนั้นแม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับ ‘นิวสตาร์โชว์’ เลยสักนิด พิธีกรก็ต้องช่วยโปรโมตอยู่ดี
ลู่เฉินเอ่ยว่า “ขอบคุณมู่ตานครับ ละครเรื่องใหม่ของผมวันนี้ไม่พูดถึงดีกว่าครับ พวกเรามาพูดถึงเสียวหู่ถวนกันเถอะ!”
ทุกคนหัวเราะ
มู่ตานยิ้มเอ่ยว่า “ไม่แปลกใจเลยจริงๆ ที่เสียวหู่ถวนบอกว่าคุณเป็นอาจารย์ของพวกเขา เป็นอีกคนหนึ่งที่พวกเขาอยากขอบคุณมากที่สุด!”
ลู่เฉินถ่อมตัว “จริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้สอนพวกเขามากมายนะครับ…”
มู่ตานถามว่า “ได้ยินว่าชื่อของเสียวหู่ถวน เสือหล่อ เสือสายฟ้า และเสือเชื่อฟังคุณเป็นคนคิดออกมาทั้งหมด?”
ลู่เฉินพยักหน้า “ใช่ครับ”
มู่ตานยิ้ม “ฉันยังรู้อีกว่าคุณได้แต่งเพลงที่ยอดเยี่ยมสองสามเพลงให้กับเสียวหู่ถวน ทุกคนอยากฟังไหมคะ”
“อยาก!”
ผู้ชมที่นั่งดูอยู่ขานรับราวกับเกลียวคลื่น โดยเฉพาะแฟนคลับของเสียวหู่ถวนที่ตื่นเต้นไม่หยุด พยายามตะเบ็งเสียงอย่างเต็มที่
เสียวหู่ถวนวันนี้ถือว่าได้เดบิวต์อย่างเป็นทางการ แต่ก่อนที่จะเดบิวต์ก็ได้ทำการโปรโมตล่วงหน้าแล้ว ในบล็อกล่างฉาวได้สร้างบัญชีทางการของพวกเขาและบัญชีทางการของกลุ่มแฟนคลับไว้นานแล้ว ทุกวันจะโพสต์ข้อความใหม่ๆ ออกมา
อาศัยเพียงความนิยมของจางจวิ้นจื้อที่สะสมมาจาก ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ และความหล่อของเด็กหนุ่มทั้งสามคน เสียวหู่ถวนยังไม่ได้เดบิวต์ก็ดังในโลกออนไลน์แล้ว ได้แฟนคลับมากลุ่มใหญ่
เพียงแต่วงบอยแบนด์วัยรุ่นที่ไม่เหมือนใครวงนี้ยังไม่มีผลงานที่ยอดเยี่ยมใดๆ ออกมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ถึงแม้จะรู้ว่าพวกเขายังอยู่ในช่วงฝึกหัด แต่ความอดทนของพวกแฟนๆ มีขีดจำกัดเสมอ
และวงการบันเทิงทุกวันนี้คนใหม่มีความสามารถก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย ถ้าอยากจะโดดเด่นไม่เหมือนใครก็ต้องเอาผลงานมาพูดกัน จุดเริ่มต้นพื้นฐานของเสียวหู่ถวนนั้นดีมาก แต่ถ้าไม่มีผลงานที่มั่นคงก็คงจะเป็นเหมือนดอกถานฮวาที่เบ่งบานและร่วงโรยเพียงชั่วข้ามคืน
ดังนั้นเมื่อเห็นว่าระดับการโปรโมตได้ที่แล้ว พวกเขาจึงประกาศเดบิวต์อย่างเป็นทางการ โดยอาศัยแพลตฟอร์มของ ‘นิวสตาร์โชว์’ เพื่อแสดงโชว์แรกของตัวเองให้เสร็จสมบูรณ์
มู่ตานยิ้ม แล้วพูดกับลู่เฉินอีกครั้ง “พอดีเลยงั้นก็ให้อาจารย์ลู่เฉินลองทดสอบผลการเรียนของพวกเขากันหน่อยค่ะ!”
จางจวิ้นจื้อทั้งสามคนยืนขึ้นพร้อมกัน โค้งคำนับลู่เฉินและเอ่ยว่า “ขอให้อาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยนะครับ”
ลู่เฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
คำว่า ‘อาจารย์’ หรือจะพูดให้ถูกต้องก็คือฐานะของ ‘อาจารย์ที่ปรึกษา’ เขายอมรับแล้วจริงๆ
ความสัมพันธ์ของลูกศิษย์กับอาจารย์ในวงการบันเทิงเป็นเรื่องปกติมาก พี่หลีเดิมทีอยากจะจัดพิธีไหว้ครูอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ แต่ถูกลู่เฉินปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม…ตัวเขาเองเพิ่งเดบิวต์เพียงหนึ่งปี ประสบการณ์ในวงการบันเทิงยังไม่พอที่จะเป็นอาจารย์ให้คนอื่นอย่างแท้จริง ไม่แน่อาจจะถูกคนอื่นขำขันเอาไปพูดเป็นเรื่องตลก
แน่นอนว่าปฏิเสธก็ส่วนปฏิเสธ แต่ด้วยมิตรภาพของเขากับเฉินเฟยเอ๋อร์และพี่หลี เขาคงต้องดูแลเสียวหู่ถวนให้ถึงที่สุด
ดังนั้นลู่เฉินถึงได้มาปรากฏตัวที่นี่ในวันนี้
“เมฆสีขาวลอยข้ามเนินเขาพยายามมองหาบ้านของมัน
ฝนปรอยปลุกผู้หลับใหลจากความฝันคลี่กระจายใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
ผมใช้ความเยาว์วัยทำเป็นว่าวไต่ขึ้นสู่ท้องฟ้า
หอยไต่ไปบนหาดทรายเพื่อดูว่าโลกใบนี้กว้างใหญ่เพียงใด
ตัวบุ้งคาดหวังว่าวันพรุ่งนี้จะมีปีกที่สวยงาม
ลำธารทอดผ่านป่าที่โอบล้อมอยู่ร้องเพลงที่เขียนโดยฤดูใบไม้ผลิ
ผมใช้กาลเวลาค่อยๆ ถักทอเป็นภาพวาด
…”
เพลงที่เสียวหู่ถวนร้อง คือเพลง ‘เจ้าผีเสื้อจงบินไป’ ที่ลู่เฉินสร้างมาเพื่อพวกเขา
เพลงนี้ท่วงทำนองมีชีวิตชีวา เนื้อเพลงกระตือรือร้นทะเยอทะยาน ขณะเดียวกันยังคงรักษาความเป็นเพลงป็อปเอาไว้ เหมาะสมกับพวกวัยรุ่นหนุ่มสาวระดับอายุสิบกว่าปีเป็นอย่างมาก
ตามแผนที่วางไว้ หลังจากร่วมรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ เสร็จแล้ว เสียวหู่ถวนก็จะออกอัลบั้มแรก เพลงหลักก็คือเพลง ‘เจ้าผีเสื้อจงบินไป’ เพลงนี้นี่เอง ถือว่าก็อปปี้เส้นทางความสำเร็จของลู่เฉิน
แต่เสียวหู่ถวนกับลู่เฉินไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่เพียงแต่เป็นวงบอยแบนด์เท่านั้น นอกจากนี้ยังต้องร้องและเต้นไปด้วย
พวกจางจวิ้นจื้อทั้งสามคนได้รับเนื้อหาการฝึกทั้งหมดมาจากศูนย์ฝึกศิลปะซิงหยวน การเต้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญมาก อาจารย์สอนเต้นของพวกเขาเป็นโค้ชมืออาชีพที่มาจากประเทศเกาหลีใต้ สเต็ปการเต้นล้วนผ่านการออกแบบท่าเต้นอย่างเป็นทางการ และเสียงเพลงดังกังวานที่แสดงออกมาก็คือพลังวัยรุ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของวัยเยาว์
ถึงแม้จะปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์เป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นจางจวิ้นจื้อ หรือว่าหูอี้หรานและเยวี่ยหยาง พวกเขาล้วนรู้สึกตื่นเต้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเต้นจึงดูแข็งทื่อและไม่เป็นธรรมชาติอยู่บ้าง
ทว่าหลังจากที่ร้องจบไปครึ่งเพลง ผลของการฝึกฝนอย่างเข้มงวดถึงขั้นหฤโหดเป็นประจำก็แสดงออกมา ทั้งสามคนยิ่งเต้นก็ยิ่งผ่อนคลาย เคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติและคล่องแคล่วมากยิ่งขึ้น การร่วมมือซึ่งกันและกันมีความรู้ใจกันมากขึ้น
สิ่งที่วงเสียวหู่ถวนมอบให้แก่ผู้ชมในห้องส่งนับร้อยคน คือความรู้สึกแปลกใหม่อย่างแน่นอน แม้ว่าในวงการบันเทิงจะมีวงบอยแบนด์และเกิร์ลกรุ๊ปเป็นจำนวนมาก แต่วงเด็กหนุ่มอายุน้อยเช่นนี้ถือว่าเป็นความสดใหม่และสดใสเป็นอย่างมากมาย
แฟนคลับของเสียวหู่ถวนยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง ตอนที่การแสดงของเสียวหู่ถวนสิ้นสุดลง สาวๆ หลายคนตาเป็นประกายดั่งดวงดาวพยายามปรบมืออย่างเต็มที่ ผลักดันบรรยากาศในห้องส่งให้ถึงจุดไคลแม็กซ์
ภาพเช่นนี้ทำให้พวกจางจวิ้นจื้อทั้งสามคนตื่นเต้นมาก พวกเขาหายใจหอบเล็กน้อย ใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้มปีติยินดี
พิธีกรมู่ตานปรบมือพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เพราะมากๆ ค่ะ และก็เต้นเก่งอีกด้วย ทุกคนอยากฟังอีกหนึ่งเพลงไหมคะ”
“อยาก!”
ผู้ชมที่นั่งดูอยู่ตอบเป็นเสียงเดียวกัน แฟนคลับสาวสองสามคนกระทั่งส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดออกมา
ดังนั้นพวกจางจวิ้นจื้อทั้งสามคนจึงสู้ไม่ถอย ร้องเพลง ‘ภาษาวัยรุ่น’ ต่ออีกหนึ่งเพลง
บทเพลงนี้ไม่ใช่ผลงานของลู่เฉิน แต่เป็นเพลงที่พี่หลีจ้างนักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงคนอื่นมาแต่งให้กับวงเสียวหู่ถวนโดยยังคงรักษาสไตล์และเนื้อหาให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับ ‘เจ้าผีเสื้อจงบินไป’
‘ภาษาวัยรุ่น’ ก็เป็นผลงานเพลงที่ไม่เลวชิ้นหนึ่ง แต่เมื่อเทียบกับ ‘เจ้าผีเสื้อจงบินไป’ แล้วยังด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
อันที่จริงความทรงจำอันมั่งคั่งที่ลู่เฉินครอบครอง สามารถหยิบผลงานทั้งสิบเพลงมาเติมเต็มอัลบั้มแรกของเสียวหู่ถวนได้โดยไม่มีปัญหาเลยด้วยซ้ำ แต่เขาจะไม่ทำเช่นนั้น
ของดีหากเยอะไปก็จะลดคุณค่า สู้ปล่อยผลงานออกมาทีละนิดเรื่อยๆ แบบนี้จะสบายกว่า อีกทั้งตอนนี้การจัดอันดับเพลงจีนก็เตรียมออกกฎจำกัดจำนวนผลงานที่ติดชาร์ตในอัลบั้มเดียวกัน การถ่อมตัวเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
อย่าว่าแต่วงเสียวหู่ถวนเลย ต่อไปถึงจะเป็นอัลบั้มของเฉินเฟยเอ๋อร์ ลู่เฉินก็จะแต่งให้สามสี่เพลงเท่านั้น
แค่นี้ก็พอแล้ว
“ขอบคุณการแสดงที่น่าตื่นตาของเสียวหู่ถวน!”
มู่ตานพูดพร้อมกับหันไปถามลู่เฉินว่า “เช่นนั้นอาจารย์ลู่เฉิน คุณพอใจกับการแสดงของนักเรียนทั้งสามคนนี้ไหมคะ”
ลู่เฉินตอบว่า “เต็มสิบคะแนน ผมให้พวกเขาเก้าคะแนนครับ!”
ผู้ชมที่นั่งดูอยู่ร้อง ‘ว้าว’ ขึ้นมาทันใด ดูเหมือนจะคาดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะให้คะแนนสูงขนาดนี้
มู่ตานกลับไม่พอใจ แสร้งถามอย่างสงสัย “ทำไมไม่ให้สิบคะแนน หักตรงไหนเหรอคะ”
ลู่เฉินยิ้มก่อนจะเอ่ยว่า “หักไปหนึ่งคะแนน เพื่อไม่ให้พวกเขาเหลิงมากเกินไปครับ”
คำตอบของเขานั้นคาดไม่ถึงจริงๆ ทุกคนตกตะลึงก่อน แต่สิ่งที่ตอบสนองต่อจากนั้นคือเสียงหัวเราะดังไปทั่ว
ความหมายของลู่เฉินแท้จริงแล้วคือให้คะแนนเต็ม แต่วิธีการล้อเล่นเช่นนี้กลับไม่ทำให้คนรู้สึกหมั่นไส้ และก็ไม่สงสัยว่าจงใจชมเกินจริง
มู่ตานกล่าวว่า “งั้นโอเคค่ะ เมื่อครู่เสียวหู่ถวนได้แสดงไปแล้ว ยอดเยี่ยมมาก อย่างนั้นในฐานะอาจารย์ของเสียวหู่ถวน คุณก็น่าจะโชว์ฝีมือบ้างหรือเปล่าคะ ทุกคนคิดว่าดีไหมคะ”
เหล่าผู้ชมต้องพูดว่าดีอยู่แล้ว ช่วยกันปรบมือร้องเชียร์เสียงดัง
สำหรับพวกเขา รายการ ‘นิวสตาร์โชว์’ สัปดาห์นี้ถือว่าฟินมาก
ลู่เฉินไม่อิดออด ตอบตกลงทันที “งั้นผมจะร้องให้ทุกคนฟังหนึ่งเพลงครับ”
…………………………………………………………………………