Perfect Superstar - ตอนที่ 555 ขอโทษ
ตอนที่ 555 ขอโทษ
ของที่ระลึกเกี่ยวกับภาพยนตร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่จัดทำขึ้นตามตัวละคร ฉาก อุปกรณ์ และสัญลักษณ์อื่นๆ ในเรื่อง ได้แก่ ของเล่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ แผ่นเสียง หนังสือ ของใช้ เป็นต้น การขายผลิตภัณฑ์เหล่านี้หลักๆ แล้วอาศัยชื่อเสียงและอิทธิพลของภาพยนตร์ตอนที่เข้าโรง
ในฮอลลีวูด ของที่ระลึกของภาพยนตร์ได้กลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ บ็อกซ์ออฟฟิศของภาพยนตร์หลายเรื่องทำรายได้เพียงเท่าทุน แต่อาศัยยอดขายของที่ระลึกก็กอบโกยเงินได้เป็นกอบเป็นกำเช่นกัน
อ้างอิงตามสถิติของสมาคมภาพยนตร์อเมริกาปี 2016 ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮอลลีวูด การขายของที่ระลึกต่างๆ นั้นมีมูลค่าสูงเกิน 30% ของรายได้ทั้งหมด รายได้ของภาพยนตร์หลายเรื่องมีถึงสองในสามที่เป็นยอดขายของที่ระลึก!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นเค้กก้อนใหญ่ที่ยั่วน้ำลาย
เค้กแสนอร่อย อยากนำเข้ามาใส่ปากกลับไม่ง่ายเลย ในจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกงได้เริ่มทำของที่ระลึกจากภาพยนตร์นานแล้ว แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง
สองปีก่อน ยักษ์ใหญ่ในวงการภาพยนตร์ฮ่องกงอย่างเป่าเต๋อหลงพิคเจอร์สได้ลงทุน 170 ล้านหยวนเพื่อสร้างภาพยนตร์เรื่อง ‘ซูเปอร์ฮีโร่’ ที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนฮ่องกง หวังเลียนแบบฮอลลีวูด ลงทุนลงแรงไปมากกับของที่ระลึกต่างๆ สร้างซูเปอร์ฮีโร่ในการ์ตูนฮ่องกงออกมา เรียกว่ามีความทะเยอทะยานเป็นอย่างสูง
เมื่อรวมกับค่าโฆษณาโปรโมต หนังฮ่องกงเรื่องนี้ลงทุนไปทั้งหมดเกินกว่า 200 ล้าน สุดท้ายทำยอดบ็อกซ์ออฟฟิศในฮ่องกงได้เพียง 68 ล้าน รวมกับในจีนแผ่นดินใหญ่แล้วได้ 300 ล้าน ขาดทุนป่นปี้
ตอนนั้นของที่ระลึกของภาพยนตร์เรื่อง ‘ซูเปอร์ฮีโร่’ ทุ่มเงินลงทุนไป 12 ล้าน ทั้งโมเดลตัวละคร โมเดลอุปกรณ์ เครื่องประดับ ของใช้ในชีวิตประจำวันล้วนสั่งผลิตล็อตใหญ่ ผลลัพธ์คือยอดขายทั้งในฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่เพียง 5.1 ล้านเท่านั้น
ต้องรู้ว่ากำไรจากผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับภาพยนตร์นั้นสูงมาก โมเดลชุดหนึ่งต้นทุนหนึ่งร้อย แต่ราคาที่ขายจริงสูงถึงสามสี่ร้อย ยอดขาย 5.1 ล้านนั้นเทียบกับเงินที่ลงทุนไป 12 ล้าน เท่ากับขาดทุนไปถึงรุ่นบรรพบุรุษ
‘ซูเปอร์ฮีโร่’ อาศัยชื่อเสียงจากการ์ตูนดังถึงขายของที่ระลึกออกไปได้บ้าง ไม่อย่างนั้นจะขาดทุนหนักกว่าเดิม!
สุดท้ายเป่าเต๋อหลงพิคเจอร์สต้องทำลายสินค้าที่ค้างสต็อกจำนวนมากทิ้งไป กลายเป็นเรื่องตลกขบขันของวงการ
ความจริงถ้าไม่ใช่เป่าเต๋อหลงเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไปจนคาดการณ์ผิดพลาด ยอดขายของที่ระลึก 5.1 ล้านยังใช้ได้อยู่ เพราะส่วนใหญ่ในจีนแผ่นดินใหญ่กับฮ่องกงไม่ค่อยมีการผลิตของที่ระลึกจากภาพยนตร์ออกขาย ที่มีนั้นเป็นเพียงโปสเตอร์ที่ต้นทุนต่ำมาก
มีภาพยนตร์ ‘ซูเปอร์ฮีโร่’ เป็นตัวอย่าง ทำให้คนในวงการไม่ค่อยให้ความสำคัญกับของที่ระลึกต่างๆ พวกเขาได้แต่มองดูหนังฮอลลีวูดกลืนกินเนื้อชิ้นใหญ่ ได้แต่อิจฉาแต่ทำอะไรไม่ได้ จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
ดังนั้นเมื่อทุกคนรู้ว่า ‘โปเยโปโลเย’ ทำยอดขายของที่ระลึกในวันแรกที่เข้าโรงได้ 2.65 ล้าน ความรู้สึกแรกคือไม่เชื่อ ไม่เชื่อจริงๆ!
‘โปเยโปโลเย’ ไม่ได้ดัดแปลงมาจากการ์ตูนยอดนิยม ขาดฐานแฟนคลับที่ติดตามผลงาน แม้จะบอกว่า ‘เรื่องประหลาดจากห้องหนังสือ’ ทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่นี่เป็นหนังแนวภูตผีปีศาจ จะว่าเหมาะกับของที่ระลึกก็ไม่ถูก
แต่ถ้าบอกว่าเป็นยอดขายปลอมยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะประการแรก สตูดิโอลู่เฉินกับเจียหยางพิคเจอร์สไม่มีความสามารถพอที่จะทำให้โรงภาพยนตร์แต่ละแห่งร่วมมือกับพวกเขาสร้างข้อมูลปลอม ประการที่สองคือพวกเขาไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น
เพราะการจำหน่ายของที่ระลึกไม่ใช่บ็อกซ์ออฟฟิศ จ่ายเงินซื้อของที่ระลึกของตัวเอง นั่นไม่ใช่เรื่องโง่หรอกหรือ?
เมื่อข้อมูลได้รับการยืนยันว่าถูกต้อง ความรู้สึกต่อมาของทุกคนคือคาดไม่ถึง
คาดไม่ถึงจริงๆ!
แต่ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ คำวิจารณ์ของคนในวงการต่อ ‘โปเยโปโลเย’ ก็ร้อนแรงขึ้นมาก
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีแนวโน้มสูงมากที่จะโด่งดัง!
เหตุผลนั้นธรรมดามาก ถ้าผู้ชมไม่ชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ถึงระดับหนึ่ง มีหรือจะยอมควักเงินซื้อของที่ระลึกที่แพงกว่าค่าตั๋วหนังอีก
ยอดขายวันแรก 2.65 ล้าน ถ้าอย่างนั้นสี่สัปดาห์ที่ภาพยนตร์ออกฉายจะขายได้เท่าไร
ในฮ่องกงขายได้มากขนาดนี้ แล้วในจีนแผ่นดินใหญ่ที่เป็นพื้นที่หลักของลู่เฉินจะขายได้เท่าไร
ไม่มีใครคำนวณออกมาได้…บอกน้อยเกินหรือมากเกินล้วนแต่จะขายหน้า
ทุกคนอดนับถือลู่เฉินไม่ได้ ขายของที่ระลึกได้มากขนาดนี้ อันดับแรกต้องมีสินค้าอยู่จำนวนมาก ทั้งยังต้องเตรียมสินค้าเก็บสินค้า ลู่เฉินกล้าลงทุนไปกับของที่ระลึกที่เพื่อนร่วมวงการคนอื่นมองว่าไม่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณหรือความมั่นใจเขามีอย่างกล้าแข็ง
และเขาก็มีโอกาสสูงที่จะชนะการเดิมพัน!
ทำให้สายตาของคนจำนวนมากต้องหันมาจับจ้องที่ ‘โปเยโปโลเย’ ผู้ชมที่มองเรื่องนี้ด้วยสายตาเย็นชาในตอนแรก หรือคนในวงการที่ไม่เคยสนใจเรื่องนี้เลยต้องเปลี่ยนความคิด มีไม่น้อยที่ให้คนไปจองตั๋ว ‘โปเยโปโลเย’
เว็บไซต์และสื่อสิ่งพิมพ์ลงโฆษณาโอ้อวดมากแค่ไหน ก็สู้ไปดูกับตาตัวเองไม่ได้!
…
“ผมโจวอี้ ในชีวิตนี้มีคนที่นับถือด้วยความจริงใจไม่มาก…”
เมื่อพบกับลู่เฉิน โจวอี้กล่าวอย่างรู้สึกประทับใจว่า “คุณลู่ คุณเป็นหนึ่งในนั้น!”
เพิ่งได้รับข้อมูลยอดขายบ็อกซ์ออฟฟิศกับของที่ระลึกในวันแรกที่ ‘โปเยโปโลเย’ ลงโรง เถ้าแก่ใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังเจียหยางพิคเจอร์สถึงกับนั่งไม่ติด เขามาหาลู่เฉินถึงสตูดิโอ
โจวอี้ไม่ใช่คนโง่ เจียหยางพิคเจอร์สก็ไม่ใช่กิจการที่สำคัญที่สุดภายใต้ชื่อของเขา แต่ข้อมูลยอดขายที่หนักอึ้งนี้ทำให้เขาไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีก
ยอดจำหน่ายสินค้าที่ระลึกสองล้านกว่าเชียวนะ!
เพราะได้รับการสนับสนุนจากแนวทางของรัฐบาล ภาพยนตร์ที่ผลิตโดยบริษัทภาพยนตร์ในฮ่องกงได้ออกฉายในโรงแล้ว ส่วนแบ่งรายได้ที่ได้รับนั้นสูงกว่าในจีนแผ่นใหญ่อยู่ไม่น้อย ส่วนแบ่งประมาณครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว
หรือก็คือบ็อกซ์ออฟฟิศหนึ่งล้าน ทางบริษัทภาพยนตร์ได้รับถึงห้าแสนหรืออาจจะมากกว่านั้น แม้ตลาดฮ่องกงจะเล็ก กลับมีบริษัทผลิตภาพยนตร์หลายแห่งที่อยู่รอดมาได้เพราะเหตุปัจจัยนี้
แต่ไม่ว่า 50% หรือ 60% ของส่วนแบ่งบ็อกซ์ออฟฟิศเทียบกับกำไรที่ได้จากการขายของที่ระลึกนั้น มันเป็นแค่เศษเสี้ยว !
ในฐานะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ โจวอี้รู้เคล็ดลับในนั้นเป็นอย่างดี
สิ่งที่ทำให้โจวอี้รู้สึกละอายใจก็คือ ตอนแรกที่ลู่เฉินตัดสินใจทุ่มเงินลงทุนก้อนใหญ่เพื่อจัดทำของที่ระลึกต่างๆเกี่ยวกับภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ เขามีท่าทีคัดค้าน…เพราะมี ‘ซูเปอร์ฮีโร่’ เป็นตัวอย่างนี่นา!
แต่ลู่เฉินยังคงดื้อดึง ยอมจ่ายเงินลงทุนต่อโดยไม่ยอมแพ้ สุดท้ายโจวอี้เห็นแก่ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย ตอบตกลงให้ลู่เฉินทำของที่ระลึกต่ออย่างเสียไม่ได้ แต่ยังคงติดค้างในใจตลอดมา
ถึงตอนนี้คิดย้อนกลับไป ถ้าตอนนั้นเขาพลาดพลั้งไปแล้ว ตอนนี้คงต้องนั่งเสียดายแน่นอน!
“เถ้าแก่โจวชมเกินไปแล้วครับ…”
ลู่เฉินยิ้มพลางเชิญให้โจวอี้นั่งลง ให้ผู้ช่วยของเขาหลีเจินรินน้ำชาให้แขก
เดิมทีถ้าโจวอี้ไม่มา เขาก็เตรียมจะไปเจรจากับฝ่ายตรงข้ามอยู่แล้ว
โจวอี้มีสีหน้าจริงจัง “ผมมาในครั้งนี้ เรื่องแรกต้องขอโทษคุณลู่ก่อน เราเป็นพันธมิตรร่วมมือกัน เจียหยางพิคเจอร์สกลับไม่ตั้งใจทำงานให้ดีพอ คุณลู่ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย!”
พูดจบ เขาลุกขึ้นยืนก้มโค้งให้ลู่เฉิน!
ลู่เฉินรีบลุกขึ้นตาม “เถ้าแก่โจวกล่าวเกินไปแล้วครับ ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ ไม่ต้องเลยจริงๆ!”
ช่วงแรกๆ ที่ร่วมมือกัน โดยเฉพาะตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับการข่มขู่ของตระกูลเจี่ยง ท่าทีนกสองหัวของเจียหยางพิคเจอร์สทำให้ลู่เฉินไม่พอใจมาก แต่ต่อมาก็ดีขึ้นมาก
ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือและความร่วมมือของเจียหยางพิคเจอร์ส ‘โปเยโปโลเล’ คงไม่อาจเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ได้อย่างราบรื่นเช่นนี้
………………………………