Perfect Superstar - ตอนที่ 498 อ่อนข้อ
ตอนที่ 498 อ่อนข้อ
พูดปุ๊บก็มาปั๊บ ลู่เฉินกับหลี่มู่ไป๋กำลังพูดถึงบริษัทเจี่ยงกรุ๊ป ฝ่ายตระกูลเจี่ยงก็ส่งคนมาหาแล้ว
หลี่มู่ไป๋ช่วยตัดสินใจแทนลู่เฉินโดยตรง ให้อีกฝ่ายไสหัวกลับไป
พนักงานต้อนรับหญิงหน้าเคาน์เตอร์ไม่รู้จักภูมิหลังของหลี่มู่ไป๋ และฟังออกว่าไม่ใช่เสียงของลู่เฉิน จึงได้แต่พยักหน้าไม่กล้าขานรับ
ลู่เฉินจึงได้แต่พูดว่า “ในเมื่อไม่ได้นัด ก็ให้เขากลับไปก่อน บอกว่าผมไม่อยู่ก็แล้วกัน”
พนักงานหญิงหน้าเคาน์เตอร์เหมือนได้รับคำชี้แนะแล้ว
หลี่มู่ไป๋เอ่ยอย่างดูถูก “ใช่ว่าใครที่ไหนจะเข้ามาพูดได้ง่ายๆ ในเมื่ออยากจะประนีประนอม อย่างนั้นก็ต้องทำตามกฎสิ!”
น้ำเสียงราวกับเจ้าแห่งยุทธภพ ลู่เฉินจึงหัวเราะแล้วถามว่า “อะไรคือทำตามกฎ”
“ก็จัดโต๊ะเลี้ยงเหล้าเลี้ยงน้ำชาขอโทษไง!”
หลี่มู่ไป๋พูดอย่างสมเหตุสมผล “อย่างน้อยก็ต้องให้ตระกูลเจี่ยงส่งผู้ใหญ่ที่มีคุณธรรมน่านับถือสักหนึ่งคนมาพูดไกล่เกลี่ย ต้องมีท่าทีที่ทำให้พวกเราพอใจแล้วถึงจะคุยได้ ไม่อย่างนั้นจะให้พวกเขาผ่านด่านนี้ไปง่ายๆ เหรอ”
ฝีปากเจ้ายุทธภพของคุณชายสามแห่งตระกูลหลี่ทำให้ลู่เฉินนับถือยิ่งนัก ชูนิ้วโป้งให้แก่เขา
สุดท้ายหลี่มู่ไป๋ก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย หัวเราะฮิๆ แล้วกล่าวว่า “ผมเองก็เคยได้ยินเพื่อนฮ่องกงพูดแบบนี้ ยังไม่เคยเจอเอง แต่ส่วนใหญ่ก็ประมาณนี้แหละ อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายต้องให้เกียรติเรามากๆ”
“ตอนนี้ก็ดูว่าอีกฝ่ายจะรู้งานหรือไม่รู้งานกันแน่!”
เฉินเฟยเอ๋อร์ถามอย่างสงสัย “ที่ฮ่องกงนายมีเพื่อนเยอะเหรอ”
หลี่มู่ไป๋เกาศีรษะแกรกๆ แล้วเอ่ยว่า “ก็มีไม่กี่คน ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนกินเพื่อนดื่มเท่านั้น”
เขากระโดดออกจากที่นั่งของลู่เฉิน แล้วเอ่ยว่า “พี่เฉิน พี่เฟยเอ๋อร์ ผมไม่รบกวนเวลาความรักของพวกพี่แล้ว ผมไปหาเพื่อนเล่นดีกว่า!”
ลู่เฉินตกใจ “ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนี้ก็ได้ พวกเรากินข้าวเย็นด้วยกันก่อน อ้อใช่ คืนนี้นายพักที่ไหน”
ถึงแม้หลี่มู่ไป๋อยู่ที่นี่ตอนนี้จะขัดตาไปบ้าง แต่เขาก็เป็นคนช่วยลู่เฉินหาเรื่องตระกูลเจี่ยงตอนที่อยู่ประเทศจีน นี่คือมิตรภาพของเพื่อนแท้อย่างไม่ต้องสงสัย ลู่เฉินจะปล่อยให้เขาหนีไปได้อย่างไร
แบบนั้นคงแย่มาก!
หลี่มู่ไป๋หัวเราะแล้วกล่าวว่า “พี่เฉิน ผมคุ้นเคยกับฮ่องกงมากกว่าพี่อีก พี่ของผมมีห้องชุดขนาดใหญ่อยู่ที่นี่สามารถพักได้ มื้อเย็นเอาไว้วันหลังแล้วกัน ก่อนผมจะมาได้นัดเพื่อนที่ฮ่องกงไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาเตรียมโปรแกรมไว้เยอะมาก”
เขาเหลือบตามองเฉินเฟยเอ๋อร์อย่างมีเจตนาร้าย แล้วเอ่ยว่า “ถ้าหากพี่เฟยเอ๋อร์ไม่มา ผมจะพาพี่ไปเที่ยวด้วยแน่นอน ดังนั้นวันนี้เอาไว้ก่อนครับ!”
ลู่เฉินยอมใจเขาจริงๆ “อย่างนั้นก็ได้ ถ้างั้นวันพรุ่งนี้ตอนเย็นนายห้ามผิดนัดนะ”
หลี่มู่ไป๋ทำมือท่า ‘โอเค’ ให้กับเขา จากนั้นก็พาผู้ช่วยออกจากสตูดิโอไป
ความสัมพันธ์ระหว่างลู่เฉินกับหลี่มู่ไป๋ ไม่จำเป็นต้องพูดจาเกรงใจกันมากมายแล้ว ดังนั้นลู่เฉินจึงมาส่งเขาที่ประตูแล้วก็กลับมา
พอปิดประตู เขาก็สวมกอดเฉินเฟยเอ๋อร์อย่างอดใจไม่ไหว จูบริมฝีปากที่หอมหวาน
เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะคิกคัก ตอบรับอย่างนุ่มนวล ปล่อยให้ลู่เฉินชิมรสชาติอันหวานชื่นและอ่อนโยนของเธอจนพอใจ
เสียดายที่นี่เป็นออฟฟิศ จะทำเร่าร้อนเกินไปไม่ได้ จูบกันเร่าร้อนด้วยความเสน่หาสองสามนาที ลู่เฉินจึงปล่อยหญิงอันเป็นที่รักออกจากอ้อมกอดอย่างอาลัยอาวรณ์…หากเป็นอย่างนี้ต่อไปคงจะควบคุมไม่อยู่จริงๆ!
“ไปกันเถอะ!”
เขาจูงมือของเฉินเฟยเอ๋อร์แล้วเอ่ยว่า “พวกเรากลับบ้าน”
ลู่เฉินสั่งให้หลีเจินจัดหาที่พักให้กับบอดี้การ์ดสองคนและผู้ช่วยของเฉินเฟยเอ๋อร์ ส่วนเขาก็ขับรถพาแฟนสาวกลับบ้านที่อยู่ในย่านอ่าวน้ำตื้น ดื่มด่ำช่วงเวลาอันงดงามกันตามลำพังสองคนอย่างสมใจปรารถนา
ยิ่งห่างกันยิ่งทำให้รักกันมาก เมื่อทั้งสองคนจบฉากรักที่เร่าร้อน ฟ้าก็มืดแล้ว
บนเตียงนุ่มสบายขนาดใหญ่ เฉินเฟยเอ๋อร์ซบอยู่ในอ้อมกอดของลู่เฉิน นิ้วมือวาดเป็นวงกลมอยู่บนหน้าอกอันล่ำสันของเขาอย่างซุกซน พลางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ลู่เฉินฟังหลังจากที่ลู่เฉินไปเยี่ยมเธอครั้งที่แล้ว
การถ่ายละครนอกสถานที่เป็นงานที่ลำบากนัก บทบาทที่เฉินเฟยเอ๋อร์แสดงเป็นบทที่สำคัญมาก ความต้องการของผู้กำกับก็เยอะ เธอจึงกัดฟันยืนหยัดต่อไป ในที่สุดก็ถ่ายฉากของตัวเองสำเร็จอย่างราบรื่น ดังนั้นถึงได้วันหยุดครึ่งเดือน
ละครฟอร์มยักษ์อย่าง ‘ลำนำศิวิไลซ์’ รอบการถ่ายทำคำนวณเป็นปีๆ เพราะเกี่ยวข้องกับตัวละครมากมาย เรื่องราวมีความละเอียดซับซ้อน ความต้องการที่มีต่อนักแสดงจึงสูงมากเป็นพิเศษ
ดังนั้นถึงแม้จะลำบาก แต่เมื่อผ่านการฝึกฝนในครั้งนี้ ทักษะการแสดงของเฉินเฟยเอ๋อร์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมงานและผู้กำกับ
ดังนั้นเธอจึงรู้สึกภูมิใจเป็นที่สุด!
ฟังเรื่องเล่าของเฉินเฟยเอ๋อร์จบแล้ว ลู่เฉินจึงจูบใบหน้าของเธอ แล้วเอ่ยว่า “สมควรได้รับคำชม เดี๋ยวผมจะพาคุณไปกินอาหารมื้อใหญ่ ตบรางวัลให้คุณอย่างงาม!”
เฉินเฟยเอ๋อร์กลอกตาใส่เขาหนึ่งที “เห็นฉันเป็นสาวน้อยหรือไง”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่เธอก็ยังลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าอย่างอารมณ์ดี แต่งตัวอีกครั้งแล้วออกจากบ้านไปพร้อมกับลู่เฉิน
ทั้งสองคนล้วนเป็นซูเปอร์สตาร์ที่รู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมืองในประเทศจีน แต่อยู่ที่ฮ่องกงกลับไม่อาจเทียบเบอร์ใหญ่ของท้องถิ่นได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะเจอแฟนคลับที่บ้าคลั่ง บวกกับเป็นตอนเย็น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใส่แว่นกันแดดกับผ้าปิดปาก
อันที่จริงเฉินเฟยเอ๋อร์มาฮ่องกงมากกว่าลู่เฉินหลายครั้ง และยังซื้อบ้านที่ฮ่องกงเพื่อลงทุนอีกด้วย ดังนั้นเธอจึงคุ้นเคยกับฮ่องกงมากกว่าลู่เฉิน สุดท้ายแม้แต่สถานที่กินข้าวเธอก็เป็นคนหาเอง
ทั้งสองคนกินอาหารทะเลมื้อใหญ่อย่างหวานชื่น จูงมือกันเดินเล่นในย่านเซ็นทรัล เข้าไปในร้านค้าแบรนด์เนมหรูที่เดอะแลนด์มาร์ก ลู่เฉินยังซื้อกระเป๋าคอลเล็กชันใหม่ล่าสุดให้เธออีกด้วย
กลับถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว ทั้งสองคนล้างหน้าแปรงฟันแล้วจึงเข้านอน
ตื่นขึ้นมาตอนเช้าวันที่สอง ลู่เฉินยื่นมือคลำแฟนสาวที่นอนอยู่ข้างกาย รู้สึกเหมือนดั่งฝัน
ลูบคลำไปมาไฟลุกพอดี คลำจนเฉินเฟยเอ๋อร์ต้องตื่น
จากนั้นท่ามกลางเสียงที่ยั่วเย้าของเธอ ฉากรักพิศวาสอันเร่าร้อนได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ทั้งสองคนเหมือนกับหนุ่มสาวที่คลั่งรักทั่วไป ไม่มีทางเบื่อหน่ายความรักที่นัวเนียคลอเคลียแบบนี้เลย
จนกระทั่งเก้าโมงกว่าๆ ลู่เฉินถึงเปิดโทรศัพท์สองเครื่องของตัวเอง
ผลปรากฏว่าโทรศัพท์ทำงานของเขาเพิ่งจะเปิด ผ่านไปสองสามวินาทีเท่านั้น ก็มีสายโทรเข้ามาแล้ว!
คนที่โทรมาหาลู่เฉินคือเฉินเหวินเฉียง
ผู้จัดการสตูดิโอคนนี้อดกลั้นอารมณ์ตื่นเต้นดีใจไม่อยู่แล้ว เขากล่าวว่า “คุณลู่ หงหวายอมอ่อนข้อแล้วครับ เจี่ยงเฉิงหวาแจ้งผ่านคนกลางมาบอกข่าวว่า ยินดีที่จะจัดโต๊ะเลี้ยงเหล้าขอโทษคุณครับ!”
ก่อนหน้านั้นเฉินเหวินเฉียงได้รับแรงกดดันเป็นอย่างมาก สิ่งที่เขาไม่อยากเห็นที่สุดก็คือลู่เฉินเกิดปัญหาจากการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับชามข้าวของเขา แต่ยังส่งผลกระทบต่ออนาคตในวงการภาพยนตร์โทรทัศน์ของลูกสาวอันเป็นที่รักอีกด้วย
ถึงแม้ลู่เฉินจะตีโต้กลับอย่างสวยงามไร้ที่ติ เฉินเหวินเฉียงก็ยังแอบกังวลว่าสิ่งนี้จะกระตุ้นความโกรธของตระกูลเจี่ยงอย่างสิ้นเชิง สร้างความยุ่งยากที่ใหญ่หลวงให้กับกองถ่าย
ดังนั้นพอเขาได้รับข่าวตอนเช้าวันนี้ จึงไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง
เจี่ยงเฉิงหวายอมแพ้แล้วจริงๆ!
เฉินเหวินเฉียงที่ไม่รู้เบื้องหลังของเรื่องนี้จึงดีใจมากเป็นพิเศษ พยายามโทรติดต่อหลายครั้งเพื่อแจ้งข่าวดีกับลู่เฉิน
จนกระทั่งโทรติดในตอนนี้
ซึ่งตรงกับที่หลี่มู่ไป๋พูดไว้ไม่มีผิด!
ลู่เฉินไม่ได้ประหลาดใจมากนัก สั่งงานเฉินเหวินเฉียงสองสามประโยคก็ตัดสาย
จากนั้นโทรศัพท์ของเขาที่เพิ่งจะวาง ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้คนที่โทรมาเป็นโจวอี้
…………………………………………………………………………