Perfect Superstar - ตอนที่ 538 ลำเอียง
ตอนที่ 538 ลำเอียง
มีเงินหรือไม่มีเงิน ก็ต้องกลับบ้านในวันขึ้นปีใหม่
สำหรับคนที่พเนจรอยู่ไกลบ้าน การได้กลับมาถึงบ้านที่คุ้นเคยและอบอุ่น ได้กินข้าวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุดในโลก
คืนวันส่งท้ายปีเก่าปี 2017 ครอบครัวตระกูลลู่ได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง ดีกว่าอะไรทั้งหมด
เฉินเฟยเอ๋อร์กลายเป็นที่รักของคนทั้งโต๊ะ
แม้เธอจะยังไม่ได้แต่งงานกับลู่เฉิน ยังถือว่าเป็นคนนอก แต่ฟางอวิ๋นเห็นเธอเป็นลูกสะใภ้แล้ว กับข้าวอะไรอร่อยล้วนถูกยัดลงในถ้วยของเธอ จนทำให้ลู่เฉินและพี่สาวน้องสาวอิจฉาตาร้อน
“แม่ ทำไมลำเอียงเข้าข้างพี่สะใภ้จัง!”
แม้แต่ลู่เสวี่ยที่มองเฉินเฟยเอ๋อร์เป็นไอดอลของเธอยังบ่นอย่างไม่พอใจ “หนูก็อยากกินน่องไก่เหมือนกัน”
ไก่บ้านที่ตุ๋นพร้อมกับเครื่องยาจีนนานถึงสามสี่ชั่วโมง เป็นอาหารจานเด็ดเมนูหนึ่งของฟางอวิ๋น
“ลูกยังจะกินอีก!”
ฟางอวิ๋นใช้ตะเกียบเคาะหัวลูกสาวคนเล็ก พลางสั่งสอนว่า “ลองไปชั่งน้ำหนักดูสิว่าตัวเองหนักเท่าไหร่แล้ว พี่สะใภ้ทำงานหนักจนผอมไปหมดแล้วเนี่ย”
การถ่ายทำละคร ‘ลำนำศิวิไลซ์’ เฉินเฟยเอ๋อร์ต้องตะลอนตามทีมงานไปทั่วทั้งเหนือใต้ การถ่ายทำก็ลำบาก เธอผอมลงมากเมื่อเทียบกับครั้งก่อนที่เธอมาบ้านลู่
ในสายตาของฟางอวิ๋น ย่อมเห็นใจลูกสะใภ้เป็นธรรมดา
เฉินเฟยเอ๋อร์ว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ ฟางอวิ๋นพออกพอใจที่สุด ไม่ใช่เพราะเฉินเฟยเอ๋อร์เป็นดาราใหญ่ แต่เป็นเพราะเธอมีเหตุผลรู้ผิดรู้ชอบทั้งยังดีพร้อม ทำให้คนวางใจ
อายุมากไปหน่อยกลายเป็นข้อดี ไม่ต้องให้ลู่เฉินดูแลมาก
ดังนั้นแม้จะรู้จักกันได้ไม่นาน ฟางอวิ๋นกลับยอมรับเฉินเฟยเอ๋อร์อย่างไม่รู้ตัวและเข้าข้างเธอด้วย
ลู่เสวี่ยยกมือกุมหัว ถูกสั่งสอนจนเธอไม่กล้าเถียง…ตั้งแต่ปิดเทอมฤดูหนาวเธออ้วนขึ้นมาโลครึ่งแล้ว
เฉินเฟยเอ๋อร์หน้าแดง รีบคีบน่องไก่ใส่ลงในชามของลู่เสวี่ย “พี่กินอันเดียวก็พอ”
“ความจริงเสี่ยวเสวี่ยยังเด็ก กินเยอะหน่อยก็ไม่เป็นไร”
ลู่เสวี่ยยิ้มแป้น “ขอบคุณค่ะพี่สะใภ้”
ถ้าเป็นคนอื่นคีบให้ เธอที่ถูกแม่ตีจนเกิดแผลในใจคงไม่รับแล้ว
ฟางอวิ๋นถลึงตาใส่เธอ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
อาหารมื้อนี้อบอุ่นมาก สำหรับเฉินเฟยเอ๋อร์ปัญหาเดียวที่เธอมีคืออาหารในชามมีเยอะเกินไป สุดท้ายลู่เฉินที่ทนดูไม่ได้ต้องออกโรงช่วย จึงถูกคุณแม่เอ็ดใหญ่
หลังรับประทานอาหารเสร็จ ลู่ซีกับเฉินเฟยเอ๋อร์ล้างจานด้วยกัน จากนั้นทุกคนร่วมดูรายการทีวี
รายการฉลองตรุษจีนของทางสถานีโทรทัศน์กลางได้จัดขึ้นมาหลายสิบปีแล้ว เป็นรายการบันเทิงที่มีเรตติ้งสูงเป็นอันดับหนึ่งมาตลอดของจีน การดูรายการนี้กลายเป็นหนึ่งในธรรมเนียมปฏิบัติของคนจีนในเทศกาลตรุษจีนไปแล้ว
แม้ปัจจุบันรายการฉลองตรุษจีนจะมีเรตติ้งลดลงเรื่อยๆ แต่คืนวันส่งท้ายปีเก่า อันดับเรตติ้งของรายการยังไม่เคยสั่นคลอน ครองแชมป์บนจอทีวีของคนจีนมาแต่ไหนแต่ไร
ลู่เสวี่ยถามเฉินเฟยเอ๋อร์ว่า “พี่สะใภ้คะ ทำไมรายการฉลองตรุษจีนปีนี้เขาไม่เชิญพี่ล่ะคะ”
วงการเพลงป็อปปี 2016 เฉินเฟยเอ๋อร์รุ่งเรืองสุดขีด อัลบั้ม ‘บุปผานารี’ ของเธอทำให้เธอประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแนวเพลง ทั้งยังได้ขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง ไม่มีนักร้องหญิงคนไหนเทียบเท่าได้
ดังนั้นเฉินเฟยเอ๋อร์ได้ไปร่วมรายการฉลองตรุษจีนจึงเป็นเรื่องปกติมาก หากไม่ได้รับคัดเลือกถึงจะแปลก
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้ม “รายการฉลองตรุษจีนไม่ใช่ว่าอยากไปก็ไปได้นะ พี่เคยไปสองครั้งแล้ว ดังนั้นครั้งนี้ไม่ไปก็ไม่แปลก”
รายการฉลองตรุษจีนไม่ใช่ว่าใครก็เข้าร่วมได้ ต่อให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังไม่ได้ ผู้ที่เข้าร่วมรายการฉลองคืนวันตรุษจีนไม่ใช่แค่มีความสามารถ ยังต้องมีเส้นสาย หรือมีเหตุผลอื่นที่อธิบายไม่ได้อีกหลายอย่าง
อย่างเช่นรายการประเภทภาษาที่หลายปีมานี้ถูกคนดูวิจารณ์เสียหาย ไม่ว่าจะเป็นละครพูดตลกของจีนหรือละครเวทีขนาดสั้น ล้วนทำให้คนรู้สึกว่าด้อยลงกว่าเดิมทุกปี จริงหรือที่นักสร้างสรรค์ผลงานไม่มีความสามารถหลงเหลืออยู่แล้ว?
ความจริงไม่ได้เป็นอย่างนี้ เบื้องหลังนั้นลึกล้ำมาก เล่าติดต่อกันหลายวันหลายคืนก็ไม่หมด
เฉินเฟยเอ๋อร์เป็นคนส่วนน้อยที่รู้เรื่องในเบื้องหลังดี ความจริงตอนคัดเลือกรายการโชว์ของงานฉลองตรุษจีนปีนี้ มีข่าวหลุดออกมาว่าเธอถูกเชิญ แต่เธอเลือกที่จะไม่ไปเอง
เพราะตอนนี้สำหรับเฉินเฟยเอ๋อร์แล้ว เกียรติยศชื่อเสียงที่ได้จากรายการฉลองตรุษจีน ยังสู้ความสุขจากการได้กินข้าวร่วมกันกับครอบครัวไม่ได้
ยังมีอีกเหตุผลก็คือ ลู่เฉินไม่ได้ถูกเชิญ
เหตุผลเหล่านี้ เธอไม่ได้บอกใครรวมทั้งลู่เฉินด้วย
ลู่เสวี่ยไม่เข้าใจ จึงรู้สึกเสียดาย “น่าเสียดายจังเลย”
น่าเสียดายเหรอ?
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มแล้วหันไปมองลู่เฉินที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ ไม่เห็นจะน่าเสียดายตรงไหน
รายการฉลองตรุษจีนยืดยาวมาก ครอบครัวลู่ไม่ได้ดูจนดึกดื่น พอถึงห้าทุ่มก็แยกย้ายกันเข้านอนแล้ว
ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์กลับไปที่ห้อง
ใกล้เที่ยงคืนแล้ว ตอนที่พลุไฟกำลังถูกปล่อยสู่ท้องฟ้าสว่างไสว ทั้งสองไม่ง่วงสักนิด จึงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงระเบียงชื่นชมแสงสีพลุไฟชุดแล้วชุดเล่า
ตามประเพณีของเมืองปินไห่ คืนวันส่งท้ายปีเก่าต้องจุดพลุและประทัดจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ใครมีเงินมากเท่าไรก็ยิ่งต้องจุดมากเท่านั้น ยิ่งจุดเยอะแสดงว่าปีที่ผ่านมาหาเงินได้มาก
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะปฏิบัติตามประเพณีนี้ อย่างเช่นในชุมชนจิ่งเซิ่งที่ครอบครัวลู่อาศัยอยู่ ทั้งที่เป็นย่านที่อยู่อาศัยของคนรวย ไม่เห็นมีเพื่อนบ้านคนไหนออกมาจุดพลุดอกไม้ไฟเสียงดังเลย
แต่พลุในคืนวันส่งท้ายปีเก่าคืนนี้ ถูกจุดสว่างไสวมากเป็นพิเศษ ส่องสว่างสวยงามอยู่กลางท้องฟ้า
เฉินเฟยเอ๋อร์ขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของลู่เฉิน เงยหน้ามองท้องฟ้า รำพึงออกมาเบาๆ ว่า “แก่ขึ้นอีกปีแล้ว”
รู้สึกเศร้าใจและไม่สบายใจ
เวลาล่วงเลยไม่คอยท่า พริบตาผ่านไปอีกปี ผู้หญิงอย่างเธอรู้สึกอ่อนไหวเป็นพิเศษ
ลู่เฉินเอ่ยเสียงต่ำ “กลัวว่าแก่แล้วจะไม่ได้แต่งงานเหรอ ไม่เป็นไรนะ ผมจะแต่งกับคุณเอง!”
เฉินเฟยเอ๋อร์อดยิ้มไม่ได้ เหลือบตาใส่ลู่เฉินอย่างมีเสน่ห์ “ฉันไม่แต่งกับนายหรอก!”
ลู่เฉินหัวเราะหึๆ ก้มหน้าลงไปจูบริมฝีปากที่เย็นนิดๆ ของเธอ
พัวพันกระหวัดดูดดึง จนเฉินเฟยเอ๋อร์หน้าแดงก่ำ รีบถอยออกมาเพราะหายใจไม่ทัน
ลู่เฉินปล่อยมือ หัวเราะถามว่า “แบบนี้ยังไม่แต่งเหรอ”
เฉินเฟยเอ๋อร์ทำตาหวาน แต่ส่ายหัว “ไม่แต่ง!”
“เอาเถอะ!”
ในที่สุดลู่เฉินก็ทนไม่ไหว “คุณบังคับผมเองนะ!”
เขาผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกับอุ้มเฉินเฟยเอ๋อร์ขึ้น แล้วกลับหลังหันสาวเท้าเข้าห้องนอน
ตอนที่เฉินเฟยเอ๋อร์กดข่มเสียงร้องตกใจ เตียงใหญ่ยุบลงไปอย่างแรง
ในห้องนอน เป็นบรรยากาศของฤดูใบไม้ผลิในฉับพลัน!
…
วันขึ้นปีใหม่จีน เสียงประทัดอันอึกทึก ทำให้ทั้งสองต้องตื่นเช้ามาก
ตามปกติ หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ฟางอวิ๋นจะพาครอบครับไปที่วัดฉางเล่อเพื่อจุดธูปไหว้พระ
แล้วค่อยไปสวัสดีปีใหม่พวกญาติๆ
จนถึงวันที่ห้า ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ถึงบินไปที่ฮ่องกงพร้อมกัน ไม่ได้อยู่เมืองปินไห่ถึงเทศกาลหยวนเซียว
ปีใหม่เริ่มต้นขึ้น งานของพวกเขาทั้งสองก็เริ่มต้นขึ้นด้วยเหมือนกัน!
…………………………………………………………