Perfect Superstar - ตอนที่ 500 สามเรื่องในการถ่ายทำใหม่
ตอนที่ 500 สามเรื่องในการถ่ายทำใหม่
สถานที่ถ่ายทำหลัก ณ วัดเก่าฮุนจิ โรงถ่ายไลออนร็อก
สถานที่ถ่ายทำที่เงียบไปสองสามวันเริ่มกลับมาคึกคักอีกแล้ว ผ้าคลุมอุปกรณ์ประกอบฉากถูกเปิดออก กล้องดิจิทัลความละเอียดสูงราคาแพงถูกยกใส่ขาตั้งกล้องอีกครั้ง ทีมเสียง ทีมไฟ ทีมอาร์ต ทีมแต่งหน้าพร้อม…
สมาชิกทีมงานกองถ่ายแต่ละคนเหมือนถูกฉีดเข็มกระตุ้น ทำงานกันอย่างคึกคักและตั้งใจ
‘โปเยโปโลเย’ กลับมาถ่ายทำใหม่แล้ว!
นับตั้งแต่ที่พิธีเปิดกล้องภาพยนตร์สิ้นสุดลง จิตใจของทีมงานก็ตุ๊มๆ ต่อมๆ มาตลอด ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวไปช่วงหนึ่ง คิดว่าจะต้องแยกย้ายเสียแล้ว ตอนนี้ถือว่าเมฆคลายมองเห็นพระจันทร์อันสดใส ดังนั้นทุกคนจึงดีใจเป็นธรรมดา
อุตสาหกรรมภาพยนตร์โทรทัศน์ในฮ่องกงมีการแข่งขันที่ดุเดือดมาก แต่เค้กของตลาดไม่มีวี่แววว่าจะขยายใหญ่ คนในแวดวงหลายคนยากที่จะหางานที่เหมาะสมได้ ถ้าไม่เปลี่ยนสายงานด้วยความจนใจ ก็ต้องไปหาโอกาสที่ประเทศจีน หรือไม่ก็ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี
ทำงานสายนี้จนชินแล้ว การเปลี่ยนอาชีพจึงลำบากมากอย่างไม่ต้องสงสัย คนที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนไปไกล เส้นทางข้างนอกยิ่งเดินลำบากนัก
ดังนั้นทุกคนจึงทะนุถนอมโอกาสทำงานในตอนนี้มาก ที่สำคัญที่สุดคือ ลู่เฉินในฐานะเถ้าแก่ผู้ลงทุนหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นคนจิตใจดีและมีมารยาท ทำงานกับเขาไม่มีทางโดนเอาเปรียบแน่นอน
เพราะฉะนั้นตอนที่เจอแรงกดดันจากหงหวา พวกเขายังคงยืนหยัด ไม่เลือกที่จะถอนตัวออก
การเลือกของพวกเขาถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อตอนเช้าพอได้รับแจ้งว่าเริ่มกลับไปถ่ายทำใหม่ได้แล้ว ทุกคนจึงรีบมาที่หน้างานทันที และไม่ต้องรอคำสั่งของเฉินเหวินเฉียง ตัวเองก็เริ่มทำงานที่ต้องรีบทำให้เสร็จก่อนที่จะเริ่มถ่ายทำโดยอัตโนมัติ
ตอนที่ลู่เฉินพาเฉินเฟยเอ๋อร์เร่งเดินทางมาถึงวัดฮุนจิ ภายในก็มีเสียงผู้คนเซ็งแซ่แล้ว
บรรยากาศดีสุดๆ
“คนนี้เป็นแฟนของผม…”
ลู่เฉินแนะนำเฉินเฟยเอ๋อร์ให้รู้จักกับเฉินเหวินเฉียง “คนนี้คือคุณเฉินเหวินเฉียงเป็นผู้จัดการสตูดิโอครับ”
“สวัสดีค่ะลุงเฉียง”
เฉินเฟยเอ๋อร์ยื่นมือไปหาเฉินเหวินเฉียงอย่างมีมารยาทเป็นกันเอง “ลู่เฉินพูดถึงคุณกับฉันบ่อยๆ โชคดีที่มีคุณคอยช่วยเหลือ เขาถึงตั้งหลักที่ฮ่องกงได้ค่ะ”
เฉินเหวินเฉียงเหมือนได้รับความเมตตา รีบจับมือเฉินเฟยเอ๋อร์แล้วเอ่ยว่า “ชมเกินไปแล้วครับ สวัสดีครับคุณเฉินเฟยเอ๋อร์ ได้ยินชื่อเสียงของคุณมานานแล้ว คุณลู่โชคดีจริงๆ นะครับ!”
เขารู้อยู่แล้วว่าแฟนของลู่เฉินคือเฉินเฟยเอ๋อร์ราชินีเพลงชื่อดัง ในฐานะซูเปอร์สตาร์ชาวจีนแผ่นดินใหญ่เพียงไม่กี่คนที่มีชื่อเสียงในฮ่องกง ข่าวของเฉินเฟยเอ๋อร์จึงปรากฏบนหน้านิตยสารและหนังสือพิมพ์ของฮ่องกงเป็นบางครั้ง
แต่รูปภาพที่ลงในหนังสือพิมพ์และนิตยสารเหล่านั้น ไม่อาจถ่ายทอดเสน่ห์ของเฉินเฟยเอ๋อร์ตัวจริงออกมาได้ทั้งหมด เธอสวยเป็นธรรมชาติแม้ไม่ได้แต่งหน้า สีหน้าต่างๆ ที่แสดงออกมาดูสวยหยาดเยิ้ม เป็นที่สะดุดตาแก่ผู้คนมากจริงๆ
ฮ่องกงเป็นแหล่งของสาวงาม การประกวดแข่งขันมิสฮ่องกงหรือมิสเอเชีย มักจะมีสาวงามปรากฏขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย แต่เฉินเหวินเฉียงรู้สึกว่ามิสฮ่องกงหรือมิสเอเชียที่เขาเคยเจอมาก่อนเหล่านั้น เมื่อเทียบกับเฉินเฟยเอ๋อร์แล้วยังเหมือนขาดอะไรไป
ส่วนวั่นเสี่ยวเฉวียนกับเฉินเฟยเอ๋อร์รู้จักกันอยู่แล้ว เมื่อเจอหน้าจึงแค่ทักทายปราศรัยตามมารยาทก็พอ
วั่นเสี่ยวเฉวียนพูดล้อเล่นว่า “ในเมื่อมาแล้ว ก็มาเล่นบทรับเชิญในภาพยนตร์สักหน่อยไหมครับ”
เฉินเฟยเอ๋อร์กับลู่เฉินสบตากัน จากนั้นคนหลังก็ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ผู้กำกับวั่น ผมจะให้เฟยเอ๋อร์แสดงบทปีศาจแม่เฒ่าครับ”
“อะไรนะ”
วั่นเสี่ยวเฉวียนกับเฉินเหวินเฉียงถามเป็นเสียงเดียวกันว่า “แสดงบทปีศาจแม่เฒ่า?”
ปีศาจแม่เฒ่าใน ‘โปเยโปโลเย’ คือบอสฝ่ายร้าย ภาพลักษณ์ที่กำหนดไว้มีความโหดเหี้ยมไร้ความปรานี และยังมีกลิ่นอายของปีศาจหนาแน่น ดังนั้นตอนแรกจึงเลือกหลิวเจ้าฮุยมาแสดงบทที่ต้องแต่งชายเป็นหญิงบทนี้
หลิวเจ้าฮุยถอนตัว เฉินเหวินเฉียงก็ยังเครียดกับการคัดเลือกคน เพราะบทนี้ต้องการบุคลิกและทักษะการแสดงของนักแสดงสูงมาก ไม่อย่างนั้นก็ง่ายมากที่จะแสดงแล้วเข้าไม่ถึงบทบาท
ตอนนี้เฉินเฟยเอ๋อร์อยากจะแสดงบทปีศาจแม่เฒ่า ทั้งสองคนจะไม่ตกใจได้อย่างไร
เฉินเฟยเอ๋อร์เม้มปากยิ้ม “ฉันอยากลองท้าทายหน่อยค่ะ”
เหตุผลนี้ทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย
ลู่เฉินคิดอย่างจริงจังมาตลอดทาง “นี่คือความต้องการของเฟยเอ๋อร์ ผมคิดว่าน่าจะทำได้ หลักๆ คือต้องปรับแก้ตัวละครเล็กน้อย เน้นการแต่งหน้าเอฟเฟกต์ให้มากหน่อย ผลลัพธ์คงไม่แย่แน่นอน”
การเซ็ตตัวละครปีศาจแม่เฒ่าของเขาในตอนแรกมาจากโลกของความฝัน ตอนนี้เฉินเฟยเอ๋อร์อยากจะแสดงเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะยึดตามแบบต้นฉบับ จำเป็นต้องแก้ไขตามสถานการณ์ที่เป็นจริง
วั่นเสี่ยวเฉวียนครุ่นคิด แล้วพูดอย่างเด็ดขาดว่า “งั้นก็ลองดู!”
เขาคิดชัดเจนดีแล้ว อย่างแรกไม่อาจปฏิเสธความต้องการของลู่เฉินได้ อีกอย่างมีเฉินเฟยเอ๋อร์มาร่วมทัพแสดงบทบอสตัวร้ายใน ‘โปเยโปโลเย’ จะทำให้มีลูกเล่นในการสร้างกระแสที่ดีมาก สามารถช่วยอัปเกรดรายได้ตั๋วภาพยนตร์ในจีนแผ่นดินใหญ่ได้อย่างดี
สุดท้าย เฉินเฟยเอ๋อร์แสดงบทปีศาจแม่เฒ่า ทำให้สไตล์ของภาพยนตร์เรื่องนี้มีความหลากหลาย
ลู่เฉินกับวั่นเสี่ยวเฉวียนไม่คัดค้าน แน่นอนว่าเฉินเหวินเฉียงไม่มีความคิดเห็นใดๆ
ขณะที่พูด คนกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาที่หน้างาน
คนที่เดินนำหน้าสุดคือเนี่ยหมิงจู เธอเห็นเฉินเฟยเอ๋อร์ยืนข้างๆ ลู่เฉิน นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นจึงรีบเดินเข้าไป
“คุณลู่ ผู้กำกับวั่น ลุงเฉียง…”
เนี่ยหมิงจูทักทายลู่เฉินและคนอื่นๆ ทีละคน สุดท้ายสายตาของเธอก็มองไปที่เฉินเฟยเอ๋อร์ “คนนี้คือคุณเฉินเฟยเอ๋อร์แน่เลยใช่ไหมคะ”
ลู่เฉินรีบแนะนำ “คนนี้คือคุณเนี่ยหมิงจู เธอแสดงบทเนี่ยเสี่ยวเชี่ยน”
เฉินเฟยเอ๋อร์เข้าใจทันทีจึงยิ้มและยื่นมือไปหาเธอพลางกล่าวว่า “คุณเนี่ย ยินดีมากที่ได้รู้จักคุณค่ะ”
“เป็นเกียรติของฉันจริงๆ!”
เนี่ยหมิงจูหัวเราะเอ่ยว่า “คุณเรียกฉันว่าหมิงจูก็พอค่ะ ฉันเป็นแฟนคลับของคุณด้วยนะคะ อัลบั้ม ‘บุปผานารี’ของคุณ ฉันวานให้เพื่อนที่ประเทศจีนซื้อกลับมาสิบชุดและเก็บสะสมไว้ มีหลายเพลงที่ร้องเพราะมากจริงๆ ค่ะ!”
ท่าทางตื่นเต้นดีใจของเธอ ไม่มีความเรียบร้อยเย็นชาในยามปกติอย่างสิ้นเชิง เธอไม่ต่างจากแฟนคลับสาวธรรมดาที่มองเห็นไอดอลของตัวเอง แสดงความชื่นชอบออกมาจากใจจริง
พูดความจริง เมื่อเห็นลู่เฉินหานางเอกที่สวยได้ขนาดนี้ ในใจของเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่รู้สึกหึงเลยคงเป็นไปไม่ได้ แต่เห็นท่าทีของอีกฝ่ายที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเลย เธอจึงวางใจ
“ขอบคุณค่ะ น้องหมิงจู…”
เพิ่งเจอหน้ากัน ทั้งสองคนเหมือนเป็นพี่น้องที่รู้จักกันมานาน พูดจาใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก
เรื่องสนทนาของพวกเธอเริ่มจากกองถ่าย บทบาทของนักแสดง ไม่ช้าก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องกระเป๋า เครื่องสำอาง และการบำรุงใบหน้า มีเรื่องให้พูดเยอะแยะทีเดียว
ลู่เฉินก็รู้สึกมีความสุขไปด้วย เขาให้เฉินเหวินเฉียงเรียกทีมงานทุกคนในกองมารวมตัวกัน
เมื่อคนครบแล้ว ลู่เฉินจึงประกาศออกมาสามเรื่อง
อย่างแรกคือ ‘โปเยโปโลเย’ กลับมาถ่ายทำใหม่อย่างเป็นทางการ ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นแก้ไขหมดแล้ว
ถัดมาคือ คุณเฉินเฟยเอ๋อร์ราชินีแห่งวงการจากประเทศจีนจะมาร่วมงานด้วย แสดงบทปีศาจแม่เฒ่า
สุดท้าย หลังจากถ่ายทำ ‘โปเยโปโลเย’ เสร็จและออกฉายเรียบร้อย สตูดิโอลู่เฉินจะมอบเงินรางวัลสิบเปอร์เซ็นต์จากกำไรของตั๋วภาพยนตร์ให้กับทีมงานทุกคนตามสัดส่วนของการทำงาน!
ลู่เฉินประกาศเรื่องแรก พวกทีมงานก็ปรบมือโห่ร้องยินดี
จนถึงเรื่องสุดท้าย เสียงปรบมือและเสียงเฮยิ่งดังก้องจนเกือบติดเพดาน
บรรยากาศและพลังแบบนี้ ถ้าหากไม่ถ่ายทำ ‘โปเยโปโลเย’ ออกมาให้ดี ก็คงรู้สึกผิดจริงๆ!
…………………………………………………………………………