Perfect Superstar - ตอนที่ 507 กัวไหวอัน
ตอนที่ 507 กัวไหวอัน
หอนาฬิกาสไตล์ยุโรปสูงเจ็ดชั้น ท่ามกลางสิ่งปลูกสร้างในลานไควฟง ราวกับเป็นนกกระเรียนในฝูงไก่
ผ่านกาลเวลามาอย่างโชกโชนนับร้อยปี บนอาคารแห่งนี้ปรากฏร่องรอยที่ไม่อาจลบเลือน ผ่านลมฝนมามากมาย แต่ก็ยังคงตั้งอยู่อย่างโดดเด่น เป็นหลักฐานพิสูจน์ความเจริญรุ่งเรืองและเสื่อมทรุดของฮ่องกงไปโดยปริยาย
เมื่อเทียบกับบาร์อื่นๆ ที่แขวนป้ายไฟหลากสี การตกแต่งภายนอกของบาร์หอนาฬิกาให้กลิ่นอายที่เข้มข้นของกาลเวลาที่ผ่านมาอย่างยาวนาน เรียบง่ายแต่มีสไตล์ ป้ายร้านทำมาจากทองแดงเรียบๆ กับตัวอักษรที่สลักด้วยมืออันงดงาม แสงไฟสีส้มสาดแสงภายใต้สถานที่โบราณแห่งนี้ ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมา
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ บาร์หอนาฬิกาคืนนี้ไม่เปิดรับคนภายนอก ทว่าถนนด้านนอกของบาร์กลับมีคนถือกล้องพร้อมเลนส์สั้นยาวเดินวนเวียนไปมาไม่น้อย เป็นปาปารัสซี่ที่ได้รับข้อมูลรีบมาแย่งกันทำข่าวอย่างไม่ต้องสงสัย
หอนาฬิกาเพลงซาลอนเป็นงานสังสรรค์ของคนดนตรีในฮ่องกง ผู้ที่ริเริ่มเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการเพลงป็อปฮ่องกง เวลาจัดงานไม่กำหนดวันที่แน่นอน กลุ่มเป้าหมายที่เชิญก็ไม่แน่นอนเช่นกัน
แต่ผู้ที่มีคุณสมบัติได้รับเชิญล้วนเป็นคนในวงการ เป็นบุคคลที่มีตำแหน่งหรือไม่ก็มีความสามารถ
เพราะฉะนั้นมีปาปารัสซี่ปรากฏตัวอยู่นอกบาร์เป็นเรื่องที่ปกติมาก ประสาทในการได้กลิ่นของพวกเขาไวนัก ไม่ว่าเกิดความเคลื่อนไหวใดๆ ในวงการก็รู้หมด แถมยังปรากฏตัวในสถานที่พิเศษจำเพาะได้ตั้งแต่แรก
เวลาบ่ายสี่โมง ยังห่างจากช่วงเวลาเริ่มใช้ชีวิตยามค่ำคืนในฮ่องกงอีกไกลนัก บาร์ส่วนใหญ่ในลานไควฟงเริ่มเปิดร้านแล้ว ผู้คนบนท้องถนนเยอะราวกับสายน้ำ มีหลายคนเป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากที่ต่างๆ ทั่วโลก
แสงแฟลชพลันสว่างขึ้นท่ามกลางกลุ่มผู้คน ตามด้วยเสียงตะโกนเสียงสูงบ้างเสียงต่ำบ้าง
“อู๋หย่าหนาน!” “เจียงเหว่ย!” “รีบดูเร็ว นั่นจู้เหวินหวา!”
ชื่อเหล่านี้เป็นตัวแทนดาวเด่นที่ส่องสว่างอยู่ในวงการเพลงป็อปของฮ่องกง ดังนั้นจึงได้รับความสนใจจากผู้คนที่สัญจรไปมาในทันที ทุกคนต่างเดินเข้ามาโอบล้อมดูความคึกคัก
คนดังที่ถูกปาปารัสซี่พวกนี้จำได้รีบเดินเข้าไปในบาร์ภายใต้การคุ้มครองของผู้ช่วย
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถูกจัดอยู่หน้าประตูของบาร์นานแล้ว คนนอกกับปาปารัสซี่ที่ไม่ได้รับอนุญาตจึงเข้าไปไม่ได้
อันที่จริงในฐานะงานเลี้ยงของคนดัง ความเป็นส่วนตัวปิดมิดชิดของหอนาฬิกาเพลงซาลอนไม่แข็งแรงนัก ไม่ว่าจะจัดขึ้นตอนไหน ข่าวมักแพร่กระจายจนคนวงในรับรู้กันทั่วในเวลาอันรวดเร็ว พวกปาปารัสซี่ที่ได้ข่าวจึงเดินทางมา นำพาความยุ่งยากมาให้ผู้ที่มาร่วมงานไม่มากก็น้อย
ทว่าความยุ่งยากเล็กน้อยแค่นี้สำหรับผู้ร่วมงานแล้ว ไม่มีความสำคัญอะไรเลย
เพราะอย่ามองว่าหอนาฬิกาเพลงซาลอนเป็นแค่งานสังสรรค์ของคนในวงการเท่านั้น อย่าประเมินอิทธิพลของมันในวงการเพลงป็อปฮ่องกงต่ำมากเกินไป มันสามารถกลายเป็นเครื่องมือที่ใช้แสดงทิศทางลมในวงการเพลงป็อปฮ่องกงได้ระดับหนึ่ง
แต่ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันนี้ตำแหน่งของวงการเพลงป็อปฮ่องกงค่อนข้างน่าอายมาก ไม่เฟื่องฟูเหมือนยุคที่รุ่งเรืองในอดีต อิทธิพลของหอนาฬิกาเพลงซาลอนจึงลดลง แต่ระดับของมันกลับยิ่งสูงขึ้น
ตอนที่ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์มาถึงบาร์หอนาฬิกา มีนักร้องดังคนหนึ่งเข้าไปก่อนหน้าพอดี ความสนใจของพวกปาปารัสซี่พุ่งไปที่อีกฝ่าย ดังนั้นจึงมองข้ามทั้งสองคนไป
โชว์บัตรเชิญให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เฝ้าอยู่หน้าประตูแล้ว ทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในล็อบบี้ใหญ่ของบาร์อย่างราบรื่น
การตกแต่งภายในบาร์หอนาฬิกามีสไตล์มาก นักออกแบบใช้ใจในการคิดสร้างสรรค์ทุกจุด ด้านขวามือหลังจากเดินผ่านประตูเข้าไปเป็นกำแพงดาวสว่างไสวขนาดยาว บนนั้นแขวนรูปถ่ายของดาราดังไว้นับร้อยคน
“คุณลู่เฉิน คุณเฉินเฟยเอ๋อร์…”
คนที่เข้ามาต้อนรับลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์เป็นผู้ชายวัยกลางคนท่าทางสง่าผ่าเผย เขาสวมชุดสูทลำลองสีขาวทั้งชุด รอยยิ้มงดงามสุภาพมีมารยาท มีเสน่ห์ของผู้ชายที่มีความเป็นผู้ใหญ่
“ผมชื่อกัวไหวอันพิธีกรของหอนาฬิกาเพลงซาลอนครั้งนี้ครับ ยินดีต้อนรับการมาเยือนของทั้งสองคนนะครับ!”
พิธีกรของหอนาฬิกาเพลงซาลอนแน่นอนว่าไม่ใช่คนไร้ชื่อเสียง กัวไหวอันผู้นี้เป็นพิธีกรที่มีชื่อเสียงของทีวีดาวเทียมฮ่องกงและในวงการข่าว และยังทำงานเป็นคอลัมนิสต์อีกด้วย
กัวไหวอันเป็นคนตระกูลดังในฮ่องกง มีสายสัมพันธ์กว้างขวางทั้งในและนอกวงการ บวกกับเป็นคนนิสัยดี ดังนั้นเขาจึงรับหน้าที่พิธีกรของหอนาฬิกาเพลงซานลอนมาหลายสมัย
ตอนที่เยี่ยเซวียนโทรศัพท์ไปเชิญลู่เฉิน ได้พูดถึงพิธีกรคนนี้ขึ้นมาเป็นพิเศษ
ความจริงแล้วตำแหน่งของเยี่ยเซวียนในวงการเพลงป็อปฮ่องกง เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเชิญลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ให้มาร่วมงานหอนาฬิกาเพลงซาลอนโดยตรงได้ แต่ในฐานะผู้ร่วมงานเพลงซาลอนหลายครั้ง เขาจึงเสนอต่อผู้จัดงาน เมื่อได้รับการอนุญาตและตรวจสอบแล้ว ถึงโทรศัพท์หาลู่เฉิน
บัตรเชิญถูกส่งไปที่สตูดิโอของลู่เฉินเมื่อวานนี้
“สวัสดีคุณกัว”
ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ต่างจับมือกับเขา
ขณะที่จับมือกับเฉินเฟยเอ๋อร์ นัยน์ตาของกัวไหวอันฉายแววตาตกใจเล็กน้อย เขาพูดกึ่งล้อเล่นว่า “ผมเพิ่งค้นพบว่าการเชิญคุณเฉินเฟยเอ๋อร์มาวันนี้เป็นความผิดพลาดจริงๆ”
เฉินเฟยเอ๋อร์ตกตะลึง “หา?”
กัวไหวอันรีบยิ้มแล้วกล่าวว่า “เพราะว่าตัวจริงคุณสวยกว่าในรูปอีก ถึงตอนนั้นความสนใจของทุกคนคงไปรวมที่ตัวคุณเพียงคนเดียว แบบนั้นก็ไม่มีคนสนใจพิธีกรอย่างผมแล้วสิครับ”
ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะ กัวไหวอันคนนี้เป็นคนตลกจริงๆ พูดล้อเล่นมีระดับมาก
ที่สำคัญที่สุดคือ เขาใช้ภาษาจีนกลางพูดกับสองคนนี้ ไม่ได้ใช้ภาษาจีนกวางตุ้ง
ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์มาจากประเทศจีน นี่คือการให้ความเคารพอย่างหนึ่ง
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ฉันคิดว่าความตลกของคุณกัว ก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนมองข้ามฉันได้ค่ะ”
กัวไหวอันหัวเราะฮ่าๆ “คุณเฉินพูดเล่นเก่งจริงๆ นะครับ…”
เขาเอ่ยขอโทษกับทั้งสองคนว่า “แขกเริ่มมากันเยอะแล้ว ดังนั้นผมต้องขอตัวก่อน คุณทั้งสองทำตัวตามสบายนะครับ เย็นๆ พวกเราค่อยคุยกันดีไหมครับ”
ลู่เฉินหัวเราะเอ่ยว่า “ขอบคุณครับ”
รูปแบบโดยรวมของบาร์หอนาฬิกาไม่ต่างจากบาร์ธรรมดาหลายแห่ง แบ่งเป็นชั้นบนกับชั้นล่าง ตรงกลางจัดเป็นเวทีแสดง แต่เนื่องจากความต้องการของซาลอน โต๊ะเก้าอี้ส่วนใหญ่จึงถูกยกออก เปลี่ยนเป็นโซฟานุ่มๆ ที่สบายขึ้น
แน่นอนว่าจะขาดโต๊ะอาหารบุฟเฟต์ที่ปูด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดไม่ได้ บนโต๊ะถูกจัดวางด้วยอาหารเลิศรสหลายอย่าง
เนื้อแพะผัดสมุนไพร ฟิเลมิยองสเต็ก เบคอนทอดสไตล์อเมริกัน สลัดผลไม้ ครีมเค้ก…อุปกรณ์รับประทานอาหารสีเงินจัดวางน่าดึงดูดมากเป็นพิเศษ กลิ่นหอมลอยฟุ้งทำให้คนหิวจนน้ำลายหยด
ได้ยินว่าบุฟเฟต์ตอนเย็นของหอนาฬิกาเพลงซาลอน จ้างเชฟอาหารตะวันตกที่มีชื่อเสียงของฮ่องกงมาทำ เลือกใช้วัตถุดิบชั้นดี เป็นอาหารระดับไฮคลาส
ถึงแม้ยังไม่ถึงเวลากินข้าว แต่เพื่อดูแลความต้องการของแขก ดังนั้นจึงจัดเตรียมบุฟเฟต์ไว้นานแล้ว
ก่อนหน้าลู่เฉินมีแขกมาถึงมากกว่ายี่สิบสามสิบคนแล้ว พวกเขาจับกลุ่มสองสามคนนั่งคุยหัวเราะกันบนโซฟาหรือไม่ก็ถือแก้วแชมเปญหรือจานอาหารกินของอร่อย บรรยากาศในงานเลี้ยงคึกคักแต่ไม่เสียงดังเจี๊ยวจ๊าว
ลู่เฉินยื่นมือกวักเรียกพนักงานคนหนึ่งเพื่อขอแชมเปญสองแก้ว แล้วเอาให้เฉินเฟยเอ๋อร์แก้วหนึ่ง
จากนั้นก็เตรียมหาที่นั่ง
ผลปรากฏว่ายังหาที่นั่งไม่เจอ ก็มีคนมาหาเขาก่อน “ลู่เฉิน!”
…………………………………………………………………………