Perfect Superstar - ตอนที่ 508 คนนั้นที่มีชัยเหนือคุณ
ตอนที่ 508 คนนั้นที่มีชัยเหนือคุณ
ในวงการบันเทิงฮ่องกง ลู่เฉินเป็นเด็กหน้าใหม่โดยแท้ ถึงแม้เพลง ‘รักที่สุดในชีวิต’ กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในกองถ่ายภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ จะทำให้เขาได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงในฮ่องกงประมาณหนึ่ง แต่ยังไม่ถือว่าเป็นคนในวงการอย่างแท้จริง
ดังนั้นถึงแม้ลู่เฉินจะได้รับคำเชิญจากหอนาฬิกาเพลงซาลอน แต่ที่นี่เขาไม่มีเพื่อนหรือคนรู้จัก รวมทั้งคนที่เป็นฝ่ายทักทายเขาก่อนคนนี้ ก็เคยเจอหน้ากันครั้งเดียวเท่านั้น
แต่ความกระตือรือร้นเป็นกันเองของเยี่ยเซวียน ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่ายว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานาน
เขายิ้มแล้วเอ่ยว่า “ผมกำลังจะโทรหาคุณพอดี จะถามว่าคุณจะมาถึงตอนไหน!”
ขณะที่พูด สายตาของเขาก็มองไปที่ตัวของเฉินเฟยเอ๋อร์ จากนั้นจึงเผยสีหน้าดีใจออกมา “คนนี้คือคุณเฉินเฟยเอ๋อร์แฟนของคุณใช่ไหมครับ”
ตามกฎของหอนาฬิกาเพลงซาลอน แขกที่ได้รับเชิญได้รับอนุญาตให้พาเพื่อนมาได้หนึ่งคน เพื่อนผู้ชาย เพื่อนผู้หญิง หรือว่าผู้ช่วยผู้จัดการได้ทั้งหมด
เยี่ยเซวียนเชิญลู่เฉินมา แต่เขาคิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะพาเฉินเฟยเอ๋อร์มาด้วย
ทำให้คนเชิญอย่างเขารู้สึกมีหน้ามีตามาก รอยยิ้มจริงใจเพิ่มขึ้นไม่น้อย
ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า “ใช่ครับ ขอบคุณสำหรับคำเชิญของคุณครับ ทำให้พวกเรามีโอกาสได้มาร่วมงานปารตี้ดนตรีแบบนี้”
“เฟยเอ๋อร์ คนนี้ก็คือคุณเยี่ย เยี่ยเซวียน”
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มบางๆ พยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “คุณเยี่ยสวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับๆ”
เยี่ยเซวียนยิ่งคึกคักใหญ่ ในรอยยิ้มเผยความรู้สึกอยากเอาใจขึ้นมาเล็กน้อย
และฉากนี้ ก็ถูกคนหนุ่มสองสามคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ไม่ไกลเห็นเข้าพอดี ผู้ชายรูปร่างผอมเพรียวหนึ่งคนในนั้นเบ้ปากพูดอย่างดูถูก “เยี่ยเซวียนคนนี้ คนที่มาจากประเทศจีนก็อยากประจบ ไม่กลัวขายหน้าเลย”
เพื่อนของเขาหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ได้ยินว่าเยี่ยเซวียนอยากจะบุกตลาดที่จีน ประจบเอาใจสองคนนี้จึงปกติมาก”
ในฐานะนักร้องเพลงป็อปชาวฮ่องกง ตำแหน่งในวงการของเยี่ยเซวียนไม่สูงนัก เป็นดาราระดับสองระดับสาม แต่พรสวรรค์กับความสามารถของเขาถือว่าไม่เลว แต่งเนื้อร้องและทำนองได้ แถมยังเล่นกีตาร์ เบส และคีย์บอร์ดเป็น จึงได้รับความชื่นชอบจากแฟนๆ ในงานแสดงไม่น้อย
เวลาที่จะทำอะไรนั้น นิสัยของเยี่ยเซวียนค่อนข้างเจ้าเล่ห์ เขาไม่เคยล่วงเกินใคร และไม่เป็นฝ่ายวางแผนตลบหลังใครก่อน ไม่ต่อว่าคนอื่นลับหลัง ไม่วางมาดทำเหมือนตัวเองเป็นใหญ่นิสัยดีมาตลอด
จึงทำให้เยี่ยเซวียนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในวงการ ดังนั้นถึงได้มาร่วมงานหอนาฬิกาเพลงซาลอนหลายครั้ง
แต่ในสายตาของศิลปินไอดอลหน้าใหม่ในวงการเพลงป็อปของฮ่องกงที่แสวงหาคาแรกเตอร์ส่วนตัว เยี่ยเซวียนไม่ใช่รุ่นพี่เบอร์ใหญ่ที่ทำให้พวกเขายอมสยบได้ และไม่ใช่คนรุ่นเดียวกันที่มีความสนใจร่วมกันกับพวกเขาจึงไม่มีหัวข้อให้สนทนากัน เวลาพุดคุยกันจึงได้รับความหยามเหยียด
สายตาของผู้ชายรูปร่างผอมเพรียวกวาดมองไปที่ชายหนุ่มตัวสูงหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ต้าเหว่ย คนนั้นคือลู่เฉินที่กำลังถ่ายภาพยนตร์โปเยโปโลเยอะไรเนี่ยแหละ ถือว่าเป็นคู่แข่งของนายหรือเปล่า นายไม่เข้าไปทักทายหน่อยเหรอ”
เขาพูดเสริมท้ายอีกหนึ่งประโยคอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “เฉินเฟยเอ๋อร์สวยมากจริงๆ เป็นราชิเพลงของจีนเชียวนะ!”
ชายหนุ่มที่ชื่อว่าต้าเหว่ยได้ยินจึงหัวเราะทันที “นายคิดอะไรพิเรนทร์อีกแล้ว”
ชายหนุ่มรูปร่างผอมเพรียวยักไหล่ แล้วเอ่ยว่า “คิดพิเรนทร์อะไร ฉันก็แค่พูดไปตามความจริง”
“ถ้าหากนายไม่อยากไป ความจริงก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ถึงยังไงก็ไม่ใช่เพื่อน”
ต้าเหว่ยเบ้ปาก แสดงความหยามเหยียดต่อวิธีการกระตุ้นอารมณ์ของชายหนุ่มร่างผอมบาง
แต่เขาครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วจึงถือแชมเปญแก้วหนึ่งเดินไปหาลู่เฉิน
ถึงแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนจงใจกระตุ้นอารมณ์ตัวเอง แต่ความหยิ่งผยองของเขาทำให้เขาไม่สามารถถอยหลังได้
เมื่อเห็นต้าเหว่ยเข้าไปทักทายลู่เฉินจริงๆ มุมปากของชายหนุ่มร่างผอมบางคนนั้นก็ยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ เขายกแก้วแชมเปญขึ้นมา เขย่าแก้วเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “มีอะไรสนุกให้ดูแล้ว”
เพื่อนอีกสองคนก็หัวเราะตาม
“คุณก็คือลู่เฉิน?”
ต้าเหว่ยเดินไปอยู่ตรงหน้าลู่เฉิน แล้วถามโดยตรง
ลู่เฉินที่กำลังพูดกับเยี่ยเซวียนตกตะลึงทันที ไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่ค่อนข้างดุดันคนนี้เป็นใคร
แต่งตัวเต็มยศ หน้าตาหล่อเหลาตัวสูงชะลูด อายุและภาพลักษณ์ของอีกฝ่ายก็คือสไตล์ ‘หนุ่มวัยละอ่อน’ ที่กำลังเป็นที่นิยมในวงการบันเทิง รวมทั้งความหยิ่งและมั่นใจที่อยู่ระหว่างคิ้วของเขา
ยังดีที่เยี่ยเซวียนจอมเจ้าเล่ห์ รีบพูดแนะนำว่า “ลู่เฉิน คนนี้ชื่อเจียงเหว่ยจากสตาร์อาร์ตเอนเตอร์เทนเมนต์ เป็นดาวแห่งความหวังของวงการเพลงป็อปฮ่องกงของพวกเรา เดบิวต์หนึ่งปีได้ออกอัลบั้มเพลงหนึ่งอัลบั้มแล้ว”
ทว่าลู่เฉินไม่เคยได้ยินชื่อของเจียงเหว่ยมาก่อน แต่ก็พยักหน้าอย่างมีมารยาทและเอ่ยว่า “สวัสดีครับ”
การวางมาดของอีกฝ่ายทำให้ลู่เฉินรู้สึกไม่ชอบ ดังนั้นท่าทางของเขาจึงไม่ให้ความสนิทสนมเช่นกัน
ดาวแห่งความหวังของวงการเพลงป็อปฮ่องกง เก่งมากนักเหรอ
แต่ท่าทีเย็นชาของลู่เฉินก็ทำให้เจียงเหว่ยไม่พอใจมาก และสิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดที่สุดก็คือ ลู่เฉินไม่มีการตอบสนองใดๆ ต่อชื่อของเขา ดูเหมือนไม่เคยรู้ว่าเขามีตัวตนเลยด้วยซ้ำ
ในฐานะไอดอลศิลปินรุ่นใหม่ของวงการบันเทิงฮ่องกง เจียงเหว่ยทนไม่ได้ก็คือจุดนี้
เขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อย แล้วเอ่ยว่า “ช่วยจำชื่อของผมไว้ด้วย เพราะผมจะเป็นคนนั้นที่มีชัยชนะเหนือคุณ!”
พูดจบ เจียงเหว่ยก็หันหน้าเดินออกไป
แต่ก่อนจะไป เขาอดไม่ได้ที่จะมองเฉินเฟยเอ๋อร์หนึ่งที
แขกที่มาถึงบาร์หอนาฬิกาเยอะมากแล้ว หนึ่งในนั้นมีดาราสองสามคนและผู้หญิงตระกูลสูงส่งหน้าตาดีปะปนอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีแขกอีกหลายคนที่พาเพื่อนผู้หญิงมาร่วมงาน สาวสวยในงานมีมากมายนับไม่ถ้วน
แต่ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือบุคลิก ไม่มีใครพอที่จะเทียบกับเฉินเฟยเอ๋อร์ได้เลย
เจียงเหว่ยก็รู้สึกหวั่นไหวเหมือนกัน
แต่คนหยิ่งจองหองอย่างเขา จะไม่เลือกประจบเอาใจเฉินเฟยเอ๋อร์ในเวลานี้เด็ดขาด เขาพูดท้าทายลู่เฉิน ก็เพื่อสร้างความประทับใจที่ตราตรึงให้กับเฉินเฟยเอ๋อร์
ทว่าเฉินเฟยเอ๋อร์มองแก้วแชมเปญที่ถืออยู่ในมือด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ราวกับว่าไม่เห็นเขาอย่างสิ้นเชิง
เจียงเหว่ยแสร้งทำเป็นเท่แล้วก็หนีออกมา เยี่ยเซวียนที่ช่วยแนะนำเขารู้สึกเก้ๆ กังๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ้มเจื่อนๆ แล้วเอ่ยว่า “เจียงเหว่ยเขา…เขาเป็นพระเอกของ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่สตาร์อาร์ตเอนเตอร์เทนเมนต์และหวาก้วนพิคเจอร์สร่วมกันถ่ายทำครับ”
เยี่ยเซวียนไม่ว่าคนอื่นลับหลังจริงๆ ต่อให้เมื่อครู่อีกฝ่ายจะทำเหมือนตบหน้าเขาก็ตาม
แต่เขาได้บอกฐานะอีกอย่างหนึ่งของเจียงเหว่ยแล้ว
ลู่เฉินเข้าใจทันที ถือว่าเป็นคู่แข่งจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่เขาพูดว่าจะต้องชนะลู่เฉินให้ได้!
ก่อนหน้านั้นเนื่องจากกองถ่ายเกิดปัญหา ลู่เฉินจึงสั่งให้เฉินเหวินเฉียงรวบรวมข้อมูลภาพยนตร์ที่กำลังถ่ายทำอยู่ในฮ่องกงในช่วงเวลาเดียวกันโดยเฉพาะ รวมถึงข้อมูลของภาพยนตร์ใหม่ที่ตั้งใจจะร่วมชิงโควตานโยบายสนับสนุนด้วย
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เมื่อก่อนเขามองข้ามจุดนี้ไป จนกระทั่งการโผล่มาของหวาก้วนพิคเจอร์สถึงได้เตือนใจเขา
อยากจะอยู่ในวงการนี้ หลายครั้งไม่ใช่แค่ทำเรื่องของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว บางครั้งต้องให้ความสนใจต่อการเคลื่อนไหวของคู่แข่งบ่อยๆ แบบนี้ถึงจะจัดการแผนรับมือได้ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องพ่ายแพ้
ในข้อมูลคู่แข่งที่เฉินเหวินเฉียงรวบรวมมา สตาร์อาร์ตเอนเตอร์เทนเมนต์กับหวาก้วนพิคเจอร์สร่วมกันผลิตภาพยนตร์เรื่องใหม่ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ จึงมีความสำคัญมากอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้คือคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดของ ‘โปเยโปโลเย’ นั่นเอง
ศัตรูเจอหน้ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ลู่เฉินคิดไม่ถึงว่าจะเจอกับพระเอกของ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ในงานหอนาฬิกาเพลงซาลอน ในที่สุดเขาก็จดจำชื่อของเจียงเหว่ยคนนี้ได้แล้ว
วงการบันเทิงของฮ่องกง เล็กมากจริงๆ
…………………………………………………………………………