Perfect Superstar - ตอนที่ 450 อยู่เฉยๆ ก็ซวย
ตอนที่ 450 อยู่เฉยๆ ก็ซวย
‘ต่อหน้าชายหนุ่มคนนี้ นักแต่งเพลงป็อปของฮ่องกงต้องรู้สึกละอายใจ!’
หัวข้อยาวที่แฝงไปด้วยความหมายเชิงตำหนิอย่างรุนแรง ตอนที่โพสต์เนื้อหายาวเหยียดนี้ปรากฏบนบล็อกเกาะฮ่องกง พลันดึงดูดความสนใจของผู้คนทั้งในและนอกวงการจำนวนมาก ต่างพากันแชร์และวิจารณ์กันยกใหญ่
เนื่องจากเจ้าของบล็อกเป็นนักวิจารณ์เพลงที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งในบล็อกเกาะฮ่องกง…คนบ้าแห่งทะเลใต้
ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของคนบ้าแห่งทะเลใต้ เป็นบุคคลที่ลึกลับมาก แต่ก็พอจะยืนยันได้ว่า เขาเป็นคนในวงการเพลงป็อปฮ่องกงคนหนึ่งแน่นอน คุ้นเคยกับเบื้องหลังและเข้าใจกฎในวงการเป็นอย่างดี ถึงวิจารณ์นักร้องท้องถิ่นได้เฉียบคมมาก
และสิ่งที่ทำให้เขาดังก็คือความปากร้ายของเขา วิจารณ์เพลงป็อปและนักร้องเพลงป็อปของฮ่องกงอย่างไม่เกรงใจและไร้ความปรานี ถึงขนาดเคยมีนักร้องที่ถูกเขาด่าจนเกือบฆ่าตัวตาย
บุคคลเช่นนี้ต้องมีศัตรูมากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นในสภาพแวดล้อมทางสังคมที่มีความพิเศษของฮ่องกง การปกปิดสถานะของตัวเองเป็นความลับคือสิ่งที่จำเป็นมาก
แต่คนบ้าแห่งทะเลใต้ที่ปากร้ายไม่ใช่คนที่มีนิสัยชอบโจมตีและดูถูกตัวบุคคล เขาพุ่งเป้าไปที่ปัญหาทางด้านดนตรีโดยตรง ล้วนแต่โจมตีปรากฏการณ์ที่แย่ๆ ในวงการเพลง รวมทั้งเรื่องความเป็นมืออาชีพของนักร้อง เรียกได้ว่าเป็นการพูดที่มีเป้าหมายแน่นอน
และด้วยเหตุนี้ บล็อกเกาะฮ่องกงของคนบ้าแห่งทะเลใต้จึงมีแฟนคลับมากกว่าห้าแสนคน แฟนเพลงหลายคนก่อนที่จะซื้ออัลบั้มของนักร้อง มักจะเข้ามาดูคำวิจารณ์ของเขาก่อน ถ้าหากคำวิจารณ์แย่เกินไปก็จะไม่ซื้ออย่างแน่นอน
แต่ถ้าอัลบั้มใหม่ได้รับการ ‘ชู’ นิ้วโป้งจากบล็อกของคนบ้าแห่งท้องทะเลใต้ ก็มักจะกระตุ้นยอดขายได้เสมอ ดึงดูดพวกแฟนๆ ที่เชื่อใจคนบ้าแห่งทะเลใต้
มาตรฐานการวิจารณ์ของคนบ้าแห่งทะเลใต้ไม่เหมือนกับคนอื่น ชูนิ้วโป้งหนึ่งนิ้วหมายถึงยอมรับและชื่นชม ชูนิ้วโป้งสองนิ้วหมายถึงแนะนำเต็มที่ห้ามพลาดเด็ดขาด แล้วก็ยังมีดาวแห่งความนับถือที่เป็นเกียรติสูงสุด
เขาเปิดบล็อกมาสิบกว่าปี อัลบั้มที่ชูนิ้วโป้งสองนิ้วมีไม่เกินสิบอัลบั้ม ดาวแห่งความนับถือเคยปรากฏสองครั้ง สำหรับสองอัลบั้มที่มียอดขายเกินหลักล้าน เคยโด่งดังในฮ่องกงอยู่ช่วงหนึ่ง
ดังนั้นสำหรับคนบ้าผู้นี้ มีนักร้องและนักแต่งเพลงหลายคนที่ทั้งรักและเกลียดเขา
ทุกคนล้วนอยากให้คนบ้าแห่งทะเลใต้ชูนิ้วโป้งให้ผลงานของตัวเอง แต่ก็กลัวอีกว่านิ้วโป้งที่ชูนั้นจะกลับหัวลง…นั่นแสดงถึงการดูถูกและเยาะเย้ยอย่างไร้ความปรานี!
และในโพสต์นี้ คนบ้าแห่งทะเลใต้ก็ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน มอบดาวแห่งความนับถือสามดวงให้กับคนคนหนึ่งและเพลงเพลงหนึ่ง ทั้งยังใช้เรื่องนี้เป็นหัวข้อ วิจารณ์บรรดานักแต่งเพลงป็อปของฮ่องกงอย่างรุนแรง!
คนและเพลงที่ว่า ก็คือลู่เฉิน กับเพลง ‘รักที่สุดในชีวิต’ ที่เขาร้องในบาร์ลาดอลเซ่วิต้า 97!
ในโพสต์บล็อกมีการแชร์คลิปวิดีโอร้องเพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุดบนบล็อก ‘เพลงป็อป’ ที่มาจากฟอรัมเกาะฮ่องกง คนบ้าแห่งทะเลใต้ได้วิเคราะห์ความยอดเยี่ยมของเพลง ‘รักที่สุดในชีวิต’ อย่างละเอียด และคิดว่านี่เป็นหนึ่งในผลงานเพลงภาษาจีนกวางตุ้งที่สุดยอดที่สุดในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา เพียงพอที่จะยกให้เป็นผลงานชั้นยอดระดับตำนานได้เลย
และสิ่งที่ทำให้เขาเคียดแค้นชิงชังเป็นอย่างยิ่งก็คือ เพลงภาษาจีนกวางตุ้งเพลงนี้ออกมาจากมือของนักแต่งเพลงชาวจีนที่เพิ่งมาถึงฮ่องกง แถมยังเป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งเดบิวต์เพียงแค่หนึ่งปีกว่า และไม่มีพื้นหลังการเรียนสาขาดนตรีมาก่อน
เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กหนุ่มมากความสามารถคนนี้ นักแต่งเพลงป็อปของฮ่องกงควรจะรู้สึกละอายใจ เพราะหลังจากที่นักแต่งเพลงรุ่นเก่าทยอยกันอำลาวงการหรือไม่ก็ล้มหายตายจากไป พวกเขาไม่สามารถสืบทอดแก่นแท้ของเทคนิคและบุคลิกของรุ่นอาวุโสได้เลย มัวแต่ใจร้อนต้องการเห็นความสำเร็จทันที หลงใหลในชื่อเสียงหน้าตาจอมปลอม
ไม่มีใจรักและคลั่งไคล้ในดนตรีอย่างแท้จริง จึงสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่ดีออกมาไม่ได้ นักแต่งเพลงชาวฮ่องกงหลายคนคุ้นชินกับการ ‘เห่อของนอก’ ลอกเลียนแบบกระแสของยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้อย่างหนักหน่วง ถึงขนาดเอาเพลงยอดนิยมของต่างประเทศมาเพิ่มเนื้อเพลงแล้วร้องคัฟเวอร์ใหม่ เป็นการทำลายความขยันและความฝันของนักแต่งเพลงบางส่วนที่ตั้งใจอย่างรุนแรง
และที่น่าขำก็คือ หลายคนในวงการก็ตระหนักดีว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เพลงป็อปของฮ่องกงจะต้องจบเห่ในไม่ช้า หรือไม่ก็กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการลอกเลียนแบบเพลง แต่ก็ไม่มีใครพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องเหล่านี้ ใช้ชีวิตผ่านไปวันๆ ปล่อยให้ตำแหน่งของนักแต่งเพลงในวงการเพลงป็อปตกต่ำลงทุกวัน กลายเป็นวัฏจักรที่เลวร้าย
นักร้องไอดอลหน้าใหม่ พอห่างจากห้องอัดเสียงก็ร้องเพลงไม่ดีแล้ว จัดคอนเสิร์ตก็ลิปซิงค์ แนวเพลงใหม่ที่เรียกว่าได้รับความนิยม ทุกวันนี้กลายเป็นการเต้นแร้งเต้นกาที่ทำลายวงการเพลงป็อปของฮ่องกง
ทว่าภายใต้เหตุการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ หลายคนในวงการก็ยังจมอยู่กับยุคทองในปี 80-90 ลืมไปว่าผ่านศตวรรษใหม่มาสิบกว่าปีแล้ว
หากไม่ก้าวตามยุคให้ทัน ก็จะถูกยุคสมัยทอดทิ้งแน่นอน!
และบทเพลง ‘รักที่สุดในชีวิต’ ซึ่งเป็นผลงานเพลงชิ้นเอกภาษาจีนกวางตุ้งที่ลู่เฉินแต่งนี้ ก็ได้บอกให้ทุกคนทราบถึงความสามารถและความแข็งแกร่งของคนทำเพลงยุคใหม่ในประเทศจีน ตลอดจนทัศนคติที่มีต่อเพลงป็อป
บทเพลงนี้เหมือนเป็นการตบหน้าพวกที่หัวเราะเยาะและดูถูกเพลงป็อปในประเทศจีน ทำให้พวกเขารู้ว่าเพลงป็อปของฮ่องกงในตอนนี้ไม่มีสิ่งใดที่น่าภาคภูมิใจอีกต่อไป
พวกเขาควรละอายใจ ควรตื่นได้แล้ว!
โพสต์บล็อกยาวเหยียดของคนบ้าแห่งทะเลใต้ บรรยายเนื้อหาที่มีชีวิตชีวาหนึ่งพันกว่าคำ นอกจากชื่นชมและสรรเสริญเพลง ‘รักที่สุดในชีวิต’ แล้ว ยังโจมตีปรากฏการณ์อันแสนวุ่นวายของวงการเพลงฮ่องกงอย่างรุนแรง อีกทั้งยังชี้นิ้วตรงไปที่บรรดานักแต่งเพลง
อุตสาหกรรมบันเทิงของฮ่องกงพัฒนาไปไกลมาก ความเจริญรุ่งเรืองเมื่อหลายสิบปีก่อนได้สร้างมืออาชีพออกมาอย่างมากมาย ถึงแม้ตอนนี้จะตกต่ำลง แต่นักแต่งเพลงป็อปและนักร้องที่แต่งเพลงได้ก็ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก
บล็อกเกาะฮ่องกงเป็นพื้นที่แสดงความคิดเห็นของประชาชนที่สำคัญที่สุดของสื่อใหม่ในฮ่องกง คนส่วนใหญ่ในวงการบันเทิงล้วนมีบล็อกและแฟนคลับเป็นของตัวเอง การอัปเดตและดูบล็อกจึงกลายเป็นกิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่งของพวกเขา
การตบหน้าโดยตรงของคนบ้าแห่งทะเลใต้แทงใจดำใครหลายคน และคนเหล่านั้นก็ไม่ยอมอดกลั้นต่อความเจ็บปวดนี้ ดังนั้นจึงเริ่มโต้กลับแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ตอบโต้บทวิจารณ์ของคนบ้าแห่งทะเลใต้
แม้คนบ้าแห่งทะเลใต้มีตัวตนที่ลึกลับ แต่ในบล็อกเกาะฮ่องกงเขาก็ไม่ได้หัวเดียวกระเทียมลีบ เขามีแฟนคลับสนับสนุนเป็นจำนวนมาก เมื่อเจอการตอบโต้ที่ดุเดือด จึงโต้กลับอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ
โพสต์บล็อกและการแสดงความคิดเห็นของทั้งสองฝ่ายยังคงถกเถียงกันไม่หยุด พลังโจมตีรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และเพลง ‘รักที่สุดในชีวิต’ ของลู่เฉินซึ่งคนบ้าแห่งทะเลใต้ใช้เป็นอาวุธ ก็ไม่วายโดนโจมตีหนักอย่างไม่ต้องสงสัย
ความสงสัย การดูถูก การหัวเราะเยาะต่างๆ เพิ่มขึ้นไม่หยุด หลายคนยังคงมีอคติต่อประเทศจีน คิดว่าเพลง ‘รักที่สุดในชีวิต’ ไม่ใช่ผลงานต้นฉบับของลู่เฉิน เขาจะต้องลอกเลียนแบบหรือคัฟเวอร์มาจากที่ไหนแน่นอน
ทว่าตอนนี้ยังหาหลักฐานไม่ได้ชั่วคราวเท่านั้น
ไฟสงครามนี้ลุกลามจากบล็อกไปถึงฟอรัมอย่างรวดเร็ว การโต้เถียงของทั้งสองฝ่ายมีชาวเน็ตทั่วไปเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ดังนั้นในขณะที่ลู่เฉินยังไม่รู้ตัว จู่ๆ เขาก็ดังขึ้นมา กลายเป็นที่โด่งดังบนอินเทอร์เน็ตฮ่องกงไปแล้ว
แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ถูกคนบ้าแห่งทะเลใต้ดึงเข้าไปอยู่ท่ามกลางศัตรูมากมายนับไม่ถ้วน
ซึ่งถือว่าอยู่เฉยๆ ก็ซวยได้เหมือนกัน!
…………………………………………………………………………