Perfect Superstar - ตอนที่ 437-2 เหมือนจะมีความสามารถ (2)
ตอนที่ 437 เหมือนจะมีความสามารถ (2)
เวลาสี่ทุ่มกว่า สำหรับการใช้ชีวิตของคนฮ่องกงแล้ว ช่วงที่มีสีสันที่สุดของชีวิตยามค่ำคืนยังมาไม่ถึง บรรยากาศในบาร์ลาดอลเซ่วิต้า 97 กำลังกรึ่มๆ พอดี
การแข่งขันราชาเพลงแอลดีวีมีชื่อเสียงมาก อันที่จริงเป็นกิจกรรมบันเทิงที่จัดขึ้นเพื่อความสนุกสนานของบาร์เท่านั้น หัวใจหลักคือการเชิญลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วม ไม่ว่าใครก็สามารถขึ้นไปร้องเพลงบนเวที อวดพลังการร้องเพลงของตัวเองได้
แต่คืนนี้ไม่เหมือนเดิม การปรากฏตัวของนักร้องอย่างเยี่ยเซวียนทำให้การแข่งขันนี้หมดความตื่นเต้น แต่ผู้แข่งขันคนอื่นก็รู้สึกผ่อนคลายเพราะเหตุนี้เช่นกัน ความคิดที่อยากจะแข่งขันลดลง ความรู้สึกบันเทิงสนุกสนานเพิ่มขึ้นไม่น้อย
ระดับความสามารถของพวกนักร้องมือสมัครเล่นที่ขึ้นไปแข่งขันตามลำดับหมายเลขนั้นแตกต่างกันไป บางคนได้รับเสียงปรบมือคึกคัก บางคนมีแต่เสียงโห่เป็นพักๆ
คนที่ถูกโห่ใส่ก็ไม่ถือสาอะไร หัวเราะฮิๆ ร้องจนจบเพลง เพราะมีเพียงแบบนี้เท่านั้นผู้เข้าแข่งขันทุกคนถึงจะได้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากบาร์…เบียร์ดำเยอรมันสองเหยือกแก้ว
และที่บังเอิญก็คือ เยี่ยเซวียนขึ้นเวทีลำดับที่สิบสอง อยู่หน้าลู่เฉินพอดี
ดารานักร้องก็คือดารานักร้อง พอเยี่ยเซวียนปรากฏกายบนเวที เสียงปรบมือ เสียงร้องเชียร์ เสียงผิวปากก็ดังระงมไปทั่วบาร์ แล้วก็ยังมีแฟนคลับสาวๆ เรียกชื่อของเขา ราวกับว่าเป็นคอนเสิร์ตส่วนตัวของเขา บดขยี้ผู้เข้าแข่งขันที่ขึ้นไปก่อนหน้านั้นทั้งหมดในพริบตา
เยี่ยเซวียนอายุประมาณสามสิบปีกว่าๆ เขาไม่ใช่คนหล่อเหมือนที่ทุกคนยอมรับ แต่ผิวที่ขาวนวล ความสุภาพมีมารยาท และบุคลิกที่เหมือนบัณฑิตบอบบางน่าจะเป็นที่ชื่นชอบของสาวสวยเรียบร้อยบุคลิกดีเป็นอย่างมาก
เมื่อขึ้นเวที เยี่ยเซวียนจับไมค์แล้วเอ่ยว่า “คืนนี้ดีใจมากครับ ที่ได้รู้จักเพื่อนๆ ที่อยู่ที่นี่หลายคน และทุกคนก็ชอบดนตรีอีกด้วย ลาดอลเซ่วิต้า 97 ก็ดีเหมือนกันครับ”
“เดิมที ผมก็ไม่คิดจะขึ้นมาหรอกครับ แต่ว่าทุกคนยืนกราน ผมจึงได้แต่ขึ้นมาโชว์ขำแล้ว”
“วันนี้ดื่มเยอะ สภาพเลยไม่ค่อยดี ถ้าร้องแย่ทุกคนก็ไม่ต้องรู้สึกแปลกใจนะครับ”
ทุกคนหัวเราะพลางปรบมือ เพื่อสนับสนุนและให้กำลังใจเขา
เยี่ยเซวียนราวกับได้รับพลังมาจากเสียงปรบมือ จิตใจและสติดีขึ้นมาทันที เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยทีเดียวเหมือนเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตและความมีชีวิตชีวา แล้วก็ยังมีความปรารถนาที่อยากจะเปล่งเสียงร้องเพลง!
“งั้นผมจะร้องเพลงนี้ให้กับทุกคน เป็นเพลงที่ตัวผมชอบมาก ‘ยามรุ่งอรุณ’ ครับ!”
เสียงปรบมือคึกคักเพิ่มขึ้นอีกสองสามเท่า
ลู่เฉินก็ปรบมือตามเช่นกัน เขาพยักหน้าเงียบๆ พลางคิดในใจว่าคนผู้นี้มีประสบการณ์ในการควบคุมสถานการณ์หน้าเวทีมากเช่นกัน
นักร้องมีหลายประเภท นักร้องบางคนถนัดโชว์พลังในห้องอัดเสียง แต่มีนักร้องบางคนที่สามารถโชว์ความสามารถได้เต็มที่ยามที่อยู่บนเวที และสามารถควบคุมสถานการณ์หน้าเวทีได้อย่างยอดเยี่ยมเสมอ
นักร้องที่ควบคุมสถานการณ์หน้าเวทีได้อย่างชาญฉลาดสามารถสร้างบรรยากาศได้อย่างง่ายดาย จับอารมณ์ของผู้ชมได้อยู่หมัด สร้างการแสดงที่ประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดายนัก
พื้นที่ที่อยู่เบื้องหน้านั้นเล็กมาก แต่เยี่ยเซวียนพูดเพียงสองสามประโยคก็สามารถสร้างบรรยากาศได้ทันที ทำให้บาร์ลาดอลเซ่วิต้า 97 แห่งนี้กลายเป็นเวทีหลักของตัวเองอย่างสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่ามีความรู้ที่ลึกซึ้งและยอดเยี่ยม
สามารถเรียกได้ว่าคนเราไม่อาจตัดสินกันด้วยหน้าตาอย่างแท้จริง!
พลังการร้องเพลงของเยี่ยเซวียนก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน เพลง ‘ยามรุ่งอรุณ’ ไม่ใช่ผลงานของเขาเอง แต่เป็นผลงานอันโด่งดังของหลิวกั่งเซิงราชาเพลงระดับซูเปอร์สตาร์ของฮ่องกง สามารถพูดได้ว่าในฮ่องกงรู้จักเพลงนี้กันทุกครัวเรือน
เพื่อเป็นการยกย่องรุ่นพี่ นักร้องฮ่องกงได้นำเพลงนี้มาคัฟเวอร์มากมาย เพราะทุกคนคุ้ยเคยเป็นอย่างดี ดังนั้นมาตรฐานการประเมินจึงสูงมากเช่นกัน หากไม่มีพลังร้องเพลงที่แข็งแกร่งแล้วอยากจะร้องคัฟเวอร์ ‘ยามรุ่งอรุณ’ ละก็ นั่นคือการสร้างความอัปยศให้ตัวเองแท้ๆ
‘ยามรุ่งอรุณ’ ไม่ใช่เพลงเร็วหรือเพลงฮิตติดปากแบบนั้น เป็นเพลงที่ต้องใช้ทักษะการร้องเพลงค่อนข้างสูง
ท่ามกลางการบรรเลงดนตรีประกอบของวงในบาร์ เยี่ยเซวียนจับไมค์และร้องอย่างตั้งใจมาก เสียงร้องของเขาสูงและดังกังวาน จับท่อนเสียงสูงของเพลงได้อย่างสบาย จนถึงท่อนฮุกก็ร้องได้จับใจนัก
หากจะพูดถึงข้อบกพร่องละก็ นั่นก็คือความลึกซึ้งในส่วนของเสียงกลางและต่ำยังไม่มากพอ ทำให้ผลงานเพลงคลาสสิคเพลงนี้ฟังดูแล้วขาดความหนา ไม่เพียงพอให้คนฟังเข้าถึงรสชาติอย่างลึกซึ้ง
แต่จุดด่างพร้อยเล็กๆ น้อยๆ ไม่สามารถบดบังจุดเด่นได้ เยี่ยเซวียนร้องเพลง ‘ยามรุ่งอรุณ’ จบแล้ว ความฮือฮาพลันดังขึ้นทั่วทั้งบาร์
“ขออีกเพลง!”
มีคนตะโกนเสียงดัง เพิ่งสิ้นเสียงของเขาก็ได้รับการขานรับและเห็นด้วยจากคนมากมาย
ร้องเพลง ‘ยามรุ่งอรุณ’ ที่มีระดับความยากสูงจบไปแล้ว หน้าผากของเยี่ยเซวียนมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดออกมา เขายิ้มแล้วโบกมือเอ่ยว่า “ขอบคุณทุกคนครับ คืนนี้ทุกคนต้องมีความสุขเป็นหลัก ผมไม่อยากทำลายกฎครับ ดังนั้นขอโทษด้วยนะครับ!”
เขานำไมค์เสียบกลับไปที่ขาไมค์เหมือนเดิม จากนั้นลงเวทีกลับไปนั่งที่ของตัวเอง
เพื่อนของเยี่ยเซวียนหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ฉันรู้อยู่แล้วว่าลากนายมาด้วยไม่มีพลาด คราวนี้ก็ประหยัดไปได้สองสามพัน”
เพื่อนที่นั่งโต๊ะเดียวกันกับเยี่ยเซวียนมีห้าหกคน เมื่อได้ยินก็หัวเราะกันขึ้นมา
ผู้หญิงคนหนึ่งเม้มปากหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “เมื่อกี้น่าจะสั่งไวน์แดงมาอีกสองสามขวด…”
อันที่จริงพวกเขาไม่ใช่คนขาดเงิน แต่สามารถเอาเปรียบเล็กๆ น้อยๆ บ้างก็เป็นเรื่องที่สนุกมากเช่นกัน และการเอาเปรียบนี้ก็ยังได้หน้าได้ตาอีกด้วย
เยี่ยเซวียนกล่าวอย่างถ่อมตัว “พวกนายอย่าดีใจเร็วเกินไป ข้างหลังยังมีอีกสองสามคนต้องขึ้นไปร้องเพลงนะ”
“เชอะ!”
เพื่อนกล่าวอย่างดูถูกว่า “นอกจากราชาเพลงหลิวมาเยือนด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นคืนนี้ตำแหน่งแชมป์เป็นของพี่เซวียนแน่นอน!”
ยกยอกันขนาดนี้ออกจะเวอร์เกินไป เยี่ยเซวียนได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ…อย่างไรเสียเขาก็คงตบหน้าเพื่อนด้วยการโต้แย้งไม่ได้ใช่ไหมล่ะ
“ไม่รู้ข้างหลังยังมีอีกกี่คน…”
ผู้หญิงคนนั้นชะโงกหน้ามอง ทันใดนั้นก็ทำสีหน้าตกใจ “เอ๊ะ เบอร์สิบสามเป็นหนุ่มหล่อ!”
‘หนุ่มหล่อ’ คำนี้มีพลังดึงดูดเป็นอย่างมาก ทุกคนจึงหันหน้าไปมองบนเวทีอย่างช่วยไม่ได้
เป็นคนหล่อจริงๆ!
ยามนี้บนเวที ก็คือลู่เฉินหมายเลขที่สิบสาม
“สู้ๆ!”
หลีเจินพยายามปรบมือเต็มที่ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้บอสของตัวเอง และอิทธิพลของสาวสวยคนนี้ก็ไม่แย่แขกจำนวนไม่น้อยก็ไว้หน้าช่วยปรบมือแสดงกำลังใจเช่นกัน
จริงๆ แล้วสายตาที่ทุกคนมองลู่เฉินมีความเห็นใจอยู่นิดๆ เพราะก่อนหน้านั้นเยี่ยเซวียนแสดงได้สุดยอดมาก แรงกดดันของเขาจึงมากกว่าเป็นธรรมดา
โชคดีที่ลู่เฉินทั้งสูงและหล่อ อย่างน้อยก็เรียกความประทับใจกลับมาได้บ้าง โดยเฉพาะสำหรับแขกผู้หญิงพวกนั้น
“คนหล่อสู้ๆ!”
เสียงออดอ้อนสดใสดังมาจากกลุ่มผู้คน สร้างรอยยิ้มขึ้นมาทันที
ลู่เฉินยิ้มจางๆ แล้วถามมือกีตาร์ของวงดนตรีบนเวทีว่า “มีกีตาร์สำรองไหมครับ”
สำหรับมือกีตาร์ส่วนใหญ่ เครื่องดนตรีของพวกเขาคือชีวิตที่สองหรือไม่ก็ภรรยาคนที่สองเลยก็ว่าได้ โดยทั่วไปจะไม่ยอมให้คนอื่นยืมใช้ ดังนั้นลู่เฉินจึงขอใช้ตัวสำรอง
มือกีตาร์ตกใจมาก “คุณจะเล่นเองร้องเองเหรอ”
ลู่เฉินพยักหน้า
มือกีตาร์คนนี้เป็นกันเองมาก ยื่นกีตาร์ของเขาให้ลู่เฉินโดยตรง “งั้นใช้ของผมก็ได้ เสียงแม่นกว่า”
ลู่เฉินรับมา “ขอบคุณครับ!”
เขาขอเก้าอี้อีกหนึ่งตัว จากนั้นจึงปรับระดับความสูงของไมค์ใหม่อีกครั้งแล้วนั่งลง
บรรยากาศภายในบาร์ลาดอลเซ่วิต้า 97 เงียบลงทันที แม้แต่บาร์เทนเดอร์ก็ยังวางขวดเชคค็อกเทลที่อยู่ในมือลงพวกเขาก็อยากจะดูว่า หนุ่มหล่อคนนี้จะแสดงโชว์แบบไหนให้ทุกคนดู
เล่นเองร้องเองเหรอ? ดูเหมือนจะมีความสามารถอยู่บ้าง
…………………………………………………………………………