Perfect Superstar - ตอนที่ 483 ขึ้นราคา
ตอนที่ 483 ขึ้นราคา
เหล่าเจี่ยรีบมาอย่างรวดเร็ว
หัวหน้าทีมสวัสดิการคนนี้อายุราวสี่สิบปี เป็นคนที่ทางเจียหยางพิคเจอร์สส่งมาคอยดูแลอยู่ในกองถ่าย รูปร่างเตี้ยตาเล็ก ให้ความรู้สึกว่าเป็นคนฉลาดหลักแหลม พูดเก่ง ความสามารถด้านการประสานงานต่างๆ แข็งแกร่งมาก
ถึงแม้จะไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่สองสามวันที่ผ่านมา ลู่เฉินพึงพอใจในความสามารถของเหล่าเจี่ยเป็นอย่างมาก
ทีมสวัสดิการเรียกย่อๆ ว่าทีมสวัส มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลงานในชีวิตประจำวันระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์ หลักๆ แล้วจะรับผิดชอบงานด้านการกิน เสื้อผ้า และที่พักของทีมงาน จุกจิกมากแต่ก็ขาดไม่ได้
กองถ่ายหนึ่งหากไม่มีหัวหน้าทีมสวัสดิการที่ดี มักจะเกิดปัญหาเยอะแยะเสมอ
ตอนที่เหล่าเจี่ยเห็นคุณภาพของข้าวกล่องทั้งหมดไม่ผ่านมาตรฐาน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที ทั้งตกใจและโกรธมาก
“คุณลู่ ขอโทษจริงๆ ครับ ผมจะรีบไปตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
ลู่เฉินพยักหน้า “งั้นก็รีบเปลี่ยนข้าวล็อตใหม่ให้พวกเขาเถอะครับ หรือไม่ก็เปลี่ยนร้านแล้วสั่งข้าวใหม่”
ถึงแม้เขาจะไม่ได้ตำหนิเหล่าเจี่ย แต่เหล่าเจี่ยก็รู้สึกกดดันอย่างเห็นได้ชัด เขารีบออกไปอย่างรีบร้อน
ข้าวกล่องที่สู้ไม่ได้แม้แต่อาหารหมูดังนั้นจึงไม่มีคนกิน ทุกคนนำข้าวกล่องวางกลับไปที่กล่องเก็บอุณหภูมิบรรยากาศในกองถ่ายผิดปกติมาก หลายคนนั่งล้อมวงกันแล้วเริ่มซุบซิบนินทา
วั่นเสี่ยวเฉวียนรู้สึกจนใจ “ทำแบบนี้…พวกเขาไม่อยากทำธุรกิจแล้วใช่ไหม”
เฉินเหวินเฉียงพูดเสียงขรึม “เรื่องนี้เกรงว่าจะไม่ง่ายขนาดนั้น”
ลู่เฉินตกใจ ถามว่า “ลุงเฉียง?”
เฉินเหวินเฉียงลังเลครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ธุรกิจข้าวกล่องในโรงถ่ายไลออนร็อก มีสองสมาคมที่ยึดครองอยู่ คนอื่นเข้ามาแทรกไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าพวกเราจองร้านไหน แต่มั่นใจได้ว่าฝั่งนั้นต้องมีปัญหา ไม่อย่างนั้นร้านอาหารที่ไหนจะยอมทำให้ร้านตัวเองเสียชื่อล่ะ”
สมาคม?
ลู่เฉินตะลึงงัน คิดไม่ถึงว่าเรื่องเล็กๆ อย่างกิจการข้าวกล่อง จะเกี่ยวข้องกับสมาคมของฮ่องกง
‘สมาคม’ ที่เฉินเหวินเฉียงกล่าวถึง จะต้องไม่ใช่องค์กรที่เอื้อผลประโยชน์ร่วมกันในทางที่ดีแบบนั้นแน่นอน แต่เป็นสมาคมนักเลง หรือพูดแบบบ้านๆ ก็คือแก๊งมาเฟียของฮ่องกง
แก๊งมาเฟียของฮ่องกงเคยรุ่งเรืองในยุค 70-80 ตอนนั้นมีแก๊งอั้งยี่ที่ก่อกวนอาละวาดอย่างกำเริบเสิบสาน อย่างเช่น แก๊งเซิ่งเหอ แก๊งซินอัน แก๊งหงถัง เป็นต้น สมาชิกของแก๊งมีเป็นแสน ประกายอำนาจแผ่ไปทั่วฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน และประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกสองสามประเทศ กระทั่งสร้างสำนักงานในย่านไชน่าทาวน์ที่ยุโรปและอเมริกา
แก๊งมาเฟียเหล่านี้จะทำธุรกิจเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด ลักลอบขนสินค้า ค้าประเวณี บ่อนการพนัน เป็นต้น พวกแก๊งเล็กๆ ก็จะคอยเก็บค่าธรรมเนียมเพื่อรักษาสิทธิ์คุ้มครอง กลั่นแกล้งเพื่อนสายอาชีพเดียวกันและยึดครองตลาด เป็นผลทำให้การรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของฮ่องกงเลวร้ายมากอยู่ช่วงหนึ่ง
ฮ่องกงในตอนนั้น แม้แต่เศรษฐีมีเงินทุกคนก็ยังรู้สึกหวาดกลัวอันตราย ออกจากบ้านต้องมีบอดี้การ์ดคอยคุ้มครอง ไม่อย่างนั้นคงถูกพวกแก๊งอันธพาลลักพาตัวไปข่มขู่รีดทรัพย์อย่างกำเริบเสิบสาน
วันที่ 15 กรกฎาคม ปี 1987 ความขัดแย้งที่สะสมมายาวนานของหัวหน้าแก๊งซินอันกับหงถังปะทุขึ้น สมาชิกแก๊งของทั้งสองฝ่ายนับพันคนตะลุมบอนกันบนถนนในเขตดินแดนใหม่ที่เจริญรุ่งเรืองและหรูหรา เป็นผลทำให้มีคนตาย 78 คน บาดเจ็บหนัก 154 คน บาดเจ็บเล็กน้อยอีกมากมายนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ผู้บริสุทธิ์ที่เดินผ่านไปมาอีกจำนวนมากก็โดนลูกหลงถูกกระสุนปืนยิงเสียชีวิต
วันที่ 15 กรกฎาคม เหตุการณ์นองเลือดที่เขตดินแดนใหม่สั่นสะเทือนไปทั่วฮ่องกง กระตุ้นให้ประชนชนออกมาเดินประท้วงตามท้องถนน ทำให้รัฐบาลฮ่องกงตัดสินใจกำจัดมะเร็งร้ายก้อนนี้ในท้ายที่สุด และยังยื่นขอความช่วยเหลือจากกองทหารรักษาการณ์ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนประจำฮ่องกงอีกด้วย
เดือนมีนาคม ปี 1988 ท่ามกลางการโจมตีกวาดล้างของรัฐบาลฮ่องกง แก๊งอั้งยี่ที่ก่อกวนอาละวาดในเกาะฮ่องกงมาหลายสิบปีก็ถูกถอนรากถอนโคน สมาชิกตัวหลักส่วนใหญ่ถ้าไม่ถูกยิงเสียชีวิตคาที่ก็ถูกจับเข้าคุก ทำให้ชาวฮ่องกงจำนวนมากต่างปรบมืออย่างมีความสุข
ด้วยเหตุนี้ สถานการณ์ความสงบเรียบร้อยของฮ่องกงจึงเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
แต่แก๊งอั้งยี่ที่มีอิทธิพลในสังคมฮ่องกงเป็นอย่างมากไม่ได้มลายหายไปทั้งหมด หลังจากแก๊งเจ้าเก่าอย่างเซิ่งเหอ ซินอัน และหงถังล้มลงแล้ว ก็มีสมาคมใหม่ผุดขึ้นมาอีก
แต่สมาคมใหม่พวกนี้ไม่ได้กระทำการผิดกฎหมายอย่างใจกล้าอีกต่อไป พวกเขาจดทะเบียนบริษัททำกิจการถูกกฎหมาย และแอบทำธุรกิจสีเทาอย่างลับๆ สมาชิกของสมาคมไม่ใช้อาวุธก่อเหตุอย่างง่ายดายอีกแล้ว วิธีการหาเงินยิ่งลึกลับมากขึ้น กระทั่งจ้างทนายมาเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายอีกด้วย
สมาคมรูปแบบใหม่เช่นนี้ยิ่งจัดการยาก และการเจรจาไปมาหาสู่กับพวกเขาก็เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวมากอย่างไม่ต้องสงสัย
นอกจากนี้อิทธิพลของแก๊งในฮ่องกงก็มีความพัวพันกับวงการบันเทิงฮ่องกงอย่างลึกซึ้ง เมื่อก่อนบริษัทบันเทิภาพยนตร์และโทรทัศน์หลายแห่งมีกำลังของสมาคมค้ำจุนอยู่เบื้องหลัง แต่วันนี้ถึงแม้จะล้างมืออย่างขาวสะอาดแล้ว ทว่าในที่ลับกลับยากที่จะตัดขาดความสัมพันธ์กันได้
แค่ช่วงเวลาสั้นๆ สองสามนาที เหล่าเจี่ยก็กลับมาแล้ว และยังพาคนมาอีกสามคน
สีหน้าของเหล่าเจี่ยดูไม่ดีเป็นอย่างมาก
เขาแนะนำกับลู่เฉินว่า “คุณลู่ คนนี้คือผู้จัดการเจี่ยงของบริษัท จัดเลี้ยงอาหารและเครื่องดื่มหงหวา จำกัด ข้าวกล่องของกองถ่ายเราก็สั่งจองผ่านร้านอาหารหงหวานี้ครับ ผู้จัดการเจี่ยงมีเรื่องอยากคุยกับพวกเราครับ”
ผู้จัดการเจี่ยงของร้านอาหารหงหวาผู้นี้เป็นผู้ชายวัยกลางคนศีรษะเหมือนกวางน้ำตาเล็กเหมือนหนู เส้นผมใส่น้ำมันใส่ผมอย่างหนาแม้แต่แมลงวันก็ยังยืนไม่อยู่ เขาสวมชุดสูทผูกเน็กไท แถมยังสวมแว่นตาสีทองอันหนึ่งที่ดูไม่เข้ากัน ให้ความรู้สึกถึงความเจ้าเล่ห์
“คุณลู่ สวัสดีครับ”
ผู้จัดการเจี่ยงพยักหน้าโก้งโค้งทักทายกับลู่เฉิน แสยะยิ้มเห็นฟันทองในปากของเขา
คนที่เดินตามหลังมา เป็นผู้ชายหุ่นล่ำกำยำสองคน พวกเขาไร้ซึ่งสีหน้า มีรอยสักสีเขียวเข้มอยู่บนแขนอย่างชัดเจน กล้ามเนื้อที่โปนออกมาเห็นได้ชัดว่ามีพลังมากแค่ไหน
ลู่เฉินมองมาดเช่นนี้ปราดเดียวก็เข้าใจ พยักหน้าแล้วเอ่ยอย่างราบเรียบว่า “โอเค พวกเราเปลี่ยนที่คุยกันเถอะ”
ที่นี่ไม่ได้แน่นอน ทีมงานของกองถ่ายที่อยู่รอบๆ กำลังมองอยู่ หลายคนต่างมองมาด้วยสายตาสงสัย
สถานที่เจรจาของทั้งสองฝ่ายอยู่ในห้องหนึ่งของวัด และที่นี่ก็เป็นออฟฟิศชั่วคราวของกองถ่ายเช่นกัน
หลังจากนั่งลง ลู่เฉินก็ถามตรงประเด็น “ผู้จัดการเจี่ยง คุณช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมครับ ข้าวกล่องของพวกเราในวันนี้มันเกิดอะไรขึ้น พวกเราติดค้างค่าใช้จ่ายกับพวกคุณเหรอ”
ผู้จัดการเจี่ยงยิ้มกริ่มแล้วเอ่ยว่า “คุณลู่ ค่าอาหารของกองถ่ายพวกคุณจ่ายเงินทันทีไม่ได้ติดค้าง ปัญหาของข้าวกล่องในวันนี้ พวกเราก็ขอโทษมากๆ ครับ ผมรับรองว่าหลังจากวันนี้จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีก”
“แต่…”
เขาเปลี่ยนคำพูดทันควัน แล้วกล่าวว่า “ตอนนี้สินค้าของฮ่องกงราคาสูงมาก ช่วงนี้ราคาผักและเนื้อหมูก็เพิ่มขึ้นเยอะมาก ถ้าหากยึดราคาเดิม บริษัทของพวกเราคงต้องขาดทุน ดังนั้น…”
ดังนั้นอะไร ผู้จัดการเจี่ยงไม่พูด และยิ้มมองลู่เฉิน
ลู่เฉินช่วยพูดต่อแทนเขา “ดังนั้นต้องเพิ่มราคา?”
“ต้องขอโทษจริงๆ ครับ…”
ผู้จัดการเจี่ยงถูมือไปมา รอยยิ้มบนใบหน้าชัดเจนขึ้น “เพิ่มราคาเป็นเรื่องที่จนใจจริงๆ ครับ พนักงานของบริษัทเราก็ต้องกินข้าวเหมือนกัน…”
ลู่เฉินตัดบทคำพร่ำบ่นของเขา “คุณพูดตรงๆ ได้เลย จะเพิ่มเท่าไรครับ”
ผู้จัดการเจี่ยงชูนิ้วโป้งให้ลู่เฉิน “คุณลู่เป็นคนปากเร็วใจถึงจริงๆ นะครับ ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ดังของจีนความจริงก็ไม่เยอะมาก ต่อไปข้าวกล่องหนึ่งกล่องจะคิดราคาห้าสิบห้าหยวน พวกเรารับรองคุณภาพแน่นอนครับ”
ห้าสิบห้าหยวน!
ถ้าหากลู่เฉินจำไม่ผิด ราคาเดิมของข้าวกล่องที่สั่งทำคือสามสิบหยวน ตอนนี้เพิ่มราคาถึงห้าสิบห้าหยวน เท่ากับว่าทวีคุณเกือบเท่าตัว!
…………………………………………………………………………