Perfect Superstar - ตอนที่ 533 ยินดีที่ได้รู้จัก
ตอนที่ 533 ยินดีที่ได้รู้จัก
ยามค่ำ ย่านเซ็นทรัล
รถตู้เบนซ์สีดำหยุดลงอย่างมั่นคงที่หน้าประตูโรงแรมแชงกรีลา พนักงานเปิดประตูสวมชุดเครื่องแบบรีบก้าวเข้ามาก้มโค้งเปิดประตูให้
ลู่เฉินมุดออกมาจากตัวรถ เหยียบลงบนพรมแดงอย่างหนักแน่น
วินาทีถัดมา แสงแฟลชสว่างวาบขึ้น มองเห็นปาปารัสซี่หลายคนแอบหลบมุมถ่ายรูปของเขาอยู่
ลู่เฉินไม่แปลกใจ คืนนี้เขามาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวอัลบั้มใหม่ของซูจิ้ง ด้วยเส้นสายของฝ่ายหลังต้องเชิญเพื่อนในวงการมาร่วมงานมากมาย ปาปารัสซี่ต้องได้ยินข่าวนั้นเป็นธรรมดา
เพียงแต่ปาปารัสซี่ไม่มีสิทธิ์จะเข้างานได้ เพราะส่วนใหญ่มีแต่นักข่าวเล็กๆ ระดับล่างเท่านั้น
เขายัดเงินทิปให้พนักงาน แล้วลู่เฉินก็เดินเข้าไปสู่ประตูใหญ่ของโรงแรม
งานแถลงข่าวของซูจิ้งจัดขึ้นที่ห้องประชุมใหญ่บนชั้นสามของโรงแรม ตอนที่ลู่เฉินมาถึง ในงานมีแขกมามากมายแล้ว บรรยากาศงานคึกคักเป็นพิเศษ
จุดที่น่าสนใจคือ ในห้องประชุมใหญ่อันหรูหรานี้ถูกตกแต่งใหม่ทั้งหมด แบ็กกราวด์เป็นท้องฟ้า มีเมฆขาว หาดทราย ต้นมะพร้าว เรือลำน้อย…ทำให้คนที่มารู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่บนเกาะอันอบอุ่นด้วยลมร้อน
พนักงานโรงแรมสวมชุดกระโปรงฮาวายสวยงาม ยกถาดแชมเปญและของว่างผ่านไปมาตามกลุ่มคน บนเวทียาวรูปตัว T มีวงดนตรีกำลังแสดงสดอยู่ ทุกที่มีเสียงหัวเราะครื้นเครง
ซูจิ้งที่สวมชุดกระโปรงยาวสีแดงยืนต้อนรับแขกอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นลู่เฉินปรากฏตัวขึ้น อดีตราชินีแห่งวงการเพลงของฮ่องกงเผยรอยยิ้มอันน่าหลงใหลออกมา
“ลู่เฉิน ทำไมคุณเพิ่งมา”
ลู่เฉินตอบอย่างเกรงใจ “รถติดครับ”
เขาหยิบเอาของขวัญที่เตรียมไว้มอบให้ “พี่จิ้งครับ ขอให้อัลบั้มใหม่ขายดีนะครับ!”
ซูจิ้งยิ้มจนตาหยี ตอบว่า “ขอบใจมากฉันเชื่อว่าอัลบั้มนี้จะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เพราะเพลงหลักเป็นเพลงที่เธอเขียนนี่!”
ลู่เฉินยิ้มแต่ไม่พูด
เพราะความสัมพันธ์กับเฉินเฟยเอ๋อร์ ลู่เฉินจึงเขียนเพลงสองเพลงให้เธอโดยเฉพาะตามคำร้องขอ หนึ่งในนั้นเป็นเพลงหลักในอัลบั้มใหม่ชุดนี้ของเธอด้วย
“คืนนี้มาคนเดียวเหรอ”
ซูจิ้งยื่นของขวัญให้ผู้ช่วย แล้วขอแชมเปญสองแก้วมาจากบริกร จากนั้นส่งแก้วหนึ่งให้ลู่เฉิน
เธอถามอย่างสงสัยว่า “ทำไมไม่พาผู้ช่วยมาด้วย”
ลู่เฉินตอบ “ที่บ้านของอาเจินมีธุระครับ ผมจึงไม่ได้ให้เธอมา มาคนเดียวครับ”
ซูจิ้งเม้มปากยิ้ม “พูดซะน่าสงสารเลย นายเป็นเจ้านายที่ไม่เลว ให้ฉันแนะนำเพื่อนสาวให้สักคนไหม ฉันมีเพื่อนสาวหลายคนชื่นชอบนายมากเลย”
ปกติแล้วเวลาออกงาน ผู้ชายมักจะมีเพื่อนต่างเพศมาร่วมออกงานด้วย หรือไม่ก็เป็นผู้ช่วย การมาคนเดียวกลับจะรู้สึกแปลกแยกหรือไม่เข้ากับคนอื่น
ลู่เฉินไม่ได้สนใจ กล่าวอย่างยอมแพ้ว่า “พี่จิ้งเว้นน้องชายคนนี้ไว้สักคนเถอะครับ”
ซูจิ้งขบขัน “เอาเถอะ ไม่ล้อนายเล่นแล้ว เชิญตามสบายเลยนะ ฉันจะไม่เรียกแล้ว”
ลู่เฉินกำหมัด “พี่จิ้งใจกว้างที่สุด”
ซูจิ้งยิ่งดูก็ยิ่งชอบลู่เฉิน ทั้งหนุ่มแน่น เก่งกาจ มีความทระนงแต่ไม่ถือตัว เป็นคนสบายๆ ภายนอกดูยืดหยุ่นแต่ภายในหนักแน่นเด็ดเดี่ยว ถือเป็นยอดคนคนหนึ่งในบรรดาศิลปินไอดอลยุคใหม่
เธอไม่ได้คิดเกินเลยกับลู่เฉิน เพียงแต่รู้สึกว่าเฉินเฟยเอ๋อร์ได้แฟนแบบนี้ช่างโชคดีเหลือเกิน ลู่เฉินเองก็โชคดีมากเหมือนกัน
เพียงแต่ลู่เฉินผู้โชคดีหลังจากก้าวเข้าสู่งานแถลงข่าวกลับประสบกับเรื่องวุ่นวาย
เขาถือแก้วแชมเปญกำลังจะหาที่นั่ง จู่ๆ ก็มีคนมาขวางทางจนเกือบชนเข้าอย่างจัง
ลู่เฉินยังไม่ทันมองให้ชัดว่าฝ่ายนั้นเป็นใคร ก็รีบกล่าวคำขอโทษขึ้นก่อน “ขอโทษครับ…”
“คุณคือลู่เฉิน?”
การตอบสนองของฝ่ายนั้นกลับไม่ค่อยมีมารยาท ดูเหมือนจะเป็นการตั้งใจเสียมากกว่า
เอ๋?
ลู่เฉินจ้องมอง
คนที่เข้ามาขวางทางลู่เฉินอายุราวสามสิบปี ตัวไม่สูงมากนัก เขาสวมชุดสูทสีกรมท่า เครื่องหน้าคมคาย สีหน้าเข้มขรึมสายตาคมปลาบ กำลังจ้องมองลู่เฉินราวกับเหยี่ยวที่จ้องมองเหยื่อ
“ขอโทษนะครับ คุณคือ?”
ลู่เฉินไม่คุ้นหน้าคนคนนี้เลย ในความทรงจำของเขาไม่มีคนตรงหน้าอยู่เลย
ชายผู้หยิ่งยโสชักสีหน้า ราวกับไม่อยากตอบคำถาม หรือกำลังเยาะเย้ยลู่เฉินอยู่ก็ไม่รู้
เป็นหญิงสาวสวยข้างกายของเขาที่เอ่ยออกมาก่อน “ท่านนี้คือประธานชุยแห่งหวาก้วนพิคเจอร์ส”
หวาก้วนพิคเจอร์ส?
ลู่เฉินคิดออกทันที ฝ่านนั้นคือชุยซิ่งเสียน ผู้บริหารสูงสุดของบริษัทหวาก้วนพิคเจอร์ส!
หวาก้วนพิคเจอร์สติดอันดับหนึ่งในสิบบริษัทผลิตภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ของประเทศจีน และเป็นบริษัทลูกของหวาก้วนเอนเตอร์เทนเมนต์กรุ๊ป ชุยซิ่งเสียนรับผิดชอบเป็นผู้จัดการใหญ่ เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงในกลุ่มอุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์ มีชื่อเสียงโด่งดังมากในวงการ
สองปีมานี้ หวาก้วนพิคเจอร์สกำลังแผ่ขยายไปทั่วประเทศ กำลังค้นหานักแสดงและผู้กำกับชื่อดังมาร่วมงานด้วย อีกทั้งยังลงทุนถ่ายทำผลงานละครและภาพยนตร์หลายเรื่อง ธุรกิจกำลังรุ่งโรจน์
ทุกวันนี้บริษัทภาพยนตร์ที่ทะเยอทะยานแห่งนี้กำลังยืดแขนยืดขาไปทั่วทั้งฮ่องกง ร่วมมือกับบริษัทบันเทิงท้องถิ่นลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ หวังจะอาศัยแผนส่งเสริมภาพยนตร์ของรัฐบาลท้องถิ่นฮ่องกงเพื่อขยายขอบเขตธุรกิจ
ชุยซิ่งเสียนถึงกับมานั่งกุมบังเหียนในฮ่องกงเอง เพื่อควบคุมการผลิตภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์
และเรื่อง ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ก็เป็นคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรื่อง ‘โปเยโปโลเย’ พอดี ชุยซิ่งเสียนมองลู่เฉินเป็นภัยคุกคาม จึงใช้คนตระกูลเจียงมาสร้างเรื่องวุ่นวายให้ลู่เฉิน
ลู่เฉินรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของชุยซิ่งเสียนนานแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอในวันนี้
เขาไม่ได้เก้อเขิน ยิ้มทักทายว่า “ที่แท้ก็ประธานชุยแห่งหวาก้วนพิคเจอร์สนี่เอง ได้ยินชื่อเสียงคุณมานานแล้ว วันนี้ได้เจอตัวจริงสักที ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
น้ำเสียงของคำที่บอกว่าได้ยินชื่อเสียงมานานนั้นดูเย็นชาเย้ยหยัน
เย้ยหยันอะไร? แน่นอนว่าเยาะเย้ยที่เขาหลบอยู่ในมุมมืดลอบทำร้ายคนอื่น เป็นพวกคนพาล!
ชุยซิ่งเสียนฟังออกแน่นอน สายตาแข็งกร้าวขึ้นทันที
เขายิ้มแต่ปาก “ดีมากครับ ไม่เสียแรงที่เป็นแฟนของคุณเฉินเฟยเอ๋อร์ ไม่ธรรมดาจริงๆ หวังว่าหนังเรื่อง ‘โปเยโปโลเย’ ของคุณจะขายดีนะครับ ขอให้มีอนาคตก้าวไกลในฮ่องกงนี้!”
ลู่เฉินยิ้ม “ขอให้คำอวยพรของคุณเป็นจริงนะครับ ขอให้หนัง ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ขายดีเช่นกัน!”
เจรจากันด้วยพิธีรีตอง แต่สายตาของทั้งสองกลับฟาดฟันกันอยู่ ราวกับมีใบมีดล่องหนปะทะกันส่องประกายแหลมคมวูบวาบ
ชุยซิ่งเสียนแค่นเสียงดังเฮอะอย่างเย็นชา แล้วพาคู่สาวเดินผละไป ราวกับไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับลู่เฉินอีก
ลู่เฉินยิ้มอ่อน
ดังนั้นการประลองที่แท้จริงของทั้งสองยังรออยู่ข้างหน้า เมื่อ ‘โปเยโปโลเย’ และ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ได้ลงจอ!
นั่นถึงจะเป็นการตัดสินแพ้ชนะ!
………………………………