Perfect Superstar - ตอนที่ 482 ไม่ชอบมาพากล
ตอนที่ 482 ไม่ชอบมาพากล
‘ลู่เฉินซูเปอร์สตาร์จีนแผ่นดินใหญ่ถ่ายทำภาพยนตร์ใหม่ไม่รับค่าจ้าง เป็นเรื่องจริงหรือสร้างกระแส’
‘ลู่เฉินสนับสนุนหม่าหรงเจิน ปลาเค็มกำลังจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง’
‘คนวงในพูดอย่างมั่นใจว่า นักแสดงจีนแผ่นดินใหญ่มาถ่ายทำหนังที่ฮ่องกงคาดว่าจะเจอปัญหาผิดดินฟ้าอากาศ อนาคตน่าเป็นห่วง!’
‘เพ้อฝันหรือว่ามั่นใจ เงินลงทุนสามสิบล้านจะเป็นการใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำหรือเปล่า’
‘ยาพิษตั๋วหนังในอดีต วันนี้ได้ถ่ายหนังใหม่แล้ว!’
…
วันที่สองหลังจากพิธีเปิดกล้อง ‘โปเยโปโลเย’ อย่างเป็นทางการ สื่อบันเทิงของฮ่องกงจำนวนมากต่างตีพิมพ์ข่าวที่เกี่ยวข้องจำนวนไม่น้อย ยกเว้นข่าวที่จ่ายเงินให้ไปร่วมพอเป็นพิธีแล้ว ข่าวอื่นที่ตีพิมพ์ส่วนใหญ่ล้วนมีแต่เสียงของความเคลือบแคลงสงสัย
สถานการณ์เช่นนี้โดยทั่วไปแล้วจะไม่เกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากตลาดฮ่องกงมีขนาดเล็กและพื้นที่จำกัดแต่มีสื่อค่อนข้างเยอะและส่วนใหญ่ก็ให้ความสนใจกับข่าวในฮ่องกงเท่านั้น วงการบันเทิงก็ไม่มีข่าวซุบซิบอะไรมากมายพอที่จะทำเป็นกระแสได้
ดังนั้นลู่เฉินที่เป็นบุคคลน่าสนใจและได้รับความนิยมในช่วงนี้ จึงกลายเป็นเป้าของสื่อบางกลุ่มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เขาเผชิญหน้ากับแรงกดดันของมวลชน ความจริงแล้วเกี่ยวข้องกับทัศนคติของชาวฮ่องกงจำนวนไม่น้อย คนฮ่องกงจำนวนมากคิดว่าเงินทุนและการเข้ามาของธุรกิจจากจีนแผ่นดินใหญ่จะเพิ่มการแข่งขันมากขึ้น แย่งชิงโอกาสทำงานของคนในท้องถิ่น
แม้ว่าลู่เฉินจะบอกแนวคิดปลาดุกออกไปในรายการ ‘สนทนาสามบันเทิง’ เพื่อลดความสงสัยของคนบางส่วนแล้วก็ตาม แต่อิทธิพลของรายการก็มีจำกัด เขาจำเป็นต้องใช้ความจริงอีกมากเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
สำหรับสื่อฮ่องกงบางส่วนที่กลัวว่าบ้านเมืองจะไม่โกลาหล ลู่เฉินกลายเป็นตัวแทนจากวงการภาพยนตร์โทรทัศน์ในประเทศจีนที่มาบุกเบิกในฮ่องกง จึงพยายามขุดค้นเรื่องราวจากตัวเขา
และสื่อที่มีกำลังไฟที่ร้อนแรงมากที่สุดก็คือ ‘หนังสือพิมพ์รายวันโปโล’ สำนักหนังสือพิมพ์ที่เป็นที่รู้จักกันดีในฮ่องกงสำนักนี้ได้ตีพิมพ์สามบทความลงหมวดบันเทิงในเวลาเดียวกัน โดยสงสัยที่ลู่เฉินไม่รับค่าตอบแทน หัวเราะเยาะยาพิษตั๋วหนังหม่าหรงเจิน และมั่นใจว่า ‘โปเยโปโลเย’ จะไม่ประสบความสำเร็จแน่นอน
หนึ่งในนั้นยังมีบทความที่ร้อยเรียงข้อมูลเป็นตุเป็นตะ ดึงดูดสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในวงการออกมาแสดงความคิดเห็นและวิเคราะห์มากมาย สุดท้ายได้ข้อสรุปว่าลู่เฉินตัวแทนจากประเทศจีนคนนี้ยากที่จะตั้งหลักในวงการบันเทิงของฮ่องกงได้นาน
โจมตีเยอะ เห็นด้วยน้อย พวกที่เป็นกลางก็น้อยเหลือเกิน ประชาชนของฮ่องกงดูกันอย่างสนุกสนาน แต่ในทางกลับกันก็เป็นการโปรโมต ‘โปเยโปโลเย’ ที่เพิ่งเริ่มถ่ายทำได้เป็นอย่างดี
กองถ่ายทำ ‘โปเยโปโลเย’ เข้าสู่สถานะถ่ายทำแล้ว แต่กลับไม่สนใจลมฝนที่อยู่ภายนอกเลยสักนิด ภายในสถานที่ถ่ายทำในโรงถ่ายไลออนร็อกทุกคนทำงานกันอย่างตึงเครียดและยุ่งมาก พยายามเร่งถ่ายทำให้เสร็จก่อนปีใหม่
“คัต!”
วั่นเสี่ยวเฉวียนขมวดคิ้วแน่น โบกโทรโข่งอย่างแรงแล้วพูดเสียงดังว่า “ไฟทางนี้เป็นอะไร รีบจัดให้ผมใหม่เดี๋ยวนี้ถ่ายใหม่!”
วั่นเสี่ยวเฉวียนหยิบโทรโข่งขึ้นมาอีก ราวกับเกิดใหม่อีกครั้ง มีพลังที่ใช้ไม่มีวันหมด
ตำแหน่งในกองถ่ายของเขาพิเศษมาก แขวนป้ายชื่อว่าเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ ในอนาคตเมื่อออกอากาศในประเทศจีนจะไม่มีชื่อของเขาปรากฏอยู่ในเอนด์เครดิต รวมทั้งในการโปรโมตด้วย
สาเหตุไม่ต้องพูดเยอะ อย่างน้อยภายในสองปีนี้ วั่นเสี่ยวเฉวียนต้องห้ามทำตัวเด่น
ผู้กำกับในนามของ ‘โปเยโปโลเย’ คือลู่เฉิน ในความเป็นจริงวั่นเสี่ยวเฉวียนเป็นคนกำกับการแสดง เพื่อหลีกเลี่ยงการทำผิดนโยบายของรัฐบาล
ด้วยเหตุนี้ วั่นเสี่ยวเฉวียนจึงมีความสำคัญในภาพยนตร์เรื่องนี้มากกว่าลู่เฉิน ก่อนเริ่มถ่ายทำ เขาวิเคราะห์บททั้งคืน พูดคุยเรื่องตัวละครและโครงเรื่องกับลู่เฉิน ทุ่มเทกำลังและจิตใจทั้งหมดให้กับงานนี้
วั่นเสี่ยวเฉวียนเดิมทีถนัดภาพยนตร์แนวโบราณย้อนยุคอยู่แล้ว ผลงานชิ้นก่อนของเขาทำรายได้ตั๋วหนังสูงและได้รับคำชมมากมาย นอกจากนี้ในวงการยังขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ตั้งใจทำงานและละเอียดรอบคอบ ไม่อย่างนั้นลู่เฉินคงไม่เลือกเขามากำกับการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ของตัวเองหรอก
มีลู่เฉินสนับสนุนเต็มที่แบบนี้ และเงินลงทุนก็เพียงพอ แถมยังหนีห่างจากเรื่องความถูกผิดในประเทศจีนอีก วั่นเสี่ยวเฉวียนตั้งใจทำงานแล้วน่ากลัวมาก การถ่ายทำสองสามวันที่ผ่านมา ทีมงานของกองถ่ายรู้สึกเลื่อมใสและเคารพผู้กำกับที่มาจากประเทศจีนคนนี้เป็นอย่างมาก ไม่มีเรื่องยุ่งยากอย่างต่อหน้าทำอีกอย่างลับหลังทำอีกอย่างเกิดขึ้นเลย
แน่นอนว่าระหว่างการถ่ายทำ เจียหยางพิคเจอร์สก็ต้องมาร่วมด้วย
วันนี้เป็นฉากที่หนิงฉ่ายเฉินเจอกับเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนครั้งแรกที่วัดร้างหลานรั่ว ลู่เฉินที่แต่งตัวเป็นบัณฑิตถูกช่างแต่งหน้าแต่งอย่างพิถีพิถัน มีบุคลิกที่เปลี่ยนแปลงไปมาก
เนื่องจากปัญหาเรื่องไฟได้รับการแก้ไขทำให้การถ่ายทำใหม่ราบรื่นมาก หลังจากถ่ายทำเสร็จก็เที่ยงกว่าแล้ว
ในที่สุดวั่นเสี่ยวเฉวียนก็ยอมปล่อยทีมงานที่หิวท้องร้องจ๊อกๆ เสียที ปล่อยทุกคนไปกินข้าวให้อิ่มท้อง
ผู้ช่วยทีมสวัสดิการแบกกล่องเก็บอุณหภูมิเข้ามา ภายในมีข้าวกล่องที่วางซ้อนกันเป็นชั้นๆ
ตัวละครใน ‘โปเยโปโลเย’ ถึงแม้จะมีไม่มาก แต่ทีมงานจะน้อยไม่ได้ เมื่อรวมกันแล้วน่าจะมีประมาณหนึ่งร้อยคนเห็นจะได้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อรับประกันความคืบหน้าของการถ่ายทำ
คนเยอะขนาดนี้หน้างานจึงยุ่งมาก เรื่องกินข้าวจึงไม่สามารถออกไปกินตามร้านอาหารข้างนอกได้ มิฉะนั้นแล้วต้องไปกลับไม่รู้ว่าเสียเวลาอีกเท่าไร และยังมีผลกระทบต่อสภาพการถ่ายทำด้วย
ดังนั้นไม่ว่าจะในประเทศจีนหรือฮ่องกง ทีมงานกองถ่ายส่วนใหญ่แล้วจะกินข้าวกล่อง ฝ่ายสวัสดิการติดต่อร้านอาหารให้เรียบร้อยก่อน แล้วสั่งทำข้าวกล่องตามจำนวนและราคาที่ตกลงไว้ จากนั้นก็เอามาส่งตรงตามเวลาก็พอแล้ว
“กินข้าวได้แล้ว!”
ทุกคนเข้ามามุงล้อม หยิบข้าวกล่องกันพรึบพรับ จากนั้นก็หาที่นั่งแล้วนั่งลงกินข้าว
ลู่เฉินถึงแม้จะเป็นผู้ลงทุน เป็นคนเขียนบท และนักแสดงนำ เขากับวั่นเสี่ยวเฉวียนก็กินข้าวกล่องเหมือนกัน ไม่ได้ทำตัวเหนือกว่า ถือว่าร่วมสุขร่วมทุกข์กับทุกคน
แต่เหตุการณ์ในวันนี้พิเศษกว่าทุกวัน ตอนที่ลู่เฉินเปิดข้าวกล่อง เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
เพราะข้าวกล่องที่อยู่ในมือเขานี้ มันน่าเวทนาเกินกว่าจะทนดูได้จริงๆ!
ข้าวเป็นสีเหลืองน่าจะหุงด้วยข้าวเก่า ผักใบเขียวและแตงกวาก็เหี่ยวไม่สดเลย ไข่ดาวอยู่ดีๆ ก็หายไป ซี่โครงหมูสองชิ้นที่เหลือก็เห็นแต่กระดูกไม่มีเนื้อ
ข้าวกล่องนี้ คาดว่าแม้แต่สุนัขก็ยังรังเกียจคิดว่าเป็นขยะ
“เกิดอะไรขึ้น ข้าวกล่องวันนี้ทำไมแย่จัง นี่ให้คนกินใช่ไหม”
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย กลิ่นอาหารเหม็นหมดแล้ว!”
“เหอะๆ พวกนายกินเถอะ ฉันดูก็พอแล้ว”
“แม่งเอ๊ย!”
ไม่ใช่ของลู่เฉินเท่านั้นที่เป็นแบบนี้ ของคนอื่นก็เป็นเหมือนกัน ทีมงานกองถ่ายต่างบ่นกันยกใหญ่
เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ลู่เฉินจึงอยู่เฉยไม่ได้
เขาลุกขึ้นยืนใบหน้านิ่งขรึม โบกมือเรียกผู้ช่วยทีมสวัสดิการที่เอาข้าวกล่องมาส่งแล้วพูดว่า “รบกวนคุณมานี่หน่อยครับ”
ผู้ช่วยทีมสวัสดิการอายุน้อยรีบวางข้าวกล่อง เช็ดมือวิ่งเข้าไปแล้วถามว่า “คุณลู่ มีอะไรครับ”
ลู่เฉินยื่นข้าวกล่องที่อยู่ในมือให้เขาดู “คุณดูสิว่าเรื่องอะไร”
ผู้ช่วยทีมสวัสดิการดูข้าวกล่อง แล้วมองลู่เฉินอีกที จากนั้นจึงพูดอย่างลำบากใจว่า “คุณลู่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ…”
ลู่เฉินกระตุกมุมปาก แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบว่า “งั้นคุณไปเรียกเหล่าเจี่ยมา”
เหล่าเจี่ยเป็นหัวหน้าทีมสวัสดิการของกองถ่ายภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ เป็นยอดฝีมือของวงการที่เจียหยางพิคเจอร์สส่งมา
ตามหลักแล้ว ภายใต้การดูแลของเขา เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น
จะต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลแน่นอน!
…………………………………………………………………………