Perfect Superstar - ตอนที่ 385 ระเบิดนิวเคลียร์ในรูปมนุษย์
ตอนที่ 385 ระเบิดนิวเคลียร์ในรูปมนุษย์
บ้านของหวังเสี่ยวหลิงอยู่ในเขตเมืองเก่าทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองหังโจว
เขตชุมชนนี้สร้างขึ้นในปี 80-90 ส่วนใหญ่เป็นตึกหอพักของพนักงานรัฐวิสาหกิจในท้องถิ่นที่สภาพค่อนข้างล้าหลัง เสียงสะท้อนของผู้คนที่อยากให้มีการรื้อถอนมากขึ้นทุกวัน หวังว่าในอีกไม่กี่ปีจะเกิดการซ่อมแซมเขตเมืองเก่านี้
แต่ต่อให้รื้อถอนบ้านเก่าย้ายไปบ้านใหม่ เกาเฮ่อกับหวังเสี่ยวหลิงก็ไม่มีสิทธิ์ได้แบบนั้น เพราะหวังเสี่ยวหลิงยังมีน้องชายฝาแฝดอีกคู่หนึ่ง!
และก็เป็นเพราะสภาพที่อยู่อาศัยแย่มาก ดังนั้นทางครอบครัวจึงคัดค้านที่ทั้งสองคนคบหากัน…จะให้เช่าบ้านอยู่ไปตลอดชีวิตคงไม่ได้หรอก ถ้าอนาคตมีลูกแล้วจะทำอย่างไร
ถนนของเขตชุมชนเก่าแคบมาก โจวรุ่ยจอดรถเอาไว้ข้างทางนอกเขตชุมชน มีรถแต่งงานสามคันจอดไว้ตรงนี้อยู่แล้ว ภายใต้แสงแดดร้อนระอุ บนพื้นดารดาษไปด้วยเศษกระดาษจากงานมงคล
โจวรุ่ยเหนื่อยหน่ายใจ “พวกญาติผู้หญิงของหวังเสี่ยวหลิงแต่ละคนไม่ใช่คนดีเลย พวกเราช่วยเจ้าบ่าวให้ซองแดงไปตั้งกี่พันแล้ว แม้แต่ประตูแรกก็ยังเข้าไปไม่ได้ ไม่รู้ตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว”
ครอบครัวหวังไม่ค่อยพอใจกับการแต่งงานครั้งนี้ หวังเสี่ยวหลิงเป็นคนท้องถิ่นเมืองหังโจว เกาเฮ่อที่เป็นคนต่างถิ่นจะมาขอแต่งงานพาไปอยู่ที่อื่น ก็ต้องผ่านด่านทั้งสามประตูไปให้ได้
ตัวหวังเสี่ยวหลิงเองก็ไม่อาจห้ามปรามเหล่าเพื่อนเจ้าสาวของเธอที่รังแกเจ้าบ่าว เพราะนี่เป็นธรรมเนียม ถือเป็นการข่มเจ้าบ่าวไปในตัว หลังจากแต่งออกไปแล้วเธอจะได้มีอำนาจในบ้านของเจ้าบ่าว
ได้มาง่ายเกินไปมักจะไม่ค่อยทะนุถนอม
โจวรุ่ยเป็นคนเมืองหังโจวเหมือนกัน จึงเข้าใจธรรมเนียมนี้ดี เพื่อให้ภารกิจสำเร็จลุล่วง ต้องงัดเอาไม้เด็ดอย่างลู่เฉินออกมา “เจ้าสาม ครั้งนี้ต้องดูฝีมือนายแล้ว!”
ลู่เฉินไม่เห็นด้วยกับธรรมเนียมแบบนี้ แต่วันนี้เป็นวันมงคล จะให้บอกเหล่าเพื่อนสนิทว่ากลับกันเถอะ พวกเราค่อยไปจับตัวเจ้าสาวใหม่มาสักคนจากข้างถนนก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ จึงพยักหน้าตอบว่า “ให้ฉันลองดูละกัน”
“อะนี่!”
โจวรุ่ยคว้าถุงใบใหญ่มาจากเบาะด้านหลังส่งให้ลู่เฉิน
ลู่เฉินแปลกใจ “นี่คืออะไร”
โจวรุ่ยหัวเราะ “ชุดเพื่อนเจ้าบ่าวไง! ตั้งใจเช่ามาให้นายโดยเฉพาะ รีบเปลี่ยนเข้าเถอะ”
ลู่เฉินยอมแพ้ จึงเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถ
รอจนลู่เฉินเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ทั้งสองคนลงจากรถ โจวรุ่ยเดินนำมาถึงอาคารหลังเก่าชั้นที่ห้า
ทางเดินมีผู้คนเบียดเสียด ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนบ้านที่มาดูความครึกครื้น หน้าประตูบานหนึ่งมีชายหนุ่มสวมชุดสูทสี่ห้าคนยืนอยู่รอบๆ ในหมู่คนเหล่านั้นเจ้าบ่าวรูปร่างสูงใหญ่อย่างเกาเฮ่อโดดเด่นที่สุด
สีหน้าของเขาดูเหนื่อยหน่ายเต็มที
พวกเพื่อนบ้านพูดคุยซุบซิบนินทา ชี้ไม้ชื้มือ
“สองชั่วโมงแล้วนะ ยังรับคนออกไปไม่ได้อีก บ้านของเหล่าหวังหวงลูกสาวขนาดนี้เลย?”
“ทะเบียนก็จดกันแล้ว ยังไงก็ต้องแต่งงาน แต่ก็ต้องระบายอารมณ์หน่อย!”
“นั่นน่ะสิ อั่งเปายังให้ไม่พอ ลูกสาวก็แต่งออกไปซะแล้ว แบบนั้นมันไม่ได้”
“ฉันว่านะ…”
“ขอทางหน่อย ขอทางหน่อย ทุกคนขอทางหน่อยครับ!”
เสียงตะโกนของโจวรุ่ยดังขึ้น “เจ้าสาม เจ้าสามมาแล้ว!”
“เจ้าสาม!”
เกาเฮ่อเหมือนผู้ประสบภัยธรรมชาติที่ได้รับความช่วยเหลือแบบฟ้าประทาน “รอนายอยู่เลย!”
เมื่อเห็นเขาดีใจขนาดนี้ สายตาของทุกคนจึงหันไปจับจ้องที่ลู่เฉิน
“เอ๋? เจ้าหนุ่มคนนี้หล่อมาก หล่อกว่าเจ้าบ่าวอีก!”
“ใช่ๆ ดูหน้าคุ้นๆ อยู่นะ เหมือนเคยเห็นที่ไหน”
“รีบไปถามเร็ว เขามีแฟนรึยัง เหอะๆ”
“ลู่เฉิน เขาคือลู่เฉินไง!”
“ใครคือลู่เฉิน”
“ก็คนที่เล่นเป็นอิ่นจวิ้นซีไง เขาเป็นดาราใหญ่!”
“ดาราใหญ่ จริงหรือเปล่า”
ลู่เฉินพอเปลี่ยนเป็นชุดเพื่อนเจ้าบ่าวแล้วก็ไม่ได้สวมแว่นดำอีก ตอนนี้เขาออกสื่อค่อนข้างบ่อย ดังนั้นจึงถูกคนจำได้อย่างรวดเร็ว เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทันที
ใครก็คิดไม่ถึง ลูกเขยของบ้านเหล่าหวังจะมีดาราใหญ่มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วยตัวเอง
ทุกคนหลีกทางให้ และควักโทรศัพท์มือถือออกมา
“ขอบคุณครับ…”
ลู่เฉินกล่าวขอบคุณแก่คนที่หลีกทางให้เขา จากนั้นก็เข้าไปสวมกอดกับเกาเฮ่ออย่างแน่นแฟ้น
“ลูกพี่ ยินดีด้วย!”
เกาเฮ่อตื่นเต้นมาก “เจ้าสาม!”
ไม่ว่าลู่เฉินจะมีสถานะเป็นแบบไหน แต่มิตรภาพของทั้งคู่ไม่เคยเปลี่ยน
ลู่เฉินหัวเราะ “ยังโดนกันอยู่นอกประตูอยู่อีกเหรอ เดี๋ยวฉันเข้าไปคุยกับคนข้างในให้ ดูสิว่าจะไว้หน้ากันบ้างไหม”
ผ่านด่านทั้งสาม ประตูใหญ่เป็นประตูแรก ห้องรับแขกเป็นประตูที่สอง ประตูห้องนอนเจ้าสาวเป็นประตูที่สาม โดยปกติแล้วหัวกับท้ายจะเป็นอะไรที่ยากที่สุด ถูกยื้อเอาไว้ที่ประตูแรกนานมากนั้นเป็นเรื่องธรรมดา
ลู่เฉินเดินมาถึงหน้าประตู ถามผ่านรั้วกั้นว่า “คุณผู้หญิงทั้งหลายครับ ช่วยเปิดทางให้หน่อยได้ไหมครับ”
คนที่เฝ้าประตูอยู่ล้วนเป็นญาติพี่น้องผู้หญิงของหวังเสี่ยวหลิง เมื่อครู่พวกเธอได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากด้านนอก ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งลู่เฉินปรากฏตัว
“กรี๊ด!”
มีคนกรีดร้องเสียงแหลมขึ้นมา “ลู่เฉินจริงๆ ด้วย อิ่นจวิ้นซี!”
ในนั้นเหมือนมดแตกรัง หญิงสาวคนหนึ่งในนั้นบิดเปิดกลอนประตูออก “รีบเข้ามาเถอะค่ะ!”
ลู่เฉินหันหลังไปทำมือส่งสัญญาณชัยชนะให้แก่เกาเฮ่อ
เกาเฮ่อยกนิ้วโป้งตอบกลับเขา
เดิมทีคนรูปหล่อมีพลังไร้เทียมทานอยู่แล้ว ดาราหนุ่มหล่อยิ่งเหมือนระเบิดนิวเคลียร์ในรูปมนุษย์ หญิงสาวพวกนี้มีหรือจะทัดทานได้ ไม่ต้องควักอั่งเปาประตูที่แข็งแกร่งไม่อาจทำลายได้ก่อนหน้านี้ก็ระเบิดเปิดออกแล้ว
เมื่อประตูเปิด กลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าวก็เฮละโลกันเข้าไป
พวกเด็กสาวตื่นเต้นจนหน้าแดงใหญ่ บางคนดวงตาเป็นประกายเข้าไปใกล้อย่างใจกล้า บางคนเขินอายม้วนไปม้วนมา อยากจะเข้าไปใกล้แต่ก็ไม่กล้า ทำให้เพื่อนเจ้าบ่าวหลายคนที่ก่อนหน้านี้ต้องเผชิญกับความทุกข์ยากแอบมองพวกเธอด้วยสายตาดูถูก
ด่านแรกตีแตกแล้ว ด่านที่สองยิ่งง่ายดาย แค่เกาเฮ่อมอบอั่งเปาที่เตรียมเอาไว้แต่แรกแล้วให้กับญาติผู้ใหญ่ของหวังเสี่ยวหลิงก็ผ่านไปได้แล้ว
ส่วนด่านสุดท้ายที่ว่าเป็นการทดสอบที่ยากที่สุดนั้นไม่มีเหลือแล้ว เพราะเพื่อนเจ้าสาวทั้งหมดที่อยู่ในห้องนอนก็วิ่งออกมาดูลู่เฉิน ขอถ่ายรูปขอลายเซ็น ทิ้งเจ้าสาวเอาไว้ในห้องอย่างไม่ไยดี
มีดาราหนุ่มมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว สำหรับพวกเธอแล้วอาจเป็นครั้งเดียวในชีวิต
ลู่เฉินยิ้มแหะๆ ทำตามใจเพื่อนเจ้าสาว เกาเฮ่อถือโอกาสนี้เข้าไปในห้องนอนอุ้มเจ้าสาวออกมา
“รับตัวเจ้าสาวแล้ว!”
จนกระทั่งได้ยินเสียง ‘ปัง’ เศษกระดาษสีสันมงคลร่วงหล่นลงสู่พื้นห้อง
เกาเฮ่ออุ้มตัวเจ้าสาวออกจากประตูบ้านไปอย่างรวดเร็ว ไปถึงรถแต่งงานคันแรกท่ามกลางเสียงอวยพรของทุกคน
จากนั้นเจ้าบ่าวเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็นั่งรถแต่งงานไปที่โรงแรมด้วยกัน
เนื่องจากเกาเฮ่อและหวังเสี่ยวหลิงตอนนี้เช่าบ้านอยู่ คืนแต่งงานจึงใช้ห้องของโรงแรมที่จัดงานเลี้ยงฉลองตอนเย็นเป็นห้องหอชั่วคราว
หลังจากทั้งสองคนแต่งงานแล้ว ยังต้องไปที่บ้านเกิดของเกาเฮ่อที่เมืองจี่เฉิงเพื่อจัดงานอีกครั้ง
ครึกครื้นวุ่นวายกันพักใหญ่ ในที่สุดก็ไม่ได้เกิดเรื่องผิดพลาดแต่อย่างใด ทั้งหมดอยู่พักผ่อนในโรงแรม เพื่อรองานเลี้ยงฉลองตอนเย็นต่อไป
ลู่เฉินได้คุยกับเจ้าสาวเจ้าบ่าวเป็นการส่วนตัว
……………………………………