Perfect Superstar - ตอนที่ 525 ตัวเลข
ตอนที่ 525 ตัวเลข
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ปี 2017 เข้ามาแทนที่ปี 2016 อย่างไม่รู้ตัว
วันขึ้นปีใหม่วันแรก อาหารมื้อเที่ยงมื้อแรกของลู่เฉินรับประทานร่วมกับแฟนสาวและพี่สาวที่ร้านอาหารสวีจี้
ในเมืองหลวงมีร้านอาหารเล็กๆ มากมายที่ไม่เป็นที่รู้จักของคนส่วนใหญ่ พวกมันหลบซ่อนอยู่ตามตรอกซอกซอย มีเพียงลูกค้าเก่าแก่เท่านั้นที่รู้จักตำแหน่งที่ตั้งที่แน่นอนของร้าน ทั้งยังต้องจองคิวเพื่อให้ได้ลิ้มรสอาหารอันโอชะ
ร้านอาหารสวีจี้ตั้งอยู่ในเขตวงแหวนรอบที่สามของเมือง พ่อครัวของร้านเป็นเชฟระดับชาติที่ปลดเกษียณแล้ว มีชื่อเสียงและตำแหน่งสูงในวงการอาหาร ดังนั้นร้านนี้จึงกลายเป็นร้านชื่อดังแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
ในห้องเล็กๆ ลู่ซีที่เพิ่งได้ลิ้มลองรสชาติเอ็นกวางอบหม้อดินเช็ดปากอย่างพึงพอใจ เธอยกแก้วขึ้นจิบเบาๆ กล่าวราวกับไม่ใส่ใจว่า “ครั้งนี้กลับไป แม่ให้ฉันถามพวกเธอว่าเมื่อไหร่จะเตรียมงานแต่งงานสักที!”
งานประกาศรางวัล ‘โกลบอลไชนีสมิวสิคโกลเด้นอวอร์ดส์’ เมื่อคืนนี้ ลู่ซีไม่ได้เข้าร่วม ไม่ใช่เพราะเธอไม่อยากมา แต่มีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการที่เมืองปินไห่ซึ่งเป็นบ้านเกิด จึงไม่อาจแยกร่างได้
เลยถือโอกาสกลับไปเยี่ยมครอบครัวด้วย พี่สาวไม่ได้กลับบ้านมาพักใหญ่แล้ว
ตอนนี้สตูดิโอลู่เฉิน มีลู่ซีเพียงคนเดียวที่รับภาระทั้งหมด แม้ตอนนี้ลู่เฉินจะทุ่มเทให้กับงานที่ฮ่องกงเป็นหลัก แต่ไม่ได้หมายความว่างานในปักกิ่งจะผ่อนคลายลง มีเรื่องต่างๆ มากมาย
อย่างเช่นเมื่อถึงปลายปี บัญชีของสตูดิโอต้องมีการตรวจสอบ เกี่ยวข้องกับเงินทุนจำนวนมหาศาล
เรียกได้ว่าลู่ซีถูกผูกติดกับลู่เฉินอย่างแน่นหนาจนพี่สาวไม่มีเวลาไปหาแฟน
เมื่อเห็นลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์พูดคุยกันกระหนุงกระหนิง เธอจึงรู้สึกขัดลูกตา!
“หา?”
ลู่เฉินอึ้ง ยังไม่รู้จะตอบยังไง
สำหรับคำถามนี้ตอนนี้เขายังไม่คิดถึงเรื่องนั้น
“หาอะไร!”
ลู่ซีเหลือบตามองเขา “หรือแกคิดจะรั้งเฟยเอ๋อร์แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ? พวกผู้ชายไม่เป็นไรหรอก อายุเยอะขึ้นก็ไม่เดือดร้อน แต่ผู้หญิงอย่างเราจะมีเวลาอันสวยงามได้นานสักแค่ไหน อีกอย่างนะ…”
“แม่ยังรอจะอุ้มหลานอยู่!?”
จากความตกตะลึงลู่เฉินเปลี่ยนไปเป็นยิ้มแหย
เฉินเฟยเอ๋อร์หน้าแดง “ตอนนี้ยังไม่รีบร้อน อีกสักสองปีค่อยว่ากัน”
ความจริงเรื่องแต่งงานเธอกับลู่เฉินเคยคุยกันแล้ว ทั้งสองคนตกลงว่าจะอยู่อย่างนี้ไปก่อน ไม่ได้กลัวว่าจะส่งผลกระทบกับแฟนคลับหรืออะไร หลักๆ คือการงานของทั้งสองกำลังไปได้สวย ยังไม่ใช่จังหวะที่ควรจะแต่งงาน
ส่วนเรื่องมีลูก เฉินเฟยเอ๋อร์คิดว่าหากเธอมีลูก เธอต้องออกจากวงการ
ราชินีแห่งวงการเพลงก็เป็นคนธรรมดา มีลูกหรือไม่มีลูกเป็นคนละเรื่องกันเลย
ลู่ซีพูด “เธออย่ามัวแต่ห่วงเขา แต่งงานเร็วหน่อยไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่เรื่องสำคัญของชีวิตยังไงก็ต้องให้พวกเธอตัดสินใจเอง แม่ไม่ได้บังคับพวกเธอหรอก”
ลู่เฉินโล่งใจ “ผมรู้แล้ว”
ลู่ซีส่ายหน้า พูดตวัดเสียง “ตามใจแก!”
รับประทานอาหารเสร็จ ลู่เฉินส่งเฉินเฟยเอ๋อร์กลับไปบ้านที่จื่อเฉิงย่วนก่อน จากนั้นเขาพาพี่สาวไปที่สตูดิโอ
เมื่อถึงสตูดิโอ ลู่ซีเอางบการเงินที่เตรียมไว้ให้ลู่เฉินดู
เนื้อหาในนั้นคือบัญชีการเงินทั้งหมดในปี 2016 ของสตูดิโอลู่เฉิน
ปี 2016 สำหรับสตูดิโอลู่เฉินที่เพิ่งก่อตั้งไม่นาน ทั้งปีมีความก้าวหน้าและรายได้เป็นกอบเป็นกำ ในหนึ่งปีนี้ พนักงานในสตูดิโอเพิ่มขึ้นหลายเท่า และได้ย้ายออฟฟิศมาอยู่ที่ศูนย์ศิลปะ มีพื้นที่กว้างขวางยิ่งขึ้น
แม้การเพิ่มพนักงานและพื้นที่ออฟฟิศต้องแลกมาด้วยรายจ่ายเงินทุนจำนวนมหาศาล อีกทั้งการสร้างห้องอัดเสียงเกรดพรีเมียมก็ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่เช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับรายรับแล้ว ไม่นับว่ามากมายอะไร
ความสำเร็จของละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ และ ‘ฟูลเฮ้าส์’ ทำให้ชื่อของสตูดิโอลู่เฉินกลายเป็นม้ามืดแซงขึ้นมาในวงการละครโทรทัศน์ เรตติ้งที่สูงลิ่วนำมาซึ่งผลประโยชน์และกำไร สตูดิโอลู่เฉินรับทรัพย์ไปเต็มที่
แค่ละครสองเรื่องที่ขายดี กำไรของสตูดิโอก็สูงเกินร้อยล้าน แถมยังเป็นกำไรสุทธิอีกต่างหาก
ยังมีสินค้าอีกเจ็ดแบรนด์ที่ลู่เฉินรับเป็นพรีเซ็นเตอร์ในปี 2016 ได้รับค่าตัวมากถึงสามสิบล้านหยวน และการขายผลงานเพลงอีกเกือบสามสิบเพลง ที่ได้เงินสูงกว่ายี่สิบล้าน
บวกกับยอดขายของอัลบั้ม ‘เส้นทางธรรมดา’ รางวัลจาก ‘จิงอวี๋ทีวี’ เป็นต้น ตอนนี้ลู่เฉินจึงติดอันดับดาราศิลปินที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆ มีรายได้มากเป็นอันดับที่สามของวงการ!
ความสามารถในการหาเงินนี้น่ากลัวจริงๆ
แต่เงินที่ลู่เฉินหามาได้ไม่ได้หาเพื่อตัวเองอย่างเดียว ผู้ที่ร่วมงานกับเขาพลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย เช่น สถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง สถานีโทรทัศน์เจ้อตง สถานีโทรทัศน์ไห่จิน ยังมีการเต๋อบราเธอส์พิคเจอร์ส คราวน์พิคเจอร์ส เฟยสือเรคคอร์ด เป็นต้น ล้วนแต่ได้รับส่วนแบ่งเค้กอันแสนอร่อยโดยถ้วนหน้า
ด้วยเหตุนี้ ปีที่แล้วจึงมีผู้สนใจเข้ามาติดต่อขอร่วมงานไม่รู้ตั้งเท่าไร
ในวงการ ลู่เฉินกลายเป็นคนเนื้อหอมที่ทุกคนอยากไขว่คว้า
โชคดีที่เขาหนีไปฮ่องกงก่อน ไม่อย่างนั้นคงรับแขกกันไม่หวาดไม่ไหว
“หลายวันก่อนมีบริษัทลงทุนเข้ามา…”
ลู่ซีเอ่ยคร่าวๆ “อยากลงทุนกับสตูดิโอของเรา อยากช่วยเราเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ของประเทศ”
เข้าตลาดหลักทรัพย์?
ถ้าอย่างนั้นอันดับแรกสตูดิโอลู่เฉินต้องยกระดับเป็นบริษัท หาคนเพิ่มและขยายงาน เปิดโครงการอีกหลายโครงการเพื่อเพิ่มผลประกอบการในอนาคต ทั้งยังต้องลงทุนอีกมหาศาลและพยายามอย่างยิ่งถึงจะมีโอกาสสำเร็จ
ลู่เฉินไม่ได้ทะเยอทะยานขนาดนั้น “ไม่น่าเชื่อถือ”
สมองของเขาชัดเจนปรุโปร่งดีที่สุด ตอนนี้สตูดิโอของเขาพัฒนาเร็วพอแล้ว ควรจะรอให้มั่นคงกว่านี้ หากลงทุนใหญ่ไปกลัวจะได้ไม่คุ้มเสีย
“ไม่น่าเชื่อถือจริงๆ…”
ลู่ซียิ้ม “เราหาเงินมาได้มากขนาดนี้แล้ว จะเข้าตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ไม่สำคัญ อย่าตกเป็นเครื่องมือของคนอื่นก็พอ แต่ได้ยินว่าบริษัทระดมทุนมู่เฉินจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงแล้วเหรอ”
ลู่เฉินที่เป็นผู้ก่อตั้ง และยังเหลือหุ้น 10% ในบริษัท ขอแค่เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์สำเร็จ เงินทุนของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
ลู่เฉินพยักหน้า “ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
ถ้าทุกอย่างราบรื่น บริษัทระดมทุนมู่เฉินก็จะได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงประมาณเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายนนี้
ตอนนี้เงินทองเป็นเพียงแค่ตัวเลขในสายตาของลู่เฉินเท่านั้น นึกย้อนกลับไปตอนที่เขายังบากบั่นทำงานหนักอยู่ในเมืองหลวง พยายามทำงานใช้หนี้ของครอบครัวที่ไม่มีวันใช้หมด ยิ่งรู้สึกสะท้อนใจยิ่งนัก
ชีวิตคนเรานั้นช่างอัศจรรย์ โชคชะตามักคาดฝันไม่ถึง
เห็นลู่เฉินเหม่อลอยตกอยู่ในห้วงแห่งความทรงจำ ลู่ซีไม่ได้กล่าวอะไรอีก เธอแอบออกไปจากห้องทำงาน ให้ลู่เฉินได้ใช้ความคิดเงียบๆ คนเดียว
บ่ายนี้ ลู่เฉินต้อนรับนักข่าวจากช่องวาไรตี้ของสถานีโทรทัศน์กลาง
ตอนหนึ่งทุ่ม ลู่เฉินได้มาถึงบาร์เดย์ลิลลี่ที่ไม่ได้มาเยือนนานแล้ว
เพราะที่นี่ มีงานพบปะสังสรรค์กับแฟนคลับของเขา
…………………………………………