Perfect Superstar - ตอนที่ 539 สงครามการตลาด (1)

ตอนที่ 539 สงครามการตลาด (1)

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นวันที่ห้าหลังจากเทศกาลปีใหม่

คืนวันนี้รูปภาพรูปหนึ่งซึ่งถูกถ่ายที่สนามบินนานาชาติฮ่องกงปรากฏบนหน้าเว็บไซต์ข่าวบันเทิง ‘ฮ่องกงควิกนิวส์’จากนั้นถูกสื่อหลายแห่งช่วยกันประโคมข่าว

คนในภาพคือลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ ทั้งสองเดินจูงมือกันอยู่ท่ามกลางนักเดินทาง

เฉินเฟยเอ๋อร์เป็นนักร้องจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่คนฮ่องกงรู้จักดี แน่นอนว่าชื่อเสียงของเธอในวงการบันเทิงฮ่องกงยังไม่อาจเทียบกับซูเปอร์สตาร์ท้องถิ่น แต่อาศัยรางวัล ‘โกลบอลไชนีสมิวสิคโกลเด้นอวอร์ดส์’ ที่เธอได้รับถึงสามรางวัล เธอกลายเป็นดาราดังของฮ่องกงทันที

พิธีประกาศรางวัล ‘โกลบอลไชนีสมิวสิคโกลเด้นอวอร์ดส์’ ได้ถ่ายทอดสดที่ฮ่องกงด้วย เนื่องจากนักแสดงใหญ่ของฮ่องกงหลายคนรวมถึงหลิวกั่งเซิงไปร่วมงาน ดังนั้นจึงมียอดเรตติ้งสูงถึง 38.75% ทำให้คนฮ่องกงได้ทำความรู้จักกับราชินีแห่งวงการเพลงของจีนแผ่นดินใหญ่คนนี้

คนที่ได้รับผลพลอยได้ไปด้วยยังมีลู่เฉินอีกคน

ไม่เพียงเท่านั้น วันที่ 29 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่สองของปีใหม่ สถานีโทรทัศน์ฮ่องกงได้ฉายละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ในช่วงเวลาทองสองทุ่ม ทำให้เกิดกระแสคลั่งละครขึ้น

ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ถ่ายทำเสร็จเมื่อหนึ่งปีก่อน ตอนที่ออกอากาศในประเทศจีนและเกาหลีได้รับเรตติ้งที่สูงจนน่าตกใจ ต่อมาถูกไต้หวันและหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นำไปฉายต่อ เกิดเป็นกระแสนิยมอย่างมาก

ตอนนั้นสถานีโทรทัศน์เคเบิลหลายแห่งในฮ่องกงอยากซื้อลิขสิทธิ์ของละครเรื่องนี้ไปออกอากาศ แต่สตูดิโอลู่เฉินไตร่ตรองถึงเรตติ้ง จึงได้ปฏิเสธไป

ลิขสิทธิ์การฉายละครเรื่องนี้ในฮ่องกง ต้องขายให้สถานีโทรทัศน์ฮ่องกงหรือไม่ก็สถานีโทรทัศน์เอทีวีเท่านั้น

สถานีโทรทัศน์ฮ่องกงและสถานีโทรทัศน์เอทีวียินดีเป็นล้นพ้น แต่มีความเห็นต่างกันในเรื่องเงื่อนไขรายละเอียด ดังนั้นจึงยืดเยื้อยาวนานจนปลายปีที่แล้วถึงเจรจากับสถานีโทรทัศน์ฮ่องกงสำเร็จและตกลงเซ็นสัญญากัน

หลังจากสถานีโทรทัศน์ฮ่องกงได้รับลิขสิทธิ์มาครอบครองแล้ว ได้ทำการพากย์เสียงใหม่เป็นเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ภาคภาษากวางตุ้ง จนปีนี้เพิ่งได้ลงจออย่างเป็นทางการ

อันที่จริงละครที่ถูกยกย่องให้เป็นละครคลาสสิคเรื่องนี้ บนเว็บไซต์มีให้ดาวน์โหลดละครเถื่อนแบบคมชัด วัยรุ่นฮ่องกงหลายคนเคยดู แต่เรื่องนี้ไม่อาจทำลายเสน่ห์ของมันได้ แค่นำออกฉายก็เกิดความฮือฮาไม่น้อย

เมื่อก่อนการนำละครโทรทัศน์ของจีนแผ่นดินใหญ่เข้าสู่ฮ่องกงส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และละครดัง ละครแนวความรักของคนเมืองมีน้อยยิ่งกว่าน้อย และที่มีนั้นก็เรตติ้งไม่ดี

แต่ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ไม่เหมือนกับละครเรื่องอื่น สี่ตอนแรกเพิ่งได้ฉายออกไปยอดเรตติ้งก็พุ่งสูงถึง 28.69% ขึ้นไปติดอันดับหนึ่งแล้ว สร้างแรงสั่นสะเทือนรุนแรงไปทั่วทั้งวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ของฮ่องกง

ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ที่เป็นคู่พระนางเดินทางมาถึงฮ่องกงอีกครั้งด้วยราคาค่าตัวพี่เพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว กลายเป็นที่จับตามองของสื่อมวลชน

ผลกระทบโดยตรงที่เกิดขึ้นก็คือ ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์มีแฟนคลับในบล็อกเกาะฮ่องกงเพิ่มสูงขึ้น เพียงแค่ไม่กี่วันก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า คนในวงการอิจฉาตาร้อนไม่รู้ตั้งเท่าไร

หลังจากรูปของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ที่สนามบินหลุดออกมา นักข่าวที่มาดักซุ่มอยู่หน้าประตูอาคารหรงจิ่นยิ่งมีมากขึ้น ปาปารัสซี่จมูกไวถึงขั้นสะกดรอยตามทั้งสองคนมาถึงรังรักที่เขตอ่าวน้ำตื้น

ส่วนการสัมภาษณ์ คำเชิญจากรายการบันเทิงต่างๆ ก็หลั่งไหลเข้ามาสู่สตูดิโอลู่เฉินปานเกล็ดหิมะโปรยปราย

น่าเสียดายที่หลายสื่อถูกปฏิเสธกลับไป เฉินเฟยเอ๋อร์อยู่ที่ฮ่องกงเพียงสามวันก็กลับปักกิ่ง ส่วนลู่เฉินลุยงานเบื้องหลังของ ‘โปเยโปโลเย’ ต่อ ตอนนี้เขาเลื่อนการนัดหมายทั้งหมดออกไปชั่วคราว

แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปฏิเสธสื่อไปหมด

กลับกัน การโปรโมต ‘โปเยโปโลเย’ เพิ่งเริ่มต้นขึ้น

งบลงทุนของเรื่อง ‘โปเยโปโลเย’ ตั้งไว้ที่ประมาณสามสิบล้าน ทั้งการผลิตและงานเอฟเฟกต์เบื้องหลังต่างใช้งบไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ยังไม่รวมค่าโปรโมต เพื่อให้หนังเรื่องนี้โด่งดัง สตูดิโอลู่เฉินคาดการณ์ว่าจะใช้งบโปรโมตยี่สิบล้าน แบ่งเป็นการโปรโมตทั้งในฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่

ตลาดภาพยนตร์ของจีนแผ่นดินใหญ่ถึงจะเป็นเป้าหมายสำคัญของหนังเรื่อง ‘โปเยโปโลเย’ แต่ถ้าไม่ได้รับสิทธิ์จากนโยบายสนับสนุนภาพยนตร์เรื่องใหม่ของรัฐบาลท้องถิ่นฮ่องกง งานแรกก็จะเสียเปล่าทั้งหมด ดังนั้นการโปรโมตในฮ่องกงก็ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน

ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ออกฉายเรียกได้ว่าเป็นโอกาสเหมาะ ความโด่งดังของมันช่วยให้ลู่เฉินประหยัดค่าโฆษณาได้หลายล้าน ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ร่วมเล่นกับนักแสดงชาวฮ่องกงนั้นดึงดูดคนดูมากมาย โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวในฮ่องกง

แต่ลู่เฉินจะไม่ประมาทเด็ดขาด เพราะหนังเรื่อง ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ที่ทางหวาก้วนพิคเจอร์สกับซิงอี้เอนเตอร์เทนเมนต์ร่วมกันสร้าง ได้เริ่มออกตัวโปรโมตตั้งแต่ก่อนเทศกาลตรุษจีนแล้ว

และเรื่อง ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ยังจะออกฉายในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์ด้วย!

ดังนั้นในหลายแง่มุม ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ เป็นคู่แข่งที่เข้มแข็งของ ‘โปเยโปโลเย’ เป็นหินก้อนใหญ่ที่คอยขวางกั้นเส้นทางการขายตั๋ว

และหินใหญ่ก้อนนี้ ก็ไม่ได้ใหญ่ธรรมดา!

“ว่ากันว่า ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ลงทุนร้อยห้าสิบล้าน ความจริงน่าจะแค่ร้อยล้าน…”

ดึกแล้วแต่ไฟในสตูดิโอลู่เฉินยังสว่างอยู่ หมอกควันที่ปกคลุมดวงไฟถูกความร้อนทำให้แตกกระจายลอยล่องอยู่ท่ามกลางอากาศ

ในสตูดิโอกำลังมีการประชุม ลู่เฉิน เฉินเหวินเฉียง วั่นเสี่ยวเฉวียน และหลีเจินล้วนอยู่กันครบ

หลีเจินเป็นผู้ช่วย รับผิดชอบจดบันทึกการประชุม ลู่เฉินกับอีกสองคนกำลังหารือกันเรื่องแผนการโปรโมต ‘โปเยโปโลเย’ รวมถึงปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ด้วย

เฉินเหวินเฉียงสูบอัดบุหรี่เข้าไปแรงๆ พูดเสียงต่ำว่า “ผมได้ยินว่าทางหวาก้วนกับซิงอี้เตรียมงบโปรโมตในฮ่องกงไว้มากกว่าสิบล้าน เยอะกว่าเราอย่างน้อยสามเท่า!”

เฉินเหวินเฉียงไม่ใช่นักสูบตัวยง เขาเลิกบุหรี่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว แต่ช่วงนี้กลับมาสูบอีก

เพราะความเครียดหนัก

แม้จะร่วมทำงานกับสตูดิโอลู่เฉินได้ไม่นาน แต่เฉินเหวินเฉียงนับว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของสตูดิโอแห่งนี้ไปแล้ว เขาหมกหมุ่นใคร่ครวญอยู่กับงานของสตูดิโออย่างหนัก

สำหรับโครงการแรกของสตูดิโอ เฉินเหวินเฉียงให้ความสำคัญกับ ‘โปเยโปโลเย’ มากกว่าลู่เฉินเสียอีก ไม่เพียงเพราะหนังเรื่องนี้ส่งผลถึงอาชีพและชื่อเสียงของตัวเอง ยังมีลูกสาวสุดที่รักของเขาที่ได้รับบทในหนังเรื่องนี้ด้วย

เขาอยากให้ ‘โปเยโปโลเย’ ประสบความสำเร็จมากกว่าใครทั้งหมด

แต่สถานการณ์จริงร้ายแรงมาก คาดการณ์ว่า ‘โปเยโปโลเย’ จะออกฉายในวันที่ 14 กุมภาพันธ์หรือวันวาเลนไทน์เช่นเดียวกัน หนังสองเรื่องแก่งแย่งสิทธิ์ในการได้รับการสนับสนุน แถมยังเป็นหนังประเภทเดียวกันอีก

เป็นศัตรูคู่แค้นตัวจริง!

ในแง่ของขนาด ‘โปเยโปโลเย’ ไม่ใช่คู่แข่งของ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ด้านผู้ลงทุนและผู้ผลิตของ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ก็ล้วนเป็นบริษัทใหญ่โตที่กดขี่สตูดิโอเล็กๆ ได้อย่างง่ายดาย

เงินลงทุนยังมากกว่า ‘โปเยโปโลเย’ หลายเท่าตัว ด้านการโปรโมตยิ่งบีบคั้นให้หนักกว่าเก่า

“ค่าโปรโมตในฮ่องกงมากกว่าสิบล้าน?”

วั่นเสี่ยวเฉวียนอึ้ง “พวกเขาไม่กลัวขาดทุนเหรอ”

……………………………………