Perfect Superstar - ตอนที่ 460 อบอุ่นเหลือเกิน
ตอนที่ 460 อบอุ่นเหลือเกิน
ยุคสมัยกำลังพัฒนา สังคมกำลังก้าวหน้า อิทธิพลของอารยธรรมสมัยใหม่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ชนเผ่ามองโกลที่ใช้ชีวิตเลี้ยงสัตว์สืบทอดมารุ่นต่อรุ่นก็กำลังเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตของตัวเองอย่างช้าๆ
คนหนุ่มสาวในเผ่ามากมายออกไปข้างนอก พวกเขาท่องไปในเมืองใหญ่ที่หรูหรา ไปดูโลกภายนอกที่มีสีสันมากยิ่งขึ้น บางคนไปแล้วไม่กลับมา บางคนไปแล้วก็กลับมาอีกครั้ง
แต่ไม่ว่าคนที่จากไป หรือคนที่อยู่บนแผ่นดินกว้างใหญ่นี้ต่อไป ทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ก็คือบ้านของพวกเขา เป็นรากเหง้าของพวกเขาตลอดไป ความคิดถึงและความรู้สึกที่ฝากไว้ก็ไม่อาจถูกลบล้างจากหนทางที่ห่างไกลได้
เพลง ‘ทุ่งหญ้าแสนงาม บ้านของฉัน’ ของลู่เฉินเพลงนี้ ไม่ใช่เสียงหัวใจของพวกคนเลี้ยงสัตว์หรอกหรือ เพราะฉะนั้นจึงกระตุ้นจิตสัมผัสของพวกเขาเป็นพิเศษ สั่นสะเทือนจิตวิญญาณของพวกเขาโดยตรง
กว่าพวกเขาจะสงบสติอารมณ์ได้ก็นานอยู่!
“ดีมาก!”
เสียงตะโกนของลุงฉี่เหยียน ปลุกทุกคนที่กำลังดื่มด่ำกับเสียงเพลงให้สะดุ้งตื่น
และเห็นเขาถือเหล้าคูมิสชามใหญ่เข้ามา เดินมาอยู่ตรงหน้าของลู่เฉิน แล้วเอ่ยพูดเสียงหนักแน่นว่า “พ่อหนุ่ม นี่คือเพลงที่เพราะที่สุดเท่าที่ฉันฉี่เหยียนเคยฟังมา ขอดื่มคารวะให้กับคุณ!”
พ่อของเก๋อเกินถ่าน่าเป็นผู้ชายชนเผ่ามองโกล หลังเสือเอวหมีหน้าตาหยาบกร้าน ใบหน้าทรงสี่เหลี่ยมผิวสีดำแดง หนวดเคราและเส้นผมหนา ดูกำยำมาก แผ่กระจายความแข็งแรงและกำยำล่ำสันออกมา
ทว่าสายตาที่เขามองลู่เฉิน ล้วนมีแต่ความชื่นชม
ลู่เฉินรีบวางซอหัวม้า แล้วใช้สองมือรับเหล้าคูมิสชามใหญ่
ลุงฉี่เหยียนเป็นเจ้าของลานล่าสัตว์แห่งนี้ มีฐานะเทียบเท่าหัวหน้าเผ่า เขาดื่มคารวะลู่เฉินด้วยตัวเอง แม้ว่าดื่มแล้วต้องเมา แต่เหล้าชามนี้ก็ไม่อาจปฏิเสธ
โชคดีที่เหล้าคูมิสมีแอลกอฮอล์ต่ำ มีคุณสมบัติอุ่นและไม่แรงมาก ดังนั้นลู่เฉินจึงนำชามเหล้าสีเงินแตะที่ปาก แล้วดื่มหมดรวดเดียว ไม่เหลือเลยสักนิด
“ดี!”
ลุงฉี่เหยียนเอ่ยชมเสียงดังอีกครั้ง และชูนิ้วโป้งให้ลู่เฉิน เสียงโห่ร้องครึกครื้นของคนเลี้ยงสัตว์ดังไปรอบๆ
ลู่เฉินใช้การแสดงของตัวเองเอาชนะใจชายหนุ่มที่โอหังแห่งทุ่งหญ้ากลุ่มนี้ได้
จางเค่อที่นั่งอยู่ไม่ไกลมองเห็นทุกอย่าง พลางอุทานอยู่ในใจ ถึงแม้เขาจะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ไม่ใช่คนทำดนตรีมืออาชีพ แต่ความเข้าใจเกี่ยวกับเพลงนั้นสูงกว่าคนธรรมดาทั่วไปแน่นอน
บทเพลง ‘ทุ่งหญ้าแสนงาม บ้านของฉัน’ จางเค่อไม่เคยฟังมาก่อน แต่ผลงานที่มีท่วงทำนองงดงาม เนื้อเพลงกินใจเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้จะอยู่เงียบๆ ไร้ชื่อเสียง
สิ่งที่สามารถอธิบายได้มีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือเป็นงานสร้างสรรค์ของลู่เฉิน หลังจากที่เขามาถึงทุ่งหญ้ามองโกเลียจึงแต่งเพลงสดๆ ขึ้นมา
ในวงการ ลู่เฉินมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักเรื่องแต่งเพลง ได้รับการขนานนามว่าเป็นอันดับหนึ่งของนักร้องนักแต่งเพลงรุ่นใหม่
นี่คือความสามารถระดับไหนกัน!
จางเค่อเคยเห็นคนหนุ่มสาวที่มีความสามารถหลายคน ทว่าลู่เฉินมอบความประทับใจให้แก่เขาลึกซึ้งที่สุด
ในใจของผู้กำกับใหญ่คนนี้ พลันเกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมา
ลุงฉี่เหยียนถามว่า “พ่อหนุ่ม เพลงที่คุณร้องใครเป็นคนแต่งเหรอ”
“ชื่อของเขาคือลู่เฉิน เป็นแฟนของพี่เฟยเอ๋อร์ค่ะ!”
และในเวลานี้ เก๋อเกินถ่าน่าก็โผล่ออกมาเปิดเผยฐานะของลู่เฉิน เธอมองลู่เฉินด้วยสายตาที่เลื่อมใสศรัทธา และถามว่า “พี่ลู่เฉิน เพลงนี้เพราะมากจริงๆ ค่ะ พี่สอนหนูได้ไหมคะ หนูอยากเอาไปร้องให้คนในทุ่งหญ้าทุกคนฟังในงานไป๋เจี๋ยของปีนี้ค่ะ!”
‘ไป๋เจี๋ย’ เป็นเทศกาลฉลองที่ยิ่งใหญ่และอลังการของชนเผ่ามองโกลซึ่งจะจัดหนึ่งครั้งต่อปี เปรียบเสมือนเทศกาลตรุษจีน เริ่มต้นในวันที่หนึ่งเดือนหนึ่งตามปฏิทินจันทรคติจีน ทุกคนจะร่วมกันดื่มเหล้า สังสรรค์ ร้องเพลง และร่วมกิจกรรมบันเทิงสนุกสนาน มาอวยพรให้มีความสุขสมหวังดังปรารถนาตลอดปี
ลุงฉี่เหยียนหัวเราะเหอะๆ พลางลูบศีรษะของลูกสาว
นี่คือไข่มุกที่มีค่ามากที่สุดของเขา
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “นี่เป็นเพลงที่ฉันเขียนเอง ถ้าหากเธอชอบ ฉันจะให้เธอเป็นคนร้อง”
“จริงเหรอคะ”
เก๋อเกินถ่าน่าทั้งตื่นเต้นและดีใจ ปรบมือแล้วกล่าวว่า “อย่างนั้นก็ดีเลยค่ะ!”
เสียงหัวเราะของเธอเหมือนกับระฆังสีเงินไพเราะน่าฟัง เต็มไปด้วยความสุขและสนุกสนาน
ทีมงานหลายคนของกองถ่ายมองเก๋อเกินถ่าน่าด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เพราะคนหลังไม่รู้เลยว่า ราคาต่อหนึ่งเพลงของลู่เฉินยืนหนึ่งไม่เหมือนใครในวงการ!
ลู่เฉินเติบโตอย่างรวดเร็วราวปาฏิหาริย์ในวงการบันเทิง และยังเอาชนะใจของเฉินเฟยเอ๋อร์ได้ ความสามารถด้านการแต่งเพลงคือองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด ดาวดวงใหม่ที่ถูกเขาดันจนดังไม่ได้มีแค่คนสองคน
เก๋อเกินถ่าน่าได้เพลง ‘ทุ่งหญ้าแสนงาม บ้านของฉัน’ ไป ต่อให้เป็นสิทธิ์ร้องคัฟเวอร์ ขอแค่เอาไปจัดทำใหม่สักหน่อย นั่นหมายความว่าดาวดวงใหม่กำลังจะเกิดขึ้นบนทุ่งหญ้าแห่งนี้ไม่ใช่หรือ
คนอื่นอยากได้แทบตายกลับไม่สมหวัง แต่เธอแค่พูดประโยคเดียวเท่านั้น แล้วคนอื่นจะไม่อิจฉาหมั่นไส้ได้อย่างไรเล่า!
“จริงเหรอ”
ลุงฉี่เหยียนก็ดีใจเหมือนกัน เขาเบิกตาโต โบกมือแล้วเอ่ยว่า “ไปเอาเหล้ามาอีกชาม!”
วิธีการแสดงความซาบซึ้งและเลื่อมใสของชายแข็งแกร่งแห่งทุ่งหญ้า มักเรียบง่าย หยาบกระด้าง และตรงไปตรงมาแบบนี้เสมอ!
ลู่เฉินยากที่จะปฏิเสธได้ จึงได้แต่ดื่มเหล้าคูมิสหมดอีกหนึ่งชาม
ถึงแม้แอลกอฮอล์ของเหล้าคูมิสจะต่ำ แต่จะดื่มแบบนี้ไม่ได้ ดื่มชามที่สองหมดแล้ว สีหน้าของเขาแดงระเรื่อ รู้สึกเมาเล็กน้อย
ลุงฉี่เหยียนหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง พลางตบไหล่ของลู่เฉินอย่างแรง “ลูกผู้ชาย!”
ลู่เฉินได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
หลังจากสิ้นสุดงานรอบกองไฟแล้ว ลู่เฉินถูกเฉินเฟยเอ๋อร์ประคองเดินโซเซกลับไปที่กระโจมของเธอ
ประคองลู่เฉินนอนลงบนเตียงนุ่มสบาย เฉินเฟยเอ๋อร์เทน้ำร้อน จากนั้นบิดผ้าขนหนูในอ่างล้างหน้า แล้วโปะบนใบหน้าของเขาอย่างเป็นห่วง
ความร้อนทะลุผ่านรูขุมขนถึงผิวหนังภายใน ความร้อนทำให้รู้สึกสบาย ลู่เฉินจึงสร่างเมาเล็กน้อย เขาผ่อนลมหายใจยาวๆ อย่างสบาย รู้สึกมีสติมากขึ้น
เฉินเฟยเอ๋อร์พูดอย่างแง่งอน “คืนนี้นายดื่มมากเกินไป!”
ลู่เฉินจนใจ “ผมก็ไม่อยากเหมือนกัน แต่พวกเขาแต่ละคนเข้ามาชนแก้วแล้วมอมเหล้าผม”
คนที่มอมเหล้านอกจากพวกคนเลี้ยงสัตว์แล้ว ก็ยังมีสมาชิกของทีมงานกองละครอีก แม้แต่สือหล่างก็ยังมาดื่มด้วยอีกหนึ่งชาม เขาจะไม่ดื่มได้เหรอ
แบบนั้นยิ่งทำไม่ได้ ดังนั้นจึงดื่มเยอะเกินไป
เฉินเฟยเอ๋อร์ทำเป็นรังเกียจ “กลิ่นเหล้าคลุ้งไปทั้งตัว คืนนี้อย่ามาแตะฉันนะ”
ลู่เฉินหัวเราะฮิๆ ทันใดนั้นก็ยื่นแขนออกไปจับเธอ ดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง จากนั้นก็ก้มลงไปจูบ
พลางพูดด้วยความมึนเมา “ผมจะแตะ!”
เฉินเฟยเอ๋อร์ต่อต้านและหัวเราะคิกคัก เบือนหน้าหนีแล้วพูดว่า “อย่างนั้นนายต้องร้องเพลงให้ฉันฟัง ต้องเป็นเพลงที่ฉันไม่เคยฟังด้วยนะ”
ความต้องการที่คล้ายกัน เธอเคยขอมาแล้วหลายครั้ง และเจอความเซอร์ไพรส์ทุกครั้งไป
ครั้งนี้ลู่เฉินมอบเพลงให้เก๋อเกินถ่าน่าหนึ่งเพลงเชียวนะ!
ลู่เฉินปล่อยเธอ แสร้งทำเป็นครุ่นคิด ผ่านไปสักพักหนึ่งจึงเอ่ยว่า “มีแล้วครับ!”
เขากอดเฉินเฟยเอ๋อร์ แล้วฮัมเพลงเบาๆ ข้างหูของเธอ
“ในพื้นที่อันไกลโพ้น มีหญิงสาวนิสัยดีคนหนึ่ง”
“ผู้คนเดินผ่านกระโจมของเธอ ล้วนต้องหันกลับไปมองอย่างอาลัยอาวรณ์”
“ใบหน้ายิ้มแย้มอมชมพูของเธอ เหมือนดั่งพระอาทิตย์สีแดง”
“ดวงตาของเธองดงามมีเสน่ห์ เหมือนพระจันทร์สวยยามค่ำคืน”
“…”
“ฉันยอมเป็นแกะน้อยตัวหนึ่ง ไปเลี้ยงแกะกับเธอ ฉันยอมให้เธอจับแส้บางๆ…”
“หวดตีบนตัวของฉันเบาๆ ไม่หยุด”
เสียงร้องเพลงของลู่เฉินเบาลงมาก สุดท้ายก็ไม่ได้ยิน กลายเป็นเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ
เขาไม่อาจต้านทานความมึนเมา นอนหลับปุ๋ยไปเสียแล้ว
เฉินเฟยเอ๋อร์ซบอยู่บนแผ่นอกกว้างของลู่เฉินอย่างแนบแน่น เธออยากให้เวลาหยุดอยู่ในช่วงนี้ตลอดไป!
ช่างอบอุ่นเหลือเกิน
…………………………………………………………………………